จ๊วบ เสียงแลกลิ้นดังระงมไปทั่วห้อง กายขาวที่ไล้ต้อนโอบกอดคนรักตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ปากอิ่มพรมจูบตามซอกคอ ราวกับติดกลิ่นหอมของคนตัวใหญ่ ปลายจมูกเรียวซุกไซร้ตามเนื้อสีแทนที่โผล่พ้นออกมากจากปกคอเสื้อ
จุ๊บ " เดี๋ยวก่อนครับ คุณเปรม" เสียงพูดที่สั่นไหวของอินดังขึ้น แต่คนที่ได้ยินกลับไม่สนใจมันแม้แต่น้อย อ๊ะ เสียงครางออกมาเพียงเพราะแค่โดนต้อนจนล้มลงไปนอนหงายที่เตียงด้านหลัง พร้อมกับกายขาวที่ตัวเล็กกว่าตน ขึ้นตามมาคร่อมทับบนตัวไว้ ฟุ่บ เรียวแขนของเปรมค้ำยันลำตัวไม่ให้นอนทับอีกฝ่ายไปตรงๆ ทำให้ระยะห่างที่สั้นเพียงคืบจนเผลอสบตากับคนใต้ร่าง ผิวสีแทนกับดวงตาที่โตแลดูใสซื่อเหมือนลูกหมาไม่มีผิด เปรมคิดเช่นนั้น ส่วนอินที่จ้องมองคนด้านบนเช่นกัน ใบหน้าคมคายเบื้องหน้าช่างดูงดงามจนทำเอาหัวใจดวงน้อย เต้นโครมครามไม่หยุด ไฝที่มุมปากขยับเล็กน้อยราวกับคนที่เม้มปากเข้าหากันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จุ๊บ ริมฝีปากกดจูบลงอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากของคนตัวยักก่อนจะกอบโกยเอารสหวานข้างใน มือที่ไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหนของอินก็เลือกที่จะกุมผ้าปูไว้แน่น น้ำใสไหลออกมาเลอะที่มุมปาก สัมผัสเบากอบกุมมือของเขาอีกครั้ง ก่อนปากจะค่อยๆผละออก " ถ้าไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหน ก็ให้วางบนนี้ซะ " ขนาดที่พูดเปรมก็ยกมือของอินขึ้นมาจับท้ายทอยของตัวเองเอาไว้ " อืม.. " สีหน้าครุ่นคิดออกมาอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะได้ทำอะไร อินก็พลิกตัวขึ้นคร่อมอีกคนแทน ชอบ..ชอบคุณเปรมที่สุดเลยครับ สีหน้าตกใจของเปรมผุดขึ้นบนในหน้าตาเบิกกว้างทันทีที่โดนรุกกลับอย่างไม่ทันตั้งตัว ปากยักประกบจูบลงไปที่อวัยวะเดียวกัน สอดลิ้นเข้าไปแลกน้ำลายราวกับสัตว์ป่า พอสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจครั้งนึงประทุออกมาแล้วก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป " อุบ เดี๋ยว..สิ นี่! " เปรมพยายามพูดแทรกขัดคนที่กำลังไซร้คอตัวเองอยู่ ก่อนจะกำแขนคนตรงหน้าแน่น แต่สิ่งนั้นหาได้เข้ามาให้หัวของอินไม่ ตอนนี้เขากลับมีความรู้สึกต้องการ ต้องการคนตรงหน้า ต้องการที่สุด อยากครอบครอง อยากได้ คุณเปรมคนนี้สุดๆเลย แต่ในขนาดที่กำลังเสียสติ ปลุกปล้ำกายขาวนวลตรงหน้าแบบคนเอาแต่ใจถึงที่สุด กลับโดนแรงดึงจากจากคอเสื้อด้านหลัง จนทำให้เขาหลุดออกจากวัง " อิน!! " เสียงตะโกนลั่นของเปรมดังขึ้น เรียกชื่ออีกคน ก่อนที่จะรีบนอนหอบหายใจ แฮ่กๆ เพราะจูบเมื่อครู่ " เจ้า... " นัยตาสีนิลจ้องมองใบหน้าของคนรักอย่างพินิจพิจารณา " อยากใส่เข้ามาในตัวรึ? " แต่ทันทีที่ถามออกไปแบบนั้น อีกฝ่ายก็รีบพยักหน้าตอบหงึกๆ ทำเอาเปรมที่รู้สถานการณ์ก็ลุกขึ้นนั่งพรวด จองมองใบหน้าขี้อ้อนตรงหน้าอีกครั้ง " จริงรึ? เจ้าอยากทำแบบนั้นกับข้า" เขาถามขึ้นยั่งเชิงอีกฝ่าย " ถ้าไม่ใช่คุณเปรม แล้วใครละครับ " อินหลบสายตาก้มมองต่ำอย่างเขินอาย ก่อนจะกล่าวต่อ " ผมก็พอรู้เรื่องแบบนี้อยู่บ้าง " เปรมกรอกสายตามองรอบๆ เม็ดเหงื่อผุดออกมาจากไร้ผมเล็กน้อย เขาคิดในใจว่าไอหมาตัวนี้มันไม่ซื่อจริงๆสินะ ดูจากครั้งที่แล้วที่เล่นยกสะโพกเขาขึ้นมาดูดส่วนนั้นเล่นราวกับของหวาน เหนือฟ้ายังมีฟ้าสินะ " เจ้าเคยคบชายด้วยกันรึ ถ้าไม่การที่มีความสัมพันธ์กับข้าครั้งนี้อาจจะทำให้เจ้าอึดอัดก็ได้ " เปรมเอ่ยขึ้น " การสอดใส่มันเป็นส่วนที่ดีที่าุดเลยนะครับ" "ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากทำกับคุณ " เปรมถอนหายใจ แต่ก็พยายามพูดหว่านล้อมอีกคนต่อ "การจะให้ส่วนนี้มันคลายตัวได้ต้องใช้ความพยายามมากเลยนะอิน " " สำหรับมือใหม่อย่างเจ้ามันก็น่าจะลำบาก " " อีกอย่างข้าไม่อยาหให้เจ้าเองรู้สึกอึดอัดเวลาทำกับข้าด้วยน่ะสิ " พูดแบบนี้ไปเจ้านี่คงคล้อยตามข้าแล้วกระมัง แต่... มันดันไม่จบแค่นี้นี่สิ " ผมไม่อึดอัดครับ " อินมองใบหน้าคมของเปรมอย่างคาดหวัง " ผมอยากกอดคุณเปรม " เนื้อตัวที่โผล่พ้นเสื้อออกมามันขึ้นสีแดงไปหมด ลามตั้งแต่ใบหน้าหูไปถึงลำคอ นี่ไอหมาวัดตัวนี้มันเขินอยู่รึ? " หืม? " เปรมจ้องมองคนตรงหน้าอย่างจริงจัง " ถึงคุณจะคิดว่าผมฝืนใจตัวเอง แต่ความจริงมันไม่ใช่เลยครับ" " ผมอยากทำกับคุณเปรมจริงๆนะ ..อยากเห็นครับ " มือกุมเข้าหากัน ถูไปมาราวกับคนสารภาพความผิด เปรมมองใบหน้าที่เขินอายแต่ปากที่พูดความใจในออกมาของอิน ถึงจะคาดไม่ถึงว่าคนที่จะถูกกอดเป็นตัวเองก็เถอะ พูดง่ายๆ คือเจ้านี่อยากเห็นข้าในสภาพที่ดิ้นทุรนทุรายเพราะความอยากสินะ พูดออกมาขนาดนี้ข้าเองก็ดีใจนะ ที่อินอยากทำกับข้าถึงเพียงนี้ แต่..ตัวข้าเองหาใช้คนที่มาทางสายถูกกอดเลยสักนิด เอาอย่างไรดีเล่า เปรม.. หรือข้าจะขู่ให้กลัวดีนะ? "งั้นเจ้า ...." เปรมกระชากคอเสื้อของอินอย่างแรงจนอีกคนเซล้มตัวลงใส่เขา มือนั้นรีบทำการเผด็จศึกจับหัวทุ่ยๆนั้นกดลงใส่ระหว่างขา จนใบหน้าใสซื่ออยู่ห่างจากเป้าไม่ถึงคืบ " ลองใช้ปากกับข้าอีกครั้งซะสิ " แรงกดที่ไม่มากกดลงที่หัวของอินอย่างกลั้นแกล้ง "ถ้าเจ้าอยากทำกับข้ามาก ก็ต้องทำความคุ้นชินกับร่างกายนี้ก่อนสิ ใช่มั้ยอิน " พูดจบก็ใช้นิ้วโป้งลูบเบาไปที่ริมฝีปากหยัก " คิดซะว่านี่เป็นน้ำจิ้ม ก่อนเริ่มเกมจริงอย่างไรเล่า " จากนั้นปลายนิ้วหัวแม่มือก็แหย่เข้าไปสะกิดเนื้อลิ้นด้านใบเล่น " ได้ครับ " ใบหน้าของเขาขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด แต่สายตาก็แน่วแน่ไม่เปลี่ยน " ถ้าไม่ไหวก็คายละ อย่าฝืน " เปรมพูดขนาดที่ยกมือลูบหัวนั้นเบาๆ มือหนาทำการปลดผ้าโจงกระเบนออก จนด้านล่างนั้นเปลือยเปล่า เอ็นร้อยขนาดใหญ่ปรากฏสู่สายตาของอินอีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อเคยดูดไปแล้วเรื่องแค่นี้ก็น่าจะหมูๆน่า ธีรัช จุ๊บ เสียงพรมน้ำลายใส่ปลายแท่งเอ็นค่อยๆดังขึ้น ปากยักเลียและอมส่วนปลายของเอ็นเข้าไปที่ละนิด จ๊วบ.. มือที่วางก็ทำการจับเอ็นไว้ให้ปากสามารถขยับได้อย่างเต็มที่ ภายในหัวคิดแต่ว่าครั้งนี้ทำไมมันดูยากกว่าครัเงที่แล้วอีกนะ สายตาของเปรมจ้องมองการกระทำที่ยั่วยวนตรงหน้า พรางคิดเล่นๆ ว่าถึงฝีมือจะไม่ได้เรื่อง แต่มันก็มีคุณค่าพอ ที่จะกระตุ้นให้มองได้ มือเรียวสัมผัสเบาๆที่กลุ่มผมของอิน ในขนาดที่สายตายังคนจับจ้องมองคนใต้ล่างที่กำลังลอบเลียส่วนนั้นของตัวเองอยู่ จนบัดนี้ส่วนปลายเริ่มมีน้ำสีขุ่นปริทะลักออกมา มันเลอะเทอะปากหยักนั้น ซึ่งทุกการกระทำที่เปรมมองมันข่างดูยั่วยวนอะไรขนาดนี้ แต่ในระหว่างที่บทเพลงรักค่อยเป็นค่อยไป คนใต้ล่างกลับเหลือบมองขึ้นมาสบตากับเปรม ช่วงเวลานั้นราวกับทุกสิ่งโดนสะกดไว้ ทำเอาเขาเผลอดันหัวทุ่ยๆนั้นกระแทกเข้ามาสุดแรงจนมิดโคน " แค่ก! " อินสำลักออกมา ก่อนจะรีบผละตัวลุกขึ้น ไอบ้าเอ้ย เปรมสะบดในใจ " ข้าขอโทษ! ข้ามีอารมณ์มากไปหน่อย แต่เดี๋ยวจะไปหาอะไรมาให้ดื่ม " กายขาวที่เขอนอายรีบทำท่าจะลุกออกจากตรงนั้น หมับ จู่ๆแขนก็ถูกรั้งเอาไว้ ทำให้ต้องหันกลับไปมอง " ชอบมั้ย..ครับ " คนที่ยังสำลักอยู่รีบพูดขึ้นดักเขาเอาไว้ " กะไรนะ? " เปรมเลิกคิ้วขึ้น " คุณเปรม..รู้สึกดีมั้ยครับ " บรรยากาศเงียบไปสักพัก ก่อนที่เปรมจะหัวเราะเสียงดังลั่น ไหล่สั่นไหวตามจนอินที่มองอยู่รู้สึกตกใจและเขินอายทำตัวไม่ถูกไปพร้อมกัน " เหลือเชื่อเลยจริงๆนะอิน " " ข้ายอมแพ้แล้ว มานี่มา " มือนั้นกวักเรียกราวเชิงเชิญคนที่ปากเต็มไปด้วยน้ำกาม " ใส่มันเข้ามาแล้วมองให้เต็มตาเจ้าไปเลยสิ" ปากอิ่มยิ้มร่า เอนตัวนั่งลงตรงหน้าอีกคนก่อนจะปลอดกระดุมเสื้อออกอย่างเชิงเชิญ ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อ ลามไปถึงเนินอกเนียน "ได้ยินเจ้าบอกว่ารู้วิธีใช้นิ้ว? ไปเรียนมาจากใครละ" สายตาที่เจ้าเสน่ห์ของคนเป็นนายจับจ้องที่เขา มือใช้ค้ำหัวขึ้นในขนาดที่กำลังพูด " ก็ผมเคยบอกแล้วนะครับ ว่ายุคผมมีหนังโป๊" อินน้ำหน้ามุ่ย แต่ก็ยังคงใช้มือค่อยๆ ลูบคลำเรือนร่างตรงหน้า " ถึงข้าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เจ้าเก่งมาก " เปรมพูดขึ้นก็ใช้มือลูบแก้มอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูก่อนจะพูดต่อ " งั้นตอนนี้ก็ลองทำแบบที่เจ้าอยากทำสิ" ฟุ่บ ทันทีที่จบประโยค อินก็กดตัวเขาลงกับฟูกเตียง