แม่เล้าลำเลิกบุญคุณ เหมยกุ้ยได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน นางฟังประโยคนี้ซ้ำ ๆ มานานกว่า 6 ปีแล้ว และ 6 ปีที่นางต้องตกเป็นทาสกามเพื่อทำเงินให้กับแม่เล้าผู้นี้
“ถ้าเช่นนั้น ก็สุดแล้วแต่ท่านแม่จะเห็นสมควรเถิด”
เหมยกุ้ยรับคำแผ่วเบา
รื่อหงจึงเอื้อมมือมากุมมือน้อยของสาวสวยไว้พลางปลอบประโลมว่า
“ดีมากเหมยกุ้ย เจ้าช่างเป็นเด็กดียิ่งนัก วันนี้ถือว่าข้าขอเจ้าเป็นพิเศษก็แล้วกัน เพราะผู้ที่จะมาวันนี้เป็นขุนนางใหญ่จากทางเหนือ ปีหนึ่งท่านถึงจะเดินทางผ่านมาเมืองฉีซาน ท่านอุตส่าห์ส่งม้าเร็วมาจองตัวเจ้าไว้ก่อนขบวนของท่านจะมาถึงเสียอีก ให้ถือว่าทำบุญทำทานกับคนแก่แล้วกันนะเหมยกุ้ย”
เหมยกุ้ยพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ รื่อหงยิ้มหน้าระรื่นเมื่อสาวงามแห่งหอมู่ตานยอมรับงาน นางจึงกล่าวต่อว่า
“ก่อนรับแขกคืนนี้เจ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะจัดให้เจ้าเป็นพิเศษ”
“ขอบคุณท่านแม่ที่กรุณา หากเป็นได้ท่านแม่โปรดให้ไป๋หลาน หรือหวงหลานเป็นผู้ยกอาหารและเหล้าขึ้นมาที่ห้องกุหลาบได้หรือไม่”
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำไมจะไม่ได้หล่ะ วันนี้ไป๋หลานว่างข้าจะให้นางขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้วกันนะ”
“ขอบคุณท่านแม่”
เหมยกุ้ยก้มศีรษะเล็กน้อย
“เอาหล่ะ ข้าต้องลงไปดูแลข้างล่างหน่อย เจ้าก็พักผ่อนเยอะๆ นะ ถึงเวลา ไป๋หลานยกอาหารให้มาให้”
รื่อหงกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
เมื่อรื่อหงเดินหายลับออกไปแล้ว เหมยกุ้ยลงกลอนประตูแล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะกลมกลางห้อง นางกวาดสายตาไปทั่วบริเวณห้องที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องเรือน
ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างงดงามยิ่งกว่าห้องใด ๆ ในหอนี้ หนำซ้ำยังกว้างกว่าห้องอื่น ๆ ถึง 2 เท่า เพราะห้องพื้นที่รับแขกถูกแยกออกเป็นสัดส่วนจากห้องนอน
แม้ห้องที่นางอยู่จะหรูหรากว่าห้องของนางคณิกาคนอื่น ๆ แต่สถานะก็ไม่ก็ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ไม่ว่าห้องจะใหญ่หรือเล็ก สุดท้ายก็ลงเอ่ยเป็นสถานที่ระบายความใคร่แก่ชายเหมือนๆ กัน
เหมยกุ้ยถอนหายใจออกมาเบา ๆ กล้ำกลืนความรันทดใจเข้าไปข้างใน นางยังคงจำวันที่รื่อหงเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของตนได้ดี
หลังจากที่เหมยกุ้ย เด็กสาวอายุ 14 ปีที่ต้องสูญสิ้นครอบครัวเพราะโจรป่า นางถูกรื่อหงเจ้าของหอมู่ตานช่วยเหลือเลี้ยงดู
วันนั้น เหมยกุ้ยอยู่ในชุดสีขาวออกเหลืองเพราะเป็นชุดเก่าของรื่อหงนำมาให้สวมใส่ สี่ห้าวันที่นางพักอยู่ในหอมู่ตานแห่งนี้ ได้รับความสะดวกสบาย ตอนกลางคืนเหมยกุ้ยมักจะได้ยินเสียงเพลง เสียงคนคุยกันเฮฮาดังมาจากชั้นล่างเสมอ ๆ และทุก ๆ บ่าย รื่อหง ผู้ที่ให้นางเรียกว่าแม่ ก็จะปรากฏตัวในห้องคอยถามสารทุกข์สุกดิบ จนสาวน้อยรู้สึกไว้ใจและรู้สึกดีที่ครั้งที่ได้เห็นรื่อหงเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“เหมยกุ้ย วันนี้เป็นไงบ้าง หายตกใจหรือยัง? ยังฝันร้ายอยู่ไหม?”
รื่อหงเอ่ยถามสาวน้อยที่ตนรับอุปถัมภ์ เมื่อวานนางเล่าให้ฟังว่ามักจะฝันถึงวันที่โจรฆ่าพ่อแม่
เหมยกุ้ยส่งยิ้มให้สาวใหญ่วัย 35 ปี แม้อายุจะล่วงเลยผ่านวัยสาวแต่รูปร่างของนางยังคงได้สัดส่วนราวกับสาวแรกรุ่น เมื่อร่างนั้นนั่งลงข้าง ๆ เหมยกุ้ยจึงตอบว่า
“เมื่อคืนยังฝัน แต่ข้าก็ไม่กลัวมันแล้ว สักวันข้าจะต้องแก้แค้น!”
เด็กสาวตอบแววตามุ่งมั่น
รื่อหงจะลูบศีรษะนางเบา ๆ ก่อนเอ่ย
“โธ่เอ๊ย เด็กน้อย ชีวิตมันมีเรื่องต้องทำมากกว่าการแก้แค้น ไว้เจ้าโตกว่านี้แล้วเจ้าจะรู้ อ่อ ดื่มน้ำนี่สิ สมุนไพรบำรุงกำลังจะทำให้เจ้าหลับสบายไม่ฝันร้ายอีก”
เด็กสาวยิ้มรับ นางยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นดื่มจนหมดจอก มือหนึ่งวางถ้วยลง อีกมือก็ยกแขนเสื้อขึ้นซับน้ำที่เลอะริมฝีปากเบา ๆ พวงแก้มของเด็กสาวขึ้นสีชมพูแดงระเรื่อด้วยวัยแรกแย้ม
“เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าดีกับเจ้าไหม?”
รื่อหงเอ่ยขึ้นพลางสบตาเด็กสาวอย่างจริงจัง
“ท่านแม่ดีกับข้ามาก”
“เจ้าจะอยู่กับข้าต่อหรือไม่”
เด็กสาวตาลุกวาวเมื่อได้ยินคำถามจากรื่อหง นางตื่นตระหนกกว่าว่าจะถูกขับไล่ออกไป เหมยกุ้ยรีบลงไปคุกเข่า คำนับผู้ที่ตนเรียกว่า “แม่”
“ท่านแม่ ข้าไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปไหนจริง ๆ โปรดเมตตาข้าด้วย โปรดเมตตาข้าด้วย”
“เด็กดี ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ใจไม้ไส้ระกำพอที่จะขับไล่ไสส่งเจ้าไปตกระกำลำบากหรอก”
รื่อหงเอ่ย ขณะที่ช้อนมือประคองร่างเล็กให้ยืนขึ้น
“ขอบคุณท่านแม่มาก”
แววตาไร้เดียงสาของเหมยกุ้ยทอประกายขอบคุณอย่างลึกซึ้ง
“เพียงแต่มีข้อแลกเปลี่ยนว่า หากเจ้าอยู่ที่นี่กับข้า เจ้าต้องช่วยข้าทำงาน”
รื่อหงเอ่ยต่อ
“ข้ายอมทำอย่างที่ท่านแม่สั่ง ข้าทำได้หมด”
“เจ้าพูดเองนะ”
รื่อหงสบตาสาวน้อย
นางจึงพูดยืนยันหนักแน่นว่า
“ข้าทำได้หมดผ่าฟืน ตักน้ำ ถูบ้าน ทำความสะอาด”
“ฮ่า ฮ่า เด็กน้อย ข้าไม่ใช้สาวสวยอย่างเจ้าให้ทำงานเยี่ยงทาสเช่นนั้นแน่”
สาวน้อยเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยกับคำตอบของรื่อหง รู้สึกร้อนวูบวาบภายในร่างกายอย่างไรชอบกล
“เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าเป็นแม่เล้าของหอมู่ตานแห่งนี้ หญิงทุกคนในหอแห่งนี้ต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นนางคณิกา”
“นางคณิกา คือ อะไร”
เหมยกุ้ยถามประสาซื่อ รู้สึกว่าอุณหภูมิของห้องร้อนขึ้น ๆ จนนางต้องปลดเสื้อคลุมตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อซับในบางเบาเผยให้เห็นเต้านมตั้งช่ออวบอูม หัวนมสีชมพูระเรื่อชูชัน เมื่อไล่สายตาลงมาด้านล่างขนหอยเป็นโหนกเนินอิ่มกำลังขึ้นขนอ่อนระบายสีน้ำตาล
รื่อหงดึงร่างงดงามที่เริ่มได้สัดส่วนของเหมยกุ้ยมานั่งบนตัก แล้วใช้สองมือกลึงหัวนมชมพูชูชัน จนร่างเล็กบนตักแอ่นรับอย่างเสียวซ่าน
“อ่า ท่านแม่ ทำอะไร ข้าขนลุกไปหมดแล้ว หือ อะ อ่า”
“ข้าก็จะสอนเจ้าให้รู้ว่า นางคณิกาคืออะไร อย่างไรหล่ะ”
ปากแดงฉานของรื่อหง กระซิบข้างหูน้อย ๆ
“ทะ ทำไม ขะ ข้ารู้สึกอยากให้ท่านลูบไล้ข้า”
เหมยกุ้ยถามเสียงสั่นระริก ๆ เมื่อเริ่มควบคุมสติตนเองไม่ได้
รื่อหงมองร่างน้อย ๆ ที่บิดเกร็งเพราะความกระสัน นางหอบหายใจถี่ ใบหน้าแดงก่ำเพราะยาปลุกสวาทที่หล่อนให้นางกินคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“เจ้าไม่ได้อยากให้ข้าลูบไล้เจ้าหรอก แต่เจ้าต้องการสิ่งนี้ต่างหาก จางเหว่ย! หวังเหว่ย!”
สิ้นเสียงเรียก ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำที่มักจะพบเห็นเขาเดินตามรื่อหงเสมอ ๆ ผลักประตูห้องเข้ามา ชายสองคนสวมเพียงกางเกง ปล่อยแผงอกล่ำเป็นสันกล้ามเนื้อเปื่อยเปล่า
“อะ อะ อ่าซ์ อร้ายยยยยยยยยยยย”สิ้นเสียงครวญคราง เรือนร่างโชกเหงื่อของทั้งคู่ก็สั่นสะท้านราวกับถูกไฟฟ้าซ็อต ทั้งสองนิ่งค้างซึมซาบความซาบซ่านให้เต็มทรวง ก่อนจะจบบทสวาททะลวงหอยของแม่ทัพด้วยการจูบบดลึกวาบหวามฝากความหวานให้ตราตรึงใจและแล้ววันแต่งตั้งองค์จักรพรรดินีอย่างเป็นทางการพื้นที่ท้องพระโรงลามไปจนถึงประตูวังด้านหน้าเต็มไปด้วยบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้าร่วมถวายพระพรและเป็นสักขีพยานในการรับตำแหน่งอันสูงส่งเมื่อเสียงแตรเสียงประทัดดังสนั่นขึ้นเป็นสัญญาณการเริ่มพิธี เสียงแซ่เซ็งพูดคุยของเหล่าขุนนางทั้งหลายต่างสงบลง พร้อมกับยืนในแถวรอรับการเสด็จขึ้นบัลลังก์ไม่ช้าร่างงดงามในชุดจักรพรรดิเต็มยศก็ปรากฏบนพรมสีแดงที่ทอดยาวสู่ราชบัลลังก์ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวสีแดงปักมังกรที่ฐานด้านล่าง ชายกระโปรงยาวระพื้น ยามก้าวเดินสะบัดไหวดูราวกับมังกรโลดแล่นในสายน้ำแยงชี ผ้าคล้องไหล่สีทองอร่ามคลุมเป็นสายยาวที่แขนทั้ง 2 ข้าง เสื้อชั้นนอกแขนกว้างปักลายกุหลาบดิ้นทอง แขนเสื้อที่ยาวลงมาถึงสะโพกพลิ้วไหวตามจังหวะย่างก้าว เนื้อแพรพรรณล้วนทักทอจากช่างฝีมือดีที่สุดในแผ่นดิน !!“แม่ทัพใหญ่จางหย่งขอเข้าเฝ้า!!!”
ตับ ตับ ตับ ตับๆๆๆๆๆๆ“อะ อ่า อ๊า อร้ายยยยยยยย”ซ๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบพรวดดดดดดดดดดดดดดดด“อร้ากกกกกกกกกก”มังกรยักษ์พ่นพิษอุ่นซ่านเข้าเต็มโพรงหอยพร้อมกับเสียงครางระงมจนถึงสวรรค์ของทั้งคู่ ร่างอรชรกระตุกงึกๆ เกร็งเสียวสุดขีด สะโพกแกร่งของแม่ทัพหนุ่มผู้หิวกระหายตอกตรึงรูหอยบดแน่น ปล่อยให้จิตวิญญาณของตนล่องลอยไปแสนไกล ในไม่ช้าเรือนร่างกำยำก็ค่อยๆ เอนซบลงอกอวบๆ ทั้งคู่หอบหายใจกระเส่า“อ่า ข้าไม่เคยกินสุราอร่อยขนาดนี้มาก่อน”แม่ทัพรำพันกระซิบแนบเนื้อนวล บนโต๊ะกลมใหญ่กลางกระโจม เขาไม่คิดว่าการเดินทางกลับวังหลวงครั้งนี้จะได้พบเทพธิดาที่นำพาเข้าสู่สรวงสวรรค์อย่างไม่คาดฝัน“ข้าก็ไม่เคยถูกมังกรยักษ์จ้วงกระหน่ำได้ถึงใจขนาดนี้เช่นกัน โอ้แม่ทัพสมแล้วที่ท่านเป็นยอดชาตรี”เหมยกุ้ยพลิกตัวขึ้น ดุ้นมังกรยักษ์จึงหลุดออกจากร่องหอย“อ่า”ร่างอรชรค่อยๆ เลื้อยกายลงมาที่หว่างกำยำ จนสบเข้ากับลำตัวของมันเยิ้มไปด้วยน้ำทิพย์สีขาวขุ่น“มังกรท่านใหญ่น่ากินเหลือเกิน”เหมยกุ้ยถึงกับอุทานกระเส่าเมื่อเจอหัวดุ้นสีน้ำตาลไหม้อาบช่ำด้วยน้ำทิพย์ เส้นเลือดปูดโปนยังเต้นตุบๆ ลิ้นเรียวเล็กแลบเลียริมฝีปากตนอย่างห
ยิ่งลิ้นสากสอดแทง... น้ำหวานยิ่งทะลักจนฉ่ำปาก เขาดูดดื่มตักตวงความหวานฉ่ำที่ทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายแผล็บๆ แผล็บ ๆ “อะ.... อือ... อะ อ่า จะแตกแล้ว อ่อยยยยยย”ปากใหญ่ร้อนฉ่ายังคงขบเม้มกลีบเนื้อหอยเต็มปากเต็มคำ ลิ้นร้อนฉ่าแทงเข้าแทงออกรัวๆ เร่งจังหวะตามเสียงกระเส่าของนาง ยิ่งดูด ยิ่งเลียน้ำหอยฉ่ำ ๆ ยิ่งไหลทะลัก ร่างอรชรบิดส่ายบ่งบอกว่าเจ้าของร่างกำลังเสียวซ่านมากแค่ไหนจ๊วบบบบบบ จ๊วบบบบบบจ๊วบบบบบบแผล็บๆ แผล็บ ๆ แฮ่กๆ แฮ่กๆ“โอ้วววววววว ท่านแม่ทัพ ไม่ไหวววว แล้ววววว อร้ายยยย”เหมยกุ้ยแอ่นสะโพกหยัด มือเรียวขยุ้มผมดกดำของเขาให้แนบชิดร่องสาว ร่างอรชรกระตุกเกร็งงึก ๆ ริมฝีปากสีแดงสดเผยอค้างครางออกมาผะแผ่วด้วยความเสียวซ่านที่แผ่ซ่านไปทั้งกายสาว“อร้ายยยยยยยยยยย”พรวดดดดดดดดดดดด น้ำหอยแตกพรวดทะลักง่ามขา รูหอยขมิบตอดอากาศอย่างหิวโหย ซ่านกระสันอยากให้มังกรจ้วงแทงแทบขาดใจ เหมยกุ้ยครางกระเส่าขมิบตอดความว่างเปล่าไม่ยอมหยุด นางลอยขึ้นสวรรค์ชั้นหนึ่งไปแล้ว“อะ อ่า อือ อ่อยยยยยย”“อู้ววว.. อ่า... เหมยกุ้ย... เงี่ยนมากแล้วสินะ นำทะลักเลยนะ โอ้ววววว”แม่ทัพหยัดกายขึ้นแลบล
“เชิญชิมสุราชั้นเลิศจากข้า... เหมยกุ้ย มอบเป็นของขวัญแด่ท่านแม่ทัพ”มือใหญ่ยึดข้อมือเล็กกางออก แล้วร่างใหญ่ก็ถาโถมเข้าใส่ร่างเล็กที่นอนแผ่หลาบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว“เหมยกุ้ยยยยยยย ฮ่า ๆ เหมยกุ้ย”จ๊วบ!ซู้ดดดด จ๊วบ“อะ อ่า หือ อ่า”ลิ้นสากร้อนระอุแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่น มันตวัดลิ้นเล็กให้ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อนเลือดในกายนางร้อนระอุ เผยอเรียวปากขึ้น ตอบรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามา และหยัดร่างเข้าเบียดกายแข็งแกร่งทันทีซู้ดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ“อืม อ่า จ๊วบ”ร่างอรชรใต้ร่างใหญ่กำยำบิดส่าย อย่างซ่านกระสันเมื่อแม่ทัพหนุ่มบรรจงจูบด้วยลิ้นร้ายอย่างหื่นกระหาย ลิ้นร้อนควาญรีดน้ำหวานในโพรงนางจนหมดสิ้น แล้วลามเลียมาถึงติงหูเกิดความสยิวแผ่ซ่านจนขนอ่อนของนางลุกซู่ทั้งกายจนครางกระเส่าออกมา“อร้ายยยย อ่า หือ”แผล็บ! จ๊วบ!ปากร้อนระอุของแม่ทัพใหญ่ลามเลียเลื้อยลากมาถึงซอกคอขาวผ่อง ลิ้นร้อนตวัดเลียกลืนกินสุราในเนื้อนวลมาเรื่อยๆ มือใหญ่ร้อนฉ่าดึงทึ้งอาภรณ์นางออกจนเกิดรอยแยกของเสื้อคลุม หน้าอกอวบอิ่มเผยชูชันอวดเต้าสล้างกลมกลึงเฉิดฉายอยู่ตรงหน้าแม่ทัพหนุ่มจับจ้องอกอวบๆ ของนางอย่างหลงใหล
แม่ทัพใหญ่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป เขาคาดว่าจะได้กลิ่นคาวเลือดและการสู้รบซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ คือ สาวงาม งามที่สุดที่เขาเคยพบยิ่งยามที่ร่างอรชรเยื้องย้ายขยับกายเข้าใกล้ กลิ่นหอมฟุ้งลอยอบอวลไปทั่วทั้งกระโจม ใจของแม่ทัพใหญ่เต้นตึกตักระส่ำ เต้นแรงยิ่งกว่าการเห็นกองทัพศัตรูนับแสนอยู่ตรงหน้าสติของแม่ทัพใหญ่หลุดลอยลืมสิ้นว่าตนมาที่กระโจมน้อยนี้เพื่อสิ่งใด หัวใจของเขามันวาบหวามเคลิบเคลิ้ม แม้มือเรียวของนางเอื้อมเข้าสัมผัสมือใหญ่ เขาก็ยอมให้นางนำพาแต่โดยดี“ท่านแม่ทัพเชิญทางนี้เถิด”เหมยกุ้ยจูงร่างสูงใหญ่ให้นั่งลงที่โต๊ะกลมกลางกระโจม ที่มีสำหรับอาหารและเหล้าชั้นดีไว้เพียบพร้อม หากแม่ทัพใหญ่มีสติมากพอเขาจะประเมินสถานการณ์ตรงหน้าว่าคือ กลลวง แต่เหตุไฉนร่างกายของเขากลับวูบไหวยอมนั่งลงตามคำสั่งนางแต่โดยดี“ขออภัยท่านแม่ทัพที่ข้าน้อยบังอาจมารบกวนท่าน”เหมยกุ้ยชวนคุยระหว่างรินสุราเลิศรสลงในจอก“อะ เอ่อ ไม่เป็นไร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นแม่ทัพ?”แม่ทัพใหญ่จางหย่งตอบอย่างเงอะงะ หลายเดือนที่ผ่านมาเขากรำศึกทั้งวันทั้งคืนเจอแต่บรรดาทหารหนุ่มๆ นี่เป็นคืนแรกที่เขา
“หากผู้ใดแพร่งพรายเรื่องในพระตำหนักนี้ออกไป มันผู้นั้นจะมีสภาพเป็นเหมือนนายทหารผู้นี้!”ปากสีแดงสดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น“หากผู้ใดสวามิภักดิ์ต่อข้า มันผู้นั้นจะยังคงนอนหลับกินอิ่มอยู่ในตำหนักแห่งนี้เหมือนเช่นเคย!”องค์จักพรรดินี จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!บรรดาข้าทาสบริวารต่างคุกเข่าหมอบลงถวายความจงรักภักดี ไม่มีใครไม่รักชีวิต!เมื่อผู้เป็นนายเก่าสิ้นวาสนา นกน้อยที่ไร้ผู้ปกครองย่อมบินหาคอนเกาะที่มั่นคงกว่ามันคือสัจธรรมของชีวิต“ฮ่าๆ ทุกคนจงฟัง!”เสียงประกาศก้อง ร่างอรชรในชุดสีทองกรุยกรายยืดกายขึ้นองครักษ์ทั้งสองยืนเคียงข้าง“ขอให้พวกเจ้าทุกคนจงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองเหมือนเช่นเคยปฏิบัติมา อีกไม่เกิน 1 ชั่วยาม พระชายาก็จะฟื้น แต่จะกลายเป็นคนไร้สติ ให้พวกเจ้าทุกคนบอกกล่าวต่อๆ กันออกไปว่า -พระชายาโศกเศร้าเพราะสูญเสียพระสวามีจนเสียสติ-”น้อมรับพระบัญชา!“ระหว่างที่เจ้าเฝ้าพระตำหนักพระชายามีผู้ใดเล็ดลอดคาบข่าวไปบอกแม่ทัพใหญ่หรือไม่?”เหมยกุ้ยเอ่ยถามหลี่เจี๋ยขณะเสด็จกลับตำหนักของตน“ไม่มีแม้แต่เงาเส้นหนึ่ง”องครักษ์หนุ่มตอบ“ดีมาก ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ดูแลพระตำหนักของพระชายาเพราะข้ายังไม่ไว