วันแต่งงานที่ผู้หญิงทุกคนต่างก็ปรารถนา จะให้เป็นวันดีๆ ที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต แต่สำหรับนารีเธอไม่รู้เลยว่าจุดเริ่มต้นมันมาจากไหน เจ้าบ่าวของเธอต้องการอะไร จุดหมายปลายทางของชีวิตอยู่แห่งหนใด แล้วจะมีใครมาเข้าใจเธอ ในวันที่จำใจต้องแต่งงานกับผู้ชายคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างอาร์มันโด้ หรือที่เขามีชื่อไทยว่านักรบ
"เจ้าสาวมาแล้วค่ะ" รินพูดขึ้นเสียงดัง จนทำให้อาร์มันโด้นั่งคุยอยู่กับแขกผู้ใหญ่ประมาณสิบคน หันมามองนารีที่กำลังเดินพ้นธรณีประตูเข้ามา ด้วยใบหน้าและท่าทางที่สง่างามในชุดไทยสไบสีชมพู ใบหน้าที่แต่งแต้มเอาไว้เพียงนิด กลับสวยสะดุดตาผิดกับรวีที่จัดเต็ม
"เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวประจำที่ได้แล้ว อย่างน้อยก็ควรทำให้ถูกต้องตามประเพณี" นั่นคือเสียงของป้านวล ที่ดูเหมือนว่าบิดามารดาของนารีจะไม่ค่อยชอบใจหญิงสูงวัย ที่เป็นแม่นมของอาร์มันโด้สักเท่าไหร่ เพราะนางนั้นเจ้ากี้เจ้าการสั่งให้ชายหนุ่ม ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี นั่นหมายถึงต้องมีการรดน้ำสังข์ด้วย แล้วถึงจะมีการผูกข้อไม้ข้อมือ
"ป้านวล" นารียกมือไหว้พร้อมกับรีบเข้าไปสวมกอดหญิงสูงวัย จนรวีรู้สึกหมั่นไส้ เพราะไม่รู้ว่านารีไปรู้จักมักคุ้นคนในบ้านของอาร์มันโด้ได้อย่างไร
"วันนี้คุณนาสวยมาก สวยจนใครบางคนแถวนี้ เก็บอาการไม่อยู่แล้ว" หญิงสูงวัยกระซิบเบาๆ ลงที่ข้างหูของนารี อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผิดกับมารดาที่เธอนั้นไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัส ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไออุ่นจากอกมารดาเป็นเช่นไร
"อันดับแรกเจ้าบ่าวเจ้าสาว จะต้องสวมแหวนให้กันเชิญนั่งประจำที่เลยครับ" นั่นคือเสียงของเจสันที่วันนี้เขาได้รับมอบหมายจากป้านวล ให้จัดการพิธีการ ในงานทั้งหมดให้เรียบร้อย แม้จะเป็นงานเล็กๆ เรียบง่ายก็ควรออกมาดี เพราะวันนี้มันคือวันสำคัญของคู่บ่าวสาว
อาร์มันโด้นั่งลงที่พื้นข้างๆ นารี โดยมีสินสอดทองหมั้นเครื่องบรรณาการเต็มไปหมด ก่อนที่เขาจะหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แน่นอนแหวนแต่งงานนี้เป็นของมารดา ที่ให้ไว้ก่อนจากไป เขาค่อยๆ สวมมันลงไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของนารี ไม่คิดเลยว่ามันจะพอดิบพอดีกับนิ้วของเธอราวกับว่าได้วัดขนาดเอาไว้ จากนั้นนารีได้หยิบแหวนอีกวงบรรจงสวมให้อาร์มันโด้ ด้วยกิริยาที่ดูเรียบร้อยสง่างาม สมกับตำแหน่งภรรยาของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง
"เพื่อเป็นการกระชับในพิธีเชิญการ เชิญบ่าวสาวที่โต๊ะเลยครับ" เจสันเอ่ยขึ้น จากนั้นคู่บ่าวสาวได้เดินไปนั่งประจำตำแหน่งที่จัดเอาไว้
"ขอเชิญคุณศรเทพและคุณนายพิกุลคล้องพวงมาลัยให้คู่บ่าวสาวด้วยครับ แล้วเชิญคุณศรเทพสวมมงคลแฝดที่ศีรษะและเจิมหน้าผากให้กับคู่บ่าวสาวด้วยครับ" สิ้นเสียงพูดของเจสัน ทุกอย่างดำเนินไปตามประเพณีที่ควรจะเป็น จนกระทั่งถึงเวลาที่นารีและนักรบจะต้องเซ็นลงไปที่กระดาษแผ่นนั้น ซึ่งหมายถึงทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
"ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ทางเราขออนุญาตพานารีไปอยู่ที่บ้านโน้นนะคะ หวังว่าคุณศรเทพและภรรยาคงไม่ขัดข้องอะไร" ป้านวลรีบพูดออกไป เพราะไม่อยากให้นารีอยู่ที่นี่
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วครับ ว่าแต่จะไปเลยใช่ไหมจะให้เด็กเก็บของให้นารี" คำพูดของบิดานารี ทำให้ป้านวลเข้าใจแจ่มแจ้ง นางชักอยากจะรู้แล้วว่านารีใช่ลูกในไส้หรือเปล่า ทำไมบิดามารดาถึงได้หมางเมินเธอถึงเพียงนี้
