บทที่ 2
“อะไรเหรอครับ”
“ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้พ่อรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของลูกโดยแท้จริง คุณตาของไบรท์มักจะพูดว่าบริษัทนี้คือสิ่งที่เขาทำเพื่อไบรท์ นั่นก็หมายความว่าพ่อจะให้ลูกเป็นผู้บริหารระดับสูงสุดไม่ได้ ถึงทำได้พ่อก็รู้สึกไม่สบายใจสักนิด พ่อไม่อยากให้ลูกถูกครหาไม่ว่าด้วยเหตุผลใด พ่อจึงวางแผนหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก พ่อจ้างนักวิเคราะห์ให้ทำการวิเคราะห์ตลาดทั่วโลกมาหลายปี และสรุปได้ว่าประเทศไทยกับประเทศอินเดียคือประเทศที่เหมาะแก่การลงทุนมากที่สุด”
“ผมไม่แต่งงานกับผู้หญิงอินเดียนะพ่อ ให้ตายผมก็ไม่เอาเด็ดขาด ผมเกลียดประเทศที่แบ่งชนชั้นวรรณะ ผมอยู่ที่นั่นไม่ได้หรอกครับ” เขารีบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เคร่งเครียด
“พ่อรู้ว่าลูกต้องมีอาการแบบนี้ พ่อจึงตัดสินใจเลือกประเทศไทย และลูกก็ต้องช่วยพ่อสานฝันของแม่ลูกด้วย” บิดาชี้ไปที่รูปหญิงสาวทั้งห้าใบ “เลือกมาสักคนที่ลูกพอใจ อีกสามเดือนลูกจะต้องแต่งงานกับเธอ”
“ผมไม่เลือกเพราะผมไม่อยากแต่งงาน ผมยังไม่อยากมีเมีย ผมอยากมีแค่คู่นอนในบางครั้งบางคราวเท่านั้น” ถึงแม้จะซึ้งใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังไม่อยากแต่งงานอยู่ดี
บิดาเริ่มโมโหในความดื้อรั้นของลูกชายคนโต “ฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะไบรอัน.. ถ้าแกไม่แต่งแกจะไม่ได้อะไรจากฉันแม้แต่อย่างเดียว แม้แต่เงินที่แกใช้อย่างสบายใจทุก ๆ เดือน ฉันก็จะไม่ให้แกได้ใช้อีก”
“ผมไม่ได้ใช้ฟรี ๆ นะพ่อ ผมก็ทำงานให้พ่อนะ”
“ก็เพราะแกทำงานให้พ่อไง แกถึงได้ใช้เงินตามใจชอบแบบนี้ได้ แต่ถ้าแกไปทำงานที่อื่น แกจะได้เท่าไหร่กันเชียว”
เขามองบิดาอย่างขัดใจ “ผมเป็นลูกพ่อนะ”
“แกก็น่าจะรู้นิสัยพ่อเหมือนกัน พ่อไม่เคยเลี้ยงแกแบบตามใจ แกจำสมัยที่แกไปเรียนต่อที่อเมริกาได้ไหม”
ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ เขาไม่เคยใช้เงินพอเลยสักเดือนเพราะติดเที่ยว แต่เขาก็ไม่เคยได้เพิ่มจากท่านเหมือนกัน ไม่ว่าจะหาเหตุผลใดมาอ้าง ประโยคเดิม ๆ ที่ท่านพูดทุกครั้งก็คือ ถ้าอยากได้เงินก็ให้ไปหางานทำด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าเงินแต่ละเหรียญนั้นต้องแลกกับความเหน็ดเหนื่อยเท่าใด แต่เขาก็ยังโชคดีที่มีแม่เลี้ยงใจดี คอยแอบให้ความช่วยเหลือมาตลอดโดยที่พ่อไม่รู้ เขาจึงไม่ต้องกลายเป็นลูกจ้างของใคร
“จำได้ครับ”
“แกนึกว่าฉันไม่รู้เหรอว่าคริสตินแอบส่งเงินให้แกใช้”
“พ่อรู้เหรอ!” เขามั่นใจว่าแม่เลี้ยงที่แสนดีไม่ได้บอกเรื่องนี้กับบิดา
“ฉันรู้แต่ฉันไม่พูด เพราะฉันรู้ว่าคริสตินรักและตามใจแกมาก แต่ครั้งนี้ฉันเตือนคริสตินไว้แล้วว่าอย่ามายุ่ง ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่เธอออกจากบ้านเหมือนกัน”
“พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง เธอเป็นเมียพ่อ เป็นแม่ของไบรท์นะ”
“ฉันไม่ได้ทำ แกต่างหากที่เป็นคนทำ”
“พ่อขู่ผม!”
“ฉันไม่ได้ขู่แต่ฉันพูดจริง ถ้าแกอยากเห็นแม่เลี้ยงที่แสนดีของแกเดินออกจากบ้านหลังนี้ไปพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า แกก็ไปขอร้องเธอสิ ฉันรับรองได้เลยว่าแกได้เห็นสมใจแน่” ไบรอันลูกรัก ถ้าพ่อไม่ทำแบบนี้ แกก็ต้องวิ่งไปซบอกแม่เลี้ยงที่แสนดีของแกอีก พ่อไม่อยากเห็นแม่เลี้ยงแกมาบีบน้ำตา อ้อนวอนพ่อเพราะแกอีกแล้วไบรอัน เพราะแกไม่ใช่เด็กแล้ว แกโตพอที่จะรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตนเองได้แล้ว “เลือกมาสักคนที่ถูกใจแกมากที่สุด” เขาเน้นย้ำและชี้ไปที่รูปภาพห้าใบนั้น
“พ่อก็เลือกเองแล้วกัน หน้าที่ของผมคือต้องแต่งงานตามคำสั่งของพ่ออยู่แล้วนี่” เขาลุกขึ้นแล้วมองบิดาด้วยแววตาตัดพ้ออย่างเจ็บปวด “แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ การแต่งงานไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนไปได้หรอก ผมจะเที่ยว ผมจะนอนกับผู้หญิงที่ผมต้องการเหมือนเดิม ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็นอนกอดหมอนข้างไปเถอะ” ผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการหรือไม่ถูกใจ แม้แต่ถูกตัวเขายังไม่เคยทำด้วยซ้ำ อยู่ ๆ จะให้เขาไปมีอะไรกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน ฝันไปเถอะว่าเขาจะทำ
“นั่นแกจะไปไหนไบรอัน” บิดาถามลูกชายที่กำลังเดินหน้าบึ้งจากไป
“ผมจะไปหาผู้หญิงสักคนระบายความเครียด ระหว่างนี้ผมคงต้องหาความสุขใส่ตัวให้มากหน่อย เพราะไม่รู้ว่าที่ประเทศไทยจะมีผู้หญิงถูกใจผมบ้างหรือเปล่า”
โรเบิร์ตกุมขมับ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีกับการยินยอมนี้ แต่ทุกอย่างที่วางแผนเอาไว้จะต้องดำเนินต่อไป เขาจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ก๊อก ๆ ๆ
“นุ่มมารบกวนเวลางานของคุณพ่อหรือเปล่าคะ” หญิงสาวที่เปิดประตูเข้ามา ถามบิดาที่กำลังส่งแฟ้มงานให้เลขาของท่าน
“พ่อแค่เซ็นรับรู้เรื่องกำหนดการที่ต้องไปรับโล่เท่านั้น ไม่ได้ยุ่งอะไรเลย แล้วลูกมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับพ่อล่ะ” โชติถามลูกสาวคนโตที่โทรมาหาก่อนแล้ว
“นุ่มได้ยินเรื่องที่คุณพ่อกับคุณแม่คุยกันเมื่อหลายวันก่อน.. เรื่องแต่งงานน่ะค่ะ” เธอพูดเข้าประเด็นเมื่อเห็นบิดาทำหน้าไม่เข้าใจ
“หนูได้ยินเหรอลูก” โชติแปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้ยิน เพราะเขาคุยเรื่องนี้กับภรรยาตอนที่ลูกสาวทั้งสองออกจากบ้านไปแล้ว
“นุ่มขอโทษนะคะที่แอบฟัง วันนั้นนุ่มกลับไปที่บ้านอีกรอบเพราะลืมเอกสารสำคัญ และนุ่มอยากจะเตือนคุณพ่อว่ามีนัดทานอาหารกลางวันกับท่านผู้ว่า นุ่มก็เลยเดินหาคุณพ่อไปจนถึงเรือนกล้วยไม้ และนุ่มก็ได้ยินเรื่องที่คุณพ่อกับคุณแม่คุยกันค่ะ”
“นุ่มไม่ต้องคิดมากนะลูก พ่อรู้ว่าลูกกับตระกูลรักกันมานาน พ่อไม่ทำลายความรักของลูกทั้งสองเพราะเหตุผลทางธุรกิจหรอกลูก” โชติปลอบใจลูกสาวเพราะกลัวเธอจะเข้าใจผิด และผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ว่าปีนี้พวกเขามีแผนที่จะแต่งงานกัน จึงตั้งใจจะคุยเรื่องนี้กับลูกสาวคนเล็กมากกว่า
“แต่นุ่มไม่เห็นด้วยถ้าคุณพ่อจะให้น้องนิ่มแต่งงาน เพราะน้องยังเด็กเกินไป ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ”
“ก็แค่สงสัยว่ามันหายไปไหนหมด ทำไมถึงเหลือแค่นี้เอง” เธอแกล้งชูสองนิ้วประกบกันแล้วคลี่ยิ้มทะเล้น“มันไม่ได้หายไปไหนหรอก มันกำลังจะตื่นตามเจ้าของ” เขาไม่ได้ล้อเล่นแต่มันเป็นอย่างที่พูดจริง ๆ ทั้งหมดนี้ต้องโทษเธอที่กระตุ้นมัน ไม่อย่างนั้นมันก็คงได้นอนพักอีกสักสองสามชั่วโมงอยู่หรอก สิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ทำให้หญิงสาวที่มองเจ้าเอ็นน้อยพองตัวเป็นเอ็นยักษ์รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย และใจของเธอก็เริ่มเต้นรัวตามมา เมื่อเห็นมือใหญ่หยอกเย้ากับมันอย่างเอ็นดู “คุณหลงรักมันแล้วใช่ไหม” เขาถามเธอที่เอาแต่มองทั้งที่ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยความขัดเขิน “แน่นอน ก็มันทั้งน่ารักทั้งเก่ง” เธออายแต่ก็ยอมรับความจริง “ฉันรักมัน” “คนที่เก่งกว่าคือผมต่างหาก ถ้าคุณรักมันคุณก็ต้องรักเจ้าข
เมื่อมั่นใจว่าสะอาดเอี่ยมดีแล้วจึงหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับตัวให้แห้งแล้วชโลมครีมทาผิวทาจนทั่วเรือนร่าง ยืนทำใจด้วยความกระดากอายอยู่สักพักจึงตัดสินใจหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ที่เล็กกว่าผืนแรกมาพันรอบกายอย่างหมิ่นเหม่ แล้วรีบเปิดประตูออกไปก่อนที่ความอายจะสั่งให้หยุดทำการยั่วยวนเขา เธอข่มความอายเดินไปหาเขาที่เตียง“คุณจะนอนแบบนี้เลยเหรอ”คนถูกถามรีบขยับตัวขึ้นนั่งด้วยหัวใจเต้นรัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ที่ติดมากับเรือนร่างระหงเกือบเปลือย ปลุกความกำหนัดที่เขาเพิ่งปลอบให้สงบตั้งชันขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว“ไปอาบน้ำสิ เสร็จแล้วจะได้มานวดขาให้ฉันหน่อย ตอนนี้ฉันปวดขามากเพราะยืนทำงานเกือบทั้งวัน” เขาเอาแต่มองจ้องไม่ยอมพูด เธอจึงพูดซะเอง“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยความตื่นเต้น ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจากร่างแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ“ฟู่!” หญิงสาวผ่อนลมหายด้วยความโล่งอก ที่สามารถยั่วยวนเขาสำเร็จในขั้นแรก เธออาศัยเวลาที่เขากำลังอาบน้ำทาครีมลงบนใบหน้านวลและหวีผม พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนตอนที่อยู่คนเดียว แต่เวลาผ่านไ
ได้ยินเพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าใจของเธอตรงกับของเขาแล้ว เขาดีใจเหลือเกินที่ตัวเองเข้าใจเธอผิดไป“คิดถึงแล้วทำไมถึงหนีผมมาแบบนี้ล่ะยอดรัก รู้ไหมว่าผมรู้สึกสิ้นหวังแค่ไหนที่คุณหนีมาแบบนี้” แล้วจูบปากอวบอิ่มเพื่อให้มั่นใจว่าเธอคือสิ่งมีค่าที่สุดของเขาจริง ๆ “ใช่คุณจริง ๆ ด้วย” เขาทั้งจูบทั้งหอมเพื่อทดแทนความรู้สึกคิดถึงที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ “ผมตามหาคุณทั้งฮ่องกงจนแทบจะหมดหวังอยู่แล้วรู้บ้างหรือเปล่า”“รู้สิ” เพราะรู้ถึงได้สมัครงานที่ร้านกาแฟแห่งนั้น เพราะถึงแม้อยากจะตัดใจลืมเขาให้ได้ แต่เมื่อรู้ว่าเขากำลังตามหาจึงตั้งใจปักหลักเพื่อรอคอย แม้โอกาสมันจะน้อยนิดก็ยังหวังว่าเขาจะตามเจอ “คุณพ่อเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”“คุณพ่อของคุณใจร้ายมาก ปล่อยให้ผมทรมานเพราะความคิดถึงคุณอยู่คนเดียว” ไม่ต้องบอกเขาก็รู้เรื่องนี้อยู่เต็มอก“คุณพ่อแค่อยากลองใจคุณ ส่วนฉันก็อยากลองใจตัวเองด้วยเหมือนกัน ฉันว่ามันก็ดีนะ ที่เราจะได้ทดสอบตัวเองไปด้วย”“ไม่เห็นจะดีตรงไหน ทรมาน
“มีคนมองเห็นความน่ารักของฉันด้วยเหรอคะ ฉันนึกว่ามันหมองไปหมดตั้งแต่มาอยู่กับคุณแล้วซะอีก” เธอโน้มไปใกล้ ๆ “เพราะคุณน่ารักกว่าฉันมาก” เธอไม่ได้ยกยอแต่รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ สำหรับเธอแล้วซูซี่เป็นอาหมวยที่หน้าตาน่ารักมาก แถมนิสัยก็ดีอีกต่างหาก“สาวหมวยเต็มตัวอย่างฉันจะน่ารักเหมือนสาวลูกผสมได้อย่างไรกัน แต่ฉันก็ยินดีรับคำชมนะ” เจ้าของร้านหัวเราะเบา ๆ หลังจากนั้นก็บอกให้ลูกจ้างสาวเตรียมตัวกลับบ้านพร้อมกับเธอ เพราะเธอต้องแวะไปหาเพื่อนย่านนั้นพอดี“ไม่เป็นไรค่ะซูซี่ เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้”“กลับด้วยกันนี่แหละค่ะ จะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถ” เธอไม่รู้หรอกว่าลูกจ้างสาวพักอยู่ตรงไหนของย่านที่เธอจะผ่านไป แต่เมื่อไปแล้วก็อยากให้เธอกลับด้วยเพื่อความสะดวกสบาย“ก็ได้ค่ะ รอฉันไม่เกินห้านาทีค่ะ” แล้วเธอก็รีบเดินไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วด้วยความเกรงใจคนที่ต้องรอประมาณสิบนาทีต่อมาโชติรสก็มาถึงปากทางเข้าหอพัก เธอลงจากรถของเจ้านายผู้ใจดีแล้วกล่าวขอบคุณ“คุณแน่ใจนะว่าจะเดินเข้าไปเอง”
“ที่นี่มีคนไทยมาเที่ยวเยอะไหมครับ”“สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะ รับอะไรดีคะ กาแฟอร่อยไหมคะ มาเที่ยวอีกนะคะ” หญิงสาวพูดภาษาไทยให้อีกฝ่ายฟัง “ร้านกาแฟของฉันต้องรับพนักงานคนไทยเอาไว้ ก็เพราะคนไทยมาที่นี่เยอะมากค่ะ ก่อนที่คุณจะเดินเข้ามาพนักงานคนไทยของฉันเพิ่งจะกลับไปเอง เธอน่ารักมาก ถ้ามีโอกาสแวะมาที่นี่อีกคุณก็ลองมาคุยกับเธอดูสิคะ” หญิงสาวเจ้าของร้านคุยอวดอีกฝ่าย เพราะเข้าใจว่าเขาน่าจะชอบความเป็นไทยไบรอันคิดจะหยิบรูปของโชติรสออกมาสอบถามเธอ แต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงเปลี่ยนใจ เก็บเอาไว้ถามกับพนักงานคนไทยของเธอน่าจะได้คำตอบที่ดีกว่า“ถ้ามีโอกาสผมจะแวะมาใหม่ ขอบคุณมากนะครับ” เขาจิบกาแฟดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืน มองผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเดินผ่านไปมาอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จึงลุกจากไปตามเส้นทางเดิมที่เดินมาเขากลับถึงโรงแรมที่อยู่ห่างจากย่านนั้นประมาณสิบห้านาที อาบน้ำเรียบร้อยแล้วจึงโทรศัพท์ถึงมารดาเลี้ยงที่แคนาดา(เจอโรสหรือยังไบรอัน) มารดาของเขาถามถึงหญิงสาวทันทีที่รับสาย“ยังเลยครับ”(แม
“ใช่ค่ะ ร้านนี้เป็นร้านของฉันเองค่ะ เพิ่งเปิดมาได้หกเดือนเท่านั้น” เจ้าของร้านตอบอย่างภาคภูมิใจ“หน้าตาคุณยังดูเด็กมากเลยค่ะ เหมือนนักศึกษามากกว่า”“ใช่ค่ะ ฉันเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ปีสุดท้าย บังเอิญว่าเจ้าของร้านคนเก่าเขาต้องการขายที่นี่เพราะจะย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ ฉันเองก็เป็นลูกค้าประจำของเขาอยู่แล้ว พอรู้เรื่องก็สนใจมาก ๆ เพราะคิดอยู่ว่าถ้าเรียนจบอยากจะทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ก็เลยเจียดเวลาจากการเรียนไปเรียนบาริสต้า และเรียนทำขนม แล้วก็มาเปิดร้านนี่แหละค่ะ”“น่าอิจฉาจังเลยค่ะ มีธุรกิจเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วทำไมคุณถึงใส่ชุดพนักงานล่ะคะ” โชติรสรู้สึกพอใจกับนิสัยที่เป็นกันเองของอีกฝ่ายมาก“เพราะพนักงานของฉันลาออกกะทันหันค่ะ ฉันก็เลยต้องมาทำหน้าที่นี้จนกว่าจะหาคนใหม่ได้ ถ้าคุณมีเพื่อนสนใจงานพาร์ตไทม์ก็แนะนำมาที่ร้านนี้นะคะ ทำงานตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม ค่าแรงชั่วโมงละสี่สิบดอลลาร์ฮ่องกง ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจ่ายให้ชั่วโมงหกสิบดอลลาร์ฮ่องกง”“ฉันสนใจค่ะ ฉันทำได