Share

ตอนที่ 3

last update Last Updated: 2024-10-16 19:52:18

ในคืนนั้น ชายที่อยู่ในร่างเด็กน้อยนามจางอี้หมิงได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ข้างกายมีนางหูไป๋หง ท่านย่าของร่างนี้นอนอยู่ข้าง ๆ เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เตียงนอนเป็นแคร่ไม้ไผ่ ตัวเขานอนกับนางหู ส่วนบิดามารดานอนถัดไปอีกแคร่ที่อยู่ใกล้ๆ 

เขานอนเรียบเรียงความคิดเงียบ ๆ คนเดียว จนความทรงจำของร่างใหม่และความทรงจำเดิมผสานกันอย่างสมบูรณ์ 

อานนท์ วังศรีซ้าย คือเขาในโลกเดิม ก่อนที่จะมาอาศัยอยู่ในร่างจางอี้หมิง เขาเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า   บ้านอุ่นไอรัก เรียนจบแค่ชั้น ปวส. การตลาดภาคค่ำ เขาไม่ใช่คนที่เรียนเก่งหรือหน้าตาโดดเด่นอะไรเลย เป็นมนุษย์ที่พบเห็นได้ทั่วไปอย่างดาษดื่น 

แต่ถึงกระนั้น เขากลับเป็นคนที่มีฝีมือการทำอาหารในระดับที่น่าจับตามอง ไม่ได้อยากจะคุยโว แต่ลูกค้าหลายคนถึงกับออกปากแนะนำว่าเขาควรไปแข่งซูเปอร์เชฟไทยแลนด์เลยทีเดียว เขามีลูกค้าประจำหลายสิบคนแวะเวียนมาอุดหนุน ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่เวียนไปเรื่อย ๆ พอได้มีเงินใช้ ชีวิตราบเรียบ ไม่มีอะไรโลดโผนตื่นเต้นเหมือนในหนัง 

ส่วนอาชีพรองคือนักวิจัยข้อมูล ก็พูดไปซะหรูอย่างงั้นแหละ ความจริงแล้วมันคือการรับจ้างค้นคว้าหาข้อมูลในอากู๋นั่นเอง คนจ้างมีตั้งแต่เด็กมัธยมไปจนถึงพนักงานบริษัท ลูกค้าหลัก ๆ มีสอง ประเภท คือกลุ่มนักเรียนนักศึกษา และอีกกลุ่มคือนักเขียน หากแปลกใจว่าทำไมจึงมีนักเขียนเข้ามาอยู่ในกลุ่มลูกค้าหลัก อานนท์ก็จะขอตอบอย่างง่าย ๆ ว่า มาจ้างหาข้อมูลประกอบการเขียน 

โดยเฉพาะนักเขียนแนวจีนโบราณ คิดดูสิว่าประเทศจีนมีประวัติศาสตร์มายาวนานแค่ไหน ในแต่ละยุค แต่ละสมัยมีวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป เขามีหน้าที่ในการค้นคว้าและสรุปย่อยเรื่องราวออกมาให้ผู้ว่าจ้าง ซึ่งนับว่าเป็นงานที่เขาชอบทีเดียว มันทำให้ได้ความรู้เยอะ เพราะปกติเขาก็เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว พอมาทำงานด้านนี้ มันเลยเข้าทางซะอย่างนั้น 

อาจจะเพราะวัน ๆ เอาแต่ทำงานประจำและงานหาข้อมูล ยี่สิบสี่ชั่วโมงในหนึ่งวันก็หมดไปซะแล้ว อานนท์จึงยังคงสถานะโสด เขาไม่เคยมีแฟน จะว่าไปแล้วการเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าก็มีข้อดีอยู่นะ เพราะว่ามันทำให้เขาแข็งแกร่งทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ งานทุกอย่างที่ทำเงินได้ อานนท์รับทำเกือบทั้งหมด

วันพรุ่งนี้เขาจะอายุครบยี่สิบห้าปี อานนท์จึงขอลางานกับเจ้านายไว้เป็นที่เรียบร้อย เขาวางแผนว่าจะกลับไปบ้านอุ่นไอรัก บ้านเด็กกำพร้าที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นมา ทุกวันเกิดตั้งแต่ออกมาอยู่ตัวคนเดียว เขาจะกลับไปเยี่ยมน้อง ๆ และแม่ครู พร้อมกับเลี้ยงอาหารทุกปี แม้ว่าทุกเดือน เขาจะนำเงินไปให้แม่ครูส่วนหนึ่งอยู่แล้ว

ในคืนที่อานนท์กำลังนั่งหาข้อมูล ในตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่รับ แต่เพราะผู้ว่าจ้างต้องการข้อมูลด่วน ทำให้ค่าจ้างสูงขึ้นมาเป็นเท่าตัว เขาจึงตกลงรับงานอย่างไม่ลังเล หวังว่าจะได้เงินเพิ่มมาอีกหน่อย จะได้เอาเงินให้แม่ครูมากขึ้น 

แต่เพราะตอนกลางวัน อานนท์ต้องไปขายอาหารตามสั่ง และเพราะช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวติดกันหลายวัน ทำให้คนไปเดินห้างเยอะขึ้น โอกาสทองแบบนี้ต้องรีบกอบโกย เขาขายอาหารไม่หยุดพัก จนห้างปิดในเวลาเกือบสี่ทุ่ม พอกลับมาห้องแล้วยังต้องมานั่งทำงานหาข้อมูลในเวลาดึกดื่น ดังนั้นร่างกายของอานนท์จึงรับไม่ไหว ทำให้วูบและหมดสติไปในที่สุด 

เพียงแต่ว่าการหมดสติของเขาในวันนี้ไม่ใช่จุดจบของชีวิต หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ อานนท์ไม่รู้ว่ามันคือความฝันหรือความจริงกันแน่ การตื่นขึ้นมาในร่างเด็กชาย แถมยังอยู่ในยุคสมัยจีนสมัยโบราณแบบนี้อีก ทำให้เขายากจะทำใจยอมรับ

ก่อนอื่นเขาต้องรู้ให้ได้ว่ายุคนี้มันมีในประวัติศาสตร์หรือเปล่า หรือมันเป็นแค่โลกคู่ขนานเหมือนในนิยายที่เขาเคยอ่านมา ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงต้องรีบหาคำตอบให้เร็วที่สุด

ส่วนท่านเทพหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้มาเกิดใหม่ในร่างนี้ ขอร้องล่ะ อย่าให้เขาได้เกิดใหม่ในยุคที่มีสงครามเลย ถ้าจะแย่ก็ขอเพียงแค่เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพงก็พอ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป ไม่แน่ว่าในครั้งนี้ เขาอาจจะได้มีครอบครัวอย่างที่เคยใฝ่ฝันเอาไว้เสียที...หรือเปล่านะ

ตัวเขาเองเป็นนักวิจัยค้นคว้าข้อมูล หาอ่านเรื่องพวกนี้มาก็เยอะ การทำใจยอมรับจึงอาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าคนอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่อานนท์รู้สึกว่ามันขาดไป คือระบบมิติต่าง ๆ หรือสัตว์เทพ พวกมันมีอยู่ในนิยายหลายเรื่อง บางเรื่องที่เคยอ่านก็มีพลังวิเศษติดตัว ทว่าเวลาผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย 

พลังวิเศษ สัตว์เทพ ระบบมิติ หรือเรื่องราวชวนให้อัศจรรย์ใจ...ไม่มีเลย 

ไม่มีสักอย่าง มีแค่ตัวเขาในร่างจิ๋วและครอบครัวธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ร่ำรวยเป็นขุนนางในเมือง เฮ้อ! พลังเทพดูท่าจะไม่มีอยู่จริง แล้วเขาที่เป็นแค่คนธรรมดาในโลกที่จากมาจะทำอะไรได้  ความสามารถพิเศษอะไรที่จำเป็น...ไม่มีสักอย่าง

ดูท่าว่าชีวิตจริงมันจะไม่สวยหรูเท่าในนิยายแฮะ...

