เสียงล้อเกวียนที่บดเบียดไปตามพื้นดินลูกรังดังก้องสม่ำเสมอ เคล้าเสียงลมพัดแผ่วของยามค่ำคืนที่พาดพิงเรือนยอดไม้เป็นระลอก กลิ่นดินเปียกและกลิ่นฟางแห้งลอยกรุ่นในอากาศอับชื้นของป่าลึก เปรมรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ร่าง ก่อนเปลือกตาจะขยับเบาๆ แล้วลืมขึ้นช้าๆ
เขาผุดลุกขึ้นด้วยแรงสัญชาตญาณ แต่เพียงชั่วครู่ก็ต้องทรุดตัวลงอีกครั้งเมื่อความเจ็บปวดจี๊ดแล่นผ่านจากท้ายทอยขึ้นกลางศีรษะ มือคว้าหลังคอแน่น ใบหน้าเหยเก “…อิน…” เสียงของเขาเบาหวิวและพร่ามัวคล้ายกำลังล่องลอยอยู่ระหว่างความจริงกับความฝัน ก่อนความจริงจะค่อยๆ กระจ่างขึ้น เขาดึงผ้าปิดเกวียนออกช้าๆ มองลอดออกไปด้านนอก แล้วก็เห็นเพียงต้นไม้สูงใหญ่ไหวไกวไปมาตามแรงลม กับทาสหนุ่มคนเดิมที่กำลังจับบังเหียนควบม้าอยู่ด้านหน้า ใบหน้าคมที่เขาคิดถึงอยู่ทุกค่ำคืนบัดนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน “คุณเปรม…ตื่นแล้วหรอครับ” อินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง หันมามองเล็กน้อย “ปวดหัวอยู่ไหม?” เปรมไม่ตอบ มือยกขึ้นกุมขมับนวดวนเบาๆ ก่อนดวงตาคู่เข้มจะกวาดมองไปรอบตัวอีกครั้ง เขาหันไปจ้องหน้าทาสหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “เรากำลังจะไปไหน?” เขาถาม น้ำเสียงกร้าวแข็งและไม่ไว้ใจ อินสบตาเขานิ่งๆ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “เมืองสุพรรณครับ…” อัก! คำตอบนั้นแทบไม่ทันจบดี หมัดหนักๆ ก็ฟาดลงกลางหน้าอินเต็มแรงจนหน้าสะบัด เปรมพุ่งเข้าใส่ คว้าเชือกบังเหียนจากมืออิน ดึงแรงราวกับจะให้เกวียนวกกลับทิศทางทันที “ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น! ข้าจะกลับไปหาปิ่นแก้ว!” เสียงเปรมดังลั่น ร่างสูงโปร่งของเขากระชากเชือกไปอีกทาง แต่ม้าก็เริ่มตื่นตกใจ อินรีบเข้าแย่งกลับ ขณะที่สองร่างเริ่มผลักดันกันไปมาอย่างไร้ทิศ “คุณเปรม! ใจเย็นก่อน—” “ข้าจะไม่ทิ้งน้องสาวข้าอีก! ข้าทิ้งนางไม่ได้!” เปรมตะโกนสุดเสียง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้าวราน เกวียนเริ่มโคลงเคลง เสียงล้อบดดังหนักขึ้น อินใช้จังหวะที่เปรมกำลังสะอึกสะอื้นล็อคตัวเขาแน่น กดให้ร่างสูงใหญ่นั้นแนบกับพื้นไม้ของเกวียน ท่ามกลางเสียงหอบหายใจถี่และแรงสั่นของเรือนร่างที่ตึงเครียด “ฟังผมให้ดีเถอะคุณเปรม…” อินเอ่ยช้าๆ ด้วยเสียงที่แผ่วต่ำแต่แน่นหนัก “ถ้ากลับไปตอนนี้ จะตายเปล่าๆ นะครับ และแม่ปิ่น…ก็จะเสียคุณไปอีกคน เข้าใจไหมขอรับ?” เปรมดิ้น ร่างสะบัด แต่เรี่ยวแรงกลับอ่อนแรงลงเรื่อยๆ น้ำตาร้อนๆ เริ่มกลิ้งลงบนพวงแก้ม “น้องสาวของข้า…อยู่ที่นั่นคนเดียว…กับมัน…ข้าจะปล่อยนางไว้ได้ยังไง…” เสียงเขาสั่นพร่า มือกำหมัดแน่นทุบพื้นเกวียนซ้ำๆ ราวกับจะลงโทษตัวเอง อินยังคงประคองร่างนั้นไว้แน่น ก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่นุ่มนวล “เรายังช่วยนางได้…แต่ต้องมีแผน มีพวก…ผมไม่อยากให้คุณเปรมเป็นศพไปอีกคน…” เปรมสะอื้น ใจเต้นโครมครามไปกับความรู้สึกที่หลั่งทะลักทั้งโกรธ เจ็บ เสียใจ และหมดหนทาง เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร่ำไห้เหมือนเด็กที่สูญเสียทุกอย่างในชั่วพริบตา อินมองใบหน้าที่เปียกน้ำตาของคนที่เขารัก เจ็บจนอยากร้องไห้ตาม มือของเขาสั่น เสียงในอกดังโครมครามราวจะระเบิด “ข้าเกลียดเจ้า อิน…เจ้าไม่มีสิทธิ์ลากข้าออกมาแบบนี้…” เปรมตะโกนเสียงแหบพร่า ทุบอกอินอย่างไม่มีเรี่ยวแรง “เจ้า…เจ้าไม่มีสิทธิ์เลย…” และในวินาทีที่เปรมยังพูดไม่จบ อินก็โน้มใบหน้าเข้าหา ดึงร่างที่ร้องไห้เข้ามาแนบอก แล้วปิดปากของเปรมด้วยจุมพิต ไม่ใช่จุมพิตแห่งตัณหา...แต่คือจุมพิตที่โหยหา ปนเปกับความเจ็บปวดและคำขอโทษนับพันที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ อินจูบเขาแน่นราวจะส่งผ่านความรัก ความห่วงใย และคำว่า “อยู่กับข้าเถอะ…” โดยไม่ต้องเปล่งเสียง เสียงลมในป่าหยุดนิ่ง ม้าก็หยุดวิ่ง เปรมหยุดดิ้น น้ำตายังไหลข้างแก้ม และในอ้อมกอดนั้น เขารู้ว่าต่อให้โลกทั้งใบไม่เหลือใคร อิน…จะยังอยู่ข้างเขาเสมอ. จูบที่ไม่มีการลุกล้ำใดๆ กำลังจะถูกถอนออกช้าๆ จากปากของคนที่เริ่มก่อน อินสัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหวของคนในอ้อมอกที่เริ่มคงที่ แต่หลังจากที่ผละปากออก กลับถูกแรงส่งจากท้ายถอยดันให้กลับเข้าไปจุมพิตอีกครั้ง มือเรียวคว้าเข้าที่ท้ายถอยของชายผิวแทนประกบจูบแบบเร้าร้อน อย่างโหยหา ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปชิมรสหวานจากโพลงปากของคนตัวใหญ่กว่า ทำเอาอินที่ต้องมาตั้งรับสัมผัสนี้สะดุ้ง ถึงช่วงแรกของจูบจะมีเก้ๆกังๆ ไปบาง แต่พอเริ่มจับทางของอีกฝ่ายได้ อินก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อน เข้ารีบสอดลิ้นบดเบียดเข้าไปราวกับจะเอาชนะบ้าง เสียงแลกลิ้นดังระงม ใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาจากสัมผัสร้อนตรงหน้า "อือ....พ..พอ ได้แล้ว! " เสียงอื้ออึงในลำคอของเปรมดังขึ้นประท้วงทันทีที่ ถูกต้อนจนจนมุม " ขอ..โทษครับ " อินที่รู้สึกตัวยอมผละจูบออกแต่โดยดี ก่อนจะก้มหน้ารู้สึกผิด ที่จู่ๆก็ทำแบบนั้นในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายเศร้าโศกเช่นนี้ มุมปากของเปรมยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเอ็นดู จากที่กำลังจะฉุดเฉียว เรื่องน้องสาวต่อ พอมาเห็นอินที่ทำตัวเป็นหมาน้อยหางตกแบบนี้ก็ทำเอาอารมณ์เมื่อครู่หายไปเสียหมด ถึงอินจะตัวใหญ่บึกบึนแต่กลับมีแววตาใสที่ราวกับเด็กน้อยตาดำๆ มือเรียวยกขึ้นจับคางของอินให้เงยหน้าสบตา ก่อนจะจุมพิตเบาๆ ลงปากยักที่เม้มเข้าอย่างสั่นไหวนั้นอีกครั้ง " ข้าว่าจะโกรธเจ้า..แต่พอเห็นแบบนี้ข้าก็โกรธไม่ลงแล้วละ " เปรมขบขันเบาๆ พรางยกมือขึ้นมาเช็คคราบน้ำหูน้ำตาที่ข้างแก้มออก " คุณ..ใจเย็นขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ " อินมองอีกฝ่ายอย่างเขินอาย ยกมือขึ้นมาจับมือของอีกคนที่สัมผัสอยู่ข้างแก้ม " อืม ที่ข้าจูบเจ้าอีกรอบรู้มั้ยคืออะไร? " " ครับ? ..เพราะโกรธผมหรอ..ขอ-- " " ข้าสอนวิธีการจูบที่ถูกต้องต่างหากเล่า เจ้านี่มันใสซื่อเสียจริงนะ " ปากอิ่มยิ้มบางๆออกมา แต่ในขนาดที่กำลังจะขยับตัวลุกขึ้น ต้นขากลับสัมผัสได้ถึงอะไรแข็งๆที่มาแตะโดน สายตามันมองลงต่ำโดยสัญชาตญาณ ภายใต้กางเกงผืนบาง เอ็นร้อนที่นู่นขึ้นมาเป็นรูปร่างขนาดมหึมา กำลังเเตะต้นขาของเขาอยู่.. เปรมเบิกตาโพลงก่อนจะมองจ้องหน้าของทึ่คนนั่งคร่อมตัวเองอยู่ " นี่เจ้า..แข็งงั้นรึ " เปรมลอบกลืนน้ำลายคงคอ ก่อนจะจ้องใบหน้าหวานตรงหน้าที่ขึ้นสี " ย..อย่ามองสิครับ ผมอายนะ " มือแกร่งที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด ยกขึ้นมาปิดใบหน้าอย่างเคอะเขิน นัยตาสีนิลส่องแววเป็นประกาย ก่อนจะหัวเราะร่าออกมา มือเรียวลูบขึ้นลงบริเวณใกล้ๆต้นขาของอินอย่างหยอกล้อ ทำเอาคนตัวใหญ่ตรงหน้าสั่นเทาเพราะความรู้สึกเสียวซ่านที่แผ่ขึ้นมา " เจ้าเด็กลามก..ข้านึกว่าเจ้าจะซื่อๆเสียอีก " " อย่าลูบแบบนั้นสิครับ.. อึกคุณเปรม " อินที่พยายามเป็นกลั้นอารมณ์อย่างสุดฤทธิ์ ทันทีที่โดนสัมผัสอุ่นจากมือของอีกฝ่าย ที่ลูบไล้เอ็นร้อนผ่านกางเกงผืนบาง " ทำไมละ? หรือเจ้าไม่เคย ข้าสอนให้ได้น--" เสียงของเปรมถูกกลืนลงคอทันที เพราะจู่ร่างสูงตรงหน้าก็พุ่งเข้ามา กดจูบอย่างรุ่นแรง ขบกัดมุมปากอิ่มจนเลือดซึม ทำให้ปากพะเหยอออก ลิ้นสากเข้าไปกวาดเข้าน้ำลายด้านในอย่างไม่รังเกียจ ราวกับจะสูบเอาลมหายใจของเปรมไปให้หมดในคราเดียว แฮ่ก อึก เปรมสะดุ้งโหยง พยายามผละอีกฝ่ายออกอย่างสุดกำลังแต่มันกลับไม่เป็นผล แรงของอินตอนนี้กลับมีพละกำลังที่เหนือเขา สู้ไม่ได้เลยเปรมได้แต่บ่นในใจ กำปั้นหนักๆถูกทุบไปมาที่บ่าแกร่งซ้ำๆ " เจ้าบ้า..อึก หยุดนะ เป็นอะไรไปเนี่ย!? " ทันที่ที่ผละจูบออกได้ปากยักก็เริ่มรุกรานไปที่ลำคอขาวระหง ซุกไซร้ดอมดมกลิ่นที่คิดถึงราวกับคนตบะแตก ฟันคมขบกัดตามซอกคอขาวจนเป็นรอยจ้ำๆ เสียงครางต่ำในลำคอของเปรมเปร่งออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มือหนาทำการปลดกระดุมเสื้อของเจาออกอย่างชำนาญและรวดเร็ว ก่อนที่เนินอกเนียนขาวจะปรากฏต่อสายตาของอินอีกครั้ง " ใครครับ? " คำพูดที่ดูสามหาวของอิน และปากที่ยังคงงุงอยู่กับแผงอกตรงหน้า " กะไร? เจ้าเป็นคนบอกให้ข้าใจเย็น เหตุใดตอนนี้บุ่มบ่ามเช่นนี้เล่า?! " เปรมตะคอกออกมาอย่างสั่นเทา ก่อนจะผละกายใหญ่ให้ออกห่างตัว " ที่คุณเปรมบอกจะสอนผม! ใครหรอครับคนที่สอนเรื่องนี้กับคุณเปรมก่อนใครน่ะ!?! " เปรมนิ่งไปสักพัก ก่อนจะสังเกตเห็นน้ำตาใสที่ไหลอาบข้างแก้มของอิน ดวงหน้าหวานกำลังดูเศร้าสร้อยเสียใจจนปิดไม่มิด ทำเอาเปรมที่กำลังจะดุด่ากลับใจอ่อน ก่อนจะสวมกอดหมาเด็กตรงหน้า " ที่เจ้ากล้าทำเช่นนี้ ..เพราะหึงข้าสินะ เจ้าเด็กบ้า" เขาใช้มือลูบหลังปลอบประโลมช้าๆ " ร้องไห้เก่งกว่าข้าก็เจ้านี้น่า ตลกเสียจริง " กายขาวผละออกจากอ้อมกอด ปากอิ่มพรมจูบลงตามบริเวณใบหน้า ไล้ตั้งแต่แก้ม หน้าผาก แลจมูกโด่งเป็นสัน อย่างเอ็นดู " ฮึก ..คุณเปรมใจร้ายที่สุดเลยครับ " เสียงพูดสั่นไหวของอินเปร่งออกมา พรางกอดอีกฝ่ายกลับ " ข้าหาได้มีผู้ใดสอน เพียงแต่เรื่องเช่นนี้ใครทำไม่เป็นก็ถือว่าเด็กยิ่งนัก " เปรมอมยิ้ม ก่อนจะจ้อมมองใบหน้าของคนรักตรงหน้า ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา " จริงหรอครับ " ทาสหนุ่มถามขึ้นอีกครั้งให้แน่ใจ " อืม จริงสิ...ข้าว่าตอนนี้ รีบจัดการเจ้าช้างน้อยที่กำลังคึกนี่ดีกว่านะ " ปลายนิ้วลากสากๆ ไปสัมผัสโดนเอ็นที่ปูดบวมจนผ้าบางแทบปริ " คุณเปรมรู้มั้ยครับ " อินพูดเสียงเบาที่ข้างหูของคนตัวขาวในอ้อมอก " สมัยผมมันมีสิ่งที่เรียกว่า ...หนังโป๊ให้ดูนะครับ " ไม่ทันที่จะได้ตอบกลับอะไร ผ้าที่ถูกทำเป็นโจงกระเบนก็ถูกปลดออกจนหลุดลุ่ย เผยให้เห็นแท่งเอ็นร้อนที่ตั้งชี้ตระหง่านต่อหน้าของเปรม ราวกับสัญชาตญาณที่มีอยู่ในตัวถูกปลุกขึ้น ผ้าอาภรณ์ช่างล่างของเปรมก็ถูกปลดออกจนหมดจด ก่อนที่กายขาวที่เล็กกว่าจะขยับก้นเข้าไปนั่งในช่วงระหว่างขาของอีกฝ่าย ระยะห่างที่พอเหมาะ ทั้งคู่นำเอ็นร้อนที่มีขนาดต่างกันอยู่เล็กน้อยแนบใส่กัน สัมผัสร้อนอุ่นจากมือที่แตะโดน มันทำให้ความรู้สึกเสียวซ่านตีขึ้น " อ่าห์..เอามือเจ้ามานี่สิ อิน " มือเรียวขาวคเวาเข้าที่มือแกร่งของอีกคน ให้มาจับที่เอ็นร้อน โดยให้มือทั้งคู่กอบโกยเอ็นชื้นไว้ด้วยกัน ก่อที่จะเริ่มบรรเลงเพลงรัก " ฮึก..มัน..ดีมากเลยครับ คุณเปรม " เสียงกระซิบแหบซ่าเป่าขึ้นข้างหูราวกับลมร้อนของไฟราคะ ทันทีที่เริ่มชักรูดขึ้นลงพร้อมๆกัน กายที่เริ่มกระตุกเพราะแรงอารมณ์ ปากยักพรมจูบตามเรือนร่างที่ขาวเนียน เม็ดเหงื่อไหลอาบนามใบหน้าคมลงสู่พื้นไม้ของเกวียน บรรยากาศรอบตัวที่เต็มไปด้วยป่าและเสียงนกร้อง กละบมาเสียงครางอื้ออึง ของสิ่งมีชีวิตของตนที่กำลังทำเรื่องลามก กันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน ยังดีที่มีผ้าคลุมเกวียน เลยพอให้เข้าใจได้บ้าง " แรงอีก...เร็วเข้า " เสียงครางกระเส่าของเปรมดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังชักรูดเอ็นร้อนรีบเร่งความเร็วตามมืออีกคน ปากอิ่มซุกไซร้ตามกายหนาตรงหน้า อย่างเอาคืน ก่อนจะพรมจูบฝั่งรอยรักไว้เป็นจ้ำๆ แต่ในขนาดที่กำลังดูดนมช็อกโกแลตอย่างสบายใจ ก่อนโดนเจ้าของเค้าทักท้วงขึ้นมา " เงยหน้าหน่อยสิครับ คุณเปรม " โดยไม่ต้องรีรอให้อีกฝ่ายผละออกจากแผงอกตัวเอง อินก็คว้าใบหน้าสวยขึ้นมากดจูบ ดูดลิมฝีปากอิ่ม จนเจอไปหมด น้ำลายขุ่นค่อยๆไหลออกจากมุมปาก ที่เริ่มบวมขึ้น เสียงแลกน้ำลายดังเจือแจว มือที่ยังคงชัดรูดเอ็นร้อยขึ้นลงเป็นจังหวะ น้ำสีขุ่นปริขึ้นบริเวณส่วนปลายของแท่งร้อนที่บวมเป่งของทั้งคู่ ก่อนจะเริ่มสั่นระริกพ้นน้ำลักสีขาวขุ่นออกมาเลอะเทอะเต็มหน้าท้อง และพื้นของเกวียน เสียงหอบเหนื่อยตามมาติดๆ ใบหน้าคมซบลงที่เนินอกแกร่งของอินอย่างเหนื่อยล่า " เจ้าเด็กบ้านี่..ลามกจริงๆด้วยสินะ " " บอกผมลามก คุณเปรมเองก็เลิกดูดนมผมก่อนสิครับ " คำพูดที่กวนโอ้ยราวกับลืมไปว่าตัวเองเป็นเพียงบ่าวพ้นออกมาจากปากยัก มือที่เต็มไปด้วยน้ำรักของทั้งคู่ถูกยกขึ้นมา จับจับกุมใบหน้าหล่อคม ที่สวยที่สุดในสายตาของอิน ให้เงยขึ้นมาสบตา " แล้ว หนังโป๊ที่เจ้าว่ามันคืออะไรละ? " เสียงหยอกล้ออย่างไม่จริงจังของเปรมพูดขึ้นในขนาดที่นิ้วเรียวก็ซน คอยเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาปกใบหน้าของอิน " ก็ที่เรากำลังทำอยู่ไงครับ แต่ที่จริงมันมีมากกว่านี้อีกนะ ผมจะทำให้ดู " " ห้ะ?! เดี๋ยวเจ้าจะทำอะไร?! " เสียงโวยดังขึ้นทันที ที่จู่ๆก็ถูกจับขายกขึ้นพากย่าแกร่งไว้ทั้งสองข้าง จนเอ็นร้อนที่สงบไปแล้วมันชี้ต่อหน้าอิน ทาสหนุ่มที่กำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ราวกับจะหยอกล้อแมวตัวน้อย ลิ้นร้อนเลียที่แท่งเอ็น จนเกิดเสียง แพล็บ เปรมที่ตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้าก็เริ่มดิ้นและอยู่ไม่สุข " เจ้าทำบ้ากะไรอีก มันสกปรก?!! อ๊า! " เพราะแรงกระตุ้นจากลิ้นลากที่เลียไปมา ทำเอาเอ็นน้อยที่พึ่งจะสงบไปตื่นขึ้นมาขึงขังอีกครั้งปากหยักอมเปรมน้อยเข้าไปอย่างไม่รังเกียจ จนแทบจะสุดโคน เขาดูดมันราวกับไอติมรสหวานที่โปรดปราน จนแก้มตอบ เสียงครางกระเส่า อย่างเคอะเขินดังขึ้นประสานกับเสียงดูดที่ดังจาบจ่วง มือแกร่งที่ขย้ำกเมกลมจนล้นซอกนิ้ว เขาจ้องมองภาพที่คุณเปรมหมดสภาพตรงหน้าอย่างมีความสุขราวกับรอคอยวันนี้มานาน เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามใบหน้าคม แขนที่ไร้ประโยชน์ตอนนี้ถูกยกขึ้นมาปิดใบหน้าอย่างห้ามไม่ได้ อินเห็นแล้วกลับรู้สึกอย่างแกล้งมากขึ้นความเดิน จึงลงใช้นิ้วสอดแทรกเข้าไปทางช่องแคบด้านหลัง แต่ทันที่ที่เริ่มเข้าไปหนึ่งนิ้ว กลับถูกตอก บีบนิ้วจนแทบหัก เขาตกใจจึงรีบผละปากออกจากแท่งเอ็นที่กระบังสั่นระริก พรางก้มลงมองคนใต้ล่างทันที ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงชมพู ลามไปตั้งแต่งอกจนถึงตรงนั้น น้ำตาใสที่คลอเบ้ากับปากที่อ้าออกพะงาบๆเหมือนปลาขาดน้ำ อินจ้องมองภาพที่สุดแสนจะเซ็กซี่ของคุณหลวงพิชิตเดโชตรงหน้า พรวด! เอ็นร้อนอะมหึมามันกระตุก พ้นน้ำลักกระจายเต็มแผ่นหลังของเปรม ซึ่งเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าของตัวเองมันแข็งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นี่มันแปลกมากที่เพียงแค่เห็นภาพที่โคตรเซ็กของคุณเปรม มันก็ทำให้เขาเสร็จได้แล้ว... " ไอเด็กบ้า " " คุณเปรมโคตรเซ็กซี่เลยครับ อัก! " หมัดหนักๆ พุ้งใส่หน้าของอิน จนแทบหันคอไปตามแรงที่ได้รับ ความรู้สึกเจ็บจี๊ดตี้ขึ้นมาทันที เมื่อกี้ชาข้างขวา ตอนนี้เป็นข้างซ้ายหรอ อินกระสอบทรายของแทร้ " ข้าจะทุบเจ้าให้ตายเลยไอหมาบ้า!!"หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต
ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน
แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ
แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ
เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา
หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่
ประตูห้องบานไม้ปิดลงเบา ๆ พร้อมเสียงกลอนที่ถูกหมุน เสียงฝีเท้าของอินหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมา“จะให้ผมหาน้ำให้ดื—”เขาพูดได้แค่นั้นก่อนที่ร่างกำยำจะถูกคว้าหมับเข้ามาในอ้อมกอดแน่นหนา กลิ่นน้ำอบอ่อนๆจากเสื้อลินินของคุณเปรมยังไม่ทันจาง ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประกบลงมาทาบปิดคำพูดของเขาแรงแต่ไม่รุนแรง เร่าร้อนแต่มั่นคง และเต็มไปด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นจนล้นขอบใจอินนิ่งไปชั่วครู่ สมองขาวโพลน ก่อนที่มือจะเลื่อนขึ้นจับแผ่นอกแข็งแรง แล้วหลับตาตอบรับจูบนั้นอย่างเงียบงันแฮ่ก เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ต้นขาเรียวถูกสอดเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างขาของคนตัวใหญ่กว่า ร่างทั้งสองบดเบียดเข้าหากันจนหลังพิงผนังไม้ ลิ้นร้อนดูดดึงรสหวานขมปลายจากปากของอีกฝ่าย มือหนากอดรัดเอวคอดไว้หลวมๆ ขนาดที่พยายามจูบตอบ" อดทนมาทั้งวันแล้ว แฮ่ก.. " เสียงพูดสุดเร้าใจดังขึ้นอยู่ข้างหูของอิน " ถอดผ้าออกสิอิน " ปากอิ่มพึมพำพ้นลมร้อนใส่ ก่อนจะใช้มือขยำก้นของอินอย่างปลุกเร้าเป้าที่นูนขึ้นโผล่พ้นผ้าโจงออกมาอย่างเห็นได้ชัดกำลังถูกันไปมาทุกครั้งที่ร่างเบียดเข้าไปใกล้ชิดจนแทบไม่มีช่องให้อากาศลอดผ่าน " เร็วเข้า.. " มือเรี
พระจันทร์ลอยเด่นเหนือเรือนพัก เสียงกรอบแกรบของไม้เก่าที่ขยับตามลมเบาๆ แทบจะกลบเสียงหัวใจที่เต้นดังตุบๆ ของคนสองคนไม่ได้เลยอินขยับฟูกเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด… แล้วก็อีกนิด จนได้กลิ่นน้ำอบอ่อนๆ จากเสื้อผ้าคุณเปรมที่พาดไว้มุมฟูก"วันนี้ข้าตรวจบัญชีจนตาแทบบอด" เปรมบ่นเสียงเบา ขณะเอนตัวลงข้างอิน แขนข้างหนึ่งยันศีรษะ ส่วนอีกข้างปล่อยวางสบายๆ"ผมก็ขายของจนปากแห้ง คิดว่าจะไม่ได้ขายอะไรเลยด้วยซ้ำ… แต่แม่บุหลันมาช่วยไว้ทันครับ""นางมักใจดีเช่นนั้น…""แล้วคุณเปรมล่ะครับ วันนี้นอกจากจ้องตัวเลข ยังคิดถึงผมบ้างไหม?" อินแกล้งถามเสียงเบา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับใต้แสงตะเกียงเปรมเลิกคิ้วมอง ก่อนเอื้อมมือมาดีดหน้าผากอีกคนเบาๆ "ข้าคิดถึงเจ้าทุกคราวที่หยุดหายใจ… แบบนี้พอหรือยัง?"อินหัวเราะคิก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ "จะหวานไปไหนครับท่าน!"เปรมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับมือไปแตะแก้มอินแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือลูบวนเบาๆ ราวกับสำรวจทุกอณู"คราวหน้า อย่าเอาเงินทั้งหมดมาให้ข้าอีก เข้าใจหรือไม่""แต่ผมอยากให้คุณ…""เจ้าจะไถ่ตัวเองไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกจองจำตลอดชีวิตดอกหนา""แล้วถ้า… ผมยินดีจะเป็นทาสคุณตลอดช
แสงแดดอ่อนยามเช้าโรยตัวลงบนระเบียงเรือน เสียงไก่ขันเบา ๆ เคล้าเสียงนกกระจิบที่บินวนอยู่ตามชายคา เรือนเปรมในยามเช้าช่างสงบงามราวภาพวาด แต่บรรยากาศบนเรือนกลับไม่เงียบเหงาเหมือนวันก่อน ๆ เพราะชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบชาร้อน พลางสนทนากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย"เจ้าจะกลับไปอยู่เรือนท้ายอย่างเดิมจริง ๆ หรือ อิน?" คุณเปรมวางถ้วยชาลงบนถาดไม้ไผ่ เคลื่อนตัวนั่งหลังตรง สีหน้าไม่เห็นด้วยนิด ๆ "ข้าไม่เข้าใจ…เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเยี่ยงนั้น ทั้งที่บัดนี้เจ้าอยู่ตรงนี้ก็สุขสบายดี"อินนั่งก้มหน้า มือเกาะแก้วชาราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของชีวิต“ก็เพราะว่าข้ามันเป็นทาสน่ะสิครับ” เสียงเขาเบาจนแทบเป็นกระซิบ “มันก็ไม่ยุติธรรมนักที่ผมได้อยู่เรือนหน้า กินดีอยู่ดี ขณะที่คนอื่นลำบากกันอยู่นั่น”คุณเปรมถอนใจยาว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ดูหงุดหงิด เขาไม่อยากบังคับอิน แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองโดยไม่จำเป็น" เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้ารักเจ้าน่ะอิน " เปรมกุมขมับปลายตามองคนตรงหน้า" รู้ครับ..ผมเองก็รักคุณเปรม " เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ใช้ชีวิตเกินฐานะ แต่ถ้า