LOGINมหาวิทยาลัย KTU
โต๊ะม้าหินอ่อนรายล้อมไปด้วยกลุ่มนักศึกษาที่พากันมานั่งเล่นตามกลุ่มเพื่อนของใครของมัน
“ลิน” เพลินเพลงเรียกคนที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง ทว่าไร้วี่แววตอบสนอง
“ลิน” เพลินเพลงเรียกอีกครั้ง
“...” ปาลินยังคงนั่งเหม่อเช่นเคย
“ยัยลิน-!” นานะช่วยเพลินเพลงเรียกอีกแรง
เสียงตะโกนจากเพื่อนของตัวเองทำให้ปาลินถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ “ฮะ ฮะ อะไร... มีอะไรเหรอ?”
“ช่วงนี้แกดูเหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เพลินเพลงถามด้วยความสงสัย
“ใช่ ฉันว่าช่วงนี้แกแปลก ๆ ไปนะ” นานะเห็นด้วยกับเพลินเพลง
“ฉันดูแปลกไปเหรอ?”
“มากกกกก” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
ช่วงวันเวลาที่ผ่านมาพวกเธอสังเกตได้ว่าเพื่อนตัวเองแปลกไป บางครั้งนั่งเรียนอยู่ดี ๆ ก็เอามือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาราวกับเห็นอะไรบางอย่าง หรือกินข้าวอยู่ดี ๆ ก็สำลักข้าวเสียอย่างนั้น
ปาลินเม้มปากเป็นเส้นตรง เธอเองก็พอรู้ว่าตั้งแต่เจอเรื่องตอนนั้นสติเธอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวอย่างที่เพื่อนเธอพูด เรียนก็เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง บางครั้งก็มีอาการผวาอีก
แต่ถ้าไม่เล่ามันก็อัดอั้นอยู่ในใจ แต่เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าเรื่องที่เธอเจอให้เพื่อนฟังยังไงดี
“ทำไม? จับได้ว่าลีโอมีคนอื่นเหรอ?” เพลินเพลงถามหาต้นตอสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเธอเป็นแบบนี้
“ใช่ที่ไหนเล่า!” ปาลินปฏิเสธเสียงแข็ง
“เอ้า! ถ้าอย่างนั้นแกเป็นอะไร? ฉันเห็นแกเหม่อแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ” น้ำเสียงของนานะมีทั้งความสงสัยกับปนห่วงใย
ระยะหลังมานี้เพื่อนของเธอแปลกไปจริง ๆ เธอกับเพลินเพลงยังคิดว่าสาเหตุที่ปาลินเป็นแบบนี้เพราะจับได้ว่าลีโอนอกลู่นอกทางหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเพื่อนเธอคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก
ปาลินมองตาสองสาว เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอเป็นห่วงเธอขนาดไหน แต่ประเด็นคือมันติดอยู่ที่ปากเธอนี่แหละ เพราะไม่รู้จะเล่าเรื่องที่เจอมาให้ใครฟังดี แต่พอเห็นสายตาของเพื่อนทั้งสองคนแล้ว ปาลินก็นึกใจอ่อน เธอมองซ้ายมองขวาก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เธอประสบพบเจอให้เพื่อนของตัวเองฟัง
“คืองี้พวกแกคือ... ฉัน... ฉันไปเห็น...” ปาลินเริ่มเล่าสิ่งที่เธอเจอมาให้กับเพื่อนของตัวเองฟัง ภาพของสองคนนั้นยังคงแจ่มแจ้งตามหลอกหลอนเธอมาจนถึงทุกวันนี้ เรียกว่าติดตาเลยจะดีกว่า
หลังจากปาลินเล่าเรื่องราวสาเหตุที่เธอเจอให้เพื่อนฟังแล้ว ทั้งสองคนถึงกับหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ
“โอ๊ยย ยัยลิน ฮ่า ๆ ๆ ตลกว่ะ ฉันไม่รู้จะพูดคำไหนกับแกเลย ฮ่า ๆ ๆ” เพลินเพลงหัวเราะจนน้ำตาไหล หลังจากรู้ต้นตอสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเธอเป็นแบบนี้
“จริงแก ไอ้เราก็นึกว่าไปเจออะไรมา โอ๊ย... ลิน ฮ่า ๆ ๆ”
เสียงหัวเราะของสองสาวนั้นไม่เบา ทำเอาคนที่นั่งใกล้ ๆ ต่างพากันหันมามองพวกเธอเป็นจุดเดียวกัน
“หยุดหัวเราะเลยนะ ไม่งั้นฉันโกรธจริง ๆ ด้วย” ปาลินพูดเสียงดุใส่เพื่อนตัวเอง ตอนนี้เธอทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกัน
สองคนที่โดนดุต่างพากันหุบปากลงเช่นเดิม แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวเราะได้ พวกเธอพากันกลั้นขำจนไหล่สั่นไปหมด