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง

แม้จะกังวลแต่ความโชคดีนี้เขาขอรับเอาไว้เอง

ตอนนี้ เขาคือ จางอี้หมิง อายุห้าขวบ บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง

แต่พระเจ้า การมีครอบครัวที่อบอุ่นมันก็ดีนะ

แต่ไหง..ทำไมถึงยากจนขนาดนี้

เมื่อมีสิ่งที่ดี ๆ เกิดขึ้น ย่อมต้องมีบททดสอบตามมาด้วย ดูท่าจะจริงดั่งเขาว่า

แต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 270

    จางอี้หมิงยืนมองขบวนเดินทางของท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องน้อยอีกสองคนจนขบวนหายลับไปจากสายตา เมื่อหลี่อ้ายแข็งแรงพอจะออกเดินทางแล้ว ครอบครัวจางจึงได้เดินทางกลับหมู่บ้านหลัวถงพร้อมกับป้ายวิญญาณของอดีตท่านผู้นำตระกูล เด็กน้อยถอนหายใจและหันหลังเดินกลับเข้าจวนไปด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ด้วยนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต้องแยกจากบิดา มารดาและท่านย่าตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของจางอี้หมิงคนนี้ เขามีโอกาสได้มีความสุขกับน้องชายน้องสาวเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่มิเป็นไรหรอกเมื่อเขาหมดภาระต้องตอบแทนบุญคุณแล้วจะกลับมายังแคง้นฉินก็ยังมิสายเกินไปความตั้งมั่นต่อสิ่งที่จะทำตั้งแต่ฟื้นคืนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ภารกิจเหล่านั้นเขาทำมันได้สำเร็จทุกอย่างแล้วไม่ว่าจะเป็นการนำป้ายวิญญาณท่านปู่กลับไปที่หมู่บ้านหลัวถง การแก้แค้นตระกูลหลัก การมีอาชีพและฐานะที่ดีขึ้น การแบ่งปันความสุขและความสำเร็จต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เสร็จสิ้นไปทั้งหมดแล้ว ในแคว้นฉินนี้ เขามิมีสิ่งใดให้เป็นห่วงอีกต่อไป“น้องชายหมิง พวกเราออกเดินทางกันเถอะ สายมากแล้ว”เป็นอ๋องน้อยหนิงเทียนที่เดินเข้ามาวางมือลงไปบนบ่าเล็ก ๆ นั้นอย่างอ่อนโยน พร้

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 269

    แต่สิ่งที่มิคาดว่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่จางอี้หมิงตะโกนเข้าไปรอบสอง หลี่อ้ายก็กรีดเสียงร้องดังออกมาถึงนอกห้อง ทำให้ทุกคนหันหน้าไปมองทางประตูห้องคลอดอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย“อุแว้ อุแว้”เสียงเด็กร้องแผดขึ้นทันทีที่จางอี้หมิงเอ่ยจบ ราวกับว่าเด็กน้อยรีบลืมตามาดูโลกตามคำบอกของพี่ใหญ่หรือเพราะเกรงกลัวคำขู่ก็หารู้ไม่“คลอดแล้ว ท่านแม่ น้องหญิงคลอดแล้ว” จางอี้เทาเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเดินไปชะเง้ออยู่หน้าประตูอีกครั้ง“อุแว้ อุแว้”“เอ๋! เสียงร้องมาจากไหนอีก” นางหูเอ่ยถามอย่างแปลกใจ“หรือว่า มีเด็กสองคน”นั่นเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบ พวกเขารอจนกระทั้งผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม หมอตำแยสองคนก็อุ้มห่อผ้าออกมาจากห้องคลอดจางอี้เทาเป็นคนแรกที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหมอตำแยอุ้มห่อผ้าเดินออกมาจากห้องคลอด จางอี้หมิงจึงเดินไปชะเง้อชะแง้มองห่อผ้าทันที“นายท่านจาง คุณชายน้อย เป็นบุตรชายเจ้าค่ะ”หมอตำแยส่งห่อผ้าขาวสะอาดให้กับนายท่านจาง ผู้ที่เป็นบิดาของเด็กน้อยได้อุ้ม เขาน้ำตาไหลออกมาทันทีที่หมอตำแยยื่นห่อผ้าที่ข้างในนั่นมีบุตรชายของเขา ผู้เป็นบิดาโอบอุ้มเอาห่อผ้ามาถืออย่างทะนุถนอม บุต

