1
สวรรค์กลั่นแกล้ง
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกำลังลอบมองบุรุษในอาภรณ์ซ่อมซ่อที่ลดอาภรณ์เปิดแผ่นหลังให้คนสนิททายา
‘คนของท่านแม่ลงมือหนักถึงเพียงนี้ แล้วข้าจะแก้ไขมันเช่นไรดี’ นางคิดก่อนจะค่อย ๆ ถอยห่างจากหน้าต่างบานนั้นแล้วรีบกลับจวนของตนเอง
สวรรค์! พวกท่านให้ข้าหลุดพ้นแล้วจะส่งข้ากลับมาด้วยเหตุใด ในเมื่อยามที่ตระกูลนางถูกฆ่าล้างตระกูลโดยทำให้เหมือนเป็นการปล้นทรัพย์นางไม่เคยต่อว่าสวรรค์หรือร้องขอที่จะกลับมาแก้ไข
นางยอมรับในการกระทำของตนเอง ว่าการกลั่นแกล้งบุตรชายนอกจวนของบิดา จะนำไปสู่การแก้แค้นที่ทำให้ตายตกทั้งตระกูล แม้แต่บิดาของนางก็ยังถูกสังหารไม่เว้น ยามนั้นแม้จะไม่เห็นหน้าแต่นางก็จำแววตาของพี่ชายต่างมารดาได้เป็นอย่างดีว่าคนที่แทงดาบใส่นางคือเขา
ในเมื่อนางยอมรับชะตากรรมและเดินทางไปปรโลกแต่โดยดีก่อนจะไปเกิดในโลกใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและแม้ชีวิตนั้นจะบัดซบ พ่อแม่ตายตั้งแต่เด็ก ญาติก็ไม่รับเลี้ยงจนต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า แต่นางก็ไม่เคยย่อท้อตั้งใจทำงานอย่างหนัก สุดท้ายก็สิ้นใจคาโต๊ะทำงาน พอตายแล้วจึงได้เข้าใจว่าที่ต้องตายก่อนวัยอันควรเป็นเพราะต้องกลับมาอยู่ในร่างนี้
‘สวรรค์! พวกท่านต้องการอันใดกันแน่ ข้าไม่เคยอธิษฐานหรือวิงวอนให้ได้กลับมาที่นี่ แล้วเหตุใดพวกท่านถึงทำกับข้าเช่นนี้ โดนพี่ชายต่างมารดาพาคนฆ่าล้างทั้งตระกูลข้าก็ยอมจำนนและยอมรับจุดจบแต่โดยดี แต่เหตุใดพวกท่านถึงส่งข้ากลับมาที่นี่อีก อยากเห็นข้าถูกฆ่าตายเช่นเดิมอีกหรือ’ พวกท่านหลุดพ้นจากความเจ็บปวด กลายเป็นเทพบนสวรรค์คงไม่เข้าใจว่ายามที่ถูกดาบแทงมันเจ็บเพียงใด กว่าจะขาดใจตายก็ต้องใช้เวลานาน
“คุณหนู เป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถามคุณหนูที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลางทำหน้าคล้ายคนท้อแท้
“ไม่เป็นอันใด ข้าดูว่าวันนี้จะมีฝนหรือไม่” เสียงของหลินถงทำให้นางรีบปรับสีหน้าท้อแท้ของตนเองให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะหันไปตอบ
“ใกล้ยามเหมันต์[1]แล้ว คงไม่มีฝนหรอกเจ้าค่ะ” ตั้งแต่คุณหนูเพิ่งหายไข้จากการตกน้ำ ก็คล้ายจะดูแปลกไปสักเล็กน้อยทั้งยังชอบนั่งเหม่อลอยยามอยู่ลำพัง
“ท่านแม่ว่าอย่างไร อีกนานหรือไม่ที่ท่านพ่อจะกลับมา”
“อีกราว ๆ เจ็ดวันเจ้าค่ะ”
“เจ้าไปตามท่านหมอไปดูพี่ใหญ่หน่อยเถิด” หากมัวรอท่านพ่อเกรงว่าความแค้นที่มีในใจของเขาจะถูกสุมเอาไว้จนยากจะลบล้าง
“คุณหนู ท่านว่าอันใดนะเจ้าคะ” หลินถงย่อมตกใจเพราะที่ผ่านมาคุณหนูไม่เคยนึกชอบคุณชายใหญ่เลย มีแต่คิดจะกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายโดนลงโทษ แต่วันนี้กลับห่วงใยสั่งให้ตามท่านหมอ
“ข้าบอกให้เจ้าไปตามท่านหมอไปดูพี่ใหญ่ที่เรือน เรื่องนี้อย่าให้ใครทราบ โดยเฉพาะท่านแม่ เข้าใจหรือไม่”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีคำว่าแต่ อีกพี่ใหญ่ก็เป็นสายเลือดของท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องตำหนิท่านแม่ในภายหลัง” ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นตั้งแต่ท่านพ่อจูงมือเด็กชายวัยสิบสามหนาวเข้าจวนมา ทั้งยังบอกว่าเป็นบุตรชายของหญิงชาวบ้านผู้หนึ่งที่ท่านพ่อเคยพลาดพลั้งยามไปค้าขายต่างเมืองก่อนมาแต่งกับท่านแม่
ยามนั้นนางจำได้ดีตอนที่ท่านแม่กอดนางแล้วร้องไห้ด้วยความเสียใจเมื่อบุรุษที่บอกรักตนหนักหนาจูงมือเด็กชายที่อายุมากกว่านางหกหนาวเข้าจวนมา
ตั้งแต่นั้นยามที่นางไปกลั่นแกล้งเขาแล้วพลาดทำตนเองเจ็บตัว ท่านแม่ก็จะถือโอกาสลงโทษอีกฝ่ายอย่างหนัก จนท่านพ่อต้องย้ายเขาให้ไปอาศัยที่เรือนท้ายจวนเพื่อให้ไกลหูไกลตาท่านแม่ ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้นางเข้าใกล้บริเวณท้ายจวนอีก นั่นทำให้นางในตอนนั้นรู้สึกโกรธเคืองที่บิดาเอ่ยห้ามคล้ายกับเข้าข้างอีกฝ่ายจึงหาวิธีกลั่นแกล้งเขาหนักกว่าเดิม
ทั้งฉีกตำรา ฉีกอาภรณ์ นางยังลงมือหนักจนถึงขั้นเข้าไปทุบตี และพยายามผลักอีกฝ่ายให้ล้ม แล้วซุ่มซ่ามล้มเสียเองจนได้แผลที่มือ ก่อนจะร้องไห้วิ่งไปฟ้องมารดาเป็นเหตุให้ยามนั้นพี่ใหญ่ที่อายุสิบสี่หนาวโดนโบยเกือบยี่สิบไม้ จนเกือบได้ไปเยือนปรโลกหากบิดาไม่กลับมาห้ามเสียก่อน นอกจากนี้นางยังกลั่นแกล้งและใส่ร้ายเขาอีกมากมาย จนนับไม่ถ้วน
‘พอนึกย้อนกลับไป ข้าก็ร้ายกาจจริง ๆ นั่นแหละ ไม่แปลกใจเลยที่พี่ใหญ่จะเกลียดข้าและตระกูลหมิงจนถึงขั้นพาคนมาฆ่าล้างตระกูล’ ยามนั้นนางริษยาพี่ชายที่ท่านพ่อมักจะไปขลุกอยู่กับเขาที่เรือนทั้งวันหากท่านพ่อไม่ได้ออกไปทำงาน
“คุณหนู เพิ่งหายไข้จากการตกน้ำตกท่า ท่านออกมาเดินเล่นเช่นนี้จะไม่เป็นอันใดหรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นอันใด รีบไปตามท่านหมอให้พี่ใหญ่เถิด ได้เรื่องเช่นไร ให้รีบมารายงาน ข้าจะกลับไปรอฟังข่าวที่เรือน”
“เจ้าค่ะ” แม้จะรู้สึกว่าคุณหนูเปลี่ยนไป แต่ทว่าสาวใช้ก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี เพราะหากเรื่องที่คุณชายใหญ่โดนโบยเพราะถูกคุณหนูกล่าวหา รู้ถึงหูนายท่านคนที่จะโดนลงโทษเห็นจะเป็นคุณหนู เพราะที่ผ่านมาคนที่ไปหาเรื่องคุณชายใหญ่จนตนเองเจ็บตัวเห็นจะเป็นคุณหนูมากกว่า
พอเห็นสาวใช้วิ่งไปทางประตูจวน คุณหนูรองหมิงหรือหมิงเจียวซือก็เดินกลับเรือนของตนเอง ในเมื่อเขาโดนโบยเพราะนางเป็นคนบอกมารดาว่าถูกผลักนางตกน้ำ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วนางพยายามยื้อแย่งชายอาภรณ์ของพี่ชายต่างมารดาที่พยายามเดินหนีนางอย่างเอือมระอาจนพลาดตกสระน้ำ
เฮ้อ! สวรรค์ ท่านจะให้โผล่มาตอนไหนไม่โผล่ กลับให้ข้าโผล่มาหลังจากทำความผิดร้ายแรงแล้ว’ นางคร่ำครวญกับตนเองก่อนจะเดินเข้าห้องของตน
[1] ฤดูหนาว
เสียงกรีดร้องโวยวายของอนุฯ ฝูห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเงียบไป คังอ๋องจึงหันไปสั่งขันทีอาวุโสให้ไปตามชายารองเมิ่งที่เขามอบหมายให้ดูแลตำหนักแห่งนี้ ผ่านไปไม่กี่อึดใจชายารองเมิ่งก็รีบมาพบพระสวามีที่รออยู่ ก่อนจะแสดงความเคารพอย่างอ่อนช้อย “ยามนี้อนุฯ ฝูถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนร้างเจ้าให้คนที่เชี่ยวชาญการแพทย์และเป็นวรยุทธ์สักเล็กน้อยไปคอยดูแลนางด้วย” “เพคะ” ชายารองเมิ่งคิดในใจว่า ท่านอ๋องช่างโปรดปรานสตรีเสแสร้งอย่างฝูหว่านอิ๋งจริง ๆ แม้จะโดนลงโทษก็ยังกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งนางก็คงจะคิดเช่นนั้นหากไม่ได้ยินประโยคต่อมาของผู้สูงศักดิ์ “หากพวกเจ้าอยากหยอกเย้าหรือเล่นกับนางก็สามารถไปเยือนที่เรือนร้างได้ข้าอนุญาต แต่อย่าลงมือหนักเกินไป ประเด
“มันเป็นใครหรือเพคะ คนที่ลงมือกับตระกูลฝูอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น” ฝูหว่านอิ๋งเสียงแข็งกร้าวด้วยความโกรธแค้นอย่างลืมตัวว่าจะต้องทำท่าทางให้น่าสงสารหวังให้สวามีมาปลอบขวัญ คังอ๋องเซี่ยอี้หานอยากจะยิ้มเยาะออกมาเสียจริง ๆ สมควรแล้วที่ตระกูลฝูถูกฆ่าล้างตระกูล สิ่งที่ฝูซื่อทำไว้ แค่ร้อยชีวิตของตระกูลฝูไม่อาจชดเชยได้ เพราะสิบสองปีที่ผ่านมาฝูซื่อเลี้ยงกลุ่มโจรเอาไว้แล้วสั่งให้บุกสังหารหลายตระกูล ทั้งที่ขัดผลประโยชน์หรือที่ร่ำรวยมีทรัพย์ เพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูลเหล่านั้นมาเลี้ยงดูกลุ่มโจรและกองกำลังลับที่องค์ชายรองจะใช้ก่อกบฏ “เจ้าอยากทราบจริง ๆ หรือ” เขาเอ่ยถามพลางย่อตัวลงก่อนจะใช้มือเชยคางของนางขึ้นเพื่อให้เงยหน้ามองเขา “เพคะ พระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ” 
ตอนพิเศษ เพื่อคนที่รักทั้งสอง เสียงกรีดร้องโวยวายที่หน้าห้องหนังสือทำให้คังอ๋องที่กำลังอ่านตำราพิชัยสงครามอยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเก็บตำราแล้วลุกขึ้นไปจัดการเรื่องราวด้านนอก ตั้งแต่รับปากหยวนลี่หมิง ชีวิตของเขาไม่เคยได้สงบสุขเลย เรือนหลังตำหนักมีเ
คนที่นั่งตัดพ้อต่อว่าตนเองว่าโง่เขลาดูเหมือนจะเป็นบุรุษเพราะเขานั่งก้มหน้านางจึงยังมองไม่เห็นหน้า รู้เพียงแค่ว่าคนผู้นี้น่าจะจมอยู่ในความทุกข์ในเป็นเวลานาน ผมเพ้าขาวโพลนไปทั้งหัวขัดแย้งกับมือและเสียงที่ไม่ได้ใกล้เคียงผู้อาวุโสเลย นอกจากผมที่ขาวโพลนจะรกรุงรังไร้การรวบเก็บที่เรียบร้อยแล้ว อาภรณ์ยังสกปรกมีรอยขาดวิ่นคล้ายไม่ใส่ใจดูแลตน “ท่านน้าข้าขอโทษที่โง่เขลาหลงเชื่อวาจาเพียงไม่กี่คำของคนชั่วช้า เนรคุณต่อผู้มีพระคุณเช่นท่าน ทั้งยังก่อบาปมากมาย ยามนี้ความจริงทุกอย่างกระจ่างแจ้ง คนผิดได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนก่อ แต่ข้ากลับสูญเสียคนที่หยิบยื่นความเมตตาให้ข้าโดยไร้ข้อแม้เช่นท่านไปด้วยมือของข้าเอง ท่านน้า ท่านคงโกรธเคืองข้ามากใช่หรือไม่ ข้ายินดีให้ท่านสาปแช่งข้า ยามนี้ข้าสำนึกให้สิ่งที่ทำไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่มีโอกาสได้ขอโทษท่านและครอบครัวของพวกท่าน” 
“อ๊า ๆ” นางได้แต่ร้องครวญครางอ่อนระทวยพร้อมคล้อยตามในสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง เมื่อเรือนร่างเย้ายวนเริ่มแข็งเกร็งเขาก็ยิ่งเร่งการขยับลิ้นให้รัวเร็ว ก่อนที่นางจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานเอ่อล้นออกมา เป็นเช่นที่บอกว่าคืนเข้าหอมีค่าดังทองพันชั่งคุณชายหยวนไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาชันตัวขึ้นก่อนจะกดแท่งหยกเข้าโพรงนุ่มที่แม้จะมีน้ำหวานเอ่อล้นแต่ภายในยังคับแน่น “เจ้ารัดพี่แน่นเช่นนี้ พี่คงทนได้ไม่นาน” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มเร็วขึ้นเมื่อนางปรับตัวได้ เสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังสลับกับเสียงครางแว่วหวานทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาป่วนห้องหอ “เจียวซือ พี่รักเจ้ายิ่งน
“ย่อมไม่ปฏิเสธ” กล่าวจบเขาก็เชยคางมนให้เงยขึ้น โดยเขาซึ่งยืนนวดไหล่ให้ทางด้านหลัง ก้มใบหน้าเข้าใกล้นางก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดพัวพันหวังปลุกเร้าความปรารถนาเพื่อค่ำคืนเข้าหอที่สุขสม เขาลิ้มชิมความหวานจนพอใจก่อนจะถอนจุมพิตออกมาด้วยกลัวว่านางจะเมื่อยคอ “รีบปลดอาภรณ์แล้วเข้ามาแช่น้ำร้อนด้วยกัน...” นางกล่าวชวนอีกครั้งยังไม่ได้จบ เขาก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แท่งหยกที่ควรจะอยู่สงบกลับแข็งขึงพร้อมมอบความสุขให้นาง “ในถังนี้คับแคบยิ่งนัก เจ้านั่งบนตักข้าดีกว่าจะได้ไม่อึดอัดมาก” กล่าวจบเขาก็ช้อนตัวนางยกขึ้นมานั่งบนตักของตน ส่วนแท่งหยกที่แข็งขึงถูไถอยู่บริเวณสะโพกของนาง “ลี่หมิง ของท่านโดนก้นข้า”&nbs