Home / รักโบราณ / บางเบาดั่งสายหมอก / ๘ หยาดนํ้าตากับหยาดโลหิตที่เจือจาง / 10

Share

๘ หยาดนํ้าตากับหยาดโลหิตที่เจือจาง / 10

Author: LIttlelion
last update Huling Na-update: 2025-08-05 15:49:01

มือของนางทุบลงที่ปากของจิ้นฝาน ชายหนุ่มเม้มปากเข้า คล้ายว่าริมฝีปากจะแตก เพราะความโกรธเกรี้ยวของภรรยาด้านข้างเขา เขาใช้ลิ้นแตะลงริมฝีปากล่างเลียเลือด และกลืนรสชาติฝาดเฝื่อนคล้ายกลิ่นสนิมลงคอ สูดลมหายใจเข้าจมูกอีกเฮือกใหญ่

“ผู้คุ้มกันจะตามมาช่วย” จิ้นฝานกล่าวขึ้นอย่างชั่งใจ เกรงว่าจะกล่าวผิดไม่ถูกหูนางจะโดนทุบเข้าอีก

ข้าที่เหนื่อยจากการลงมือทำร้ายเขา เพื่อระบายความกลัวและโทสะ ที่อัดอั้นแทนการร้องไห้ออกมา จึงเอ่ยถามเสียงเนือยๆ

“รู้ได้อย่างไร”

“หัวหน้าผู้คุ้มกันเป็นคนบอกทุ่งดอกสือซว่านนี้ ถ้าข้ายังไม่กลับไปก่อนมืด พวกเขาทั้งหมดจะออกตามหา” จิ้นฝานตอบ

และก็เป็นอย่างที่จิ้นฝานคิด ยามนี้หอเปาเปียวแบ่งกำลังออกตามหา และปะทะกับกลุ่มที่เหลือที่ย้อนกลับมาอีกครั้ง มีน้อยนักที่มือสังหารจะกลับมาอีกรอบ เพราะมันมีความเสี่ยงที่จะตายได้ แสดงว่าค่าหัวของจิ้นฝานจะต้องเยอะเอาการ พวกมันถึงได้ตัดสินใจกลับมาเช่นนี้ เสี่ยงชีวิตเพื่อจะฆ่าเขา

เป็นเพราะความประมาทและความมั่นใจ จึงหลงคิดว่าทุกอย่างสงบ ปลอดภัยดีแล้วของจิ้นฝาน เขาจึงตั้งใจว่าจะพาคุณหนูรองมาชมความงาม

ของดอกสือซว่าน แต่ที่ใดได้จากความงามที่ควรจะเป็น กล
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๐ หมอกลงกับบุคคลซ่อนเร้น / 5

    “หืม...งานราชการ” จิ้นฝานตอบ แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบข้าวในถ้วยมากิน“เจ้าค่ะ” ข้ายิ้มแห้งส่งไปให้เขาอีกรอบ และก้มหน้าลงกินข้าว ก่นด่าตัวเองไปด้วยว่ากลายเป็นคนสอดรู้ไปเสียได้ น่าอายยิ่งนักเวลาล่วงเลยผ่านไปเพียงสองเค่อ คนทั้งสองก็กินข้าวเสร็จ จิ้นฝานขอตัวออกไปทำงานของเขาต่อ ชายหนุ่มเลือกนั่งรถม้าคันน้อยสีดำ ออกทางประตูหลังของจวน สลับหน้ากากหยิบหน้ากากยักษ์ขึ้นมาสวม และสอดหน้ากากลิงเก็บเอาไว้ในอกเสื้อพลันกลีบดอกเหมยที่เปลี่ยนเป็นสีนํ้าตาลอ่อนก็ร่วงลงจากบ่าของเขามาที่ตัก จิ้นฝานหยิบมันขึ้นมาดู และขยับปากกล่าวออกมา“จะต้องมีติดตัวออกมาทุกครา” พลันสิ้นนํ้าเสียงเขา ม้าก็ออกตัววิ่งเคลื่อนไปบนท้องถนนยามดึกของเมืองหลวงหอยา ในคืนวันประมูลกลางดึกที่ไม่เงียบสงบเสียเลยทีเดียว ผู้คนยังสัญจรท่องเที่ยวเมืองหลวงในยามราตรี หอสุรา หอนารี ค่อนข้างมีผู้คนเยอะเป็นพิเศษ แต่ทว่าวันนี้ไม่เยอะเท่าหอยาในคํ่าคืนนี้จิ้นฝานเดินลงจากรถม้า เข้าไปสมทบกับซิ่นสือที่ปลอมตัวเหมือนกับเขาด้วยเช่นกัน สหายของเขายืนกอดอกอยู่ใต้ต้นพลัมที่ผลัดดอกสีชมพูร่วงหล่นอยู่ใต้ต้น ด้านข้างเป็นแม่นํ้ากลางเมือง สะท้อนกับแสงโคมไฟที่ห้อย

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๐ หมอกลงกับบุคคลซ่อนเร้น / 4

    สายตาดุดันเหมือนคนเคร่งขรึมตลอดเวลาของเขานี้ แตกต่างจากความรู้สึกของเขาอย่างสิ้นเชิง ยามนี้ชายหนุ่มกำลังรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากเรือนซือซือนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูวสันต์ตลอดเวลา ทั้งหอมด้วยมวนบุปผา ทั้งอบอุ่นในด้านความรู้สึก“คารวะคุณชายจิ้น” ข้าที่นั่งอยู่บนตั่ง เห็นเงาใหญ่ทอดเข้ามาจึงรู้เลยว่าเป็นเขา โดยไม่จำเป็นต้องเห็นตัวเสียด้วยซํ้า“อืม” จิ้นฝานตอบรับ เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ หลุบมองอาหารที่วางเอาไว้มีสามสี่อย่างเหมือนกับวันก่อนๆ“รอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าขอเย็บตรงชายผ้านี้ให้เสร็จก่อน” ข้าเอ่ยบอกเขาจิ้นฝานมองเข้าไปในมือของคุณหนูรอง ในมือของนางถือบางสิ่งที่คล้ายเสื้อ แต่มีความยาวเท่าเจ้าโซว่ แขนกุดสองข้าง คล้ายกับเสื้อเด็กที่เป็นทั้งเสื้อและกระโปรงไปในตัว“ท่านเย็บชุดลูก....” จิ้นฝานถามนาง“เจ้าค่ะ ใกล้จะเสร็จแล้ว” ข้าตอบเขา สนเข็มขึ้นลงอย่างรีบร้อน กลัวว่าจะทำให้คุณชายจิ้นรอนาน“อะ!” ไม่รู้ว่าแทงเข็มลงท่าไหน มันปักลงที่ข้างเล็บตนเองจนถึงกับหลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความเจ็บจิ้นฝานที่นั่งมองคุณหนูรองโดยไม่ละสายตาก็ลุกขึ้นพรวด สาวเท้ายาวเพียงสี่ก้าวก็ไปหยุดลงเบื้องหน้านางชาย

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๐ หมอกลงกับบุคคลซ่อนเร้น / 3

    “คุณชายจิ้นนับว่าเป็นบุรุษที่เพียบพร้อม ข้าเพียงสตรีธรรมดาจะเอาสิ่งใดไปเมตตาเขาได้กันเจ้าคะ” ข้ากล่าวออกมาไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่อเจอสายตาของท่านแม่“อย่าได้ถ่อมตนไป...ว่าแต่ผลพลับนี้หวานหอมนัก” ฮูหยินหม่านกล่าว“หวานหรือเจ้าคะ…” ข้ากล่าวพลางหยิบมันขึ้นมากัด และเคี้ยวดูฮื้ม ! หวานหอมชุ่มคออย่างที่ท่านแม่กล่าวไม่มีผิดด้านวังหลวงยามเซินใกล้ยามอิ่ว ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นสีแดงอมส้ม จิ้นฝานควบม้าออกจากวังหลวงมุ่งหน้าตรงมายังจวนตระกูลจิ้น เพราะยามดึกยังมีภารกิจไปสืบข่าวที่หอยา จึงรีบกลับมาอาบนํ้าและไปกินข้าวเย็นที่เรือนซือซือก่อนจะออกไปข้างนอก เพราะเมื่อวานนี้เขาก็ผิดสัญญาไปทีหนึ่งแล้ว ว่าจะต้องกินข้าวพร้อมกับนางพลันเมื่อเขาเข้ามาถึง สวี่เจียวก็วิ่งเข้ามาหา รับเสื้อคลุมและหมวกขุนนางมาถือเอาไว้ พลางรายงานการเคลื่อนไหวในจวนไปด้วย“ฮูหยินน้อยเข้าครัวทำอาหารให้ฮูหยินใหญ่ จากนั้นก็อยู่สนทนากับฮูหยินที่เรือนใหญ่ตลอดบ่ายถึงจะกลับเรือนซือซือขอรับ”“นางยุ่งทั้งวันเลย...” จิ้นฝานที่สาวเท้าไปทางห้องโถงถามด้วยความสงสัย“ขอรับ วันนี้นางยังให้เสี่ยวเมิ่งเอาขนมเปี๊ยะมาให้คุณชายอีกด้วย” สวี่เจียวกล่าว“ขนมเ

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๐ หมอกลงกับบุคคลซ่อนเร้น / 2

    ผู้ช่วยของเขานั่งชะเง้อหน้าออกไปมองตรงหน้าต่างตามเขา เพราะวันนี้ซือจื๋อเอาแต่หันออกไปมองข้างตลอดทุกๆ ชั่วยาม ไม่รู้ว่าด้านนอกนั้นมีอะไรน่ามองกันด้านนอกข้างหน้าต่างมีต้นมะลิขึ้นเป็นพุ่มข้างริมบ่อปลา นํ้าใสจนมองทะลุเห็นด้านล่างที่มีสีเขียวเข้มจากขี้ตะไคร่ เป็นทิวทัศน์ที่มองเห็นอยู่ทุกวัน และก็เป็นเช่นนี้มานานหลายปี อาจจะมีผลัดเปลี่ยนสีใบไม้ ดอกไม้ผลัดดอกตามฤดูกาล แต่เหตุไฉนอยู่ๆ มันถึงน่าสนใจขึ้นมาได้ ผู้ช่วยของจิ้นฝานคิดอย่างสงสัยจิ้นฝานเหม่อมองสักพักก็หันหน้ากลับมาเขียนรายงานต่อ วันนี้เขาต้องตรวจสอบอยู่หลายเรื่องเช่นกัน อีกทั้งยังต้องแวะไปสืบข่าวที่หอประมูลยา เพราะได้ข่าวลือมาว่ามีขุนนางกลุ่มหนึ่งติดต่อกับพ่อค้าสมุนไพรถ้าหวังจะพึ่งหอหลิวลี้เอาข่าวมาบอกอย่างเดียวก็คงไม่ดี เขาเองก็ต้องตามสืบด้วยเช่นกัน อีกอย่างตั้งใจว่าจะประมูลยาบำรุงร่างกายชั้นดีมาให้มารดาของเขาอีกด้วยส่วนผู้ช่วยของเขาก้มหน้านั่งทำงานไปได้สักพัก ก็เอ่ยปากชวนสนทนาทำลายบรรยากาศที่เงียบเชียบนี้“วันนี้ท่านเสนาบดีจางคล้ายจะหลบหน้าซือจื๋อเลยขอรับ”“หลบหน้าข้า...ฮึ” จิ้นฝานกล่าว เค้นเสียงขึ้นจมูก เปิดกระดาษจรดปลายพู่กันต

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๐ หมอกลงกับบุคคลซ่อนเร้น / 1

    ๑๐หมอกลงกับบุคคลซ่อนเร้นข้านั่งเย็บผ้าออกมาได้สองตัว แบบเดียวกับที่เจ้าโซว่ใส่ เป็นสีนํ้าเงินเข้ม ผ้าไหมบางเนื้อนิ่ม เหมาะสมกับเด็กอ่อน ไม่ระคายเคืองผิว จากนั้นก็ไปที่เรือนครัวพร้อมกับเสี่ยวเมิ่ง ระหว่างทางที่เดินไปก็เจอกับแม่นางเฉินเดินถือถาดที่มีถ้วยปิดฝาวางเอาไว้ด้านบน“ฮูหยินน้อย” เฉินหย่าลี่กล่าวทักทาย“แม่นางเฉินยกอาหารไปให้ท่านย่ารองรึ” ข้าเอ่ยถามนาง“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าตุ๋นขาหมูให้ฮูหยินใหญ่ท่าน” เฉินหย่าลี่กล่าว“ขาหมู...” ข้าเอ่ยขึ้น ท่านแม่ปวดท้อง อาหารที่นางกินควรจะย่อยง่ายเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะตุ๋นจนเนื้อเปื่อย แต่มันก็ไม่เหมาะที่จะกินเข้าไปเท่าไรนัก“เจ้าค่ะ เมื่อวานได้ยินบ่าวกล่าวกันว่าฮูหยินใหญ่ปวดท้องอีกแล้ว” เฉินหย่าลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ“ข้าว่ามันไม่เหมาะสำหรับคนปวดท้องเท่าไรนัก” ข้าเอ่ยบอกนาง จะให้บอกตรงๆ ก็เกรงว่าจะทำร้ายนํ้าใจนางอีกช่างน่าหนักใจ...แต่ท่านแม่กินเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี“แม่นางเฉิน ข้าว่ามันไม่ควรที่จะเอาอาหารนี้ไปให้นาง ข้าว่าเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ” ข้าตัดสินใจกล่าวบอก“ฮูหยินน้อย...ท่าน” เฉินหย่าลี่กำถาด มองไป๋ซิงหนี่ว์ด้วยสายตาตกใจ

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๙ สมหวังดังปรารถนา / 12

    วันถัดมาก่อนที่จิ้นฝานจะควบม้าเข้าวังหลวง ชายหนุ่มนอนครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน หาคำตอบไม่ได้กับความรู้สึกติดค้างอยู่ในใจ ที่เกิดจากสายตาอันเศร้าสร้อยของคุณหนูรองความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้เขาเป็นคนไม่ค่อยละเอียดอ่อน จึงคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ว่าสาเหตุของความไม่สบายใจนี้เกิดมาจากจุดไหน รู้สึกเพียงแค่ว่ามันไม่สบายใจเท่านั้นหรือเป็นเพราะเขาผิดสัญญาว่าจะพานางไปขุดต้นสือซว่าน เมื่อวานตอนดึกก็ได้ยินนางบ่นอยู่ด้วย สงสัยต้องเป็นเรื่องนั้นเป็นแน่ “สวี่เจียว เจ้าไปหาซื้อต้นสือซว่าน เอาเป็นดอกสีขาว” เขาเอ่ยสั่งบ่าวคนสนิทดอกสือซว่านสีขาวนี้น่าจะดีกว่าดอกสีแดงที่ดูเหมือนอาบย้อมด้วยเลือดในวันนั้น เขาคิดว่าน่าจะให้สีขาวกับนางดีกว่า ดูเบาบางเหมาะกับสตรีเช่นนาง“สือซว่าน...คุณชายดอกไม้นั่น” สวี่เจียวกล่าวออกมาอย่างไม่มั่นใจ สือซว่านเป็นดอกไม้อัปมงคล ไม่ควรปลูกไว้ในเรือน“ไปหามา ข้ากลับมาจากวังหลวงมันจะต้องอยู่ที่เรือนซือซือแล้ว” จิ้นฝานกล่าวเสียงเข้ม“ขอรับ ขอรับ!!” สวี่เจียวรีบตอบรับ ก้มหัวเร็วๆ สามที ยืนส่งคุณชายใหญ่อยู่หน้าจวน ก่อนจะเดินเข้ามา บ่าวน้อยก็ยกมือขึ้นเกาหัวไปด้วยความงุนงงวันนี้เขามีภารกิจห

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status