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 268

    ศพของฮูหยินผู้เฒ่าจือเฟยอิน ถูกนำไปทิ้งที่ป่าท้ายเมือง หาได้มีการทำพิธีอันใดไม่ จางอี้หมิงมิได้รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ เพราะถ้ามิใช่ความเห็นแก่ตัวอยากทำร้ายครอบครัวของตนเองก่อน คงไม่เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาจางอี้หมิงได้พบท่านตากับท่านยายแล้วเช่นกัน โดยหลี่อ้ายถือเอาวันพักผ่อนในสัปดาห์หนึ่งของทุกคนกลับไปเยี่ยมบิดามารดาของตนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง เมื่อพ่อแม่ลูกได้กลับมาเจอกันก็เกิดภาพอันน่าประทับใจอย่างเหลือล้นหลี่อ้ายสวมกอดบิดามารดาด้วยความรักและคิดถึง ในขณะที่ท่านตาและท่านยายของอี้หมิงก็โอบบุตรสาวไว้อ้อมแขนอย่างห่วงหา ท่านทั้งสองแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับตอนที่รู้ว่าหลี่อ้ายถูกขับไล่ให้ไปอยู่ชายแดนพร้อมสามีและลูกของนาง“นั่นใช่จางอี้หมิง หลานรักของยายใช่หรือไม่ เจ้าตัวโตขึ้นขนาดนี้แล้วหรือ” หญิงชราหันมามองเด็กชายที่หลบอยู่หลังหลี่อ้าย ซึ่งจางอี้หมิงก็พยักหน้ารับน้อยๆ“ขะ ข้าจางอี้หมิงขอรับ” เขาตอบกลับไปด้วยท่าทีเงอะงะโธ่...ก็คนไม่เคยมีตายายนี่นา จะทำตัวไม่ถูกบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาในวันนั้นจางอี้หมิงถูกสวมกอดอยู่หลายหน เขาได้รับเสื้อผ้ามากมายจากท่านตาผู้เป็นคหบดีค้าผ้าในคราแรกก็คิ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 267

    เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัวจางผ่านพ้นไป ตอนนี้จางอี้หมิงหายจากอาการป่วยเป็นปลิดทิ้ง ท่านอ๋องน้อยหนิงเทียนปักหลักอยู่ที่เรือนตระกูลจางเพื่อติดตามน้องชายที่เที่ยวไปตามตรอก ซอกซอยของเมืองหลวง โดยบอกท่านแม่ทัพซึ่งติดตามมาด้วยว่าเป็นการเรียนรู้เส้นทางการค้าตามที่หนิงอ๋องกำชับมาทว่าความจริงแล้วก็คือการเล่นซนตามประสาเด็ก เนื่องจากชีวิตในแคว้นเหลียงของอ๋องน้อยหนิงเทียนต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบเอาไว้มากมาย ทั้งการเล่าเรียนอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านบุ๋นและบู๋ เมื่อได้เดินทางห่างไกลบ้านและห่างไกลสายตาของพระบิดา จึงถือโอกาสปลดปล่อยความเก็บกดบ้างนั่นเองทางด้านจางอี้เทาก็ตามติดภรรยาอย่างมิเคยให้คลาดสายตา จนหลี่อ้ายถึงกับรำคาญและคาดโทษว่าหากมิปล่อยให้นางได้มีเวลาอิสระและชีวิตส่วนตัวบ้าง นางจะให้สามีนอนนอกห้อง จางอี้เทาจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายความเข้มงวดของตนเองลง“ท่านพี่ ข้าแค่ตั้งครรภ์นะเจ้าคะ ข้ามิได้ป่วย ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ท่านหมอก็แนะนำให้เดินและทำงานบ้าง จะช่วยให้คลอดง่าย” หลี่อ้ายโอดครวญไม่หยุด เมื่อจางอี้เทายังคงตามติดนางอย่างกับเงาตามตัว เขาไม่ไ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 266

    อีกด้านหนึ่งของจวน จางอี้หมิงที่ปลอดภัยจากพิษร้ายแล้วกำลังหวนคิดถึงความฝัน อาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดบริเวณท้องที่ร่างกายเล็ก ๆ นี้ทนไม่ไหว หรือเป็นเพราะยาระงับความเจ็บปวดที่อาลิ่วให้เขากินก็สุดจะรู้ สติสัมปชัญญะของเขาจึงดับวูบไปและได้ลอยละล่องกลับไปยังโลกใบเดิมที่เคยจากมาในฝันนั้น...เขารับรู้ได้ว่าตนเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เขาเห็นแม่ครูกำลังถูกประคองด้วยรวิสา หญิงสาวที่เติบโตมาด้วยกันและยังเป็นรักแรกของเขา ทั้งสองคนเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องพักผู้ป่วยก่อนจะเปิดประตูเข้าไปอานนท์เห็นร่างของตนเองนอนอยู่บนเตียงคล้ายคนที่กำลังนอนหลับเท่านั้น ร่างของเขาซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแม่ครูเข้าไปถึงในห้องพักแล้ว พยาบาลที่ดูแลอยู่จึงหลบออกจากห้องเพื่อให้แขกที่มาเยี่ยมได้ใช้เวลาส่วนตัวกับคนไข้แม่ครูนั่งลงข้างเตียง ยกมืออันเหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบไปบนศีรษะของอานนท์อย่างรักใคร่ น้ำตาของหญิงชราเอ่อล้นออกมาจากดวงตา โดยมีรวิสาคอยปลอบอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง“นนท์ เมื่อไหร่ลูกจะตื่นขึ้นมาเสียที อย่าทำให้แม่เป็นห่วงได้ไหม” แม่ครูเอ่ยกับร่างคนไข้บนเตียง ก็ไม่รู้ว่าคำบอกนั้นจะส่งไปถึงคนที่ฟังอยู่ได้หรือ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 265

    “ท่านแม่ทัพ นำยาชุบชีวิตติดตัวมาหรือไม่” อ๋องน้อยหนิงเทียนหันไปถามแม่ทัพที่ตนเองฝากตัวเป็นศิษย์ ทั้งยังเป็นผู้ทำหน้าที่คุ้มกันตนเองตลอดการเดินทางมายังแคว้นฉิน“นำมาพ่ะย่ะค่ะ” ท่านแม่ทัพตอบ เขาเดินออกไปที่รถม้าไม่ถึงชั่วอึดใจก็กลับมาและยื่นยาชุบชีวิตให้กับท่านอ๋องหนิงเทียน“พวกเจ้ารีบนำยานี้ไปช่วยน้องชายข้าเร็วเข้า” อ๋องน้อยหนิงเทียนเอ่ยสั่งการพลางยื่นยาชุบชีวิตไปให้ อาลิ่วจึงเดินไปรับมา องครักษ์หนุ่มรีบนำยามาบดและป้อนให้กับคนป่วยบนเตียงยาเม็ดชุบชีวิตเป็นดั่งโอสถเทพ สมแล้วที่ใคร ๆ ต่างก็ไขว้คว้าอยากได้มาครอบครอง เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม จางอี้หมิงก็ลืมตาฟื้นขึ้นมา อาการปวดท้องหายไปเป็นปลิดทิ้ง การหายใจกลับมาสม่ำเสมอ ใบหน้าที่เคยซีดเผือดเริ่มมีเลือดฝาด ริมฝีปากกลับมาเป็นสีแดงระเรื่อดังปกติถึงแม้ว่าจะมีอาการอิดโรยอยู่บ้าง แต่เมื่ออาลิ่วและอาปาเข้าไปตรวจดอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงกล่าวรายงานท่านอ๋องน้อยหนิงเทียนด้วยความยินดี“อาการของท่านอ๋องน้อยอี้หมิงหายจากการถูกพิษแล้วพ่ะย่ะค่ะ พักผ่อนและเสวยยาบำรุงอีกไม่กี่เทียบก็คงกลับมาแข็งแรงดั่งเดิมแล้ว” สิ้นคำของหน่วยองครักษ์เหลียงไป๋ จวนที่เคยเงียบเหง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status