“แกเปิดไปเห็นขนาดนั้นทำไมไม่นั่งเชียร์เป็นกำลังใจให้พวกนั้นหน่อย”
“นั่นสิ ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะเข้าไปนั่งเชียร์แบบติดขอบสนามเลย เดี๋ยวตบมือให้กำลังใจด้วย เข้าออก เข้าออกงี้” เพลินเพลงไม่พูดเปล่า เธอปรบมือเป็นจังหวะเหมือนกำลังเชียร์อยู่จริง ๆ
“จะบ้าเหรอ!” ปาลินพูดด้วยน้ำเสียงดุ
แค่เห็นเธอยังผวาขนาดนี้ ให้เธอไปนั่งเชียร์ให้กำลังใจเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ!
เพลินเพลงกับนานะอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีแง่งอนของปาลิน ทั้งสองสาวโอบกอดเพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้าตาบูดบึ้ง
“โอ๋ ๆ แม่สาวเวอร์จินของพี่ ไปเจอเหตุการณ์นั้นคงทำให้ขวัญเสียไม่น้อยเลยสินะ โอ๋ ๆ” เพลินเพลงพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“วาสนาบักใด๋น้อ ที่จะได้เพื่อนฉันไปครอง” นานะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน
ปาลินได้ยินอย่างนั้นถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง “อะไร? วาสนาบักใด๋? คืออะไร?”
“คำพูดที่เขาฮิต ๆ กันตอนนี้น่ะ ถ้าแปลก็จะประมาณว่าวาสนาผู้ชายคนไหนนะ ที่จะได้ครอบครองความซิงเพื่อนฉันคนนี้” นานะพูดจบก็หันไปหัวเราะกับเพลินเพลงในความใสซื่อของเพื่อนตัวเอง
ใครจะไปเชื่อล่ะว่าปาลินยังซิงอยู่ อายุอานามก็ปาไปยี่สิบเอ็ดปีแล้ว แค่จูบกับแฟนตัวเองก็ยังไม่เคยเลยสักครั้งเดียว อย่างมากก็แค่จับมือควงแขนแล้วก็หอมแก้มกันเท่านั้น
“หรือชายหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นจะตกเป็นของลีโอน้า~”
คนที่ถูกล้อเลียนย่นจมูกใส่เพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นไส้
ลีโอที่พวกเพื่อนเธอกล่าวถึงก็คือแฟนคนปัจจุบันของเธอเอง ทั้งคู่คบหาดูใจกันตั้งแต่เรียนอยู่ปีสองแล้ว แม้จะคบหากันมานานแต่จูบปากสักครั้งก็ยังไม่เคย อย่างมากก็แค่จับมือควงแขนกับหอมแก้มกันแค่นั้น ถึงไม่มีเรื่องนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องมันก็ไม่ใช่ปัญหาซะหน่อย เพราะความรักของเธอกับลีโอก็ยังไปได้ด้วยดี
หากจะเลิกกันจริง ๆ ลีโอก็คงเลิกนานแล้ว เพราะช่วงสมัยก่อน สภาพเธอดูแทบไม่ได้ เรียกว่าเป็นสาวเฉิ่มคนหนึ่งเลยแหละ ทั้งใส่แว่น กระโปรงยาวลากพื้นดิน และยังไม่ดูแลตัวเองอีก ไม่รู้ว่าลีโอหลงมาชอบเธอได้ยังไง เธอเพิ่งมาดูแลตัวเองช่วงขึ้นปีสามนี่เอง
“อ๋อ~ แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่แกหนีหน้าไอ้นายเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?” เพลินเพลงเอ่ยถามปาลินด้วยความสงสัย
เธอสังเกตความผิดปกติของทั้งสองคนนี้มาได้หลายวันแล้ว ปกติกลุ่มของพวกเธอกับกลุ่มของซีนายจะชอบมานั่งเล่นด้วยกันเวลาว่าง เพราะนานะเป็นแฟนกับดรีมที่อยู่ในกลุ่มซีนาย ส่วนปาลินก็เป็นเพื่อนสนิทกับซีนาย เลยได้มานั่งเล่นด้วยกันบ่อย ๆ
นานะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเพลินเพลง เธอเองก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าทำไมพักหลังมานี้ปาลินถึงหนีหน้าซีนายทุกครั้งที่เจอกัน เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้นี่เอง
“ใช่น่ะสิ ใครมันจะไปสู้หน้าไหว เห็นเต็มสองตาขนาดนั้น” นึกถึงเรื่องนั้นเธอยังขนแขนลุกอยู่เลย
“อย่างว่าแหละ สาวซิงอะเนาะ เจอแบบนั้นก็ต้องผวาเป็นเรื่องธรรมดา” นานะยังคงพูดหยอกล้อเพื่อนตัวเองด้วยน้ำเสียงทะเล้น
ในระหว่างที่ทั้งสามสาวกำลังพูดคุยกันนั้น ก็ได้มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา
“ลิน...”
ด้านปาลิน พอเห็นซีนายยืนต่อยกำแพงเธอก็รีบเดินเข้าไปห้ามทันที“นายหยุด!”แม้น้ำเสียงหญิงสาวเต็มไปด้วยความดุดัน แต่ซีนายก็ไม่ยอมฟังแม้แต่น้อย เขายังคงต่อยเข้าไปที่กำแพงอยู่อย่างนั้น“อย่ามาห้าม...” น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิดขณะที่ซีนายกำลังระบายอารมณ์กับกำแพงอยู่นั้นก็ต้องหยุดการกระทำ เพราะปาลินได้โอบกอดเขาจากด้านหลัง“พอเถอะที่รัก... พอได้แล้ว” น้ำเสียงแปรเปลี่ยนจากดุดันเป็นเสียงสั่นเครือที่เธอเสียงสั่นไม่ใช่เพราะกลัว แต่เธอสงสารซีนายที่ต้องมาเลือดตกยางออกโดยสาเหตุมาจากตัวเธอ“เฮอะ! กูก็ว่าใครที่พาพวกมากระทืบกูจนเข้าโรงพยาบาล ที่แท้ก็มึงนี่เองไอ้นาย ถุย!” ลีโอบ้วนเลือดในปากลงพื้นดิน สภาพลีโอตอนนี้ค่อนข้างสะบักสะบอมพอสมควร โดยมีเพื่อน ๆ ของเขาคอยพยุงตัวชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล“กูคิดไว้ไม่มีผิดว่าพวกมึงสองคนต้องมีซัมติงกัน ไม่น่าล่ะ ถึงได้ปกป้องกันนัก อ๋อ... สุดท้ายแม่งแดกกันเอง หึหึ” น้ำเสียงลีโอเต็มไปด้วยความดูถูก“ไอ้สัตว์มึงอะเงียบปากไปก่อน” เพื่อนของลีโอเอ่ยเตือน“เหอะ! คิดว่ากูกลัวเหรอ? มันเป็นใครใหญ่มาจากไหนกูถึงต้องกลัวมัน สันดานตบตีคนไปทั่วแบบนี้ก็แค่กุ๊ยข้า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเธอต่างพาเล่นบทพ่อแง่แม่งอนกันไม่พัก เพราะซีนายชอบมาตามติดและคอยกวนประสาทอยู่เสมอไม่มีเปลี่ยน แม้ว่าเธอจะไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า ชายหนุ่มก็ยังทำเหมือนอย่างเดิม จนคนที่เป็นฝ่ายทำใจคือเธอเองนั่นแหละหญิงสาวหันหน้าไปมองชายตาตี๋ที่จ้องมองเธอ ด้วยใบหน้าคลี่ยิ้มเพราะรู้สึกชื่นชมในตัวชายหนุ่มที่อดทนได้เก่งขนาดนี้ ทำเอาคนที่หน้าบึ้งตึงในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มตามจนตาหยี ยังไม่พอเท่านั้น เขายังส่งจูจุ๊บให้เธออีกด้วยปาลินถึงกับหุบยิ้มทันที แล้วหันกลับมาหาเพื่อนตัวเองเหมือนดังเดิม ขืนเธอยังยิ้มหรือมองซีนายอยู่แบบนี้ มีหวังเขาคงส่งจูจุ๊บให้ทั้งคืนไม่ยอมเลิกแน่นอนแต่ละคนนั่งดื่มนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ ปาลินจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อปลดปล่อยหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ร่างเพรียวบางก็เดินกลับโต๊ะของตัวเอง ในระหว่างนั้นเธอก็ถูกใครบางคนฉุดรั้งแขนเอาไว้“ไง...”“ลีโอ...?”ปาลินเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ก็ถูกลีโอขวางทางเอาไว้“จะรีบไปไหน?” น้ำเสียงเอ่ยถามอย่างกรุ้มกริ่มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์“หลีก-ไป” น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความแข็งกร้าวเธอไม่ได้อยากเสว
