Home / วาย / บัญชารักคุณหลวง / เรื่องเล่าจากปากน้องเขย

Share

เรื่องเล่าจากปากน้องเขย

Author: jalix-ren
last update Last Updated: 2025-05-17 22:34:36

เปรมหลับตาอยู่ชั่วครู่ ก่อนค่อยๆ ลืมขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเขานิ่งสนิท…แต่เย็นจัด เหมือนเงาน้ำที่ไม่สะท้อนดาวบนฟ้าอีกต่อไปแล้ว

เสียงของปิ่นแก้วยังคงก้องในหู

...หากเจ้ารู้ ว่าพี่ต้องทนอะไรมาบ้าง เจ้าคงไม่มีวันถามเช่นนี้... ไม่สิ พี่ไม่อยากให้เจ้ารับรู้เลยด้วยซ้ำ เจ้าไม่ควรต้องมารับรู้เรื่องอัปยศ สวะแบบนี้

เขาเหลือบมองเพดานไม้เก่า ใจของเขาไม่อยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว แต่มันย้อนกลับไป

ความทรงจำในเงาเรือน ตลอดหลายวันที่ผ่านมา

เรือนเงียบสงบยามค่ำ ระแนงไม้โปร่งระบายกลิ่นดอกโมกจางๆ ลมไหวเบา ๆ แต่ภายในห้องของเปรมกลับร้อนราวไฟคลอก

เปรมนั่งสงบอยู่ข้างตะเกียง มือถือพัดนิ่ง เขาไม่ได้นอนอีกตามเคย เพราะเขารู้... มันจะมา

เสียงบานบานไม้ถูกเลื่อนเบา ๆ ตามด้วยกลิ่นยาต้มจากเสื้อของหลวงวิษณุ...กลิ่นที่ปิ่นแก้วบอกว่า “อบอุ่นและปลอดภัย”

แต่สำหรับเปรม มันคือกลิ่นของคนที่แทรกตัวเข้ามาในชีวิตโดยที่ไม่มีสิทธิ์

“ข้ายกยามเฝ้าเรือนให้ผู้อื่นคืนนี้”

เสียงนั้นเย็นเรียบ แต่เต็มไปด้วยนัยยะ

“จะได้ไม่รบกวนเราสองคน”

เปรมไม่ตอบ เขาแค่พับพัดแล้ววางช้า ๆ หันไปสบตาอีกฝ่ายตรง ๆ ตาต่อดวงตา

“กลับไปเรือนท่านเถิด ปิ่นแก้วคงรออยู่”

แต่วิษณุไม่ขยับ กลับเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม จนเงาของเขาทาบทับตัวเปรมบนพื้นไม้

“พี่เปรม...”

เสียงนั้นแผ่ว ราวกับวิงวอนแต่กดดัน

“ท่านรู้ไหม...ว่าท่านทำให้ข้าบ้าคลั่ง”

เปรมลุกขึ้นยืน แววตานิ่งสงบแต่แข็งกร้าว

“บ้าเพราะอยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ หรือบ้าเพราะลืมไปแล้วว่าเจ้าแต่งกับน้องข้า”คำพูดที่ไม่ได้ปริปากออกไป ได้แต่บ่นในใจแล้วจ้องมองคนตรงหน้าอย่างโกรธแค้น

คืนก่อนหน้า ในห้องหนังสือ

เปรมตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ตามลำพัง เพราะปิ่นแก้วนอนพักไม่สบาย

หลวงวิษณุผลักประตูเข้ามาเงียบ ๆ โดยไม่แจ้งก่อน เขาเอาน้ำขิงมาอ้างว่า “ปิ่นแก้วฝากให้”

แต่เปรมไม่หลงเชื่อ เพราะปิ่นแก้วไม่ดื่มของและนางก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่ชอบขิงเช่นกัน

“ท่านควรออกไป” เขาพูดเรียบ ๆ

วิษณุวางถาดแล้วโน้มตัวต่ำ

“ท่านควรเป็นของข้า...ไม่ใช่เป็นแค่พี่ชายเมียข้า”

