Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่9เริ่มเดินหมาก

Share

ตอนที่9เริ่มเดินหมาก

last update Last Updated: 2025-07-14 21:58:35

แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดลอดเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนใหญ่ในเรือนฮวาหงอันเงียบสงบ ปรากฏเงาร่างเพรียวระหงของหญิงสาวผู้หนึ่งยืนตั้งมั่นอยู่กลางห้อง ฝ่าเท้าแนบแน่นกับพื้น หายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ

ไม้พลองในมือของนางตวัดวูบไปในอากาศ เสียงลมเสียดอื้ออึงตามแรงเหวี่ยง ทุกท่วงท่าคมกริบราวกับกำลังฟันดาบ ไม่ใช่เพียงแค่การออกกำลัง หากแต่เป็นการฝึกฝน ในชีวิตก่อนนางฝึกฝนการต่อสู้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้ใช้มากที่สุดคือการใช้ปืน ตอนนี้จึงต้องเคาะสนิมกันเสียหน่อย

อวี้หลันเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง แขนขาแข็งแรงและว่องไว ราวกับร่างกายนี้ไม่เคยอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางแน่วแน่ เยือกเย็น และเต็มไปด้วยสมาธิ ทุกจังหวะที่ก้าว ทุกท่าที่ฟาดฟัน ล้วนแฝงด้วยสัญชาตญาณของคนที่เคยอยู่กับความเป็นความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ไม้พลองฟาดลงกลางอากาศอย่างแรง ส่งเสียง "ฟึ่บ" ราวกับมันคือคมดาบที่กำลังฆ่าฟันศัตรูจริงๆ

หยาดเหงื่อไหลซึมจากไรผมลงมาตามข้างแก้ม อวี้หลันหยุดการเคลื่อนไหว ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอและไม่หอบเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นางวางไม้พลองในมือลง พลางหยิบผ้าขึ้นมาซับเหงื่อ ตอนนี้ร่างกายของนางนับว่าหายดีแล้ว นางใช้เวลาพักผ่อนรักษาตัวอยู่เพียงสามวันร่างกายก็ฟื้นตัวหายเป็นปกติ และแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก 

ความจริงนางอยากจะแสร้งป่วยต่ออีกสักครึ่งเดือน แต่จนใจที่วันพรุ่งนี้ภายในจวนจะมีงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสการแต่งตั้งฮูหยินเอกของบิดา นางในฐานะลูกเลี้ยงจึงจำต้องก้าวเท้าออกจากเรือนฮวาหง เพื่อไปแสดงความยินดีกับฮูหยินเอกคนใหม่ของจวน งานนี้จะขาดลูกเลี้ยงสุดที่รักอย่างนางไปได้อย่างไร อย่างน้อยก็ควรมอบของขวัญที่ระลึกให้แม่เลี้ยงสักชิ้นหนึ่ง ให้นางประทับใจจนลืมไม่ลง

โดยพิธีการของวันพรุ่งนี้จะแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงเช้าสมาชิกในครอบครัวจะรับประทานอาหารพร้อมหน้ากันที่เรือนใหญ่ จากนั้นในช่วงบ่ายจะมีงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ เชิญแขกจากตระกูลขุนนางมาร่วมแสดงความยินดี

"คุณหนู บ่าวเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้ว คุณหนูจะอาบน้ำตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ"

ฉิงหว่านเดินเข้ามารินน้ำชาส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

"อืม"

อี้หลันจิบชาแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาบน้ำ โดยมีฉิงหว่านคอยปรนนิบัติไม่ห่าง เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่างรู้ใจไปหมด 

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา อวี้หลันเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของบ่าวในเรือนฮวาหงอย่างเงียบๆ และพบว่าทุกเรื่องภายในเรือน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมของใช้ จัดอาหาร ทำความสะอาด หรือดูแลเรื่องส่วนตัวของนาง ล้วนเป็นฉิงหว่านที่ลงมือทำทั้งหมด ทั้งที่ในเรือนฮวาหงมีบ่าวมากถึงแปดคน แต่กลับไม่มีใครขยันขันแข็งหรือดูใส่ใจงานแม้แต่น้อย บางคนทำท่าเหนื่อยหน่าย บางคนก็ทำงานแบบขอไปที พอให้พ้นๆ ไปวันๆ

แต่นางเข้าใจว่าเหตุใดบ่าวพวกนั้นจึงเฉื่อยชาเช่นนี้ เพราะพวกนางล้วนเป็นคนของเซิ่งซื่อทั้งสิ้น จึงได้ไม่ยอมรับว่านางคือเจ้านายตัวจริงของเรือนนี้

แววตาของอวี้หลันเย็นเฉียบลง เห็นทีคงถึงเวลาที่พวกหนูสกปรกพวกนี้จะต้องถูกกวาดล้างเสียที

 

หญิงสาวเอนตัวลงในถังไม้อาบน้ำ กลิ่นน้ำมันหอมจางๆ กับกลิ่นของกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำหอมอบอวล ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า นางหลับตาพริ้ม ปล่อยใจให้ผ่อนคลายในความเงียบสงบ ขณะที่ฉิงหว่านค่อยๆ สระผมให้อย่างนุ่มนวล 

จากนั้นน้ำเสียงเรียบรื่นก็เอ่ยขึ้น ราวกับกำลังบอกเล่าถึงเรื่องทั่วไป

"หวานหว่านคนดี ข้าจำได้ว่าปิ่นปักผมที่ข้าชื่นชอบมากอันหนึ่ง หายไป"

มือของฉิงหว่านชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสระผมต่อ แววตานั้นเต็มไปด้วยความคับข้องใจ และดูเหมือนน้ำหนักมือจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา ราวกับกำลังแง่งอน

อยู่ๆ ของจะหายไปได้อย่างไร คงจะเป็นคนพวกนั้นที่หยิบฉวยไปอีกตามเคย

อวี้หลันสัมผัสได้ถึงท่าทางปั้นปึ่งของอีกฝ่ายก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้ จากความทรงจำของเจ้าของร่าง พวกสาวใช้เหล่านั้นมักจะหยิบฉวยของของนางไปบ่อยครั้ง แม้ฉิงหว่านจะบอกกับนางหลายครั้ง แต่ผู้เป็นนายกลับปล่อยผ่าน ไม่เคยเอ่ยปากหรือจัดการอะไรเลย ปล่อยให้คนพวกนั้นเอาเปรียบ สร้างความคับแค้นใจให้กับฉิงหว่านเป็นอย่างมากที่คนพวกนั้นเอาเปรียบคุณหนูของตน

อวี้หลันลืมตาขึ้นช้าๆ แววตานิ่งเย็นปรากฏอยู่ภายใต้ม่านไอน้ำที่ลอยเหนือผิวน้ำอุ่น

"หวานหว่านโกรธข้าแล้วหรือ เช่นนั้นข้าจะทวงของทั้งหมดคืน ดีหรือไม่"

ริมฝีปากแดงฉ่ำน้ำคลี่ยิ้มจางๆ ราวกับดอกไม้แรกแย้มในฤดูเหมันต์ สวย แต่น่าหวาดหวั่นอย่างประหลาด

ฉิงหว่านได้ยินเช่นนั้นดวงตาก็เป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างเอ่ยถามผู้เป็นนายอย่างไม่แน่ใจ

"คุณหนูพูดจริงหรือเจ้าคะ"

แน่นอนว่าอวี้หลันพูดจริง แต่ไม่ใช่แค่ของที่บ่าวรับใช้พวกนั้นขโมยไป แต่หมายรวมถึงสินเดิมของมารดาผู้ล่วงลับด้วย

เซิ่งซื่อเป็นฮูหยินเอกแล้วอย่างไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องทรัพย์สมบัติของมารดานาง