"ไม่ต้องเก็บหรอกครับ นารีไปเอาแค่ของบางอย่าง ที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตเท่าก็พอ ผมจะรออยู่ที่รถ กราบลานะครับคุณศรเทพคุณนายพิกุล" คำพูดของอาร์มันโด้ ทำให้รวีรู้สึกขัดใจ แต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้
"นากราบลานะคะ คุณพ่อคุณแม่" นารีนั่งพับเพียบลงกับพื้น ก้มลงกราบบิดามารดา ในขณะที่ทั้งสองกำลังชื่นชมกับกองเงินกองทองตรงหน้า จนลืมไปว่าลูกสาวคนเล็กของตระกูล เป็นคนนำพามันมาให้พวกเขา นารีลุกขึ้นเตรียมเดินลงไปจากเรือน แต่ต้องหยุดกะทันหัน เมื่อรวีเดินมาฉุดแขนเธอไว้
"อย่าคิดว่าจะได้ไปเสวยสุข อยู่ที่บ้านของคุณอาร์มันโด้ ฉันจะบอกอะไรให้ หล่อนก็เป็นแค่เพียงหมากตัวหนึ่ง ในการตกลงระหว่างธุรกิจของคุณพ่อกับคุณอาร์มันโด้เท่านั้น อย่าริทำตัวหยิ่งผยองเป็นกิ้งก่าได้ทองเพราะว่าเธอจะชูคออยู่ได้ไม่นาน!" รวีพูดพร้อมกับจิกตามองมาที่ใบหน้าของนารี ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ในขณะที่ข้อมือเล็กของเธอ ถูกพี่สาวบีบลงไปจนเป็นรอยแดง ก่อนที่นารีจะสะบัดออกอย่างแรง
"นาไม่เคยทำตัวไร้ค่าหรือว่าหยิ่งผยองใส่ใคร และถ้าหากทุกคนในบ้านใส่ใจ กับสิ่งที่นาทำให้ ตั้งแต่จำความได้ นาไม่รู้ด้วยซ้ำความรู้สึกที่มีพี่สาว พี่ชาย พ่อแม่ครอบครัวมันเป็นยังไง เพราะนาอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายมาโดยตลอด และนับจากวันนี้ไป จะขอใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง พี่รวีเชิญใช้เงินนั้นให้สาแก่ใจ นับตั้งแต่นี้เราอย่าได้พบเจอกันอีกเลย"
นารีพูดพร้อมกับวิ่งลงบันไดไป ปล่อยให้รวีมองตามหลังด้วยความโกรธแค้น เมื่อเธอนั้นทำอะไรนารีไม่ได้ เพราะกลัวว่าอาร์มันโด้จะรู้ หากหล่อนฝากร่องรอยไว้บนใบหน้าของนารี
"อ้าว! งานแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอนารี"
เมื่อหญิงสาวเข้าไปหยิบกระเป๋าใบเล็กๆ ในห้องเดินออกมา เจอกับพี่ชายที่กำลังนั่งดื่มไม่สนใจโลก จนเธอต้องถอนหายใจออกมา
"พี่คาวีเมื่อไหร่จะเลิกดื่มสักที นาจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ ต้องย้ายไปอยู่บ้านสามี คงไม่มีใครให้พี่ใช้หยิบเหล้าให้แล้วนะ" นารีพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน แม้คาวีจะไม่เคยปกป้อง แต่อย่างน้อยพี่ชายคนนี้ก็พูดดีกับเธอในยามที่เขาไม่เมามาย
"อืม..โชคดี เธอไม่อยู่ฉันใช้เด็กในบ้านก็ได้ รีบไปเถอะเขาจะรอนาน" คาวีพูดออกมาดูเหมือนจะไม่ใส่ใจน้องสาวคนเล็ก แต่ลึกๆ ภายในใจแล้วเขากลับรู้สึกใจหาย เมื่อนารีกำลังจะไปจากบ้านหลังนี้
"ขอกอดหน่อยได้ไหมพี่ชาย" นารีพูดพร้อมกับเดินไปใกล้คาวี ในขณะที่พี่ชายของเธอหยิบแก้วขึ้นมา ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก แล้วดึงน้องสาวเข้ามาสวมกอดเอาไว้
"ไปอยู่บ้านเขาก็ทำตัวดีๆ ใครร้ายมาก็ร้ายกลับบ้าง ไม่ใช่ยอมก้มหัวให้กับทุกคนเหมือนกับอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะโลกแห่งความเป็นจริง คนแข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ส่วนคนอ่อนแอก็แพ้ไปสิ พี่คงไม่มีอะไรให้น้องหรอกนะ ก็ขออวยพรให้โชคดีก็แล้วกัน"
นี่คือประโยคแรกในชีวิตที่คาวีพูดกับน้องสาวยาวที่สุด และเป็นครั้งแรกที่นารีสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากพี่ชายคนนี้ ที่เคยทำร้ายเธอบ่อยครั้งในยามที่เขาดื่มน้ำเมาเข้าไป แต่อย่างน้อยคาวีก็ไม่เคยพูดจาบั่นทอนจิตใจ ให้เธอรู้สึกเจ็บช้ำเหมือนกับรวี
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร