ในถ้ำที่หนานเจียง
“ข้าต้องออกไปหาเสบียง วันนี้เราจะต้องได้กินเนื้อกันบ้าง” เฟ่ยเย่เตรียมเก็บของเข้าย่ามและ สะพายห่อผ้ารัดคาดอก “ข้าไปด้วย” ซานอี้ก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อตัวนอกมาใส่ “ไม่ต้องไป ท่านต้องอยู่ที่นี่ ท่านมีแผลอยู่ ไม่ควรขยับตัวไปไหนมาไหนใช้แรงมากๆ” เฟ่ยเย่กอดอกออกคำสั่ง ส่วนซานอี้ก็นั่งกอดอกเงยหน้ามองกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร “ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น เราออกไปพร้อมกันเถอะ ข้าจะหายดีในอีกไม่กี่วัน” ซานอี้ยังยืนกร้าน “เสบียงเราหมดแล้วท่านพี่คนดีของข้า“ น้ำเสียงฟังดูประชดประชันเล็กน้อย จากที่นางยืนกอดอกเปลี่ยนกลับมาเป็นนั่งลงข้างๆ แทน อมยิ้มทำหน้าปนหยอกล้อเล็กน้อย “ท่านต้องเดินลมปราณเพื่อขับพิษ จนกว่าพิษในร่างกายจะออกหมด ข้าต้องไปหาสมุนไพร มาช่วยขับพิษด้วย“ เฟ่ยเย่อธิบายต่อ ”ลำบากเจ้าแล้ว“ ซานอี้วางมือบนไหล่เฟ่ยเย่ แม้ซานอี้ไม่อยากให้ไป แต่ก็ห้ามนางมิได้ เฟ่ยเย่ออกจากถ้ำมาแล้ว แต่ไม่พบเสี่ยวเป่า คาดว่าคงไปหลบรักษาบาดแผลที่ไหนสักที่ เฟ่ยเย่เดินลงเขามาประมาณ 1 ชั่วยามแล้วเจอหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง สอบถามจากชาวบ้านจึงรู้ว่าที่นี่คือแคว้นหนานเจียง เฟ่ยเย่รีบหาซื้อเสบียงและยาที่จำเป็น แล้วรีบกลับถ้ำ แต่ไม่เห็นซานอี้ในถ้ำแม้แต่เงา! ซานอี้หายตัวไป มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีจดหมายใดๆ พวกทหารหนานเจียงเจอเค้าแล้วรึ? เฟ่ยเย่เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ครุ่นคิดและทวีความร้อนใจอย่างยิ่ง หากจะกลับค่ายอี้ชางท่านแม่ทัพฟางคงไม่ยอมให้ลูกสาวออกมาตามหาผู้ชายที่ไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกันเป็นแน่! “แล้วข้าจะทำยังไงดีนะ” “เสี่ยวเป่าก็บาดเจ็บ แถมใช้พลังไปไม่น้อย” ข้าต้องไปตามหาพี่สามของข้า นางจึงเดินทางลงเขามุ่งเข้าไปที่แคว้นหนานเจียงอีกครั้ง ณ โรงเตี๊ยม หนานเจียง เฟ่ยเย่เดินเลือกโต๊ะนั่ง ที่อยู่ริมด้านซ้าย ชั้น 2 มองเห็นถนนและภายนอกบริเวณรอบๆ “คุณชายท่านจะรับอะไรดีขอรับ” เสี่ยวเอ๋อร์เข้ามาบริการ “ซาลาปา,หมูตุ๋นน้ำแดง,ชา 1 กา และข้าอยากเปิดห้องพักด้วย” เฟ่ยเย่หยิบเงินก้อนออกมาหนึ่งก้อนขนาดกลางส่งให้เสี่ยวเอ๋อร์ ”ข้าจะพักสัก 3-4 วัน เงินพอหรือไม่“ เสี่ยวเอ๋อร์ใช้มือชั่งน้ำหนักก้อนเงิน “ได้ขอรับ ข้าจะไปดูห้องพักให้” กาน้ำชาได้ถูกยกมาตั้งบนโต๊ะเสิร์ฟเป็นอย่างแลก เฟ่ยเย่ยังคงหนักอกหนักใจ ข้าจะเริ่มออกตามหาพี่ซานอี้ได้จากที่ไหนกันนะ? ถ้าพวกทหารจับตัวเค้าไป พวกมันจะพาไปคุมขังไว้ที่ใดกัน? เฟ่ยเย่ทอดถอนใจ นั่งจิบน้ำชาอย่างใช้ความคิด “อาหารมาแล้วขอรับ และนี่ป้ายเลขห้องพักของท่าน” เสี่ยวเอ๋อร์นำอาหารมาวางบนโต๊ะ พร้อมยื่นป้ายห้องพักให้เฟ่ยเย่ สักพักเฟ่ยเย่ก็สังเกตเห็น บุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง เดินเข้ามานั่งโต๊ะข้างๆ ถึงจะแต่งตัวเป็นชาวยุทธภพแต่ทวงท่างามสง่า สวมหมวกคลุมใบหน้าสีขาว มองผ่านๆ คุ้นตายิ่งนัก “คุณชายท่านจะรับอะไรดีขอรับ” เสี่ยวเอ๋อร์เข้าไปบริการโต๊ะนั้น “ซาลาปา,หมูตุ๋นน้ำแดง,ชา 1 กา และข้าอยากเปิดห้องพักด้วย” เสียงบุรุษผู้นั้นสั่งอาหาร เอ๊ะ! สั่งเหมือนกันทุกประโยคเลยแฮะ น้ำเสียงฟังดูคุ้นหู เฟ่ยเย่หันไปมองอีกครั้ง ทำไมคนผู้นี้ถึงคุ้นตายิ่งหนัก “อาหารมาแล้วขอรับ และนี่ป้ายเลขห้องพักของท่าน โชคดีมากเหลือห้องสุดท้ายพอดี”เสี่ยวเอ๋อร์ นำอาหารมาวางบนโต๊ะ พร้อมหยิบป้ายห้องยื่นให้บุรุษผู้นั้น “ใกล้งานเทศกาลธิดาบุปผา พอถึงช่วงเทศกาลโรงเตี๊ยมข้าก็พอได้มีคนแน่นแบบนี้” บุรุษผู้นั้นยังคงเงียบ ขรึม แค่พยักหนัารับคำของเสี่ยวเอ๋อร์เท่านั้น ”นี่เสี่ยวเอ๋อร์ งานเทศกาลธิดาบุปผานี้จัดเมื่อใดรึ แล้วจัดที่ไหน?“ เฟ่ยเย่เป็นฝ่ายถาม ”อีกครึ่งเดือน ที่หอหรูอี้ ขอรับคุณชาย“เสี่ยวเอ๋อร์เดินมาทางเฟ่ยเย่ ”งานใหญ่รึ ข้าพึ่งเคยมาครั้งแรก” “งานใหญ่ขอรับ มีคนมาร่วมงานเยอะ คนในยุทธภพ พวกขุนนางกับเหล่าราชวงค์ก็มาขอรับ ข้าได้ยินมาว่าราชวงค์ของแคว้นอื่นก็มาด้วยนะขอรับ“ เสี่ยวเอ๋อร์ลดเสียงเพียงกระซิบเบาข้างหูเฟ่ยเย่ ”อืม น่าสนใจ“ เฟ่ยเย่ยิ้มน้อยๆ แล้วยื่นเงินก้อนเล็กๆใส่มือเสี่ยวเอ๋อร์ รับไว้เถอะ เผื่อข้าอยากรู้อะไรอีก เมื่อกินอาหารเสร็จเฟ่ยเย่ ก็กลับเข้าห้องพักในงานเลี้ยงพิธีปักปิ่น องค์หญิงเยียนหลินไม่ได้พบท่านราชครูหรือท่านอาจารย์จึงเอ่ยปากถามความกับเหม่ยจู “ในงานนี่ข้าไม่เห็นท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ไม่มาหรือ?” “องค์หญิงน้อย เหม่ยจูก็ไม่เห็นเจ้าคะ เดี๋ยวเหม่ยจูไปสอบถามที่ตำหนักเรือนรับรองให้เจ้าค่ะ“เหม่ยจูจึงไปตามรับสั่งขององค์หญิง!สักพักองค์หญิงน้อยเริ่มมีอาการปวดหัวตาลายรู้สึกร้อนวูบวาบ ”แย่แล้ว ข้าถูกวางยา เหล้าจอกจอกสุดท้ายของคุณชายจางมีปัญหาแน่ๆ พิษชนิดใดกันนะ องค์หญิงน้อยรีบหยิบเข็มออกจากห่อผ้า แท่งไปที่จุดอู่ซูเสฺวียป้องการลมปราณทั้ง 5 ก่อนที่พิษจะได้วิ่งไปทั่วร่างให้ช้าลง องค์หญิงน้อยค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกจากงานพิธีปักปิ่นเพื่อกลับตำหนักจิ่งหลิน!แต่ก็ไม่พ้นสายตาคุณชายจางที่ได้วางแผนชั่วอยู่ก่อนแล้วองค์หญิงน้อยเริ่มมีเหงื่อออกตามใบหน้าและ มีอาการร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางเดินโซซัดโซเซ พยายามประคองตัวเพื่อพาตัวเองไปให้ถึงตำหนักจิ่งหลิน และแล้ว! คนที่มาดักหน้าองค์หญิงน้อยคือคุณชายจางนั่นเอง เค้าก้าวเท้าเข้ามาหาองค์หญิงน้อยอย่างช้าๆ เดินเข้ามาหนึ่งก้าว องค์หญิงก็เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว“อย่าเข้ามานะ เจ้าใส่อะไรลง
@ ณ สำนักศึกษาอู่หวิ๋นไถในวิชาฝึกยุทธ์ของท่านอาจารย์เจียงห้องเรียนส่วนใหญ่ของท่านอาจารย์เจียงคือลานฝึกยุทธ์ องค์ชายน้อยยังคงจับคู่อยู่กับซื่อจือหวังโหวน้อยหรือหวังจื่อเย่สหายร่วมเรียนส่วนอีกด้านหนึ่งของสนามที่ติดกันเป็นสนามตีคลีซึ่งผู้ที่อยู่ในสนามตีคลีคือห้องเรียนขององค์ชายอันซื่อ,องค์ชายต้วนอวี้,ฉีอ๋องกับพรรคพวกและคนอื่นๆที่เรียนระดับชั้นเดียวกันในสนามตีคลีควบม้าแข่งตีคลีค่อนข้างดุเดือดจนทำให้เยียนหลินให้ความสนใจมองไม่อาจละสายตาไปจากตรงนั้นได้!“องค์ชายน้อย! องค์ชายน้อย!”ซื่อจื่อเรียกเยียนหลินที่เหมือนจะยืนจ้องใจจดจ่ออยู่ในสนามตีคลี เค้าจึงเอามือวางบนบ่าเยียนหลินเบาๆ พร้อมกับเรียกเยียนหลินว่า“องค์ชายน้อย”เยียนหลินสะดุดเล็กน้อยหันกลับมามองต้นเสียง“อ่อ ซื่อจื่อ!”เยียนหลินอุทาน! “อาจารย์เรียกพวกเราแล้ว ไปกันเถอะ”ซื่อจื่อพูดพร้อมชี้มือไปทางลานฝึกยุทธ์ เยียนหลินพยักหน้ารับและเดินไปพร้อมซื่อจื่อที่ลานฝึกยุทธ์ตรงนั้นมีราวแขวนขึงเชือกป่านสูงราวสิบกว่าฉื่อเห็นจะได้ อาจารย์เจียงเรียกให้ลูกศิษย์มารวมตัวกันที่นั่น เมื่อทุกคนได้เข้าแถวยืนอยู่ต่อหน้าท่านอาจารย์เจียงกันทั้งหมดอาจารย์เจียงจ
@ ณ ตำหนักบูรพา“อ๋องฉีเสด็จ! พะยะค่ะ”ขันทีน้อยหน้าตำหนักบูรพากล่าวรายงาน อันซื่อกำลังนั่งจิบน้ำชาสนทนากับต้วนอวี้ ส่วนซานอี้นั่งเล่นหมากกระดานกับลั่วซือเมื่ออ๋องฉีมาเยือนจึงทำความแปลกใจให้อันซื่อถึงขนาดต้องเอ่ยปาก “เสด็จอา มีธุระอันใดกับหลานหรือไม่ พระเจ้าข้า”อันซื่อยืนทำความเคารพผู้เป็นอา บรรดาน้องๆก็รู้มารยาทจึงลุกขึ้นคำนับด้วย“ในพิธีบวงสรวงเทวดา ข้าไม่เห็นองค์ชายน้อยแม้นแต่เงา จึงอยากมาเยี่ยมเยียนเค้าสักหน่อย”ใจจริงแล้วอ๋องฉีอยากมาจับสังเกตมากกว่า“ทูลเสด็จอา องค์ชายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้าท่านราชครูรับองค์ชายน้อยเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ตอนนี้จึงร่ำเรียนอยู่กับท่านราชครู พระเจ้าข้า”อันซื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีทีเดียวจนต้วนอวี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ไหนๆท่านอาก็เสด็จมาถึงนี่แล้ว เชิญนั่งลงดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกับหลานๆสักตาสองตาเทิด”ต้วนอวี้เผยมือพร้อมกล่าวเชิญอ๋องฉี“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วก็จะกลับจวนเลย ไว้เจอกันที่สำนักศึกษาเถอะ“อ๋องฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักบูรพาไป”เสด็จพี่! เสด็จอาประสงค์สิ่งใดกันแน่ ใยข้ารู้สึกได้ว่าไม่หวังดีต่อองค
เยียนหลินได้มาเรียนที่สำนักอู่หวินไถได้เดือนกว่าแล้ว สำนักศึกษามีวันหยุดประจำเดือน 4 วันเพื่อให้นักเรียนได้หยุดพักผ่อนและกลับไปเยี่ยมบ้านได้เช้านี้เยียนหลินกับองค์ชายทั้งสี่ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับวังหลวง “องค์ชายน้อย! เจ้าอยู่หรือไม่?“ เสียงใครคนหนึ่งด้านนอกเอ่ยถามถึงคนในห้อง“อยู่! ข้าอยู่” เยียนหลินเดินไปเปิดประตู ผู้ที่มาเรียกคือซื่อจื่อหวังจื่อเย่นี่เอง“พี่จื่อเย่! มีเรื่องอันใดหรือ?“เยียนหลินถามด้วยความสงสัย”เจ้ากำลังเก็บของอยู่หรือ“ซื่อจือสอบถามเรียบๆเคียงๆ”ใช่! ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พี่จื่อเย่เข้ามาดื่มชาก่อนสิ“ เยียนหลินเชื้อเชิญ ซื่อจื่อจึงเข้ามาในห้องพักแต่นั่งลงตรงโต๊ะกลางห้องที่ไว้รับแขก เยียนหลินจึงนั่งลงข้างๆ และรินชาให้”พี่จื่อเย่มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่“เยียนหลินถามแบบไม่ค้อม”วันหยุดนี้ข้าชวนเจ้าไปเที่ยวได้หรือไม่?“จื่อซื่อก็พูดแบบไม่อ้อมค้อม แต่อันซื่อกับต้วนอวี้เมื่อได้ยินซื่อจื่อพูดเช่นนั้นจึงรีบหันไม่พูดพร้อมกันว่า”ไม่ได้!” อันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็มองหน้ากันและกัน“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้! แต่เสด็จพ่อคิดถึงองค์ชายน้อยเหลือเกิน อีกอย่างท่านราชครูก็จะมาในวันพร
เช้านี้เยียนหลินเข้าเรียนวิชาแพทย์และสมุนไพรของท่านอาจารย์เซียว นางนั่งเรียนคู่กับซื่อจื่อหวังโหวน้อย ถัดมาที่โต๊ะด้านหลังเป็นองค์ชายซานอี้กับองค์ชายลั่วซือนั่งคู่กันเนื่องจากเยียนหลินมีพื้นฐานทางการเรียนแพทย์มาจากสำนักหมอหลวงในวังแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายในวิชาของอาจารย์เซียวและมักจะได้คะแนนเป็นลำดับสูงสุดในชั้นเรียน จึงเป็นที่โปรดปรานของท่านอาจารย์เซียวยิ่งนักตอนนี้ในเวลานั่งเรียน อยู่ๆ เยียนหลินก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา นางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากหลายเม็ดใบหน้าที่ขาวนวลกับริมฝีปากบัดนี้กับซีดลง นางพยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่เพิ่มทวีมาเป็นระลอกๆ มือที่วางอยู่บนโต๊ะเกร็งจนกำแน่นทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนี้เริ่มมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จึงเริ่มทนความปวดหน่วงๆนี้แทบจะไม่ไหว ขณะเดียวกันซื่อจื่อที่นั่งข้างๆกันกับเยียนหลินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “องค์ชายน้อยเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมเจ้าหน้าซีดนักล่ะ”ซื่อจื่อพูดพรางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตรงหน้าอกเสื้อของตนออกมาแล้วซับเหงื่อที่ใบหน้าขององค์ชายน้อย ซานอี้กับลั่วซือเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินไปทางเยียนหลิน ซานอี้ใช้มือทั้งสองจับที่แขนเพ
เช้าวันแรกที่อู่หวินไถ!ซานอี้กับลั่วซืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบมาหาองค์ชายน้อยที่ห้องพักข้างๆ ทันที ซานอี้เปิดประตูเลื่อนผัวะ! ทำท่า ผงะเล็กน้อยแล้วรีบเลื่อนประตูปิดอย่างรวดเร็ว ลั่วซือยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ซานอี้จึงรีบเอ่ยเสียงดังๆขึ้นว่า“ท่านพี่! องค์ชายน้อย ข้ากับเจ้าสี่เข้าไปได้หรือไม่“ ”พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้ามา รอสักครู่ก่อน!“อันซื่อรีบพูดสวนกลับ ภายในห้องนั้น เยียนหลินกำลังอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา “เสร็จแล้วๆ ท่านพี่ทั้งสองเชิญเข้ามาได้”เสียงเยียนหลินดังออกมาจากภายในห้อง ซานอี้และลั่วซือจึงเปิดประตูอีกครั้งและเข้าไปในห้อง“โอโห องค์ชายน้อยแต่งชุดนักศึกษาแล้วดูมีสง่างาม มีราศีไม่น้อยเลย”ลั่วซือจับตัวเยียนหลินหมุนไปมา เยียนหลินเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย “เจ้าอย่าแกล้งน้องสิ น้องหน้าแดงหมดแล้ว”อันซื่อตำหนิลั่วซือเล็กน้อย“สง่างามจริงๆ นั่นแหละ หากข้าเป็นผู้หญิงคงหลงรักองค์ชายน้อยแล้ว”ซานอี้ก็ล้อเยียนหลินด้วยเหมือนกัน“เอาล่ะๆ พวกเราไปเรือนรับรองอาหารกันดีกว่า”ต้วนอวี้กล่าวพร้อมกับต้อนบรรดาพี่น้องให้เดินออกจากห้องพักที่เรือนรับรองอาหาร มีอาหารหลายอย่างที่ต้อ