ยามค่ำคืนมาเยือน เรือนฮวาหงเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหวิวที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง ผู้คนภายในเรือนต่างก็พากันดับไฟและเข้านอนกันหมดแล้ว แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งในชุดสีดำสนิทกระโจนออกมาจากหน้าต่างเรือนใหญ่ อันเป็นที่พำนักของเจ้าของเรือน ลัดเลาะไปตามเรือนนอนของบรรดาบ่าวไพร่

ร่างนั้นเคลื่อนไหวเงียบงันทุกย่างก้าว ทั้งรวดเร็วและระมัดระวัง พฤติกรรมและชั้นเชิงการลอบเร้นเหล่านั้นล้วนเหนือสามัญ เมื่อภารกิจสิ้นสุด ร่างในชุดดำก็หายลับไปกับเงามืดดั่งไม่เคยปรากฏมาก่อน ปล่อยให้เรือนฮวาหงกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ทว่าความเงียบนี้ จะคงอยู่ได้ไม่นาน

รุ่งเช้าในเรือนฮวาหง แสงแดดอุ่นละมุนลอดผ่านผ้าม่านบางเบา บรรยากาศอบอวลด้วยความสงบ กลิ่นชาดอกเหมยหอมกรุ่นคลุ้งไปทั่วเรือน ราวกับกำลังต้อนรับเช้าวันสำคัญอย่างอ่อนโยน อวี้หลันนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้หอมด้วยท่าทีสงบ ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางแต่งแต้ม

วันนี้นางสวมอาภรณ์เรียบง่าย สีขาวอ่อนนุ่ม ต่างจากเมื่อหลายวันก่อนที่มักจะสวมชุดสีสันสดใส งดงามสะดุดตา แม้จะอยู่แค่ภายในเรือนนอนก็ตาม ผมยาวถูกถักเป็นเปียสองข้างอย่างเรียบง่ายโดยฝีมือของฉิงหว่าน ไม่สวมเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว ไร้ซึ่งความโดดเด่น ส่วนใบหน้านั้น อวี้หลันเลือกที่จะแต่งแต้มให้ขาวซีดราวกับคนป่วย

ด้านฉิงหว่านมองเครื่องประดับในกล่องที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นอย่างปวดใจและคับแค้นใจเหลือแสน เมื่อวานนี้เครื่องประดับของคุณหนูยังเหลืออยู่มากมายไม่ใช่หรอกหรือ คงเป็นคนพวกนั้นที่ต้องการกลั่นแกล้งคุณหนูของนางให้อับอายขายหน้าเป็นแน่

"คนพวกนั้นชั่งใจกล้านัก แอบขโมยของของคุณหนูไปมากมายถึงเพียงนี้ คงหวังให้ท่านขายหน้าต่อหน้าผู้คนเป็นแน่เจ้าค่ะ"

ความจริงแล้วบ่าวพวกนั้นก็ใช่ว่าจะโง่เสียทีเดียว ของที่พวกนางขโมยไปล้วนแล้วแต่เป็นของไม่สะดุดตาหรือโดดเด่นล้ำค่าจนเกินไปนัก แต่ฉิงหว่านไหนเลยจะรู้ว่าที่จริงแล้วเครื่องประดับเหล่านั้นหาได้ถูกลักไป แต่เป็นนายของตนที่นำมันไปให้ผู้อื่นด้วยมือของตนเอง

ในเมื่อคนพวกนั้นชมชอบการลักขโมยของ เช่นนั้นนางก็เพียงแต่ "ช่วย" ส่งเสริมก็เท่านั้น 

เมื่อคืนนี้นางจึงนำเครื่องประดับของนางไปแอบซุกซ่อนไว้ในเรือนของบ่าวเหล่านั้น

อวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"หวานหว่านวางใจ วันนี้ข้าจะทวงคืนทุกอย่างกลับมาแน่"

"คุณหนูต้องเรียนนายท่านให้ได้นะเจ้าคะ บ่าวพวกนั้นเหิมเกริมเกินไปแล้ว" 