ผลสุดท้ายคนที่ต้องต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ซีนายก็ไม่พ้นปาลินเหมือนเคย ขืนยังให้ซีนายต้มเองต่อไปมีหวังครัวของเธอพังแน่นอนมือเรียวบางยกถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วมาให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างระมัดระวัง“ขอบคุณค้าบ~ ที่รัก~” ชายหนุ่มยิ้มหวานอย่างดีใจ จากนั้นก็ลงมือกินอาหารที่ปาลินทำมาให้อย่างเอร็ดอร่อยไม่มีบ่นแม้แต่น้อยนับตั้งแต่ที่พวกเธอตกลงสานสัมพันธ์ครั้งใหม่นั้น ซีนายก็ได้เปลี่ยนคำพูดและคำสรรพนามกับเธอ โดยเรียกเธอว่าที่รัก และแทนตัวเองว่าเค้า ซึ่งเธอได้บอกให้ซีนายเรียกแบบเดิมเพราะรู้สึกแปลก ๆ หูแต่คิดว่าคนอย่างซีนายจะยอมฟังคำคนง่าย ๆ เหรอ? คนอย่างซีนายยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เธอจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เอาที่สบายใจ ยังถือว่าโชคดีที่ซีนายทำตามเรื่องที่ตกลงกันตอนนั้นว่าทำหรือทำอะไรไม่ได้บ้าง ส่วนตัวเธอขอพูดแบบเดิมดีกว่าเพราะมันยังไม่ชินปากและไม่ได้เปลี่ยนแต่คำเรียกขานเท่านั้น ซีนายยังตามติดเธอตลอดทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ทุกเย็นจะแวะมาหาเธอที่ห้องเสมอ บางทีก็ซื้อของเข้ามากินด้วยกันและอยู่ด้วยจนกว่าปาลินจะบอกให้กลับ หรือบางครั้งก็พากันออกไปกินข้าวข้างนอกเมื่อมีโอกาส ชี
“แล้วอะไรอีก?” เสียงหวานเอ่ยถาม“ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม... จะอธิบายยังไงดีล่ะ เพราะมันก็คล้าย ๆ กันกับที่เล่าไปก่อนหน้านั้น ว่าไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน คนอื่นอาจจะเฉย ๆ แต่กับแกไม่ได้ ฉันเฉยไม่ได้ ไม่เชื่อไปถามเฮียดูก็ได้ เพราะฉันเอาเรื่องของแกไปปรึกษาเฮียตลอด”“มีอีกไหม?”ซีนายทำหน้าครุ่นคิด แล้วส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่มีแล้ว รู้แค่ว่าอยากอยู่ด้วย อยากอยู่ใกล้ อยากได้เป็นแฟน ส่วนอนาคตเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที หรือแกอยากข้ามไปขั้นตอนแต่งงานเลยก็ได้นะ ฉันไม่ติด”“ตลกละ” มุมปากปาลินถึงกับกระตุก ให้ข้ามขั้นไปแต่งงานกันทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟนเนี่ยนะ“ก็ครบสามข้อหนิ”“งั้นก็คบได้ดิ” น้ำเสียงซีนายเจือปนไปด้วยความดีใจ“ได้ แต่มีข้อแม้”ซีนายถูมือไปมาราวกับเด็กน้อยที่รอรับของเล่นจากผู้ใหญ่ “ได้สิ ว่ามาเลย”“หนึ่งปี”“หนึ่งปีเราค่อยแต่งงานกันใช่ไหม?” ซีนายไม่คิดมาก่อนว่าปาลินจะเป็นคนใจร้อนขนาดนี้ ช่างเถอะ... ยังไงเขาก็พร้อมอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา จะแต่งเร็วกว่านี้ยังได้เลยทว่าความฝันของซีนายต้องดับลงเมื่อได้ยินคำพูดต่อจากนี้“หนึ่งปีค่อยมาเป็นแฟนกัน”“ทำไมล่ะ” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้
