เซดริกกระตุกยิ้ม... “มันจบง่ายๆ ก็ไม่สนุกสิพี่...เรื่องนี้คงอีกยาว แม่นั้นนะผูกใจเจ็บพี่แล้วนี่...หล่อนน่าจะกำลังหาทางเอาคืน คงปั่นหัวดิดิเย่ร์จนหัวหมุน ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะพี่ชาย” อารมณ์หึง หวง ผู้หญิงมักจะทำอะไรได้มากกว่าที่ใครๆ คาดคิด และยิ่งเป็นลิเดียด้วยแล้ว หล่อนเคยเป็นนางพญามีแต่คนยอมศิโรราบให้ แบบนี้เท่ากับหล่อนถูกฉีกหน้า...ลิเดียคงไม่ยอมจบง่ายๆ และคนที่หล่อนสามารถปั่นหัวได้ ดันเป็นญาติสนิทของเขาอีกต่างหาก
นี่สิน่ากลุ้ม!!
“ผู้หญิงนี่วุ่นวายฉิบหาย!!”
แวซ็องสบถ เขาเดินออกจากหลังโต๊ะทำงาน เหม่อมองไปยังทิวทัศน์ด้านนอกที่มีแต่อาคารสูงๆ
“ฉันขอไปพักสมองสักเดือนได้ไหมวะ เซดริก”
เขาไม่ได้อยากมีเรื่อง มีราวกับคนในตระกูลเดียวกัน เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุด คือการหลบฉากไปก่อน
“ตามสบายพี่ชาย...ขอให้สนุก”
เซดริกผุดลุกขึ้นยืน เขาเห็นใจดิดิเย่ร์ เมื่อน้องชายกลายเป็นเหยื่อ ต้องถูกจูงจมูกจากคนที่ตัวเองรัก เรื่องนี้ต้องโทษลิเดีย หล่อนรู้ทั้งรู้ว่าแวซ็-องไม่ได้ปรารถนา แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของ จนพี่ชายเขาทนไม่ไหว เลยฉีกหน้าหล่อนเสียยับ...เรื่องความรัก อย่าได้มาถามแวซ็องพี่ชายของเขาเลย คนเย็นชาแบบนั้น ไม่รู้จักความอ่อนหวานของความรู้สึกหรอก...
แต่ก็ไม่แน่...
พรหมลิขิตอาจจะขีดเขี่ย ชักจูงให้คนหัวใจชากระด้าง...ได้รู้จักความรักเอาตอนนี้ก็ได้...
ไม่มีมนุษย์ตนใด ฝืนทางเดินที่พระพรหมบันดาลได้สักคน
ทุกคนที่เกิดมาถูกบงการไว้แล้วแทบทั้งนั้น...
มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะเจอช้าหรือเจอเร็ว...
ตัวเขาเองก็คงไม่รอด เพียงแต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้
“ฉันไปล่ะ...แน่ใจนะว่าจะไม่อยู่ร่วมงานวิวาห์ของดิเย่ร์มัน” เซดริกยังไม่วายกระเซ้า
แวซ็องหันกลับมา เขายิ้มเย็นๆ “ฉันกลัวงานจะล่มน่ะสิ...แม่นั่นทำตามใจตัวเองตลอด จนไม่สนใจคนรอบข้าง หากฉันไม่อยู่งานนี้คงราบรื่นขึ้น”
แวซ็องคาดการณ์ไม่ผิด ลิเดียแค่ต้องการประชด เพราะฉะนั้นหากเขาโผล่หน้าเข้าไปในงานวิวาห์ของหล่อน หล่อนคงผวามาเกาะเขา จนอาจทำให้ดิดิเย่ร์เสียหน้า ทางที่ดีเขาควรไปไกลๆ ดีกว่า จนกว่าเรื่องราวทุกอย่างจะสงบลง
ความวุ่นวายทำให้แวซ็องตัดสินใจเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวในประเทศเล็กๆ แทนที่จะจะสนุกอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ที่มีแต่ความศิวิไลซ์...ขอสงบสติอารมณ์กับธรรมชาติดีกว่า...รอให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี จากนั้นทุกอย่างคงกลับเข้าสู่รูปรอยเดิม
แต่ชายหนุ่มไม่รู้ การออกเดินทางครั้งนี้...
กลับสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้เขามากกว่าทุกเรื่องที่เคยเกิดขึ้น!!
เขากำลังเดินเข้าสู่กรงขัง
หมดสิ้นอิสรภาพที่ตัวเองปรารถนา...
แต่จะได้พบกับความรู้สึกอ่อนหวาน...ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหัวใจ
แล้วคนเย็นชาอย่างเขา...จะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรดี?
บทที่2.คืนฝนพรำ!!
ในวันที่ฝนตกหนัก สายฝนรินเหมือนท้องฟ้ารั่ว ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนมาจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว ผมสีดำดั่งนิลลีบติดหนังศีรษะ หยดน้ำเย็นเฉียบเกาะพราวทั่วใบหน้าหวาน แพขนตางามงอนเปียกฉ่ำจนรวมตัวเป็นกระจุก ผู้หญิงคนนั้นคือพนักงานสาวคนหนึ่งในร้านสะดวกซื้อ เป็นพนักงานประจำที่ขยันขันแข็งเป็นอย่างมาก เธอมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ริมฝีปากอิ่มย้อยสีระเรื่อแลดูเซ็กซี่ หากได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูดีกว่านี้ หาใช่ชุดพนักงานที่ดาษดื่นเหมือนกันไปหมด เธอคงสวยพิศชวนมองไม่แพ้ใครๆ เมวิกา สาระวีคือหญิงสาวที่กล่าวมาข้างต้น...เธอเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพราะเธอกรำงานหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หลังกริ่งสัญญาณบอกเวลาเลิกงาน เจ้าตัวจึงรีบหอบสังขารกลับมายังห้องเช่าราคาถูก แม้จะต้องฝ่าสายฝนที่กระหน่ำสาดซัดไม่หยุด เธออยากจะอาบน้ำและซุกหัวนอนก่อนที่จะหมดแรงไปเสียก่อน
ชีวิตผู้หญิงตัวคนเดียวที่พึ่งจะย้ายตัวเองออกมาจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เนื่องจากอายุเกินกว่าที่ทาง ‘บ้านน้ำริน’ จะให้ที่อยู่ที่กินได้ สาวน้อยจึงต้องออกมาจากบ้านที่เติบโตมาอย่างอาลัย แต่ก็ไม่วายแวะกลับไปเยี่ยมทุกครั้งในวันหยุดงาน เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับครูพี่เลี้ยง กับอาจารย์ใหญ่ที่ทำงานอยู่ในบ้านหลังนั้น เธอมักจะเจียดเงินเดือนของตัวเองส่วนหนึ่งให้กับน้องๆ เพื่อแบ่งปันโอกาสให้กับพวกเขา เหมือนดั่งที่ตัวเองเคยได้รับ ความรู้แค่หางอึ่งของเธอ ทำให้ต้องขายแรงงานเพื่อหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง
เมวิกาแบ่งเงินเป็น3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งกินใช้เพื่อตัวเอง มันรวมถึงค่าเช่าห้อง อีกส่วนมอบให้น้องๆ ที่บ้านน้ำริน ส่วนสุดท้ายเก็บไว้เพื่อการศึกษา เธอลงเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง จุดมุ่งหมายเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเก่า เรียนต่อให้สูงขึ้น...ใช้เงินที่หามาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่เกี่ยงงาน หากมีเวลาว่างเธอยินดีทำ แม้จะเป็นงานที่ต่ำต้อย อย่างการขัดล้างบ้าน หากมีคนว่าจ้างเมวิกาไม่เคยปฏิเสธ เธอจำเป็นต้องใช้เงินอีกเยอะ
เสียงสุนัขที่หลบฝนอยู่ใต้ชายคาเห่าเสียงดังๆ เมวิกาบ่นพึม เธอรีบเดินเพราะไม่อยากเปียกฝนนานกว่านี้
ชุดทำงานตัวเก่งเปียกปอนเพราะละอองฝน เปียกชุ่มจนหัว หูลีบเพราะหยาดน้ำฝนที่โปรยลงมาจากท้องฟ้า
“หยุดเห่าได้แล้วไอ้ตูบ...แกมานอนหน้าห้องพี่เมนี่มา ไปหลบตรงนั้นจะเปียกเสียเปล่าๆ”
เธอพูดเสียงดังพร้อมกับส่งยิ้มให้ รีบควานมือลงไปในกระเป๋าสะพาย ควานหาเศษอาหารที่นำติดตัวมาเพื่อแบ่งปันให้กับสุนัขไร้เจ้าของ ถุงพลาสติกขนาดย่อม ถูกวางลงบนพื้นดินเปียกแฉะ เธอเปิดปากถุงและกวักมือเรียกสุนัขแสนรู้ตัวนั้นหย็อยๆ มันกระดิกหางและรีบคลานออกมาจากเพิงไม้เก่าๆ ก่อนจะแสยะปาก แยกเขี้ยวยิ้มให้เมวิกาเป็นสิ่งตอบแทน เมื่อมันได้มีอาหารกินรองท้อง
“อย่าส่งเสียงดังไปล่ะ เดี๋ยวพี่ๆ คนห้องข้างจะออกมาตะเพิดแกอีก...พี่เมไปล่ะ ง่วงตาจะปิดแล้ว” เธอยกมือลูบลงไปบนหัวชื้นๆ ของสุนัขตัวนั้น มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับเธอเลย ตัวคนเดียวบนโลก ไม่มีพี่ มีน้อง แต่เธอโชคดีกว่าที่เกิดเป็นมนุษย์ ยังสามารถหาเลี้ยงปากท้องให้ตัวเองได้
มันกินอาหารก้นถุงจนหมด และนอนหมอบหน้าห้องพักของเมวิกาตามคำสั่ง คอยระแวดระวังภัยให้หล่อน ทำตัวประหนึ่งเป็นองครักษ์ เมวิกาจึงหลับสนิท แม้จะอยู่แค่ห้องแคบๆ มีพัดลมตัวเล็กๆ พัดเป่าเพิ่มความเย็น แต่เธออ่อนเพลียเกินกว่าจะรับรู้สภาพอากาศรอบตัว...
หญิงสาวหลับสนิทเพราะอากาศที่เย็นชื่น สายฝนยังคนหลั่งริน โปรยปรายลงมาจากฟ้าไม่ขาดสาย ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงช่วงเวลาดึกสงัด เมื่อฝนตกผู้คนจึงสมัครใจนอนห่มผ้าอยู่ในบ้านของตัวเอง มากกว่าที่จะออกมาเดินเพ่นพ่านเหมือนทุกๆ วัน ชุมชนแออัดไม่เคยเงียบสงัดเช่นนี้ เมื่อทุกคนต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้อง จึงมีคนทำมาหากินเดินเข้าเดินออกทั้งคืน มันจึงเป็นคืนแรกที่ไร้วี่แววมนุษย์ เมื่อสายฝนยังเทกระหน่ำ ไม่ยอมหยุดสักที
เงาร่างตะคุ่มๆ เขาโผเผเดินล้มลุกคลุกคลาน ...เหมือนกำลังพยายามหนีอะไรบางอย่างที่ติดตามมาอย่างไม่ประสงค์ดี แววตาคมดุกวาดมองไปรอบๆ ตัว เขาถอนลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ยกมือขึ้นลูบใบหน้า ไล่หยดน้ำที่เกาะจนพราวฉ่ำ พร้อมกับมองฝ่าละอองฝนเพื่อมองหาที่ซุกตัว
แต่...
ผั๊วะ! เป็นเคราะห์ซ้ำกำซัด ไม่อาจจะรู้ได้
ท่อนไม้ขนาดพอเหมาะมือฟาดลงที่กลางหลัง จนผู้ชายคนนั้นถลาล้มลงไปกองที่พื้น พื้นที่มีแต่คราบน้ำโคลน เนื่องจากสายฝนรินหลั่งอยู่ทั้งคืน เขาหมดสติแทบจะทันที...มันจึงเป็นโอกาสดีๆ ให้คนไม่หวังดีจัดการปลดทรัพย์สินที่ติดกายเขาไปจนหมด...ไม่เว้นแม้แต่รองเท้าหนังเงาวับที่ชายเคราะห์ร้ายผู้นั้นสวมใส่
มันแสยะยิ้ม...เปิดกระเป๋าสตางค์ของชายผู้นั้นออกดู ก่อนจะตาลุกวาว เมื่อธนบัตรปึกหนาๆ อัดแน่นเต็มช่องกระเป๋า...มันดึงธนบัตรทั้งหมดออกมา ก่อนจะโยนกระเป๋าสตางค์เปล่าๆ ไว้บนกอหญ้าห่างจากที่ชายเคราะห์ร้ายนอนสลบอยู่ไม่เท่าไร
“ไปพ่อหนุ่ม ร้านหน้าปากซอยมีทุกอย่าง มีงบเท่าไรล่ะ”“มีไม่เยอะ อยากได้ที่นอนกับของใช้บางอย่าง” ให้นอนบนพื้นแข็งๆ เขาจะไม่ทน ไหนๆ ก็ต้องทนลำบากขอความสบายช่วงนอนหลับหน่อยก็แล้วกัน สาวใหญ่เดินนำ เขามองบั้นท้ายเป็นปั้นๆ ของนางแล้วจึงส่ายศีรษะ...ร้านเครื่องนอนมีให้เลือกมากมาย แต่หากเป็นตัวแวซ็องเลือกเอง เขาไม่มีทางชายตาแลของคุณภาพต่ำเช่นนี้แน่ เมื่อจำเป็นจริงๆ ก็ต้องทน...หากไม่อยากนอนบนพื้นแข็งๆ เย็นๆ“เอาแบบนี้ล่ะ...พร้อมอุปกรณ์ด้วยนะ ผ้าห่ม พัดลม และหมอน...” ใจของชายหนุ่มอยากจะติดแอร์คอนนิชั่น แต่มันจะหรูหราอลังการจนอาจจะทำให้เมวิกายิ่งขยับหนีไปไกลๆ อีก...เอาเท่าที่ได้ก็แล้วกันสภาพห้องพักดูดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากร้านเครื่องนอนเอาของมาส่ง...ชายหนุ่มจ่ายค่าแรงให้ผู้หญิงชื่อเขียว หล่อนส่งสายตาฉ่ำหวานให้เขา จนต้องรีบชิ่งหนี แวซ็องกลัวหล่อนกระโจนปล้ำ เมื่อดวงตาของหล่อนฉายแววเช่นนั้นกลิ่นผ้าใหม่ที่ยังไม่ผ่านการทำความสะอาด...เขาต้องทำใจให้ชิน ไม่ได้อยู่ในสภาพเดิมๆ คงต้องทนไปก่อน แต่ไม่นานหรอก...ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนบน
“ฝากเธอไว้ได้ไหมล่ะ?” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงหากเมวิกาเป็นคนหิวเงินเธอคงรีบกระโจนใส่“ไม่เอา!!” เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ฉันกลัวหาย...แล้วไม่มีปัญญาหามาใช้คืนด้วย...มันเยอะเกินไป”หญิงสาวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย“คุณรักษามันไว้ดีๆ ล่ะ”หญิงสาวเตรียมหมุนตัวหนี“ถ้าฉันจะอยู่อีกสักพัก...รอจนกว่าญาติจะมารับเธอคิดว่าไง?”ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมีแต่น้ำเสียงเฉยชาตอบกลับมา“มันแล้วแต่คุณ! ฉันไม่เกี่ยว”หล่อนรีบเดินกลับเข้าห้องตัวเองไม่สนใจเงินเยอะๆ ที่หล่อนพูดถึงสักนิด นอกจากไม่สนใจเงินแล้วหล่อนไม่สนใจเขาด้วยนี่สิ มันทำให้หนุ่มเสน่ห์แรงเคือง!! หากแวซ็องคิดจะเด็ดปีกความผยองของหล่อนให้สมกับฉายา 'นักล่ามือทอง' เขาไม่ผิดใช่ไหม? ก็เมวิกายั่วยุให้สัญชาตญาณนักล่ามือฉมังของเขาตื่นเพลิดขึ้นมาเอง...มันช่วยไม่ได้ชายหนุ่มเดินอ้อมไปหาป้าเจ้าของบ้าน ตอนนี้เขามีเงินทุนสำหรับการลวงล่อเมวิกา หล่อนไม่สนเงินเขาก็จะใช้อย่างอื่นแทนเริ่มต้นที่ ‘ร่างกา
บทที่4.การใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่หล่อเหลือร้ายเมวิกาขอเวลานอกหัวหน้างาน เพื่อทำธุระส่วนตัว ของที่รับฝากไว้ นอนอุ่นอยู่ก้นกระเป๋ากางเกงของเธอ คงต้องบากหน้าเข้าโรงจำนำครั้งแรกในรอบ24ปี“เห้อ!!”หญิงสาวถอนใจดังๆ เธอเดินหมุนไปหมุนมา จนอาเฮียหลังคอกกั้นขยับแว่นตามอง“อีหนูเข้ามาไม่ต้องอาย...เร็วๆ ขวางทางคนอื่นเขา”ประสบการณ์ยาวนานเท่ากับอายุตัวเอง....ทำให้อาเฮียรู้เองโดยไม่ต้องเดาเมวิกาตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน เธออายสายตาคนมองจนหน้าชา แต่ช่างเถอะ! เธอทำครั้งนี้ครั้งเดียวเพราะอยากช่วยคน“ฉันเอาเจ้านี่มาจำนำ เฮียคิดว่ามันจะได้สักเท่าไรคะ?”หญิงสาวล้วงหยิบนาฬิกาโรแล็กซ์วางตรงช่อง พร้อมกับผ่อนลมหายใจช้าๆ รอฟังคำของอาเฮีย เมื่อเธอรู้ดีว่ามันหยุดเดินเสียงตอบกลับเรียบๆ “จะเอาเท่าไรล่ะ”ของดีราคาแพง หรือของก็อปราคาถูก ผ่านมือเป็นพันๆ ชิ้น อาเฮียรำพึงในใจดูท่าชิ้นนี้จะราคาแพงที่สุด...ตั้งแต่เปิดโรงรับจำนำมา ของแท้กับของปลอ
สายใจตั้งใจฟัง แม้ไม่ได้คำตอบที่เธอถามออกไป... “เลยออกไปอีกนิดมีร้านขายอยู่ เดี๋ยวสายใจพาไปเอง เดี๋ยวพี่ฝรั่งจะหลงทางน่ะจ้ะ” ได้ควงฝรั่งรูปหล่อ มันโก้หยอกที่ไหน สายใจเลยรีบอาสา เพื่อหวังผล หากฝรั่งรูปหล่อนี่สนใจเธอ แหมๆ มันคงเหมือนขึ้นสวรรค์“แม่...หนูพาพี่ฝรั่งรูปหล่อไปซื้อของนะแม่ เดี๋ยวมา” หล่อนหันไปร้องสั่งผู้หญิงที่อาวุโสกว่า นางขยับปากด่าไม่ต่างอะไรกับบุตรสาว... “ไม่รู้เลือดใคร เห็นผู้ชายหล่อไม่ได้สิ! ระริกระรี้ขึ้นมาเชียว”ชายหนุ่มเดินตามแรงจูงของสายใจ เขาจดจำภูมิทัศน์ เมื่อแถวนี้ตรอกซอก ซอยแทบจะเหมือนกัน หากเขาหลง คงไม่มีโอกาสได้เจอกับเมวิกาอีก เพราะฉะนั้นแวซ็องต้องระวังตัวดีๆ“อีสาย!! จะไปไหน” ผู้ชายหน้าเหี้ยม ร้องถามเสียงดังลั่นสายใจแอบเบ้ปาก...ยังไม่มีคำจำกัดความระหว่างความสัมพันธ์ของตัวเองกับ พี่วินมอเตอร์ไซน์หน้าเข้ม แต่ดูเขาจะออกตัวแรง!! ใบหน้าอวบอูมนั่นแดงก่ำ เธอจึงจำใจถอยห่างฝรั่งรูปหล่อ เสียดายใจแทบขาดแต่เมื่อประเมินผลได้ ผลเสีย เธอต้องเลือกที่มั่นคงมากกว่า“ไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะนะ เดี๋ยวเขาไม่พอใจเอา” หล่อนส่งยิ้มแหยๆ ให้และแวซ็องก็พยักใบหน้ารับรู้เขาไปคนเดียวก็สบายใ
บทที่3.ผู้ชายที่มาพร้อมกับสายฝนชายหนุ่มปั้นหน้าใสซื่อ เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายและพยายามทำตัวน่าสงสาร“ฉันไม่แน่ใจนะคะว่ามันจะขายได้...” นาฬิกามันหยุดเดิน แล้วเมวิกาก็ดูไม่เป็นเสียด้วยว่ามันคือของแท้ หรือของปลอม แต่เธอจะพยายามช่วย“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มยิ้มแป้น เขารู้ว่ามันขายได้ อาจจะถูกกดราคา แต่รุ่นนี้ใครเห็นก็ต้องรีบตะครุบ เมื่อมันคือรุ่นอันลิมิเต็ด!! ไม่ได้มีเกลื่อนกลาด คนรับซื้อคงตาวาวเพราะฟันกำไรเหนาะๆ“เห้อ! ฉันต้องไปทำงานแล้วนะคุณ...อยู่แถวนี้ไปก่อนล่ะ นี่เอาไว้ซื้อข้าวกิน ฉันช่วยได้เท่านี้ละ อยู่กับไอ้ตูบไปแล้วกันนะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจ แต่ต้องเข้าใจฉันด้วย” หญิงสาวอธิบายยืดยาว ถึงจะมีน้ำใจ แต่ใครล่ะจะให้คนแปลกหน้าเข้าห้อง เมื่อไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า หากถูกยกเค้าเธอคงไม่มีอะไรเหลือ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้“ไม่เป็นไร”ลมเย็นพัดโชย ไม่มีที่นอนนุ่มๆ มีแค่เพิงสังกะสีเก่าๆ คุ้มหัว...ก็ยังดีกว่าออกไปแล้วถูกตามล่าหญิงสาวหมุนตัวกลับเข้าห้องพัก เธอเดินย้อนกลับมาอีกครั้งกับน้ำขวดหนึ่งในมือแล้วก็หมอนนุ่มๆ ที่หนีบมาในซอกรักแร้ ก่อนจะยื่นให้กับเขา... “เดินออกไปตรงหัวมุม มีร้านตามสั่ง คุณหิว
ปัญหายังไม่หมด...เวลานี้แวซ็องเริ่มหนาว...เสื้อ กางเกงเขาเปียกชุ่ม มันทำให้อุณหภูมิในร่างกายเริ่มลดลง เขากำลังหนาว และอาจจะจับไข้...ชายหนุ่มระบายลมหายใจที่เริ่มมีไอร้อน เขาคงต้องหาตัวช่วยให้ตัวเองก่อน กว่าจะเช้ายังอีกนาน ตอนนี้เวลาเท่าไรแล้วก็ไม่รู้? เมื่อนาฬิกาเรือนโปรดของเขาดันหยุดเดินเสียอย่างนั้น “เชี่ยเอ๋ย! แพงเสียเปล่า” ชายหนุ่มสบถอย่างฉุนเฉียว หน้าสิ่วหน้าขวาน ทุกสิ่งรอบตัวเขาเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทาง เขาต้องการความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้คงต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะหนาวตายและอาจจะมีไข้รุมเสื้อสีขาวตัวใหญ่พาดอยู่บนราวแขวน กางเกงหูรูดที่แวซ็องคะเนด้วยสายตาเขาน่าจะใส่ได้ ชายหนุ่มคว้าทั้งเสื้อและกางเกงลงมาจากราว เขาเหลียวซ้าย แลขวา ก่อนจะรีบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตถอดออกจากตัวสะบัดขึ้นไปแขวนไว้บนราวแทนเสื้อยืดเก่าๆ กางเกงคือเป้าหมายต่อไป ไม่ถึง5นาทีเขาก็สามารถจัดการกับตัวเองเสร็จจากผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า...ตอนนี้หากดิดิเย่ร์ หรือเซดริกหาเขาเจอ คงไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดเก่าๆ คอย้วย กับกางเกงหูรูดราคาถูก สวมรองเท้าแตะแต่กลับเดาะใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ที่มันหยุดเดินไปเสียแ