Главная / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่9เริ่มเดินหมาก

Share

ตอนที่9เริ่มเดินหมาก

last update Последнее обновление: 2025-07-14 21:58:35

แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดลอดเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนใหญ่ในเรือนฮวาหงอันเงียบสงบ ปรากฏเงาร่างเพรียวระหงของหญิงสาวผู้หนึ่งยืนตั้งมั่นอยู่กลางห้อง ฝ่าเท้าแนบแน่นกับพื้น หายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ

ไม้พลองในมือของนางตวัดวูบไปในอากาศ เสียงลมเสียดอื้ออึงตามแรงเหวี่ยง ทุกท่วงท่าคมกริบราวกับกำลังฟันดาบ ไม่ใช่เพียงแค่การออกกำลัง หากแต่เป็นการฝึกฝน ในชีวิตก่อนนางฝึกฝนการต่อสู้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้ใช้มากที่สุดคือการใช้ปืน ตอนนี้จึงต้องเคาะสนิมกันเสียหน่อย

อวี้หลันเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง แขนขาแข็งแรงและว่องไว ราวกับร่างกายนี้ไม่เคยอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางแน่วแน่ เยือกเย็น และเต็มไปด้วยสมาธิ ทุกจังหวะที่ก้าว ทุกท่าที่ฟาดฟัน ล้วนแฝงด้วยสัญชาตญาณของคนที่เคยอยู่กับความเป็นความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ไม้พลองฟาดลงกลางอากาศอย่างแรง ส่งเสียง "ฟึ่บ" ราวกับมันคือคมดาบที่กำลังฆ่าฟันศัตรูจริงๆ

หยาดเหงื่อไหลซึมจากไรผมลงมาตามข้างแก้ม อวี้หลันหยุดการเคลื่อนไหว ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอและไม่หอบเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นางวางไม้พลองในมือลง พลางหยิบผ้าขึ้นมาซับเหงื่อ ตอนนี้ร่างกายของนางนับว่าหายดีแล้ว นางใช้เวลาพักผ่อนรักษาตัวอยู่เพียงสามวันร่างกายก็ฟื้นตัวหายเป็นปกติ และแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก 

ความจริงนางอยากจะแสร้งป่วยต่ออีกสักครึ่งเดือน แต่จนใจที่วันพรุ่งนี้ภายในจวนจะมีงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสการแต่งตั้งฮูหยินเอกของบิดา นางในฐานะลูกเลี้ยงจึงจำต้องก้าวเท้าออกจากเรือนฮวาหง เพื่อไปแสดงความยินดีกับฮูหยินเอกคนใหม่ของจวน งานนี้จะขาดลูกเลี้ยงสุดที่รักอย่างนางไปได้อย่างไร อย่างน้อยก็ควรมอบของขวัญที่ระลึกให้แม่เลี้ยงสักชิ้นหนึ่ง ให้นางประทับใจจนลืมไม่ลง

โดยพิธีการของวันพรุ่งนี้จะแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงเช้าสมาชิกในครอบครัวจะรับประทานอาหารพร้อมหน้ากันที่เรือนใหญ่ จากนั้นในช่วงบ่ายจะมีงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ เชิญแขกจากตระกูลขุนนางมาร่วมแสดงความยินดี

"คุณหนู บ่าวเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้ว คุณหนูจะอาบน้ำตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ"

ฉิงหว่านเดินเข้ามารินน้ำชาส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

"อืม"

อี้หลันจิบชาแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาบน้ำ โดยมีฉิงหว่านคอยปรนนิบัติไม่ห่าง เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่างรู้ใจไปหมด 

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา อวี้หลันเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของบ่าวในเรือนฮวาหงอย่างเงียบๆ และพบว่าทุกเรื่องภายในเรือน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมของใช้ จัดอาหาร ทำความสะอาด หรือดูแลเรื่องส่วนตัวของนาง ล้วนเป็นฉิงหว่านที่ลงมือทำทั้งหมด ทั้งที่ในเรือนฮวาหงมีบ่าวมากถึงแปดคน แต่กลับไม่มีใครขยันขันแข็งหรือดูใส่ใจงานแม้แต่น้อย บางคนทำท่าเหนื่อยหน่าย บางคนก็ทำงานแบบขอไปที พอให้พ้นๆ ไปวันๆ