เสียงกระซิบข้างหูเหมือนมีเข็มนับพันเลาะลงข้างต้นคอ

เปรมกลืนน้ำลาย ไม่ใช่เพราะหวั่น แต่เพราะกำลังสะกดความโกรธ เขากัดฟันกรอด ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังเล่นบทความจำเสื่อมอยู่ เขาคง…

“ข้าไม่ใช่ของผู้ใด”

น้ำเสียงเปรมเยือกเย็นดุจเหล็ก

“และท่านก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดเช่นนั้น ”

ความอดกลั้นใกล้สิ้นสุด

เปรมนั่งคิดเงียบ ๆ ในห้องนอน มองผ้าคลุมไหล่ของปิ่นแก้วที่แขวนไว้

เขาไม่เคยบอกน้องสาวว่า “ผู้ชายที่เธอรักที่สุดในชีวิต กำลังจ้องเขาเหมือนเหยื่อที่รอวันกลืนกิน”

“ถ้าไม่ติดว่าข้าต้องเสแสร้ง...มันคงไม่รอดมือข้าไปนานขนาดนี้”

เสียงเปรมเบา ริมฝีปากแสยะนิด ๆ ดวงตานั้น...ไม่มีแววลังเลอีกต่อไป

มีเพียงความแน่วแน่...และ การรอคอยเวลาที่เหมาะสมจะลากคนบาปออกมาสู่แสงตะวัน

"ตราบใดที่ข้ายังไม่รู้ว่ามันทำไปเพื่อใคร ข้าจะยังทน...เพื่อเอาให้ถึงรากถึงโคน"

"ไม่! พี่ต้องหนี พี่ต้องออกไปจากที่นี่ ข้าจะพาพี่ไปเอง ข้าจะติดต่ออิน จะให้เขามารับพี่ในคืนนี้"

เสียงปิ่นแก้วฟังดูแข็งแรงกว่าครั้งไหน ๆ ราวกับตัดสินใจแล้วทั้งชีวิต เปรมยิ้มจาง ๆ พร้อมส่ายหน้า

"เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่ง... ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้า แต่ถ้าข้าหนี เจ้าจะปลอดภัยไหม? หากข้าตาย ข้าก็อยากตายโดยไม่ให้มันมีโอกาสทำร้ายเจ้าอีก"

หญิงสาวน้ำตาไหลพราก "ข้าไม่กลัวตาย ข้ากลัวพี่จะหายไป... กลัวจะไม่มีพี่เปรมให้ข้าอยู่ข้าง ๆ อีก"

เปรมโน้มตัวช้า ๆ โอบไหล่น้องสาวไว้แน่น ในอ้อมกอดที่ไม่เคยได้ใช้มากนักตลอดชีวิต

"ข้ารู้... ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้าไม่ต่างจากตอนเด็ก แต่เจ้าก็ต้องอยู่รอด เจ้าต้องมีชีวิตที่ปลอดภัย"

เสียงเงียบลงครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงลมหายใจสองพี่น้องผสานกับเสียงแมลงยามราตรี

"...และข้า...ข้ารักเจ้าที่สุด ปิ่นแก้ว"

เสียงฝีเท้ากระชั้นใกล้ของอินดังก้องในโถงเรือนหลังใหญ่ เขาผ่านประตูครัวเข้ามาอย่างเงียบเชียบตามแผนที่ปิ่นแก้ววางไว้ ทาสหนุ่มผู้มีดวงตาคมลึกประหนึ่งพายุเงียบ มองเห็นร่างเปรมนั่งรออยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน หนึ่งเต็มไปด้วยความคิดถึง อีกหนึ่งเต็มไปด้วยความเสียหายที่โลกใบนี้เคยทิ้งไว้

“อิน...”

เปรมเรียกชื่อเขาเบา ๆ เหมือนกลัวว่ามันจะเป็นแค่ภาพฝัน

อินไม่ตอบอะไร แต่เดินเข้ามากอดเปรมแน่นจนอีกฝ่ายต้องหลับตากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ กลิ่นเหงื่อจาง ๆ และอ้อมแขนที่เคยคุ้นย้ำเตือนถึงวันคืนเก่า ๆ ที่ไม่มีใครกล้าคิดว่าจะหวนกลับมาได้

“ขอโทษที่ผมมาช้า...” อินกระซิบ

“แต่วันนี้ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“แต่ข้ายังไปไม่ได้...” เปรมผละออกเล็กน้อย หันไปมองประตูอีกด้านที่เชื่อมกับเรือนใน

“น้องข้ายังอยู่ที่นี่ ปิ่นแก้วยังอยู่กับมัน…”

เสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามา เสียงฝืนของรองเท้าหนังลากผ่านพื้นกระดานดังขึ้นเป็นจังหวะใกล้เคียงกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของทั้งสามคน

“ไปกับผมก่อนเถอะครับคุณเปรม!” อินจับแขนอีกฝ่ายแน่น

“ข้าไปไม่ได้! ข้าจะไม่ทิ้งน้องสาวข้าไว้กับไอ้คนระยำแบบนั้นอีก! ข้าสูญเสียลุงเพิ่มไปแล้ว... ข้าจะไม่เสียปิ่นแก้วไปอีกคน!”

“คุณพี่เปรม!” ปิ่นแก้วเอ่ยเสียงสั่น ขณะที่มือทั้งสองรีบตวัดผ้าพับเก็บเข้ากระจาด แล้วเข้ามากอดพี่ชายแน่นอย่างคนที่ยอมจำนนต่อโชคชะตาเพียงชั่วขณะ

"ท่านต้องรักษาตัวให้ดี... แล้วรีบกลับมา จัดการมันให้ได้... จัดการแทนข้าด้วย...”

เปรมส่ายหน้าช้า ๆ น้ำตาเอ่อในดวงตาอย่างไร้เสียงสะอื้น “พี่ไม่มีวันทิ้งเจ้าไว้หรอก เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่พี่มี...”

เสียงไม้เท้าตีพื้นดังขึ้นใกล้เรื่อย ๆ เหมือนปีศาจในเงามืด อินกัดฟันกรอด สายตาเด็ดเดี่ยวมองปิ่นแก้ว เขารู้ดีว่าถ้ายังอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว เปรมอาจไม่รอด

อินจำต้องยื่นไม้ตายเขายกมือทุบเบา ๆ ที่ท้ายทอยของเปรมจนอีกฝ่ายหมดสติในอ้อมแขนเขา

“ขอโทษนะ...คุณเปรม”

มือปิ่นแก้วสั่นน้อย ๆ ก่อนจะยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของอิน

“พาเขาไปที่นี่...ปลอดภัยแน่ ข้าฝากพี่ข้าไว้กับเจ้านะ..อิน”

อินพยักหน้า น้ำตารื้น เขาไม่เอ่ยคำสัญญาใด ๆ แต่สายตานั้นพูดแทนทั้งหมด

ทันทีที่เขาแบกร่างของเปรมขึ้นหลัง อินก็วิ่งพรวดออกไปยังทางลับหลังเรือนที่ปิ่นแก้วเตรียมไว้ ม่านลมยามค่ำกระพือเบา ๆ ขณะที่เงาร่างทั้งสองหายลับไปกับความมืด

ปิ่นแก้วเช็ดน้ำตาเร็ว ๆ แล้วกลับมานั่งเย็บผ้าในโถงเรือน หัวใจยังเต้นแรงไม่หาย แสงตะเกียงบนโต๊ะกระพริบไหวเหมือนรู้ว่าลมพายุกำลังจะโหมกระหน่ำ

“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะคุณพี่...” ปิ่นแก้วเอ่ยเสียงเรียบขณะสามีก้าวขึ้นเรือน

ชายผู้มีรอยยิ้มเป็นแค่หน้ากากเข้ามาทักทายอย่างไม่แยแส

“วันนี้มีใครมาเยี่ยมเรือนบ้างหรือเปล่า...น้องหญิง?”

“ไม่มีเจ้าค่ะ ข้าอยู่แต่ตรงนี้ เย็บปักทั้งวัน…”

เขาเดินตรงไปยังห้องเก็บของ ก่อนจะเปิดประตู ห้องว่างเปล่าไร้เงาเปรม วิษณุหันกลับมา ดวงตาเย็นชาวาวโรจน์

“มันหายไปไหน”

“ข้า...ข้าไม่รู้...” ปิ่นแก้วกัดฟันตอบ

เสียงฝีเท้าของเขาหนักแน่นจนพื้นเรือนสั่น ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำและอันตราย

“วันนี้ข้าเห็นเจ้าไปออกไปที่โรงเหล้า... เจ้าแอบรู้เรื่องข้าใช่มั้ย ปิ่นแก้ว?”

เงียบ...มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นสู้ตายของหญิงสาว เธอยังไม่ตอบอะไร...เพราะเกมเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บัญชารักคุณหลวง   ข้ามาหาแล้วหนา

    หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต

  • บัญชารักคุณหลวง   หวงกลับคืน

    ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน

  • บัญชารักคุณหลวง   ลางสังหรณ์

    แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ

  • บัญชารักคุณหลวง   น้ำเดือดที่ดับไฟกองเล็ก

    แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ

  • บัญชารักคุณหลวง   ภาระที่ต้องแบกรับ

    เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา

  • บัญชารักคุณหลวง   ฝากดูแลแทนข้าที

    หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่

  • บัญชารักคุณหลวง   ขอสักทีก่อนไป

    ประตูห้องบานไม้ปิดลงเบา ๆ พร้อมเสียงกลอนที่ถูกหมุน เสียงฝีเท้าของอินหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมา“จะให้ผมหาน้ำให้ดื—”เขาพูดได้แค่นั้นก่อนที่ร่างกำยำจะถูกคว้าหมับเข้ามาในอ้อมกอดแน่นหนา กลิ่นน้ำอบอ่อนๆจากเสื้อลินินของคุณเปรมยังไม่ทันจาง ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประกบลงมาทาบปิดคำพูดของเขาแรงแต่ไม่รุนแรง เร่าร้อนแต่มั่นคง และเต็มไปด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นจนล้นขอบใจอินนิ่งไปชั่วครู่ สมองขาวโพลน ก่อนที่มือจะเลื่อนขึ้นจับแผ่นอกแข็งแรง แล้วหลับตาตอบรับจูบนั้นอย่างเงียบงันแฮ่ก เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ต้นขาเรียวถูกสอดเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างขาของคนตัวใหญ่กว่า ร่างทั้งสองบดเบียดเข้าหากันจนหลังพิงผนังไม้ ลิ้นร้อนดูดดึงรสหวานขมปลายจากปากของอีกฝ่าย มือหนากอดรัดเอวคอดไว้หลวมๆ ขนาดที่พยายามจูบตอบ" อดทนมาทั้งวันแล้ว แฮ่ก.. " เสียงพูดสุดเร้าใจดังขึ้นอยู่ข้างหูของอิน " ถอดผ้าออกสิอิน " ปากอิ่มพึมพำพ้นลมร้อนใส่ ก่อนจะใช้มือขยำก้นของอินอย่างปลุกเร้าเป้าที่นูนขึ้นโผล่พ้นผ้าโจงออกมาอย่างเห็นได้ชัดกำลังถูกันไปมาทุกครั้งที่ร่างเบียดเข้าไปใกล้ชิดจนแทบไม่มีช่องให้อากาศลอดผ่าน " เร็วเข้า.. " มือเรี

  • บัญชารักคุณหลวง   บุคคลต้องสงสัย

    พระจันทร์ลอยเด่นเหนือเรือนพัก เสียงกรอบแกรบของไม้เก่าที่ขยับตามลมเบาๆ แทบจะกลบเสียงหัวใจที่เต้นดังตุบๆ ของคนสองคนไม่ได้เลยอินขยับฟูกเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด… แล้วก็อีกนิด จนได้กลิ่นน้ำอบอ่อนๆ จากเสื้อผ้าคุณเปรมที่พาดไว้มุมฟูก"วันนี้ข้าตรวจบัญชีจนตาแทบบอด" เปรมบ่นเสียงเบา ขณะเอนตัวลงข้างอิน แขนข้างหนึ่งยันศีรษะ ส่วนอีกข้างปล่อยวางสบายๆ"ผมก็ขายของจนปากแห้ง คิดว่าจะไม่ได้ขายอะไรเลยด้วยซ้ำ… แต่แม่บุหลันมาช่วยไว้ทันครับ""นางมักใจดีเช่นนั้น…""แล้วคุณเปรมล่ะครับ วันนี้นอกจากจ้องตัวเลข ยังคิดถึงผมบ้างไหม?" อินแกล้งถามเสียงเบา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับใต้แสงตะเกียงเปรมเลิกคิ้วมอง ก่อนเอื้อมมือมาดีดหน้าผากอีกคนเบาๆ "ข้าคิดถึงเจ้าทุกคราวที่หยุดหายใจ… แบบนี้พอหรือยัง?"อินหัวเราะคิก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ "จะหวานไปไหนครับท่าน!"เปรมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับมือไปแตะแก้มอินแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือลูบวนเบาๆ ราวกับสำรวจทุกอณู"คราวหน้า อย่าเอาเงินทั้งหมดมาให้ข้าอีก เข้าใจหรือไม่""แต่ผมอยากให้คุณ…""เจ้าจะไถ่ตัวเองไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกจองจำตลอดชีวิตดอกหนา""แล้วถ้า… ผมยินดีจะเป็นทาสคุณตลอดช

  • บัญชารักคุณหลวง   กลับมาเฉิดฉาย

    แสงแดดอ่อนยามเช้าโรยตัวลงบนระเบียงเรือน เสียงไก่ขันเบา ๆ เคล้าเสียงนกกระจิบที่บินวนอยู่ตามชายคา เรือนเปรมในยามเช้าช่างสงบงามราวภาพวาด แต่บรรยากาศบนเรือนกลับไม่เงียบเหงาเหมือนวันก่อน ๆ เพราะชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบชาร้อน พลางสนทนากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย"เจ้าจะกลับไปอยู่เรือนท้ายอย่างเดิมจริง ๆ หรือ อิน?" คุณเปรมวางถ้วยชาลงบนถาดไม้ไผ่ เคลื่อนตัวนั่งหลังตรง สีหน้าไม่เห็นด้วยนิด ๆ "ข้าไม่เข้าใจ…เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเยี่ยงนั้น ทั้งที่บัดนี้เจ้าอยู่ตรงนี้ก็สุขสบายดี"อินนั่งก้มหน้า มือเกาะแก้วชาราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของชีวิต“ก็เพราะว่าข้ามันเป็นทาสน่ะสิครับ” เสียงเขาเบาจนแทบเป็นกระซิบ “มันก็ไม่ยุติธรรมนักที่ผมได้อยู่เรือนหน้า กินดีอยู่ดี ขณะที่คนอื่นลำบากกันอยู่นั่น”คุณเปรมถอนใจยาว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ดูหงุดหงิด เขาไม่อยากบังคับอิน แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองโดยไม่จำเป็น" เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้ารักเจ้าน่ะอิน " เปรมกุมขมับปลายตามองคนตรงหน้า" รู้ครับ..ผมเองก็รักคุณเปรม " เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ใช้ชีวิตเกินฐานะ แต่ถ้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status