พรมจูบลงตามเนินอกซ้ำๆ ก่อนจะค่อยไล่ลงไปหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ลงไปสุดถึงท้องน้อย ความรู้สึกเสียวซ่านเริ่มตีขึ้นมา เมื่อลิ้นร้อนเลียไปมาบริเวณสะดือ ตรงไปตรงมาใช้ได้เลยนะ อินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าคมคายของเปรมอมยิ้มราวกับรู้สึกดีสุดๆเวลาที่อินมองมาที่เขา " ต่อสิ " ปากอิ่มเอ่ยขึ้น พรางใช้มือเช็ดน้ำลายมุมปากของอินออกให้ " คุณเปรม ยกสะโพกหน่อยได้มั้ย " สะโพกนิ่มยกขึ้นอย่างว่าง่าย ก่อนที่หมอนหนุนตัวเก่งจะถูกนำมารองไว้ใต้เอวคอด แต่เปรมรู้สึกเเปลกชะมัด..ใช่สิปกติเขาต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้นด้วยซ้ำ นิ้วเรียวสอดเข้าไปในรูจีบสีสวยหนึ่งนิ้ว ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอีกฝ่ายตีขึ้น ทำให้เปรมแอบขมวดคิ้วมุ่น คนด้านบนพอเห็นคนตัวขาวเริ่มแสดงสีหน้าไม่ดีออกมาก็ รีบกเมลงไปจุมพิตหวานใส่ หวังจะให้ผ่อนคลาย ปลายน้ำสัมผัสกับเนื้อด้านในของรูจีบพยายามกดหาจุดที่คิดส่าอีกฝ่ายน่าจะชอบ จนรูเล็กนั้นชุ่มไปด้วยน้ำลักเมื่อครู่ ส่วนปากที่ยังคงทำหน้าที่ปลอบประโลม ก็ยังแลกลิ้นกลืนน้ำหวาน เริ่มมีอารมณ์แล้วแฮะ.. ปากยักผละออกจากการจูบช้าๆ " ผมใส่เข้าไปอีกนะ " นิ้วที่สองเริ่มเข้าไปมีบทบาททันที เสียงอึกอักครางเบาๆในลำคอดังขึ้นเปรมรู้สึกแปลกประหลาดบริเวณช่องท้อง แต่กลับรู้สึกดีเวลาเดียวกัน " เจ็บมั้ยครับ ไหวหรือเปล่าคุณเปรม" นิ้วยังคงขยับเข้าออกเพื่อขยายช่องทาง " อืม..ไม่เจ็บ ต่อเลย " ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่มือกลับเอาแต่ชักรูดแท่งเอ็นไม่หยุด ราวกับพยายามจะให้ตัวเองเสร็จ ไอ้บ้าเอ๊ย..เจ็บชะมัด ปากที่ถูกจู่โจมจากคนบนร่างอีกครั้ง แต่ในหัวกลับเอาแต่คิดเรื่องอื่น ทำไมถึงเจ็บแบบนี้นะ หรือตัวข้าไม่มีพรสวรรค์ทางช่วงล่างกัน แต่..ช่างเหอะ เดี๋ยวก็มีอารมณ์เองแหละ ทันที่ที่คิดแบบนั้นเขาก็ผละคนตัวโตกว่าออกจาการจูบ " นี่ ใส่เข้ามาเลยอิน " "หืม" อินเลิกคิ้ว " คุณยังเจ็บอยู่เลย ต้องขยายมันอีกครับถึงจะใส่เข้าไปได้น่ะ " " ไม่ต้องหรอก เจ้าเข้ามาเดี๋ยวข้าก็ชินเอง " " แต่ว่า " น้ำเสียงที่เป็นคนคนตัวขาวอย่างเป็นจริงเป็นจัง " ข้าแค่..อยากให้เจ้ารีบใส่เข้ามาน่ะ " คำพูดที่หวานไม่พอ มือยังลูบไล้ตามเนินอกสีแทนอย่างออดอ้อน ใจร้ายจังนะคุณเปรมเนี้ย " งั้นผมจะค่อยๆ ทำถ้าไม่ไหว บอกผมนะ " " ครับคุณพ่อ " ความทะเล้นไม่กลัวเจ็บผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน กึก มือหนากดต้นขาเรียวนั้นให้อ้าออก ก่อนจะค่อยๆยัดแท่งเอ็นอันมหึมาเข้าไปในรูจีบนั้น แต่ทันทีที่เริ่มเข้าไปได้ครึ่งทาง ร่างขาวใต้ล่างก็ยกแขนขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตัวเองไว้ ต่างกับนิ้วลิบลับเลย " เข้ามาหมดหรือยัง " เปรมเหลือบมองคนตรงหน้า ด้วยเสียงหายใจที่แรง " อืม..ครับ " "คุณไหวมั้ย ไม่เจ็บหรอ? " น้ำเสียงเป็นห่วงของอินพูดีขึ้น ในขณะที่แช่เอ็นทิ้งไว้ในรูจีบในมันชิน " ข้าไหว ลองขยับดูสิ " สวบ เอวกระสอบเริ่มขยับเข้าออกช้าๆแต่หนัก็แน่นทุกครั้งที่กระแทกสะโพกเข้ามา ทำเอาคนที่นอนอยู่รู้สึกเจ็บเหมือนโดนทะบองอทงอย่างงั้น " อิน.. " "ไม่ใส่เข้ามาให้มิดละ " หลังจากที่ทนมาอยู่นานเปรมก็รู้สึกว่าอีกคนช่างดูถูกเขาเกินไปหน่อย เล่นใส่เข้ามาไม่สุดแบบนี้ชาติไหนมันจะเสร็จให้ละวะ เขาเลยใช้ขาเกี่ยวเข้าที่เอสกระสอบเเน่นจบแรงประทะ มันส่วผมให้เอวนั้นกระแทกเข้ามา จนมิดด้าม " คุณเปรม.. " ถึงจะตกใจแต่ก็รีบเช็ดูอาการอีกคน " ผมกลัวคุณจะเจ็บถ้าใส่แรงเข้าไปขนาดนั้น.. " ใบหน้าขาวซีด ขึ้นสีระเรื่อไปทั่วร่าง แววตาที่ดูตกใจเบิกกว้างมีน้ำใสคลอที่เบ้า พร้อมกับสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีนัก แต่มันดันเซ็กซี่จนใครก็ตามที่มาเห็นได้มีอารมณ์กันทั่วหน้าแน่ แฮ่ก..แฮ่ก.. ชิ อะไรเนี้ยเขาชอบตรงนี้หรอ? เอวกระสอบเริ่มขยับอีกครั้งหนึ่ง พรางก้มมองสีหน้าที่เริ่มรู้สึกดีของอีกคนอย่างชัดเจน เสียงครางหวานที่สั่นกระเส่าดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับจังหวะกระแทกเอวลงไปที่สะโพกนิ่ม ให้ตายเหอะ ไม่ไหวแล้วว่ะ หมับ ทาสหนุ่มที่ทนไหวไหวกับความเขินอายของเจ้านาย ที่เอาแต่ยกแขนขึ้นมาปิดบังใบหน้า ทั้งที่มันออกจะยั่วยวนขนาดนี้ จะปิดทำไมกัน เขากดแขนอีกคนไว้กับฟูกของเตียงนอนแน่น ส่วนเอวก็ขยับแรงเน้นกระแทกเข้าไปจนสุด เสียงเนื้อกระทบกันดังกังวานไปทั่วบริเวณ " ฮึก เดี๋ยวก่อน " " อิน! ..อ่าห์ " ปากอิ่มที่กำลังพะงาบ เอ่ยคำพูดออกมาถูกอวัยวะเดียวกันปิดไว้ ใบหูขึ้นสี กับความรู้สึกมวนท้องน้อยตีขึ้นมาในหัว จูบอันเร้าร้อนน้ำลายถูกแลกเปลี่ยนระหว่างคนสองคนไปมา ซ้ำแล้วซ้ำอีก กับบทเพลงรักของจังหวะนรกช่วงล่าง ที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดความอดทนก็หมดลง เปรมผละออกจากการจูบ ก่อนจะดันคนที่ตัวใหญ่กว่าให้นอนนายลงไปกับฟูก ทั้งที่ยังมีแท่งอันมหึมานั้นคาอยู่ด้านในขอเปลี่ยนมาขึ้นคร่อมแทนหน่อยแล้วกัน " พอดีข้าไม่ถนัดเงยหน้ามองน่ะ " รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้น ก่อนจะใช้มือเสยผมที่ชุมไปด้วยเหงื่ออย่างลวกๆ อินที่ได้แต่จ้องมองภาพอันอันยากและน่าจะมีแต่เขาเท่านั้นที่เคยได้เห็น ก็ลองกลืนน้ำลายลงคอ เอวคอดเริ่มทำการกระแทกเน้นจุดเสียวไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าทำไมมันถึงยังเข้าไปได้อีกกันนะก่อนจะใช้เท้ายันหน้าอกของอินเบาๆ เชิงหยอกล้อ " ทำไมมองข้าแบบนั้น เสียวดีใช่มั้ยละ " คำพูดที่ดูเหมือนนักเลงไม่พอ นิ้วเท้าก็เล่นแหย่อีกคนเล่น แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อจู่ๆ คนที่ถูกแหย่เล่นกลับเลียนิ้วหัวแม่เท้าของเขา แล้วยังยิ้มอีก เหอะ.. แล้วแบบนี้จะให้ข้าไม่ชอบเจ้าได้อย่างไรเล่า ไอเด็กบ้านี่ พรวด แก่นร้อนที่กำลังชักไม่หยุดอยู่ ก็พ้นน้ำสีขาวขุ่นออกมากระจายเต็มหน้าท้องคนที่นอนอยู่ จากนั้นไม่นานความรู้สึกคับแน่นที่บริเวณด้านหลังก็ตีขึ้น สะโพกสวยยกขึ้นออกจากแท่งเอ็นร้อนช้าๆ จากนั้นโดยไม่ต้องรอให้ ถอนออกหมดลำ น้ำสีขุ่นก็ไหลออกมาเลอะตามซอกขา จนเหนียวเหนอะหนะไปหมด " เล่นปล่อยออกมาเต็มท้องข้าเลย ถ้าข้าเป็นหญิง คงท้องไปแล้วกระมัง " คำพูดติดตลกของเปรมดังขึ้น " งั้นเอาให้ท้องเลยมั้ยครับ " มือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด จับเข้าที่ก้นนิ่มของอีกคน ก่อนจะบีบมันอย่างหมั่นเขี้ยว " เดี๋ยว ข้าพึ่งจะเสร็จไปนะ นี่เจ้า!!! " แสงตะเกียงริบหรี่คล้ายรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนฟูกนอนนั้น และค่ำคืนนี้ก็จารึกไว้ในหัวใจของทั้งสองคนตลอดไป แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาแตะขอบเตียงอย่างแผ่วเบา เสียงนกร้องแว่วอยู่ไกล ๆ เป็นดั่งสัญญาณว่าความวุ่นวายของวันใหม่กำลังเริ่มต้น อินลืมตาตื่นขึ้นก่อน รู้สึกได้ถึงความเมื่อยล้าจากการ ‘ออกแรง’ อย่างหนักเมื่อคืน เขากะพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับแสง ก่อนจะค่อย ๆ หันมองข้างตัวด้วยความเคยชิน ภาพที่เห็นทำเอาเขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ เปรมนอนตะแคงหันหลังให้เขา ร่างเปลือยเปล่าที่เหนื่อยล้าจนหลับสนิทมีเพียงผ้าห่มผืนบางที่เลื่อนลงมาคลุมแค่ตรงสะโพกพอดีเป๊ะ ราวกับเจตนาจะให้เห็นผิวขาวเนียนกับเส้นโค้งของก้นที่ช่าง…กลมกลึงแบบที่ไม่ควรเห็นตอนเช้า ๆ แบบนี้ “โอ๊ย…” อินหลุดเสียงพึมพำเบา ๆ พยายามเบือนหน้าหนี แต่มันก็สายไปแล้ว เพราะภาพนั้นมันฝังแน่นในสมองไปแล้วเต็ม ๆ “ใครเขาอนุญาตให้คุณเซ็กซี่เวลานอนกันครับเนี่ย…” เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ เสียงติดจั๊กจี้ปลายหู ไม่รู้ว่าตัวเองเขินหรือกำลังคิดลึกอีกแล้ว ร่างกายที่ยังไม่หายดีเท่าไหร่เริ่มแสดงอาการตื่นตัวอีกครั้ง อินเบิกตากว้าง รีบเด้งตัวออกจากเตียงเบา ๆ อย่างคนหนีตาย “ใจเย็น อิน…ใจเย็น! เมื่อคืนพอแล้วไง! ขืนต่ออีกรอบ คุณเปรมได้สลบคาอกแน่…” เขาพึมพำพลางเดินเซไปท่าน้ำที่ใกล้ห้องนี่ด้วยท่าทางลนลานแบบคนที่ไม่อยาก ‘คิดแต่ก็เผลอคิดไปแล้ว’ เสียงตักน้ำดังอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินกลับออกมา ผมเปียก ๆ ร่วงลงข้างขมับ เสื้อสีนวลหลวม ๆ ที่หยิบมาใส่ทับร่างเปลือยเปียกชื้น ยังไม่ทันได้แห้งดีเขาก็เดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ คนที่ยังหลับสนิท อินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ยกมือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากเปรมอย่างเบามือ “คุณนี่…เหนื่อยจริง ๆ นะ” เขากระซิบ ยอมรับกับตัวเองในใจว่าเมื่อคืนเขา… ‘จัด’ หนักไปหน่อยจริง ๆ แต่จะทำไงได้ล่ะ ก็คุณเปรมน่ารักขนาดนั้นนี่นา อินเลื่อนตัวเข้าไปกอดแนบอก รู้สึกถึงไออุ่นและกลิ่นตัวหอมอ่อน ๆ ที่ยังไม่จาง หัวใจเขาเต้นแผ่วเบา แต่มั่นคง “…เช้านี้ผมจะไม่ปลุกคุณนะครับ แต่คืนนี้…” ริมฝีปากแตะแก้มอีกคนเบา ๆ พลางกระซิบ “…ขอเบิ้ลเถอะนะ” แล้วเขาก็ซุกหน้าลงตรงซอกคอของเปรมอีกครั้ง พึมพำเสียงเบาแต่ชัดเจนว่า… “ขอแค่ห่มผ้าให้มิดหน่อยก็พอ ผมจะได้ไม่เสียสติตอนเช้า…”หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต
ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน
แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ
แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ
เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา
หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่
ประตูห้องบานไม้ปิดลงเบา ๆ พร้อมเสียงกลอนที่ถูกหมุน เสียงฝีเท้าของอินหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมา“จะให้ผมหาน้ำให้ดื—”เขาพูดได้แค่นั้นก่อนที่ร่างกำยำจะถูกคว้าหมับเข้ามาในอ้อมกอดแน่นหนา กลิ่นน้ำอบอ่อนๆจากเสื้อลินินของคุณเปรมยังไม่ทันจาง ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประกบลงมาทาบปิดคำพูดของเขาแรงแต่ไม่รุนแรง เร่าร้อนแต่มั่นคง และเต็มไปด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นจนล้นขอบใจอินนิ่งไปชั่วครู่ สมองขาวโพลน ก่อนที่มือจะเลื่อนขึ้นจับแผ่นอกแข็งแรง แล้วหลับตาตอบรับจูบนั้นอย่างเงียบงันแฮ่ก เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ต้นขาเรียวถูกสอดเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างขาของคนตัวใหญ่กว่า ร่างทั้งสองบดเบียดเข้าหากันจนหลังพิงผนังไม้ ลิ้นร้อนดูดดึงรสหวานขมปลายจากปากของอีกฝ่าย มือหนากอดรัดเอวคอดไว้หลวมๆ ขนาดที่พยายามจูบตอบ" อดทนมาทั้งวันแล้ว แฮ่ก.. " เสียงพูดสุดเร้าใจดังขึ้นอยู่ข้างหูของอิน " ถอดผ้าออกสิอิน " ปากอิ่มพึมพำพ้นลมร้อนใส่ ก่อนจะใช้มือขยำก้นของอินอย่างปลุกเร้าเป้าที่นูนขึ้นโผล่พ้นผ้าโจงออกมาอย่างเห็นได้ชัดกำลังถูกันไปมาทุกครั้งที่ร่างเบียดเข้าไปใกล้ชิดจนแทบไม่มีช่องให้อากาศลอดผ่าน " เร็วเข้า.. " มือเรี
พระจันทร์ลอยเด่นเหนือเรือนพัก เสียงกรอบแกรบของไม้เก่าที่ขยับตามลมเบาๆ แทบจะกลบเสียงหัวใจที่เต้นดังตุบๆ ของคนสองคนไม่ได้เลยอินขยับฟูกเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด… แล้วก็อีกนิด จนได้กลิ่นน้ำอบอ่อนๆ จากเสื้อผ้าคุณเปรมที่พาดไว้มุมฟูก"วันนี้ข้าตรวจบัญชีจนตาแทบบอด" เปรมบ่นเสียงเบา ขณะเอนตัวลงข้างอิน แขนข้างหนึ่งยันศีรษะ ส่วนอีกข้างปล่อยวางสบายๆ"ผมก็ขายของจนปากแห้ง คิดว่าจะไม่ได้ขายอะไรเลยด้วยซ้ำ… แต่แม่บุหลันมาช่วยไว้ทันครับ""นางมักใจดีเช่นนั้น…""แล้วคุณเปรมล่ะครับ วันนี้นอกจากจ้องตัวเลข ยังคิดถึงผมบ้างไหม?" อินแกล้งถามเสียงเบา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับใต้แสงตะเกียงเปรมเลิกคิ้วมอง ก่อนเอื้อมมือมาดีดหน้าผากอีกคนเบาๆ "ข้าคิดถึงเจ้าทุกคราวที่หยุดหายใจ… แบบนี้พอหรือยัง?"อินหัวเราะคิก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ "จะหวานไปไหนครับท่าน!"เปรมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับมือไปแตะแก้มอินแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือลูบวนเบาๆ ราวกับสำรวจทุกอณู"คราวหน้า อย่าเอาเงินทั้งหมดมาให้ข้าอีก เข้าใจหรือไม่""แต่ผมอยากให้คุณ…""เจ้าจะไถ่ตัวเองไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกจองจำตลอดชีวิตดอกหนา""แล้วถ้า… ผมยินดีจะเป็นทาสคุณตลอดช
แสงแดดอ่อนยามเช้าโรยตัวลงบนระเบียงเรือน เสียงไก่ขันเบา ๆ เคล้าเสียงนกกระจิบที่บินวนอยู่ตามชายคา เรือนเปรมในยามเช้าช่างสงบงามราวภาพวาด แต่บรรยากาศบนเรือนกลับไม่เงียบเหงาเหมือนวันก่อน ๆ เพราะชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบชาร้อน พลางสนทนากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย"เจ้าจะกลับไปอยู่เรือนท้ายอย่างเดิมจริง ๆ หรือ อิน?" คุณเปรมวางถ้วยชาลงบนถาดไม้ไผ่ เคลื่อนตัวนั่งหลังตรง สีหน้าไม่เห็นด้วยนิด ๆ "ข้าไม่เข้าใจ…เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเยี่ยงนั้น ทั้งที่บัดนี้เจ้าอยู่ตรงนี้ก็สุขสบายดี"อินนั่งก้มหน้า มือเกาะแก้วชาราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของชีวิต“ก็เพราะว่าข้ามันเป็นทาสน่ะสิครับ” เสียงเขาเบาจนแทบเป็นกระซิบ “มันก็ไม่ยุติธรรมนักที่ผมได้อยู่เรือนหน้า กินดีอยู่ดี ขณะที่คนอื่นลำบากกันอยู่นั่น”คุณเปรมถอนใจยาว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ดูหงุดหงิด เขาไม่อยากบังคับอิน แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองโดยไม่จำเป็น" เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้ารักเจ้าน่ะอิน " เปรมกุมขมับปลายตามองคนตรงหน้า" รู้ครับ..ผมเองก็รักคุณเปรม " เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ใช้ชีวิตเกินฐานะ แต่ถ้า