“เอ้อ! สวัสดีค่ะพี่ริชาร์ด เมื่อกี้พี่ริชาร์ดบอกว่ามีอะไรจะคุยกับแคทอย่างนั้นเหรอคะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน แคทเทอรีนจึงรีบแก้สถานการณ์ความอายให้
“ก็เรื่องงานนั่นแหละ ว่าแต่ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหมล่ะ” แคทเทอรีนทำหน้าเหลอหลาขึ้นมาทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอลืมมารยาทที่จะต้องชวนให้อีกฝ่ายนั่งซะก่อน เป็นเพราะความเฟอะฟะซุ่มซ่ามของชมพูแพรแท้ๆ ที่ทำให้เธอพลอยป้ำๆ เป๋อๆ ไปด้วย
“เอ่อ! ชะๆ เชิญค่ะพี่ริชาร์ด” แคทเทอรีนทำหน้าจืดเจื่อน ในขณะที่อีกฝ่ายยังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
“ขอบคุณครับ ว่าแต่พี่มากวนเวลาคุยของเรากับเพื่อนรึเปล่าแคท” เมื่อนั่งลงแล้ว ริชาร์ดก็ไม่ลืมที่จะถามกลับไปอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้แคทเทอรีนนึกถึงมารยาทข้อนึงขึ้นมาได้อีก ซึ่งก็คือ การแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของเธอนั่นเอง
“ไม่เลยค่ะ เอ่อ! พี่ริชาร์ดคะ นี่ชมพูแพร นี่จัสมิน เพื่อนรักของแคทเองค่ะ” แคทเทอรีนทำเสียงนอบน้อม เนื่องจากอีกฝ่ายอาวุโสกว่าทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ ถึงแม้ริชาร์ดจะเป็นญาติของเธอก็ตาม แต่ก็แค่ญาติห่างๆ และเธอก็ยังรู้สึกเกรงใจและเกร็งทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ ผู้ชายคนนี้
“สวัสดีครับสาวๆ” ริชาร์ดทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้มดังเดิม เมื่อทั้งสองสาวต่างก็ยกมือไหว้เขาด้วยความนอบน้อม
“เราสองคนเป็นคนไทยเหรอ” ริชาร์ดอดถามด้วยความสนใจไม่ได้ เมื่อเห็นทั้งสองคนทักทายเขาด้วยการไหว้อย่างนอบน้อม ซึ่งมันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองไทยเลยก็ว่าได้
“ค่ะ ชมพู่เป็นไทยแท้ๆ เลยค่ะ แต่จัสมินเขาเป็นลูกครึ่งไทย เบลเยี่ยมน่ะค่ะ เราสองคนบินมาเรียนที่นี่พร้อมกัน แล้วก็ได้เจอกับแคท หลังจากนั้นเราสนิทสนมเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้นจนถึงบัดนี้นี่แหละค่ะ และคิดว่าเราคงจะเป็นเพื่อนรักกันไปอีกนานสองนานเลยล่ะค่ะ” ความจริง ชมพูแพรตั้งใจจะสาธยายต่อ แต่ก็ถูกเพื่อนรักเบรกเอาไว้ซะก่อน
“พอเหอะ แกจะสาธยายให้เขารู้ทั้งสำมะโนครัวเลยรึไง” จัสมินห้ามชมพูแพรเสียงเขียว ด้วยไม่ยินดีให้ใครมาล่วงรู้ประวัติของตัวเองสักเท่าไหร่
“พี่ขอแทนตัวเองว่าพี่ เหมือนกับที่ใช้กับแคทแล้วกันนะครับ พี่ว่าน้องชมพู่น่ารักดีนะครับ คุยเก่งดี พี่ชอบ” คำว่าชอบของริชาร์ด ไม่ว่ามันจะเป็นความหมายมีนัยอะไรแอบแฝงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ มันทำให้ชมพูแพรเขินไปแล้ว
“นี่น้อยๆ หน่อยเหอะ ได้ข่าวว่าแกเพิ่งอกหักไม่ใช่เหรอ แล้วเมื่อกี้แกยังทำท่าจะเป็นจะตายอยู่เลยนะ” จัสมินแอบกระซิบกระซาบกับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ เมื่อเห็นอาการบิดไปบิดมาของเพื่อนด้วยความเขินอาย
“แล้วน้องจัสมินล่ะครับ มีชื่อเล่นรึเปล่า อืม! เท่าที่พี่พอรู้มา จัสมินเป็นชื่อดอกไม้ของไทยที่ดอกสีขาวๆ กลิ่นหอมๆ ใช่ไหมครับ เอ! พี่ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าดอกอะไร” ริชาร์ดทำท่าคิด
“ดอกมะลิค่ะพี่ริชาร์ด จริงๆ บางครั้งชมพู่กับแคทก็ชอบเรียกเขาว่ามะลิเหมือนกันนะคะ แต่เจ้าตัวน่ะสิไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” ชมพูแพรรีบบอก ทำให้เจ้าของชื่อถึงกับหน้าหงิกขึ้นมาทันที
“แกไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีอะไรถึงได้บอกเขาหมดแบบนั้นน่ะ” จัสมินหันไปเอ็ดเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ด้วยความจริงนั้นพวกเธอเพิ่งจะได้รู้จักกับเขาเท่านั้น แต่ชมพูแพรกลับทำท่าสนิทสนม ไหนจะยังใช้สรรพนามที่ดูเหมือนรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแบบนั้นอีก
“น้องชมพู่นี่น่ารักเป็นกันเองดีนะครับ พี่ชอบ” เป็นอีกครั้งที่ริชาร์ดกล่าวคำนี้ ทำเอาจัสมินถึงกับเบะปากกับคำว่า ‘พี่ชอบ’ อีกแล้วของอีกฝ่ายทันที
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับฉัน งั้นฉันกลับก่อนนะแคท ไว้ค่อยเจอกัน” จัสมินลุกขึ้นด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ ดูก็รู้ว่ากำลังไม่พอใจแขกไม่ได้รับเชิญอย่างริชาร์ดเป็นที่สุด ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
“งั้นเห็นทีคงกลับก่อนไม่ได้แล้วมั้งครับ เพราะเรื่องที่พี่จะพูดมันเกี่ยวกับน้องด้วยเหมือนกัน” จัสมินหันขวับมามองหน้าริชาร์ดอย่างเอาเรื่อง
“ใครเป็นน้องคุณ แล้วคุณก็ไม่ใช่พี่ชายฉันด้วย คราวหน้ากรุณาเรียกชื่อฉันจะดีกว่าค่ะ” จัสมินบอกเสียงกระแทกกระทั้น แต่คนฟังกลับยังยิ้มกริ่ม ยิ่งทำให้คนพูดรู้สึกขัดเคืองใจขึ้นเป็นเท่าตัว
“โอเคครับ งั้นต่อไปผมจะเรียกคุณว่ามะลิก็แล้วกันนะครับ” ริชาร์ดแกล้งแหย่กลับไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้สนเลยว่าเจ้าของชื่อกำลังโกรธสักแค่ไหน
“คุณ” จัสมินตะคอกอีกฝ่ายเสียงดัง อย่างกับจะเอาเรื่องซะให้ได้ ยังดีที่แคทเทอรีนรีบห้ามซะก่อน ในขณะเดียวกันชมพูแพรกลับนั่งมองทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างงงๆ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเองเป็นต้นเหตุด้วยเหมือนกัน
“เอ้อ! แคทว่าเรามาคุยธุระของเรากันต่อดีกว่านะคะ เมื่อกี้พี่ริชาร์ดบอกว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราไม่ใช่เหรอคะ มินแกก็นั่งก่อนสิ คุยเสร็จแล้วค่อยไปก็ได้ วันนี้แกก็ว่างทั้งวันนี่นาเนอะๆ” แคทเทอรีนพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้เพื่อนรักอาละวาดออกมาซะก่อน ทำให้จัสมินยอมนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้นในที่สุด สร้างความพอใจให้กับริชาร์ดได้ไม่น้อย
“คือวันก่อนพี่เจอพ่อเราน่ะ เห็นท่านบอกกับพี่ว่าเราอยากมาทำงานที่บริษัทพี่ใช่ไหม เอ! ไม่รู้ว่าตอนนี้เรายังสนใจอยู่รึเปล่า” ริชาร์ดลองถามหยั่งเชิง แต่คิดว่าคิดไม่ผิด เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายของแคทเทอรีน
“สนค่ะสน พี่ริชาร์ดตกลงรับพวกเราเหรอคะ” แคทเทอรีนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี ด้วยตนกับชมพูแพรหวังไว้เยอะว่าจะได้งานนี้
“อืม! ก็ไม่เห็นว่างานนี้จะเกี่ยวกับฉันเลยนี่ งั้นฉันกลับเลยแล้วกัน” จัสมินยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะกลับก่อน
“เอ้า! นี่ไม่ได้ทำด้วยกันทั้งสามคนเลยหรอกเหรอ” ริชาร์ดถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“อ๋อ! เปล่าค่ะ จัสมินเขาจะกลับเมืองไทยเร็วๆ นี้แล้วค่ะ รายนั้นเขาต้องกลับไปช่วยที่บ้านบริหารธุรกิจต่อ” เนื่องจากว่าทางครอบครัวของจัสมินนั้นมีธุรกิจที่ใหญ่พอตัว ดังนั้นเมื่อเรียนจบ เธอจึงต้องกลับไปช่วยครอบครัวบริหารงานต่อนั่นเอง
“เอ้าเหรอ แต่พี่ล็อกตำแหน่งไว้ให้เราสามที่แล้วนะ ถ้าขาดตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไป พี่คงต้องปฏิเสธเราแล้วล่ะ เพราะงานนี้พี่ต้องการทีมเวิร์กที่ต้องเข้าขากันเป็นอย่างดี ถ้าได้ไม่ครบพี่คงต้องไปหาทีมอื่นแล้วล่ะ ตกลงตามนี้แล้วกันนะแคท” ทันทีที่ริชาร์ดพูดจบ ชมพูแพรถึงกับลุกขึ้นแทรกด้วยท่าทางแตกตื่น
“ไม่ได้นะ” แล้วความรีบร้อนของเธอก็เป็นเหตุให้ความซุ่มซ่ามเกิดขึ้นอีก เมื่อคุณเธอเผลอลุกขึ้นรวดเร็ว เป็นเหตุให้แก้วน้ำที่วางอยู่สองสามแก้วหกเรี่ยราดไปตามๆ กัน ยังผลให้ชายหนึ่งเดียวที่ร่วมโต๊ะต้องเปียกไปด้วย และที่น่าหนักใจก็คือ ตำแหน่งที่เปียกมันดันเป็นเป้ากางเกงของเขาด้วยนี่สิ
“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวชมพู่เช็ดให้ค่ะ” เธอขอโทษด้วยใบหน้าสำนึกผิด อีกทั้งยังรีบกุลีกุจอไปเช็ดให้เขาอีก ดีที่อีกฝ่ายห้ามไว้ซะก่อน
“เอ่อ...พี่ว่าพี่เช็ดเองจะเหมาะกว่า” ริชาร์ดรีบยกมือห้าม ทำให้ชมพูแพรต้องก้มลงมองและคิดขึ้นมาได้ ว่ามันไม่สมควรจริงๆ จึงได้แต่เดินกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง
“เอ้อ! สวัสดีค่ะพี่ริชาร์ด เมื่อกี้พี่ริชาร์ดบอกว่ามีอะไรจะคุยกับแคทอย่างนั้นเหรอคะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน แคทเทอรีนจึงรีบแก้สถานการณ์ความอายให้ “ก็เรื่องงานนั่นแหละ ว่าแต่ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหมล่ะ” แคทเทอรีนทำหน้าเหลอหลาขึ้นมาทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอลืมมารยาทที่จะต้องชวนให้อีกฝ่ายนั่งซะก่อน เป็นเพราะความเฟอะฟะซุ่มซ่ามของชมพูแพรแท้ๆ ที่ทำให้เธอพลอยป้ำๆ เป๋อๆ ไปด้วย “เอ่อ! ชะๆ เชิญค่ะพี่ริชาร์ด” แคทเทอรีนทำหน้าจืดเจื่อน ในขณะที่อีกฝ่ายยังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ “ขอบคุณครับ ว่าแต่พี่มากวนเวลาคุยของเรากับเพื่อนรึเปล่าแคท” เมื่อนั่งลงแล้ว ริชาร์ดก็ไม่ลืมที่จะถามกลับไปอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้แคทเทอรีนนึกถึงมารยาทข้อนึงขึ้นมาได้อีก ซึ่งก็คือ การแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของเธอนั่นเอง “ไม่เลยค่ะ เอ่อ! พี่ริชาร์ดคะ นี่ชมพูแพร นี่จัสมิน เพื่อนรักของแคทเองค่ะ” แคทเทอรีนทำเสียงนอบน้อม เนื่องจากอีกฝ่ายอาวุโสกว่าทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ ถึงแม้ริชาร์ดจะเป็นญาติของเธอก็ตาม แต่ก็แค่ญาติห่างๆ และเธอก็ยังรู้สึกเกรงใจและเกร็งทุกครั้งที่
“นี่! ฉันถามแกจริงๆ เหอะ ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เนี่ย แกโกรธหรือว่าเสียใจกันแน่วะ” ทันทีที่เห็นหน้ามุ่ยๆ ของเพื่อน จัสมินถึงกับอดถามไม่ได้ “ก็ทั้งสองอย่าง แกคิดดูสิฉันอุตส่าห์ดีใจ หลงคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ใช่ โทบี้เป็นผู้ชายที่ฉันคบด้วยนานที่สุดนะ เขาทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขารักฉันมาก มากจนไม่ถือเรื่องที่ฉันซุ่มซ่าม แต่สุดท้ายก็เปล่าเลย ฉันเสียใจอ่ะแก” ชมพูแพรก้มหน้าบอกเสียงสั่นเครือ“ก็แค่สามเดือนที่แกกับหมอนั่นคบกัน จะเสียใจอะไรนักหนาวะ เออ! ว่าแต่สามเดือนนี่นานที่สุดสำหรับแกแล้วเหรอ” จัสมินถามไปก็อดขำไปด้วยไม่ได้“ก็ใช่น่ะสิ แค่สามเดือน แกใช้คำว่าแค่ได้ยังไง มันตั้งสามเดือนเชียวนะ คิดดูสิคนก่อนๆ ที่คบกันไม่ถึงเดือนก็เผ่นหนีฉันแทบไม่ทันแล้ว แบบนี้จะไม่ให้ฉันเสียใจได้ยังไง แกไม่เป็นฉันแกก็พูดได้สิ ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ” ชมพูแพรหันมาตัดพ้อ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ทำให้จัสมินขำได้ก็ไม่รู้ “เอาน่า! ก็แค่อกหัก ไม่ถึงตายหรอก ดีไม่ดีฉันว่าแกไม่ได้เจ็บหรอก ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เพราะแกเจ็บใจมากกว่า ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ แกเจ็บใจที่ถูกยัยลิลลี่แย่งแฟน” ชมพูแพรหัน
“โทษฉันไม่ได้นะ ก็เธอมันเล่นตัว ตลอดเวลาที่เราคบกันอย่างมากเธอก็ให้ได้แค่จับมือ ฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ก็ต้องอยากได้อะไรที่มันมากกว่านี้ แต่ในเมื่อเธอให้ไม่ได้ ฉันก็ต้องไปหาอะไรที่ดีกว่า แล้วลิลลี่เป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับฉัน” สีหน้าที่ทำราวกับหลงอีกฝ่ายอย่างหัวปักหัวปำของโทบี้ ทำเอาชมพูแพรถึงกับกลอกตาไปมา แน่นอนว่าเธอให้สิ่งที่อีกฝ่ายขอไม่ได้แน่“ก็ถ้าเขาเลิกกับแกเพราะเรื่องนี้ แกก็ไม่ควรคบกับผู้ชายพรรค์นี้อีก ขืนแกทนคบกันต่อไปก็มีแต่จะเสียใจ ผู้ชายแบบนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษให้เห็นหรอก ปล่อยให้ผีเน่าไปอยู่กับโลงผุน่าจะเหมาะกว่า หญิงก็ร้ายชายก็เลวไม่มีอะไรให้น่าเสียดายสักนิด คนดีๆ อย่างแกหลุดพ้นออกมาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว” แคทเทอรีนและจัสมินเพื่อนรักของชมพูแพรที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่นานสองนาน ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงออกมาปกป้องเพื่อนบ้าง“เรื่องนี้เธอสองคนไม่เกี่ยว อย่าแส่” ลิลลี่หันมาขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ“ก็ถ้าเธอไม่เข้ามาแส่ก่อน พวกฉันสองคนก็ไม่อยากยุ่งเหมือนกัน” จัสมินตอกกลับในทันทีอย่างไม่ยอมน้อยหน้า“แต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน ทำไมฉันจะยุ่งไม่ได้ ไม่เหมือนกับพวก
“นัดฉันออกมาทานร้านหรูๆ แบบนี้ มีอะไรจะเซอร์ไพรส์ฉันรึเปล่า” ชมพูแพรทำท่ากระมิดกระเมี้ยนถามโทบี้แฟนหนุ่มของตัวเองหลังจากจัดการอาหารแสนอร่อยบนโต๊ะนั้นเรียบร้อยแล้ว ด้วยอดคิดเข้าข้างตัวเองในใจไม่ได้ ‘อ๊าย! หรือว่าเขาจะขอเราแต่งงาน ตายแล้ว! เสื้อผ้าหน้าผมฉันเป็นไงบ้างเนี่ย ตายๆๆ อย่าเพิ่งขอตอนนี้นะ ขอฉันเสริมสวยแป๊บนึงสิ’ คิดได้ดังนั้น เธอจึงผุดลุกขึ้นแบบปุบปับทันที “เฮ้ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย” โทบี้อุทานเสียงดัง เมื่อความรีบร้อนของชมพูแพรทำให้เธอไม่ทันระวัง เผลอดึงผ้าปูโต๊ะสีขาวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ขอโทษ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวฉันเช็ดให้นะ” นี่คงเป็นคำพูดติดปากของเธอไปแล้ว เมื่อความซุ่มซ่ามเฟอะฟะมันเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายสักที บ่อยครั้งเธอจึงต้องเอ่ยคำๆ นี้กับใครต่อใคร เมื่อนิสัยนี้มันกำเริบขึ้นมา (นิสัยนะ ไม่ใช่โรคร้าย กำร่งกำเริบอะไรล่ะ) “ไม่เป็นไร ไม่ต้อง” โทบี้ทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อยที่เธอทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นแบบนี้ “ไม่เป็นไรเหมือนกัน ฉันเต็มใจทำให้” ด้วยคิดว่าอีกฝ่