ทางด้านปาลินตอนนี้เธอเองก็ตื่นนอนแล้วเช่นกัน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอก็เก็บของที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางเข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย จากนั้นก็ทักแชตหาคนที่บอกว่ามีเรื่องต้องการคุยกับเธอ ว่าตอนนี้ว่างแล้วพร้อมจะคุยด้วยแล้วยอมรับว่าเมื่อคืนเธอค่อนข้างตกใจที่ได้เจอหน้าซีนาย เพราะเธอยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสักนิด แต่พอเห็นสภาพของซีนายแล้ว เธอก็หลบหน้าเขาไม่ลง ไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกันซีนายไปทำอะไรมา ถึงได้มีสภาพต่างไม่จากโจรป่าขนาดนั้นเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงเสียงกริ่งห้องของเธอก็ดังขึ้น หญิงสาวลุกไปเปิดประตู ก็เห็นเป็นซีนายที่มาในสภาพแบบใหม่ที่ต่างจากเมื่อคืน“ไปตัดผมมาใหม่เหรอ?”“อือ ดูดีขึ้นป้ะ?” คนถูกทักเอ่ยถามด้วยความดีใจ เพราะไม่คิดว่าปาลินจะสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา“ก็ดีกว่าเมื่อคืนอะ” พูดจบปาลินก็หันหลังเดินเข้าห้องตัวเองแล้วไปนั่งตรงโซฟาเพื่อดูซีรีส์ต่อ โดยไม่ได้สังเกตดูซีนายแม้แต่น้อยว่าถืออะไรไว้ข้างหลัง“ว่าแต่แกมีเรื่องอะไรจะคุยด้วยเหรอ?” ปาลินเอ่ยถามเข้าประเด็น โดยสายตาของเธอไม่ได้ละจากซีรีส์เรื่องโปรดแม้แต่น้อย“ลิน...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียก“อะไร
“ก็นั่นแหละ ก็ให้นึกกลับกันว่าจู่ ๆ มีคนมาบอกว่าชอบแก โดยที่ยังไม่รู้จักหรือยังไม่ได้ทำอะไรเลย แกจะรู้สึกยังไง?”นั่นสินะ... ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีผู้หญิงมาสารภาพชอบเขานับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยรู้สึกตอบกลับความรู้สึกนั้นกับใครสักคน เพราะพวกเธอไม่เคยทำอะไรให้เขารู้สึกชอบ แต่กลับปาลินไม่ใช่แบบนั้น หรือเป็นเพราะปาลินที่ต่าง...“แล้วถ้าเฮียทำแล้วมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนั้นไม่รับรักเฮียล่ะ เฮียจะทำยังไง?”“มันก็เหมือนกับการทำธุรกิจ คนทำย่อมคาดหวังให้มันได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้อยู่แล้ว ทั้งลงทุนลงแรงเต็มที่เพื่อเป้าหมายนั้น แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะสำเร็จตามที่เราคาดหวังหรือเปล่า? เพราะผลลัพธ์มันก็มีแค่สองทางคือสำเร็จกับไม่...แล้วสมมติแผนธุรกิจนั้นไม่สำเร็จ แกจะล้มเลิกหรือตั้งใจทำให้มากกว่าเดิมล่ะ?”ซีนายได้ยินแบบนั้นถึงกับยกมือขึ้นมาป้องปากตัวเองด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ“สุดยอดไปเลยเฮีย!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความปลื้มปีติเขาไม่คิดมาก่อนว่าวันนี้พี่ชายสุดแสนเคารพรักจะให้คำปรึกษาเขาได้มากขนาดนี้ เพราะปกติเขาจะโดนพศวัฒน์เมินตลอด สมแล้วที่เขามาปรึกษาคราวนี้เป็นพศวัฒน์ที่ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย







