เมื่อเชิดลากธันวาออกไปทำให้ผู้บิดาเดินเข้ามาใกล้นารี พร้อมกับมองจ้องไปที่ใบหน้าของลูกสาวคนเล็ก สายตาของชายสูงวัย ไม่มีเยื่อใยของความผูกพันให้เธอเลยแม้แต่น้อย
"อย่าคิดหนีไปอีก เพราะคราวหน้าเธอได้เจ็บตัวแน่นารี" คำพูดที่เรียบเฉยแต่แอบแฝงไปด้วยความเย็นชา ที่นารีนั้นสัมผัสได้จากบิดา โลกกว้างใบนี้ช่างไร้ความยุติธรรมให้เธอเหลือเกิน บ้านหลังนี้ที่เธอนั้นอาศัยตั้งแต่เล็กจนโต ช่างไร้สุขมันเต็มไปด้วยความทุกข์ เมื่อบิดามารดานั้นเลือกที่รักมักที่ชัง เวลานี้บิดาเห็นเธอเป็นเพียงแค่ตัวแปร ที่จะนำพาเงินเข้าตระกูลเธอมีค่าแค่นั้นเองสำหรับชายสูงวัย
"คุณพ่อควรจะบอกคุณอาร์มันโด้ เรื่องที่นังนารีหนีตามผู้ชายไป เผื่อเขาเปลี่ยนใจเลือกเจ้าสาวคนใหม่ที่ไม่ใช่นางนารี” รวีพูดพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา ภายใต้ดวงตาที่ฉายแววร้ายกาจ เมื่อหล่อนนั้นอยากเป็นเจ้าสาวของอาร์มันโด้จนตัวสั่น
"นาขอตัวนะคะ" นารีพูดพร้อมกับเดินลงเรือน เพื่อตรงไปที่ห้องของตนซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน เมื่อนารีเดินลงไปพ้น อาร์มันโด้ก็เดินขึ้นเรือนมาทั้งสองจึงคลาดกันแค่ไม่กี่นาที
"อ้าว! คุณอาร์มันโด้เชิญครับ" ประมุขของบ้านเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือน ผิดกับชายหนุ่มเมื่อสักครู่ที่โดนไล่ออกไป ราวกับว่าเขานั้นเป็นศัตรู
"สวัสดีครับคุณศรเทพ คุณนายพิกุล" ชายหนุ่มกล่าวทักทายเจ้าของบ้าน พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท
"เชิญนั่งครับ รวีไปเตรียมน้ำเตรียมท่ามาต้อนรับแขกหน่อยเร็วลูก" ผู้เป็นบิดายังคงอยากให้ลูกสาวคนรองได้แต่งงานกับอาร์มันโด้ จึงพยายามพูดจาราวกับว่าหญิงสาวนั้นถนัดงานบ้านงานเรือน
"ได้ค่ะคุณพ่อ อรุณสวัสดิ์นะคะคุณอาร์มันโด้ เดี๋ยวรวีมารอสักครู่นะคะ" รวีทาปากสีแดง พร้อมกับชุดโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งทั้งที่อยู่บ้าน หล่อนฉีกยิ้มให้กับแขกผู้มาเยือนราวกับว่าเขานั้นมาพบเธอ
"ผมมาพบคุณนารี พอดีว่าอยากทำอะไรให้มันผ่านพ้นไปโดยเร็ว งานแต่งระหว่างผมกับนารี ผมต้องการแค่ผูกข้อไม้ข้อมือและจดทะเบียนสมรสกับเธอในแบบง่ายๆ คุณศรเทพ และคุณนายพิกุลจะว่ายังไงครับ" ที่เขาพูดออกไปแบบนั้น เพราะไม่อยากให้มันเอิกเกริก อาร์มันโด้ต้องการแต่งงานกับนารีอย่างเงียบๆ
"หมายความว่าเราจะไม่เชิญแขก แค่ผูกข้อไม้ข้อมือเป็นอันเสร็จพิธีใช่ไหม ทางเราไม่มีปัญหาอะไร ยังไงนารีก็ต้องแต่งงานกับคุณอยู่แล้วอย่ากังวลไปเลย" ความจริงแล้วนายศรเทพต้องขอบคุณอาร์มันโด้ด้วยซ้ำ เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการจัดงานแต่งของนารีเช่นกัน
"น้ำสมุนไพรเย็นชื่นใจค่ะคุณอาร์มันโด้" รวีส่งแก้วน้ำให้กับชายหนุ่ม แต่สายตาของเธอกลับจ้องมองไปที่ใบหน้าคม ด้วยความต้องการให้อีกฝ่ายประจักษ์ต่อความประสงค์ของเธอที่อยากได้เขามานอนเคียงข้าง แต่เวลานี้อาร์มันโด้กลับนึกถึงแต่ใบหน้าของหญิงสาวอีกคน
"ขอบคุณครับคุณรวี ไม่ทราบว่าคุณนารีอยู่ไหมครับผมอยากเจอเธอสักครั้ง" ที่ชายหนุ่มพูดออกไปแบบนั้นเพราะเขาอยากรู้ว่าเธอกลับมาบ้านหรือยัง เมื่อเวลานี้จิตใจของอามันโด้ร้อนรนดั่งไฟสุม หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบนารี เขาถามทุกคนในบ้านต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน นารีคงกลับบ้านไปแล้วและนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาตามเธอมาในวันนี้ และอยากทำอะไรให้มันถูกต้อง ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย แม้เขาเองไม่รู้ว่า จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้แค่ไหน เพื่อไม่ให้พลั้งทำร้ายจิตใจของเธอ
คำถามของอาร์มันโด้ทำให้รวีมีสีหน้าที่บึ้งตึง เธอรู้สึกไม่ชอบและเกลียดแม้กระทั่งชื่อของนารี เวลานี้รวีไม่อยากได้ยินได้ฟังด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้รินสาวใช้คนสนิทของเธอ ไปเรียกนารีขึ้นมา อาร์มันโด้ไม่อาจรู้ได้ว่านารีจะเกลียดเขาหรือเปล่า เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวที่เธอพยายามหนีไปให้พ้นนั้นเป็นเขาเอง
นารีเดินตามรินสาวใช้คนสนิทของรวีขึ้นมาบนบ้าน เธอมีสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย เมื่อพบว่านักรบนั่งอยู่กับผู้เป็นบิดา ที่สำคัญนารีกำลังคิดว่าชายหนุ่มตามเธอมาที่นี่ และนั่นทำให้เธอกลัวว่าเขาจะโดนผู้เป็นบิดาทำร้ายแล้วโดนจับลากออกไปเหมือนกับธันวา
"นารีมานั่งนี่สิว่า พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย" คำพูดของผู้เป็นบิดาไม่ได้เข้าหูนารีเลยสักนิด เมื่อเวลานี้เธอเอาแต่จับจ้องไปที่ใบหน้าคมของนักรบ แล้วรีบตรงไปฉุดเขาลุกขึ้นยืน
"คุณนักรบ! ลุกขึ้นแล้วกลับไปได้แล้ว ถ้าคุณไม่อยากเดือดร้อน รีบออกจากบ้านหลังนี้ไป" ในขณะที่ฉุดแขนนักรบ นารีได้กระซิบลงไปที่ข้างหูของชายหนุ่มเบาๆ การกระทำของนารีสร้างความงุนงงให้กับผู้เป็นบิดาและมารดา มีเพียงรวีที่ทำท่าทีไม่พอใจ ที่นารีนั้นถึงเนื้อถึงตัวอาร์มันโด้
"คุณหนีมาทำไม แล้วทำไมไม่รอผมตื่นก่อน" ชายหนุ่มยังคงกระซิบเบาๆ กลับไป เพราะเขานั้นตั้งใจที่จะมาตามหาเธอ แต่ความซื่อบื้อของนารีทำให้เธอนั้นไม่เอะใจเลยสักนิด กับชื่อของอาร์มันโด้ที่เธอเคยได้ยินผ่านหู ในขณะที่บิดามารดาและรวีพูดถึงชื่อนี้อยู่บ่อยครั้ง
"นารีมานั่ง แล้วปล่อยมือจากคุณอาร์มันโด้ได้แล้ว อย่าเสียมารยาทกับแขก" นารีเริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เมื่อบิดาบอกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นแขกของบ้าน
"ขอโทษค่ะ นารีไม่รู้ว่าเขาเป็นแขกของคุณพ่อ" นารีพูดพร้อมกับอ้อมมานั่งลงที่โซฟาข้างๆ มารดา ที่ทำหน้าสงสัยอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ากำลังจับผิดเธอ
"นารีรู้จักขอบคุณอาร์มันโด้มาก่อนหรือเปล่า ทำไมถึงมีท่าทีเหมือนกับสนิทสนมกันแบบนี้" คุณนายพิกุลถามลูกสาวออกมา เมื่อนางนั้นเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของนารี ที่มีต่ออาร์มันโด้
"คุณแม่ขา..นังนารีมันหนีออกจากบ้านไปค้างคืนกับผู้ชายมา สงสัยจะกลัวความผิดเลยพยายามจะแก้ต่างให้กับตัวเอง คุณอาร์มันโด้ถ้าจะแต่งงานกับนารีต้องทำใจหน่อยนะคะ เพราะเธอหนีออกจากบ้านกลายเป็นผู้หญิงหยําฉ่าไปแล้ว" คำพูดของรวีไม่ได้สร้างความเจ็บปวดใจให้กับนารีเลยสักนิด เมื่อเธอไม่ได้เป็นอย่างที่พี่สาวพูด แต่เธอมาสะกิดใจคำว่าแต่งงาน อย่าบอกนะว่าอาร์มันโด้คือเจ้าบ่าวของเธอ
"ผมเลือกแล้วไม่คิดเปลี่ยนใจ ถึงยังไงพรุ่งนี้นารีก็คือเจ้าสาวของผมอยู่ดีครับ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่ใบหน้าของนารี ดูเหมือนว่าเวลานี้สายตาของเธอที่มองมาที่เขานั้น กำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจ เธอคงจะโกรธที่เขานั้นไม่แสดงตัว
"คุณพ่อมีธุระอะไรจะคุยกับนาหรือเปล่า ถ้าไม่มีนาขอตัวนะคะ" เวลานี้นารีรู้สึกโกรธชายตรงหน้าอย่างมาก ที่เขานั้นไม่บอกความจริงกับเธอ มิหนำซ้ำยังเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาคงหัวเราะเยาะที่เธอนั้นโง่อยู่เป็นนานสองนาน
"เดี๋ยวก่อน พรุ่งนี้ลูกต้องแต่งงานกับคุณอาร์มันโด้ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายแค่ผูกข้อไม้ข้อมือและจดทะเบียนสมรสทุกอย่างก็จะเสร็จสิ้น" ผู้เป็นบิดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มซึ่งเป็นว่าที่ลูกเขยป้ายแดง
"ก่อนแต่งงาน แกก็ควรจะไปเคลียร์กับธันวาให้จบ ไปอยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน ความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงขั้นไหนล่ะนารี" รวียังคงกัดไม่ปล่อย เมื่อหล่อนนั้นอยากให้อาร์มันโด้ได้รับรู้พฤติกรรมของนารีในทางลบ เผื่อเขาจะคิดล้มเลิกความตั้งใจตั้งแต่แรก เพราะนารีไม่มีอะไรก็ควรกับชายหนุ่มเลยสักนิด
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร