แชร์

บทที่ 8 - แต่งงานสานสัมพันธ์

ผู้เขียน: แสงแห่งตะวัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-19 23:10:59

บทที่ 8 - แต่งงานสานสัมพันธ์

องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้ บัดนี้เดินทางถึงแคว้นหนานตูเรียบร้อยแล้ว

แคว้นหนานตูเป็นแคว้นอยู่ติดหนางเจียงค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นหนานฉี่

กษัตย์แคว้นหนานตูไม่ฝักใฝ่การรบและมักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแคว้นอื่นๆ กษัตย์แคว้นหนานตูมีองค์หญิงมากมาย แต่กลับไม่มีพระโอรส จึงมักส่งองค์หญิงแต่งงานกับแคว้นอื่น เพื่อสานความสัมพันธ์

งานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตของแคว้นหนานตู

ณ วังเจียหมิง ถูกจัดขึ้น มีโต๊ะวางเลี้ยงกันตลอดแนว มีของกินมากมาย มีการแสดงรำฟ้อนของแคว้นหนานตู มีบรรดาเหล่าองค์หญิงของเจ้าแคว้นและเหล่าเสนาบดีทั้งหลาย มาให้การต้อนรับ หนึ่งในนั้นคือองค์หญิงรองหนิงเอ๋อ

องค์หญิงรองหนิงเอ๋อ สำรวจพินิจพิเคราะห์องค์ชายทั้งสอง สง่างามสมคำล่ำลือ ประทับใจเมื่อได้พบกันครั้งแรก นางอมยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีแผนการ

งานเลี้ยงฉลองต้อนรับเป็นไปอย่างราบรื่น ทางหนานฉี่นำไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่เท่ากำปันเด็ก ซึ่งเป็นของค้ำค่าและหายาก มาถวายกษัตริย์หนานตู

การค้าซื้อขายแลกเปลี่ยน แร่เหล็ก อาหาร เสื้อผ้า เกลือและอื่นๆ เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน

ศาลาสวนดอกไม้

แคว้นหนานตูติดหนานเจียงออกไปทางเหนือ อากาศหนาวเย็นจัด

ซ่วนอวี้กำลังเป็นห่วงซานอี้และเฟ่ยเย่ ใจอยากจะชวนอันซื่อไปทางเหนือตามหาคน

อันซื่อเดินออกมาหยุดตรงด้านหลังต้วนอวี้

“อ้าว ท่านพี่เดินมาเงียบๆ” ต้วนอวี้เลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อย

“อากาศหนาวเย็นเชียวนะ!” ขณะที่อันซื่อพูดมีไอเย็นพุ่งออกจากปาก เค้าเอามือกอดอกหันหน้ามามองต้วนอวี้

“เจ้าอย่าพูดด้วยหน้าตาอย่างนั้นสิ! พอเจ้าบอกว่าหนาวสินะ ข้าก็อยากตอบว่า ข้ารับ..ข้าหนาวและโผเข้ากอดเจ้า“ ต้วนอวี้อมยิ้ม

”มาสิน้องชาย ข้ากอดเจ้าได้นะ“ อันซื่อพูดพลางก็ยื่นมือจะโผเข้ากอดต้วนอวี้

”ไม่ล่ะ..ไม่ล่ะ ข้าไม่เล่นด้วยหรอกนะ“ต้วนอวี้ก็วิ่งวนอันซื่อก็ยื่นมือเข้าตามกอด หยอกล้อกันเหมือนเด็กน้อยสองคนวิ่งไล่จับกัน ไม่มีผิด

เสียงหัวเราะขององค์ชายทั้งสองดังพอจะดึงดูดความสนใจจากใครคนหนึ่ง ซึ่งยืนมองอยู่นานแล้ว

“ท่านพี่เราจะกลับหนานฉี่พรุ่งนี้ดีหรือไม่ ภาระกิจเสร็จสิ้นแล้ว” ต้วนอี้เอ่ยถามอันซื่อ

”เจ้าจะกลับหนานฉี่ จริงๆ รึ?” อันซื่อถามอย่างรู้ทัน

”ข้าจะขึ้นเหนือ ไปตามหาเจ้าสามกับ เอ่อ..คุณหนูสกุลฟาง!“ ต้วนอวี้หลบตามองต่ำ

”คุณหนูสกุลฟางสหายร่วมเรียนกับเหยียนหลินงั้นรึ?“ อันซื่อขยับหน้าเข้ามาจ้องต้วนอวี้ใกล้ๆ

”ใช่“ ต้วนอวี้พยักหน้า

”เจ้ารู้จักนาง สนิทกับนางงั้น รึ?“ อันซื่อยังซักไซ้ร์ต่อ

“ก็ไม่สนิท ก็เหมือนจะสนิท”ต้วนอวี้ไม่รู้จะตอบอันซื่ออย่างไร ในเมื่อตอนนี้ในร่างเฟ่ยเย่คือเหยียนหลินนี่นา

“อะไรของเจ้าเนี่ย! เจ้าชอบนางงั้นรึ?” อันซื่ออมยิ้ม

“ก็..ไม่ ก็..ข้าแค่เพียงเป็นห่วง” ต้วนอวี้อธิบายความรู้สึกในตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ

เช้าวันต่อมา ณ ท้องพระโรง วังเจียหมิง แคว้นหนานตู

“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆ ปี“ อันซื่อและต้วนอี้ ถวายความเคารพฮ่องเต้แคว้นหนานตู

”ลุกขึ้นเถอะ ตามสบาย“ ฮ่องเต้นั่งตัวตรงอยู่บนบังลังก์กล่าว

”ทูลฝ่าบาทกะหม่อมกับน้อง มาขอทูลลาพระองค์กลับหนานฉี่ พะยะค่ะ” อันซื่อกล่าวพร้อมโค้งคำนับ

“อืม! พวกเจ้าจะกลับไปเมื่อไหร่ล่ะ?” ฮ่องเต้เอ่ยถาม

“พรุ่งนี้เช้าพะยะค่ะ“ ต้วนอวี้ตอบพร้อมโค้งคำนับ

”พวกเจ้าอยู่ต่อสัก 2-3 วันเถอะเล่นหมากกระดานเป็นเพื่อนข้า ตัวเองข้าไม่มีบุตรชาย เห็นเจ้าทั้งสอง สง่างาม มากความสามารถ ข้าชื่นชมเจ้าทั้งสองคนยิ่งนัก“ ฮ่องเต้ยิ้มอย่างมีไมตรี

อันชื่อกับต้วนอวี้ต่างมองหน้ากัน เหมือนจะขอความเห็นซึ่งกันและกัน

“กะหม่อมกับท่านพี่คงอยู่ต่อได้เพียง 2 วัน พะยะค่ะ ได้ข่าวว่าสถานการณ์ทางเหนือไม่ค่อยสู้ดีนัก กะหม่อมต้องรีบไปดูสถานการณ์ พะยะค่ะ” ต้วนอี้กล่าว

“อืม ข้าเองก็รู้ข่าวมาบ้างเหมือนกัน พวกหนานเจียงชอบสู้รบ ช่างสงสารชาวบ้านเสียจริง พวกเจ้าอยู่ที่นี่สักสองวัน เผื่อจะมีลู่ทางการค้าอื่นใดอีก ก็บอกข้ามาได้ หรือจะอยู่เที่ยวที่นี่ ก็ตามใจพวกเจ้า อยู่ให้เสมือนบ้านตัวเอง อยู่ที่นี่ให้ถือว่าเป็นบุตรของข้าทั้งสองคน“ ฮ่องเต้พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

”ขอบพระทัยฝ่าบาท“อันซื่อและต้วนอวี้ถวายความเคารพและขอตัวลากลับตำหนักที่พัก

เป็นไปตามคำกล่าวของฮ่องเต้แคว้นหนานตูที่ให้องค์ชายสองพระองค์จากแคว้นหนานฉี่ได้อยู่เที่ยวเล่น โดยมีองค์หญิงรองหนิงเอ๋อ และองค์หญิงสามจิ่วเสียนค่อยดูแลอย่างดี

สองวันต่อมา ถึงเวลาที่องค์รัชทายาทอันซื่อกับองค์ชายต้วนอวี้เสร็จกลับแคว้นฉี่ จึงได้ไปเข้าเฝ้าเพื่อกราบบังคมลาอีกครั้ง

“มีราชโองการถึงองค์รัชทายาทและองค์ชาย พะยะฮ่ะ” ทั้งสองจึงคลุกเข่า รอฟังประกาศ

เนื้อความในราชโองการ

“ด้วยองค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้แห่งแคว้นหนานฉี่ สง่างาม มากความสามารถ เป็นที่ยกย่อง เราผู้เป็นกษัตริย์แห่งแค้นหนานตู ผูกสมัครรักใคร่ เอ็นดูองค์ชายทั้งสองประดุจลูกหลาน บัดนี้องค์หญิงรองหนิงเอ๋อและองค์หญิงสามจิ่วเสียนเป็นสตรีที่ดีงาม มีความอ่อนโยน เพรียบพร้อม ถึงวัยออกเรือน จึงขอมอบองค์หญิงทั้งสองให้อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอน กันไปจนแก่เถ้า จึงพระราชทานพิธีสมรสให้แก่องค์รัชทายาทอันซื่อและองค์ชายต้วนอวี้ เพื่อให้ทั้งสองแคว้นเกี่ยวดองรักใคร่กันสืบไป“

...จบราชองค์การ....ขันทีอ่านราชองค์การจบก็ค่อยๆม้วนเก็บและยื่นให้องค์ชายทั้งสอง

อันซื่อและต้วนอวี้ มองหน้ากันอย่างตกใจ รีบล้มกราบหมอบที่พื้น

”ฝ่าบาท กะหม่อมสมควรตาย กระหม่อมมิบังอาจ พะยะค่ะ” องค์ชายทั้งสองยืนยันที่จะไม่รับราชองค์การ

“บัดนี้องค์หญิงเล็กเหยียนหลิน ของแคว้นหนานฉี่ พึ่งทรงสวรรคต สร้างความโศกเศร้าให้กับเสร็จพ่อยิ่ง จึงได้ประกาศราชองค์การตั้งศพขององค์หญิงเหยียนหลินในตำหนักจิ่งหลินเพื่อไว้อาลัยสามปี และห้ามรับหญิงใดเข้าวังหรือจัดพิธีสมรสเป็นเวลาสามปี พะยะค่ะ“ ต้วนอวี้พูดแก้สถานะการณ์เบื้องหน้า

”กะหม่อมกับเสร็จพี่ มิบังอาจขัดราชโองการของเสร็จพ่อได้ พระเจ้าค่ะ“ อันซื่อกล่าวเสริม

”อืม! เมื่อเป็นเช่นนี้ วันข้างหน้ายังอีกยาวไกลพวกเจ้าทั้งสองก็กลับซะเถอะ“ ฮ่องเต้หนานตูผ่อนลมหายใจเบาๆอย่างนึกเสียดาย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 47 - ระลึกชาติได้

    @ ณ ตำหนักบูรพา“อ๋องฉีเสด็จ! พะยะค่ะ”ขันทีน้อยหน้าตำหนักบูรพากล่าวรายงาน อันซื่อกำลังนั่งจิบน้ำชาสนทนากับต้วนอวี้ ส่วนซานอี้นั่งเล่นหมากกระดานกับลั่วซือเมื่ออ๋องฉีมาเยือนจึงทำความแปลกใจให้อันซื่อถึงขนาดต้องเอ่ยปาก “เสด็จอา มีธุระอันใดกับหลานหรือไม่ พระเจ้าข้า”อันซื่อยืนทำความเคารพผู้เป็นอา บรรดาน้องๆก็รู้มารยาทจึงลุกขึ้นคำนับด้วย“ในพิธีบวงสรวงเทวดา ข้าไม่เห็นองค์ชายน้อยแม้นแต่เงา จึงอยากมาเยี่ยมเยียนเค้าสักหน่อย”ใจจริงแล้วอ๋องฉีอยากมาจับสังเกตมากกว่า“ทูลเสด็จอา องค์ชายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้าท่านราชครูรับองค์ชายน้อยเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ตอนนี้จึงร่ำเรียนอยู่กับท่านราชครู พระเจ้าข้า”อันซื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีทีเดียวจนต้วนอวี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ไหนๆท่านอาก็เสด็จมาถึงนี่แล้ว เชิญนั่งลงดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกับหลานๆสักตาสองตาเทิด”ต้วนอวี้เผยมือพร้อมกล่าวเชิญอ๋องฉี“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วก็จะกลับจวนเลย ไว้เจอกันที่สำนักศึกษาเถอะ“อ๋องฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักบูรพาไป”เสด็จพี่! เสด็จอาประสงค์สิ่งใดกันแน่ ใยข้ารู้สึกได้ว่าไม่หวังดีต่อองค

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 46 - กลับคืนสู่เจ้าของเดิม

    เยียนหลินได้มาเรียนที่สำนักอู่หวินไถได้เดือนกว่าแล้ว สำนักศึกษามีวันหยุดประจำเดือน 4 วันเพื่อให้นักเรียนได้หยุดพักผ่อนและกลับไปเยี่ยมบ้านได้เช้านี้เยียนหลินกับองค์ชายทั้งสี่ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับวังหลวง “องค์ชายน้อย! เจ้าอยู่หรือไม่?“ เสียงใครคนหนึ่งด้านนอกเอ่ยถามถึงคนในห้อง“อยู่! ข้าอยู่” เยียนหลินเดินไปเปิดประตู ผู้ที่มาเรียกคือซื่อจื่อหวังจื่อเย่นี่เอง“พี่จื่อเย่! มีเรื่องอันใดหรือ?“เยียนหลินถามด้วยความสงสัย”เจ้ากำลังเก็บของอยู่หรือ“ซื่อจือสอบถามเรียบๆเคียงๆ”ใช่! ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พี่จื่อเย่เข้ามาดื่มชาก่อนสิ“ เยียนหลินเชื้อเชิญ ซื่อจื่อจึงเข้ามาในห้องพักแต่นั่งลงตรงโต๊ะกลางห้องที่ไว้รับแขก เยียนหลินจึงนั่งลงข้างๆ และรินชาให้”พี่จื่อเย่มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่“เยียนหลินถามแบบไม่ค้อม”วันหยุดนี้ข้าชวนเจ้าไปเที่ยวได้หรือไม่?“จื่อซื่อก็พูดแบบไม่อ้อมค้อม แต่อันซื่อกับต้วนอวี้เมื่อได้ยินซื่อจื่อพูดเช่นนั้นจึงรีบหันไม่พูดพร้อมกันว่า”ไม่ได้!” อันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็มองหน้ากันและกัน“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้! แต่เสด็จพ่อคิดถึงองค์ชายน้อยเหลือเกิน อีกอย่างท่านราชครูก็จะมาในวันพร

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 45 - เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก

    เช้านี้เยียนหลินเข้าเรียนวิชาแพทย์และสมุนไพรของท่านอาจารย์เซียว นางนั่งเรียนคู่กับซื่อจื่อหวังโหวน้อย ถัดมาที่โต๊ะด้านหลังเป็นองค์ชายซานอี้กับองค์ชายลั่วซือนั่งคู่กันเนื่องจากเยียนหลินมีพื้นฐานทางการเรียนแพทย์มาจากสำนักหมอหลวงในวังแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายในวิชาของอาจารย์เซียวและมักจะได้คะแนนเป็นลำดับสูงสุดในชั้นเรียน จึงเป็นที่โปรดปรานของท่านอาจารย์เซียวยิ่งนักตอนนี้ในเวลานั่งเรียน อยู่ๆ เยียนหลินก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา นางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากหลายเม็ดใบหน้าที่ขาวนวลกับริมฝีปากบัดนี้กับซีดลง นางพยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่เพิ่มทวีมาเป็นระลอกๆ มือที่วางอยู่บนโต๊ะเกร็งจนกำแน่นทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนี้เริ่มมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จึงเริ่มทนความปวดหน่วงๆนี้แทบจะไม่ไหว ขณะเดียวกันซื่อจื่อที่นั่งข้างๆกันกับเยียนหลินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “องค์ชายน้อยเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมเจ้าหน้าซีดนักล่ะ”ซื่อจื่อพูดพรางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตรงหน้าอกเสื้อของตนออกมาแล้วซับเหงื่อที่ใบหน้าขององค์ชายน้อย ซานอี้กับลั่วซือเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินไปทางเยียนหลิน ซานอี้ใช้มือทั้งสองจับที่แขนเพ

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 44 - สหายคนใหม่

    เช้าวันแรกที่อู่หวินไถ!ซานอี้กับลั่วซืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบมาหาองค์ชายน้อยที่ห้องพักข้างๆ ทันที ซานอี้เปิดประตูเลื่อนผัวะ! ทำท่า ผงะเล็กน้อยแล้วรีบเลื่อนประตูปิดอย่างรวดเร็ว ลั่วซือยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ซานอี้จึงรีบเอ่ยเสียงดังๆขึ้นว่า“ท่านพี่! องค์ชายน้อย ข้ากับเจ้าสี่เข้าไปได้หรือไม่“ ”พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้ามา รอสักครู่ก่อน!“อันซื่อรีบพูดสวนกลับ ภายในห้องนั้น เยียนหลินกำลังอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา “เสร็จแล้วๆ ท่านพี่ทั้งสองเชิญเข้ามาได้”เสียงเยียนหลินดังออกมาจากภายในห้อง ซานอี้และลั่วซือจึงเปิดประตูอีกครั้งและเข้าไปในห้อง“โอโห องค์ชายน้อยแต่งชุดนักศึกษาแล้วดูมีสง่างาม มีราศีไม่น้อยเลย”ลั่วซือจับตัวเยียนหลินหมุนไปมา เยียนหลินเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย “เจ้าอย่าแกล้งน้องสิ น้องหน้าแดงหมดแล้ว”อันซื่อตำหนิลั่วซือเล็กน้อย“สง่างามจริงๆ นั่นแหละ หากข้าเป็นผู้หญิงคงหลงรักองค์ชายน้อยแล้ว”ซานอี้ก็ล้อเยียนหลินด้วยเหมือนกัน“เอาล่ะๆ พวกเราไปเรือนรับรองอาหารกันดีกว่า”ต้วนอวี้กล่าวพร้อมกับต้อนบรรดาพี่น้องให้เดินออกจากห้องพักที่เรือนรับรองอาหาร มีอาหารหลายอย่างที่ต้อ

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 43 - สำนักศึกษาอู่หวินไถ

    รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากราชวังเหล่าบรรดาพี่ๆ องค์ชายต่างฝ่ายต่างนั่งกันเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ทำให้เยียนหลินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก องค์ชายต้วนอี้และซานอี้ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ส่วนองค์ชายอันซื่อก้มหน้าก้มตาอ่านตำรา และองค์ชายลั่วซือก็นั่งกอดอกหัวพิงขอบหน้าต่าง เหมือนงีบหลับเสียอย่างนั้น เยียนหลินได้แต่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ครึ่งชั่วยามผ่านไปรถม้าก็ค่อยๆ มาจอดที่หน้าสำนักศึกษาอู่หวินไถ!วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ของสำนักศึกษาอู่หวินไถ จึงมีป้ายประกาศรายชื่อนักเรียนที่เข้ามาใหม่และมีการจัดอันดับห้องเรียนใหม่ตรงบริเวณป้ายประกาศรายชื่อมีคนจำนวนมากที่เบียดเสียดเข้าไปดูรายชื่อของตนเอง เยียนหลินจึงยืนอยู่เว้นระยะห่างจากตรงป้ายประกาศพอสมควรโดยมีลั่วซือยืนระวังความปลอดภัยให้น้องส่วนอันซื่อ ต้วนอวี้ และซานอี้เข้าไปเบียดเสียดมองหารายชื่อของตนเองและคนรู้จัก“ท่านพี่! ท่านดูสิ! รายชื่อของท่านอยู่อันดับหนึ่ง ส่วนชื่อข้าอยู่อันดับสี่ เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว”ต้วนอวี้สะกิดเรียกอันซื่อและชี้มือไปทางป้ายประกาศทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาปัดมือของต้วนอวี้ออกอย่างแรง “เจ้

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 42 - องค์ชายน้อย

    องค์หญิงเยียนหลินรีบตื่นขึ้นในตอนเช้า อาบน้ำแต่งองค์ด้วยเสื้อผ้าที่ท่านอาจารย์มอบให้ ทรงเสด็จไปยังเรือนรับรองโดยมิได้มีเหม่ยจูตามเสด็จมาด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนรับรอง เห็นนางกำนัลเก็บวาดทำความสะอาดตามห้องพักต่างๆ องค์หญิงรีบถามนางกำนัลที่ทำความสะอาดบริเวณนั้น“ท่านอาจารย์ล่ะ เจ้าเห็นท่านอาจารย์ของข้าหรือไม่?”“ทูลองค์หญิง ท่านราชครูไปแล้ว เพคะ!”นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปไหนหรือ?”องค์หญิงซักถามนางกำนัลต่ออีก“ทรงขึ้นรถม้าออกนอกราชวังไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปแล้วหรือ!”องค์หญิงถึงกลับอึงไป และพูดอยู่กับตัวเองย้ำๆ ว่าไปแล้วหรือ! นางเดินกลับตำหนักจิ่งหลินด้วยความผิดหวัง เหม่ยจูเห็นองค์หญิงเดินกลับตำหนักด้วยท่าทางเหม่ยลอย นางคว้าแขนองค์หญิงและเขย่าเรียกเบาๆ“องค์หญิง! องค์หญิงไปไหนมาหรือเจ้าคะ?”เหม่ยจูเขย่าองค์หญิงเบาๆ อีกครั้ง!“ไปหาท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์กลับไปแล้ว”องค์หญิงตอบเหม่ยจูด้วยสีหน้าผิดหวัง“องค์หญิงน้อย ฝ่าบาทให้ขันทีเว่ยมาตามไปพบเสด็จฯ เพคะ องค์หญิงน้อยทรงรีบไปที่ตำหนักตงเตี้ยนเถอะเจ้าค่ะ“เหม่ยจูรีบจูงมือขององค์หญิงน้อย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status