แต่นางเข้าใจว่าเหตุใดบ่าวพวกนั้นจึงเฉื่อยชาเช่นนี้ เพราะพวกนางล้วนเป็นคนของเซิ่งซื่อทั้งสิ้น จึงได้ไม่ยอมรับว่านางคือเจ้านายตัวจริงของเรือนนี้

แววตาของอวี้หลันเย็นเฉียบลง เห็นทีคงถึงเวลาที่พวกหนูสกปรกพวกนี้จะต้องถูกกวาดล้างเสียที

 

หญิงสาวเอนตัวลงในถังไม้อาบน้ำ กลิ่นน้ำมันหอมจางๆ กับกลิ่นของกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำหอมอบอวล ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า นางหลับตาพริ้ม ปล่อยใจให้ผ่อนคลายในความเงียบสงบ ขณะที่ฉิงหว่านค่อยๆ สระผมให้อย่างนุ่มนวล 

จากนั้นน้ำเสียงเรียบรื่นก็เอ่ยขึ้น ราวกับกำลังบอกเล่าถึงเรื่องทั่วไป

"หวานหว่านคนดี ข้าจำได้ว่าปิ่นปักผมที่ข้าชื่นชอบมากอันหนึ่ง หายไป"

มือของฉิงหว่านชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสระผมต่อ แววตานั้นเต็มไปด้วยความคับข้องใจ และดูเหมือนน้ำหนักมือจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา ราวกับกำลังแง่งอน

อยู่ๆ ของจะหายไปได้อย่างไร คงจะเป็นคนพวกนั้นที่หยิบฉวยไปอีกตามเคย

อวี้หลันสัมผัสได้ถึงท่าทางปั้นปึ่งของอีกฝ่ายก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้ จากความทรงจำของเจ้าของร่าง พวกสาวใช้เหล่านั้นมักจะหยิบฉวยของของนางไปบ่อยครั้ง แม้ฉิงหว่านจะบอกกับนางหลายครั้ง แต่ผู้เป็นนายกลับปล่อยผ่าน ไม่เคยเอ่ยปากหรือจัดการอะไรเลย ปล่อยให้คนพวกนั้นเอาเปรียบ สร้างความคับแค้นใจให้กับฉิงหว่านเป็นอย่างมากที่คนพวกนั้นเอาเปรียบคุณหนูของตน

อวี้หลันลืมตาขึ้นช้าๆ แววตานิ่งเย็นปรากฏอยู่ภายใต้ม่านไอน้ำที่ลอยเหนือผิวน้ำอุ่น

"หวานหว่านโกรธข้าแล้วหรือ เช่นนั้นข้าจะทวงของทั้งหมดคืน ดีหรือไม่"

ริมฝีปากแดงฉ่ำน้ำคลี่ยิ้มจางๆ ราวกับดอกไม้แรกแย้มในฤดูเหมันต์ สวย แต่น่าหวาดหวั่นอย่างประหลาด

ฉิงหว่านได้ยินเช่นนั้นดวงตาก็เป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างเอ่ยถามผู้เป็นนายอย่างไม่แน่ใจ

"คุณหนูพูดจริงหรือเจ้าคะ"

แน่นอนว่าอวี้หลันพูดจริง แต่ไม่ใช่แค่ของที่บ่าวรับใช้พวกนั้นขโมยไป แต่หมายรวมถึงสินเดิมของมารดาผู้ล่วงลับด้วย

เซิ่งซื่อเป็นฮูหยินเอกแล้วอย่างไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องทรัพย์สมบัติของมารดานาง

ยามค่ำคืนมาเยือน เรือนฮวาหงเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหวิวที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง ผู้คนภายในเรือนต่างก็พากันดับไฟและเข้านอนกันหมดแล้ว แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งในชุดสีดำสนิทกระโจนออกมาจากหน้าต่างเรือนใหญ่ อันเป็นที่พำนักของเจ้าของเรือน ลัดเลาะไปตามเรือนนอนของบรรดาบ่าวไพร่

ร่างนั้นเคลื่อนไหวเงียบงันทุกย่างก้าว ทั้งรวดเร็วและระมัดระวัง พฤติกรรมและชั้นเชิงการลอบเร้นเหล่านั้นล้วนเหนือสามัญ เมื่อภารกิจสิ้นสุด ร่างในชุดดำก็หายลับไปกับเงามืดดั่งไม่เคยปรากฏมาก่อน ปล่อยให้เรือนฮวาหงกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ทว่าความเงียบนี้ จะคงอยู่ได้ไม่นาน

รุ่งเช้าในเรือนฮวาหง แสงแดดอุ่นละมุนลอดผ่านผ้าม่านบางเบา บรรยากาศอบอวลด้วยความสงบ กลิ่นชาดอกเหมยหอมกรุ่นคลุ้งไปทั่วเรือน ราวกับกำลังต้อนรับเช้าวันสำคัญอย่างอ่อนโยน อวี้หลันนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้หอมด้วยท่าทีสงบ ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางแต่งแต้ม

วันนี้นางสวมอาภรณ์เรียบง่าย สีขาวอ่อนนุ่ม ต่างจากเมื่อหลายวันก่อนที่มักจะสวมชุดสีสันสดใส งดงามสะดุดตา แม้จะอยู่แค่ภายในเรือนนอนก็ตาม ผมยาวถูกถักเป็นเปียสองข้างอย่างเรียบง่ายโดยฝีมือของฉิงหว่าน ไม่สวมเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว ไร้ซึ่งความโดดเด่น ส่วนใบหน้านั้น อวี้หลันเลือกที่จะแต่งแต้มให้ขาวซีดราวกับคนป่วย

ด้านฉิงหว่านมองเครื่องประดับในกล่องที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นอย่างปวดใจและคับแค้นใจเหลือแสน เมื่อวานนี้เครื่องประดับของคุณหนูยังเหลืออยู่มากมายไม่ใช่หรอกหรือ คงเป็นคนพวกนั้นที่ต้องการกลั่นแกล้งคุณหนูของนางให้อับอายขายหน้าเป็นแน่

"คนพวกนั้นชั่งใจกล้านัก แอบขโมยของของคุณหนูไปมากมายถึงเพียงนี้ คงหวังให้ท่านขายหน้าต่อหน้าผู้คนเป็นแน่เจ้าค่ะ"

ความจริงแล้วบ่าวพวกนั้นก็ใช่ว่าจะโง่เสียทีเดียว ของที่พวกนางขโมยไปล้วนแล้วแต่เป็นของไม่สะดุดตาหรือโดดเด่นล้ำค่าจนเกินไปนัก แต่ฉิงหว่านไหนเลยจะรู้ว่าที่จริงแล้วเครื่องประดับเหล่านั้นหาได้ถูกลักไป แต่เป็นนายของตนที่นำมันไปให้ผู้อื่นด้วยมือของตนเอง

ในเมื่อคนพวกนั้นชมชอบการลักขโมยของ เช่นนั้นนางก็เพียงแต่ "ช่วย" ส่งเสริมก็เท่านั้น 

เมื่อคืนนี้นางจึงนำเครื่องประดับของนางไปแอบซุกซ่อนไว้ในเรือนของบ่าวเหล่านั้น

อวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"หวานหว่านวางใจ วันนี้ข้าจะทวงคืนทุกอย่างกลับมาแน่"

"คุณหนูต้องเรียนนายท่านให้ได้นะเจ้าคะ บ่าวพวกนั้นเหิมเกริมเกินไปแล้ว" 

ฉิงหว่านพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมให้ผู้เป็นนายอีกรอบ เมื่อเห็นว่านายของตนคล้ายดังคนป่วยอย่างที่ต้องการก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจ ในความคิดของฉิงหว่าน เมื่อนายท่านเห็นคุณหนูดูอ่อนแอบอบบางเช่นนี้จะได้ยิ่งรู้สึกสงสารเห็นใจยิ่งขึ้น

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ดวงตาเปล่งแสงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความสงบ

"ได้ๆ ข้าจะฟ้องให้หมด แล้วจะทวงของกลับคืนมาทุกชิ้นดีหรือไม่"

นางกล่าวเสียงอ่อนโยน คำพูดนั้นฟังดูราบเรียบ หากแต่แท้จริงเต็มไปด้วยการวางหมากอย่างสุขุม

"ดีที่สุดเจ้าค่ะ คุณหนู"

ฉิงหว่านตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

"เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ ประเดี๋ยวท่านพ่อจะคอยนาน"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนพิเศษ

    เสียงกลองชัยดังก้องสะท้อนทั่วเมือง เมื่อขบวนทัพขององค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงก้าวเข้าสู่เมืองหลวง ธงสีชาดสะบัดพลิ้วเหนือกำแพงเมือง แสงอาทิตย์อาบเมืองหลวงเปล่งประกายดุจทองคำ ประชาชนต่างออกมายืนเรียงรายสองฝั่งถนนเพื่อรอต้อนรับ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังกึกก้อง ดอกไม้หลากสีถูกโปรยปรายทั่วทางเดินที่ทอดยาวสู่ประตูวังหลวง"ถวายพระพรองค์ชายใหญ่! ทรงพระเจริญ!"ผู้คนทั้งแผ่นดินเปล่งเสียงสรรเสริญชัยชนะธงสีชาดสะบัดพลิ้วกลางสายลม ขบวนทหารเคลื่อนเข้าสู่เมืองอย่างองอาจ แววตาส่องประกายด้วยความภาคภูมิองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงทรงม้านำขบวน ท่วงท่าของพระองค์สง่างามดังวีรบุรุษ ดวงตาคมทอดมองไปยังประตูวังหลวงซึ่งเปิดต้อนรับ ข้างกายของพระองค์คือสตรีในชุดพิชัยศึกสีขาวเงินสะอาด นางมิได้แต่งกายงดงามหรูหราเช่นสตรีในเมืองหลวง แต่สง่างามในแบบนักรบผู้เคียงบ่าเคียงไหล่ดวงอาทิตย์ส่องกระทบเกราะโลหะของทั้งคู่จนวาววับราวกับเปลวเพลิง ทหารที่เดินตามหลังใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ภาพนั้นกลายเป็นขบวนแห่งเกียรติภูมิของแผ่นดินหลังจากองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงเดินทางกลับเมืองหลวงมิทันข้ามวัน ก็มีราชโองการปลดเสิ่นฮองเฮาออกจากตำแหน่งและ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่68จบบริบูรณ์

    บรรยากาศหลังศึกใหญ่ยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นควันไฟและกลิ่นคาวเลือดเสียงกลองศึกสุดท้ายหยุดลงพร้อมกับเปลวเพลิงแห่งสงครามที่ค่อยๆ มอดดับ เหลือเพียงเสียงลมหอบของม้าและเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะที่ดังขึ้นทั่วสนามรบแสงแรกแห่งอรุณฉาบลงบนผืนดินที่เพิ่งหลั่งเลือด เปล่งประกายเหนือซากศพและธงศัตรูที่ถูกเหยียบย่ำจนแหลกลาญ เหล่าทหารยกอาวุธขึ้นเหนือศีรษะ โบกสะบัดธงสีชาดแห่งแคว้นเป่ยอย่างภาคภูมิ ชายแดนใต้กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง กองทัพศัตรูถูกขับไล่ออกนอกเขตแดนอย่างสิ้นเชิงกลางลานศึกที่ยังมีกลิ่นคาวเลือด องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแสงรุ่งอรุณแรกหลังสงคราม ชุดเกราะของเขาเปรอะไปด้วยคราบฝุ่นและเลือด แต่ดวงตาคมยังคงเปล่งประกายเยือกเย็น เปี่ยมด้วยอำนาจและความสงบแห่งผู้ชนะเขาเงยหน้ามองขอบฟ้า สีทองของรุ่งอรุณสะท้อนในดวงตา แสงนั้นไม่เพียงล้างคราบควันไฟ หากยังปลุกความหวังของดินแดนกลับคืนมาอีกครั้งชายหนุ่มหันไปมองสตรีข้างกาย อวี้หลันในชุดเกราะสีเงินที่สะท้อนแสงทองระยับ แม้เปื้อนฝุ่นและเลือดเล็กน้อย แต่กลับงดงามดุจเทพธิดาผู้ลงมาจากสรวงสวรรค์ นางกำลังมองทิวเขาเบื้องหน้า ดวงตาของนางนิ่งสงบ หากลึกซึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่67ทวงคืนแผ่นดิน ปกป้องดวงใจ

    แสงอรุณแรกของวันค่อยๆ สาดต้องปลายยอดเขา หมอกบางคลอเคลียยอดหญ้าเหนือทุ่งรบอันกว้างไกล เสียงแตรศึกดังสะท้อนก้องไปทั่วค่ายทัพ ปลุกเหล่าทหารให้ตื่นจากความเงียบงันเข้าสู่เช้าวันใหม่ ธงทัพสีชาดปลิวสะบัดกลางสายลมเช้า แผ่นผ้าขนาดมหึมามีอักษรคำว่า เป่ย ปักด้วยด้ายทองแวววาวราวเปลวเพลิงบนท้องฟ้าองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงประทับหลังอาชาเบื้องหน้าแถวทหาร ใต้เกราะศึกสีดำสนิทที่สะท้อนแสงอาทิตย์แรก เขากวาดตามองเหล่าทหารกล้าผู้พร้อมพลีชีพเพื่อแผ่นดิน ก่อนจะควบอาชาสีดำสนิทขึ้นไปยังเนินสูง"เหล่าทหารแห่งแคว้นเป่ย!""เราทุกคนต่างมีเลือด มีชีวิต มีครอบครัวอยู่เบื้องหลัง!""พวกมันย่ำยีผืนดินของเรา ฆ่าผู้บริสุทธิ์ เหยียบเกียรติของแผ่นดินของเรา!"เสียงของเขาดังก้องราวสายฟ้าฟาดกลางเวหา"วันนี้! เราจะสู้...เพื่อทวงคืนทุกสิ่งกลับคืนมา!""บดขยี้ทัพศัตรูให้สิ้น! ถึงเวลาให้มันรู้ว่าผู้ใดคือเจ้าของแผ่นดินนี้!""ถวายชีวิตเพื่อแผ่นดิน! ถวายชีวิตเพื่อองค์ชายใหญ่!"เสียงกู่ร้องคำรามตอบกลับดังก้องภูผา"เพื่อแผ่นดิน! เพื่อแผ่นดิน!"เสียงทหารนับหมื่นตะโกนพร้อมกัน โห่ร้องก้องสะเทือนฟ้าดินองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงยกดาบคู่กายขึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่66คิดถึงคะนึงหา

    ชายแดนใต้ยามนี้ไฟสงครามยังคงปะทุไม่สิ้นสุด ท้องฟ้าเหนือเขตแดนยังคงถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้มหนาทึบ กลิ่นดินชื้นผสมกลิ่นคาวเลือดและควันไฟลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ เหล่าทหารในชุดเกราะสีนิลเดินลาดตระเวนอย่างขยันขันแข็งไม่มีผู้ใดกล้าหย่อนยานในหน้าที่แม้แต่น้อยสามเดือนแล้วที่กองทัพขององค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงเดินทางมาถึงชายแดนใต้ ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลเพลิงที่ย้อมไปด้วยเลือดหลี่เหวินหลงมองไปยังเส้นขอบฟ้าที่พร่ามัวด้วยหมอกควัน แม้สายลมอุ่นจะพัดแรงจนเส้นผมปลิว แต่เขากลับยังคงยืนนิ่ง นึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่เหยียบเท้าเข้าสู่ชายแดนใต้วันแรกทันทีที่กองทัพของเขาก้าวเข้าสู่เขตชายแดนใต้ สิ่งที่รอต้อนรับเขาคือลูกธนูของมือสังหารที่พุ่งทะลวงหมายปลิดชีพ นับแต่นั้น การเดินทางล้วนเต็มไปด้วยเงามืดของมือสังหารคอยซุ่มโจมตีตลอดทางและผู้อยู่เบื้องหลังก็หาใช่ใครอื่น เซิ่งเจี้ยน แม่ทัพผู้ซึ่งเคยเป็นกำลังสำคัญของแผ่นดิน แต่กลับขายเกียรติของตนเข้าร่วมกับศัตรูเพื่อผลประโยชน์ในจวนของแม่ทัพเซิ่ง ค้นพบเอกสารลับหลายฉบับ เอกสารเหล่านั้นคือหลักฐานของการทรยศที่อีกฝ่ายสมคบคิดกับศัตรู รวมทั้

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่65ไม่อาจรอได้

    หลังบ้านเมืองกลับสู่ความสงบ จวนอัครเสนาบดีก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงหัวเราะของเหล่าคนสนิทของคุณหนูรองของจวนและผู้มาเยือนดังแว่วอยู่ในลานฝึกด้านหลังในลานฝึก สตรีผู้หนึ่งในชุดสีเข้มทะมัดทะแมงกำลังเหวี่ยงกระบี่ด้วยท่วงท่าลื่นไหล งดงามจนคนมองแทบลืมหายใจ"พี่สะใภ้"เสียงทุ้มขององค์ชายสามหลี่เหวินหวายดังขึ้น ตอนนี้เขากลายเป็นแขกประจำของจวนนี้ไปเสียแล้ว"ฝีมือการต่อสู้ของท่านสุดยอดถึงเพียงนี้... ท่านยังจะอยากฝึกกำลังภายในอีกหรือ"เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทั้งชื่นชมทั้งเหลือเชื่อ เมื่อนางแสดงเจตนารมณ์ว่าอยากฝึกเดินลมปราณและกำลังภายในในการต่อสู้สตรีที่ถูกเรียกว่าพี่สะใภ้เพียงชำเลืองตามอง ดวงตาเป็นประกาย"ข้าก็อยากเหาะเหินเดินอากาศ สะกิดเบาๆ ก็ทำให้คู่ต่อสู้ตัวปลิวกระเด็นไปได้ดูบ้าง"การต่อสู้ทุกอย่างนางเคยฝึกมาหมดแล้ว การใช้กำลังภายในเหมือนในหนังนางก็อยากจะลองดูสักครั้งคำตอบนั้นทำให้องค์ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะพรืด "พี่สะใภ้ เรื่องเช่นนั้นมันจะไปมีได้อย่างไร หากท่านทำได้จริง พวกข้าทุกคนคงต้องหลีกทางให้ท่านเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งแห่งยุทธภพเสียแล้ว"อวี้หลันเก็บกระบี่เข้าฝักอย่างสง่างาม มุม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่64คืนสนอง

    บรรยากาศในเมืองหลวงหลังศึกกบฏสิ้นสุดลงกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ความสงบนั้นถูกปกคลุมอยู่เหนือซากความสูญเสียและกลิ่นคาวเลือดที่ยังไม่ทันจางไปจากผืนแผ่นดินธงหลวงโบกสะบัดเหนือกำแพงเมือง ด้านนอกมีเสียงทหารเคลื่อนย้ายศพและผู้บาดเจ็บ ส่วนด้านในวังหลวง ทุกตำหนักกลับเงียบงันราวกับวิญญาณทั้งวังได้หลบซ่อนตัวภายในตำหนักจิ้งเหออันโอ่อ่าซึ่งเป็นที่ประทับของฮองเฮา บัดนี้ถูกใช้เป็นที่กักบริเวณ เสียงลมพัดผ่านม่านแพรเบาๆ กลืนเสียงสนทนาและเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ดังใกล้เข้ามาอวี้หลันในชุดผ้าคลุมสีอ่อนก้าวเข้ามาช้าๆ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาแต่มั่นคงสะท้อนก้องอยู่ในห้องที่เงียบงัน กลิ่นยาจางๆ ลอยอบอวลในอากาศ เสียงลมหายใจแผ่วของสตรีบนตั่งไม้แกะสลักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ขยับไหวในความเงียบ ด้านข้างมีนางกำนัลเพียงไม่กี่คนเฝ้าดูแลอยู่ นางหยุดยืนอยู่หน้าตั่ง ดวงตาคมกริบมองสตรีสูงศักดิ์ผู้เคยน่าเกรงขามในอดีต บัดนี้เหลือเพียงเงาของคนที่เคยอยู่เหนือสตรีทั้งแผ่นดิน เสิ่นฮองเฮายังคงงามสง่าดังเช่นเคย แม้สีหน้าจะซีดเผือดราวกระดาษ"ทรงพระสำราญดีหรือไม่เพคะ...หม่อมฉันมาเยี่ยม"เสียงของอวี้หลันนุ่มนวล ทว่าแต่ละคำชัดเจนและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status