ฉิงหว่านพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมให้ผู้เป็นนายอีกรอบ เมื่อเห็นว่านายของตนคล้ายดังคนป่วยอย่างที่ต้องการก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจ ในความคิดของฉิงหว่าน เมื่อนายท่านเห็นคุณหนูดูอ่อนแอบอบบางเช่นนี้จะได้ยิ่งรู้สึกสงสารเห็นใจยิ่งขึ้น

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ดวงตาเปล่งแสงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความสงบ

"ได้ๆ ข้าจะฟ้องให้หมด แล้วจะทวงของกลับคืนมาทุกชิ้นดีหรือไม่"

นางกล่าวเสียงอ่อนโยน คำพูดนั้นฟังดูราบเรียบ หากแต่แท้จริงเต็มไปด้วยการวางหมากอย่างสุขุม

"ดีที่สุดเจ้าค่ะ คุณหนู"

ฉิงหว่านตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

"เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ ประเดี๋ยวท่านพ่อจะคอยนาน"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่11กำจัดหนูสกปรก

    หลังจากทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเหมือนจะสงบลงชั่วครู่ แต่ความสงบนั้นกลับอยู่ได้ไม่นานอวี้เหมยที่ถูกบังคับให้กลืนเลือดไหนเลยจะอดใจไม่ให้เอ่ยสิ่งใดออกมาได้ สายตาของนางเหลือบมองการแต่งกายอันแสนเรียบง่ายของน้องสาวต่างมารดา สายตากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาไม่ปิดบังความดูแคลน ก่อนจะยกยิ้มบาง เอ่ยถ้อยคำเชือดเฉือนออกมาทันที"น้องรองช่างสมถะเสียเหลือเกิน วันงานเลี้ยงของท่านแม่ทั้งที กลับแต่งกายเรียบง่ายเสียจนนึกว่าเป็นสาวใช้จากเรือนใดหลงเข้ามา"คำพูดนั้นทำเอาทุกคนบนโต๊ะถึงกับชะงัก แม้รอยยิ้มของอวี้เหมยจะดูละมุน แต่แววตากลับฉายชัดว่าไม่คิดจะไว้ไมตรีอวี้หลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาหวานลึกล้ำดั่งสายน้ำ มองสบอีกฝ่ายอย่างสงบ ไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยนประหนึ่งไม่ได้ถือสาหาความในขณะที่อวี้จิ้งนั่งเงียบ สีหน้าของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่ได้ยินคำพูดของบุตรสาวคนโต สายตาเหลือบมองอวี้หลัน ก่อนจะกวาดตามองการแต่งกายของนางอย่างพิจารณาหัวคิ้วของรองเสนาบดีขมวดแน่นอย่างไม่อาจปกปิดในทุกปี ทุกๆ เทศกาล เสื้อผ้าและเครื่องประดับล้วนถูกส่งไปย

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่10พบปะคนในครอบครัวครั้งแรก

    ลานหน้าเรือนหลักของจวนรองเสนาบดีตอนนี้ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม พรมแดงทอดยาวจากหน้าประตูเรือนใหญ่ไปจนถึงศาลากลางสวน ทั้งสองฝั่งทางเดินประดับด้วยโคมแดงที่แกว่งไกวตามลม กลิ่นหอมหวานของดอกหอมหมื่นลี้จากสวนโดยรอบลอยปะปนมากับสายลม ให้ความรู้สึกสงบละมุนในยามเช้าตลอดสองข้างทาง บ่าวไพร่กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมงานเลี้ยง เมื่อเห็นคุณหนูรองของจวนเดินมา ต่างก็หยุดมือลงพร้อมก้มหัวทำความเคารพคุณหนูรอง หญิงสาวที่คนในจวนแทบจะลืมเลือนไปแล้วคุณหนูที่มีร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยออดแอดแทบทั้งปี ใช้ชีวิตเงียบงันอยู่แต่ภายในเรือนฮวาหง ไม่เคยออกมาสุงสิงกับผู้ใด ไม่ปรากฏตัวแม้ยามมีงานสำคัญของตระกูล จนหลายคนเผลอหลงลืมไปแล้วว่า ในจวนหลังนี้ยังมีคุณหนูรองอยู่อีกคนหนึ่งแต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับปรากฏตัวขึ้น หลังจากเกือบก้าวข้ามประตูผี ก้าวเท้าออกจากเรือนฮวาหงมาเยือนเรือนใหญ่ในรอบหลายปีอวี้หลันเดินทอดน่องออกมาจากเรือนฮวาหงด้วยกิริยาสงบ โดยมีฉิงหว่านคอยประคองอยู่ข้างกาย เดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปยังเรือนใหญ่ เสียงฝีเท้าของนางเบาแทบไร้เสียง แต่กลับเรียกความสนใจของบ่าวไพร่รอบข้างได้เป็นอย่างดี คุณหนูรองผู้นี้ แม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่9เริ่มเดินหมาก

    แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดลอดเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนใหญ่ในเรือนฮวาหงอันเงียบสงบ ปรากฏเงาร่างเพรียวระหงของหญิงสาวผู้หนึ่งยืนตั้งมั่นอยู่กลางห้อง ฝ่าเท้าแนบแน่นกับพื้น หายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะไม้พลองในมือของนางตวัดวูบไปในอากาศ เสียงลมเสียดอื้ออึงตามแรงเหวี่ยง ทุกท่วงท่าคมกริบราวกับกำลังฟันดาบ ไม่ใช่เพียงแค่การออกกำลัง หากแต่เป็นการฝึกฝน ในชีวิตก่อนนางฝึกฝนการต่อสู้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้ใช้มากที่สุดคือการใช้ปืน ตอนนี้จึงต้องเคาะสนิมกันเสียหน่อยอวี้หลันเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง แขนขาแข็งแรงและว่องไว ราวกับร่างกายนี้ไม่เคยอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางแน่วแน่ เยือกเย็น และเต็มไปด้วยสมาธิ ทุกจังหวะที่ก้าว ทุกท่าที่ฟาดฟัน ล้วนแฝงด้วยสัญชาตญาณของคนที่เคยอยู่กับความเป็นความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนไม้พลองฟาดลงกลางอากาศอย่างแรง ส่งเสียง "ฟึ่บ" ราวกับมันคือคมดาบที่กำลังฆ่าฟันศัตรูจริงๆหยาดเหงื่อไหลซึมจากไรผมลงมาตามข้างแก้ม อวี้หลันหยุดการเคลื่อนไหว ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอและไม่หอบเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นางวางไม้พลองในมือลง พลางหยิบผ้าขึ้นมาซับเหงื่อ ตอนนี้ร่างกายของนางนับว่าหายดีแล้ว นางใช้เวลาพักผ่อนร

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่8องค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน

    "ลูกถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ"เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากริมฝีปากสีระเรื่อได้รูปสวยขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน ชายหนุ่มรูปงามราวกับเทพเซียนที่ยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าฮองเฮาผู้เป็นพระมารดา ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม แววตานิ่งสงบเช่นเคย จนยากจะคาดเดาความคิดภายในได้เสิ่นฮองเฮาเพียงโบกพระหัตถ์เบาๆ "นั่งลงเถิด"พระสุรเสียงราบเรียบแต่เปี่ยมด้วยความเมตตารักใคร่เมื่อพระโอรสทรุดกายลงนั่ง พร้อมกับที่นางกำนัลรินน้ำชาจนเรียบร้อย นางก็ไม่อ้อมค้อม เอ่ยถามเข้าเรื่องทันที"เรื่องการหมั้นหมายของเจ้า ตอนนี้เปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่"หลี่จื้อหยวนพยักหน้าช้าๆ แววตานิ่งเฉยคู่นั้น คล้ายจะหม่นแสงลงไปวูบหนึ่ง"พ่ะย่ะค่ะ ลูกจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว"ฮองเฮายกจอกชาขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย ก่อนจะวางลงบนแท่นวางด้านข้าง เสียงกระทบกันเบาๆ ของเนื้อกระเบื้องดังแผ่วเบา แต่กลับฟังชัดในความเงียบ เสิ่นฮองเฮาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดในทันที นางเพียงเหลือบสายพระเนตรมองพระโอรส แววตานั้นลึกซึ้ง เยือกเย็น และคมกริบราวกับจะบอกว่า เรื่องนี้ นางไม่ต้องการความลังเล ไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาด และยิ่งไม่ต้องการให้พระโอรสของตนรู้สึก

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่7เสิ่นฮองเฮา

    ภายในตำหนักใหญ่ ตำหนักจิ้งเหอ ของฮองเฮาแซ่เสิ่น บรรยากาศเย็นสงบ ทว่าสายลมที่พัดผ่านม่านโปร่งเบานั้น กลับไม่อาจคลายความตึงเครียดในใจผู้ที่อยู่ภายใน ข่าวการฟื้นคืนสติของคุณหนูรองอวี้หลันมาถึงตำหนักจิ้งเหอแห่งนี้แล้วเช่นกันเสิ่นฮองเฮา ประทับนิ่งอยู่บนตั่งหยก ดวงพักตร์งดงามทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง พระหัตถ์เรียวขาวยกจอกชาขึ้นจิบอย่างสงบ ท่าทางอ่อนโยนเยือกเย็น หากแต่ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยความคมดุจคมมีด ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายพระเนตรนี้ได้ง่ายๆเสิ่นฮองเฮา มิใช่ผู้ครองตำแหน่งมารดาของแผ่นดินตั้งแต่ต้น พระนางขึ้นเป็นฮองเฮาภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาพระองค์ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายเป็นสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลเก่าแก่ที่หยั่งรากลึกในราชสำนัก เป็นมารดาผู้ให้กำเนิด องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง โอรสองค์โตของฮ่องเต้ และเป็นผู้ที่ได้รับการจับตามองว่าอาจจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ยามเมื่อเสิ่นฮองเฮาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองวังหลัง ก็ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมเยือกเย็น และความสามารถในการจัดการภายในวังหลังได้อย่างไร้ที่ติ พระนางรอบรู้ทั้งศาสตร์แห่งการเมืองและจิตใจคน ใช้เวลาเพียง

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่6ศัตรูนำไปแล้วถึงสองก้าว

    เช้าวันนี้อวี้หลันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น ร่างกายที่เคยอ่อนแรงรู้สึกเบาสบาย กระปรี้กระเปร่าเหมือนได้รับพลังใหม่แสงแดดยามเช้าทอแสงอ่อนผ่านหน้าต่างไม้ เงาของต้นเหมยพาดทอดอยู่บนพื้นห้อง เงียบสงบและอบอุ่น นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้ฉิงหว่านสาวใช้คนสนิทช่วยหวีผมและแต่งกายให้อาภรณ์ผ้าไหมปักลวดลายดอกเหมยสีหวานถูกสวมทับลงบนร่าง สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ อวี้หลันมองตนเองในกระจกทองเหลือง ใบหน้าที่สะท้อนกลับมาแม้จะยังซีดเซียวเล็กน้อย แต่กลับไม่อาจกลบความงดงามเอาไว้ได้ ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกจะเรียกว่างามล่มเมืองก็ไม่ผิดนัก"ไม่เลว"อวี้หลันพึมพำเบาๆ กับตนเอง พลางมองสำรวจเครื่องแต่งกายด้วยความพึงพอใจการใช้ชีวิตแบบนี้ ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดในชีวิตก่อนของนาง ทุกวันเต็มไปด้วยการต่อสู้ การไล่ล่า และกลิ่นคาวเลือด ไม่มีเวลาจะเลือกเสื้อผ้า ไม่มีเครื่องประดับงดงาม ไม่มีแม้แต่กระจกสักบานให้ได้เห็นเงาของตัวเองทุกย่างก้าวในชีวิตมีเพียงมีดและปืนในมือ มีเป้าหมายที่ต้องสังหารนางไม่เคยได้ใช้ชีวิตในฐานะ หญิงสาว อย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ ในร่างใหม่ ในชีวิตใหม่ นางสามารถทำทุ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status