เมื่อคาวีถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน นารีได้เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องหลายรอบ เวลานี้เธอกระวนกระวายใจเป็นที่สุด เพราะดูจากสภาพของพี่ชายแล้วอาการค่อนข้างจะหนัก
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง คาวียังอยู่ในห้องฉุกเฉิน นารีจึงเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้อง เธอนั่งรอสักพักใหญ่ก็มีพยาบาลเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน นารีจึงรีบลุกเดินเข้าไปถาม แต่แล้วเธอกลับรู้สึกหน้ามืด จนทรุดลงไปกองกับพื้น
"อ้าว! คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ใครอยู่แถวนี้ช่วยด้วยค่ะคนเป็นลม" และแล้วนารีก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินอีกคน แต่เมื่อคุณหมอตรวจดูอาการแล้วกลับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่า เพราะร่างกายของเธออ่อนเพลีย และเป็นกังวลมากไป จึงทำให้หน้ามืดวูบลงไปแบบนั้น
"ฉันเป็นอะไรคะ แล้วพี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง" นารีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเอ่ยถามนางพยาบาลขึ้น แต่มีหมอหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาหาเธอที่เตียงผู้ป่วย
"ยินดีด้วยนะครับคุณแม่ ตอนนี้คุณตั้งครรภ์ได้สี่วีคแล้วครับ คุณแม่จะต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วอย่าลืมมาฝากครรภ์ด้วย ส่วนพี่ชายคุณพ้นขีดอันตรายแล้วครับ" คำบอกเล่าของหมอหนุ่ม ทำให้นารีถึงกับน้ำตาคลอ ก่อนจะเอามือลูบลงที่หน้าท้องเบาๆ ถ้านักรบรู้เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ
"ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ช่วยหาห้องพิเศษให้พี่ชายฉันด้วย แล้วก็จ้างพยาบาลพิเศษให้ด้วยนะคะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง" นารีรู้ดีว่าบิดามารดาคงไม่มีทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของพี่ชายอย่างไม่นอน เพราะพักหลังมานี้คาวีดื่มและเที่ยวหนักไม่เป็นอันทำการทำงาน ที่สำคัญผีพนันเข้าสิงจนคาวีต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ คงไม่ต้องเดา เขาไม่กล้ากลับบ้านเพราะสาเหตุใด
นารีจัดการเรื่องเอกสารเรียบร้อย พี่ชายของเธอถูกย้ายไปยังห้องพิเศษ แต่คาวียังคงหลับอยู่ เธอจึงเดินออกมาจากห้อง และได้กำชับพยาบาลที่จ้างพิเศษให้ดูแลพี่ชายของเธอให้ดี แล้วเดินออกมาตรงไปที่ช่องจ่ายยา เพราะคุณหมอให้เธอรับยาบำรุงครรภ์ไปกิน ก่อนจะเดินไปเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้าน
พอนารีมาถึงบ้าน เธอมองเห็นรถของนักรบจอดอยู่ที่โรงจอดรถ วันนี้ทำไมเขาถึงกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน ความคิดมากมายได้เกิดขึ้นมาภายในใจ นักรบจะยินดีกับอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมาหรือไม่ นั่นคือความกังวลของหญิงตั้งครรภ์ในเวลานี้ที่คิดไปต่างๆ นานา
"ป้านวล คุณนักรบมีแขกเหรอคะป้า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนารู้สึกคุ้นจังเลย" นารีเดินเข้าไปถามป้านวล ในขณะที่สายตาของเธอมองไปที่ห้องรับแขก และพบว่านักรบนั่งคุยอยู่กับผู้หญิงหน้าตาดี การแต่งตัวของเธอช่างเซ็กซี่ และดูทั้งสองจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มิหนำซ้ำผู้หญิงคนนั้นยังสวยจนเธอเทียบไม่ติดแม้แต่เงา
"เอ่อ... หนูนารีพี่ชายเป็นยังไงบ้าง ป้ากำลังจะตามหนูไปพอดีแล้วนี่มายังไง" คำตอบจากป้านวล นารีกลับได้คำถามมาแทน ทำให้เธอยิ่งสงสัย แม้จะมองเห็นผู้หญิงคนนั้นแค่ข้างๆ แต่ดูท่าทางของสามีเธอแล้ว ดูเหมือนเขาจะมีความสุขภายใต้เสียงหัวเราะนั่น
"พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะป้า นาขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะคะ พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบาย คุณหมอบอกว่านาเป็นโรคกระเพาะ ขอโทษนะคะ" นารีรีบพูดอธิบายทันที เมื่อป้านวลกำลังสังเกตถุงยาในมือของเธอ เพราะในตอนนี้นารียังไม่อยากบอกใครเรื่องที่เธอกำลังตั้งครรภ์
"อ้าว! หนูนากลับมาแล้วเหรอ ผมกำลังจะออกไปรับคุณพอดี มานี่ก่อนสิ" นักรบพูดพร้อมกับเดินมาโอบนารีเข้าไปนั่งที่โซฟาของห้องรับแขก
"เทเรซ่านี่หนูนาภรรยาของผม หนูนานี่เทเรซ่าเธอจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับเราสักพัก หนูนาไม่ว่าอะไรนะ" นักรบแนะนำภรรยาใหม่ให้รู้จักกับภรรยาเก่า มันช่างตอกย้ำให้นารีนั้นเจ็บปวดลึก เหมือนโดนมีดกรีดไปที่ขั้วหัวใจ
"เทเรซ่าเพิ่งเห็นตัวจริงคุณหนูนาในวันนี้ สวยกว่าที่คุณอาร์มันโด้ส่งให้ดูซะอีก" ประโยคที่เทเรซ่าพูดออกมานั้น มันยิ่งตอกย้ำให้นารีเข้าใจว่าพวกเขาติดต่อกันมาโดยตลอด แล้วที่แสดงออกว่ารักเธอนักหนามันหมายความว่ายังไง
"ฉันชื่อนารี ไม่ใช่หนูนากรุณาเรียกให้ถูกด้วย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายขอตัวไปพักก่อนนะคะ" เวลานี้นารีไม่ได้สนใจแล้วว่า สามีของเธอนั้นจะกลับไปคืนดีกับเทเรซ่าหรือไม่ เพราะแค่นี้เธอก็เจ็บจนชา มันเริ่มเหนื่อยและล้าทั้งกายและใจ
พอเข้ามาในห้องนารีได้ล้มตัวลงนอน เธอไม่ลืมที่จะเก็บยาไว้อย่างดี เพราะไม่อยากให้สามีได้รับรู้ถึงการตั้งครรภ์ของเธออีกแล้ว ทำไมชีวิตของเธอถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ พี่ชายก็มาเจ็บหนัก หากเธอรู้ว่ารวีก็โดนเจสันปู้ยี่ปู้ยำมาเหมือนกัน มิหนำซ้ำบ้านกะสิเทพก็กำลังจะถูกยึด บริษัทไม่ต้องพูดถึง เพราะมันกำลังจะล้มละลาย นารีจะรู้สึกอย่างไร เธอจะรับมือกับเรื่องราวร้ายๆ ที่มันกำลังโหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตได้หรือไม่
นารีหลับไปได้สักพัก ลมหายใจอุ่นๆ ของชายหนุ่ม ที่นอนซ้อนจากทางด้านหลังทำให้หญิงสาวรับรู้ได้ว่านั่นคือนักรบ เธอกำลังสับสนเขาเป็นคนยังไงกันแน่ หรือว่าทุกอย่างมันคือการแสดง เขาถึงได้นำพาให้เทเรซ่ากลับมาอยู่ในบ้านหลังนี้
"ไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า ไปหาหมอไหม... หืม" คำพูดที่ดูอ่อนโยนกับคำถามที่ปนไปด้วยความห่วงใย ทำให้น้ำตาใสๆ ไหลออกมาจากตาคู่สวยอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเธอกำลังน้อยใจผู้เป็นสามี ที่เขากำลังพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาหยามน้ำใจของเธอ ต่อให้เขาบอกว่าจบไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความเป็นเพื่อน แต่ถ่านไฟเก่ายังไงมันก็พร้อมจะระอุได้ทุกเมื่อ เธอจะไม่มีวันเชื่อคำพูดของเขา
"ไปหาหมอมาแล้วแค่เป็นโรคกระเพาะเฉยๆ คุณช่วยขยับออกไปได้ไหม นาหายใจไม่ออก" นารีพูดพร้อมกับจับลงไปที่ลำแขนของนักรบ แล้วยกมันออกจากเอวคอดของเธอ
"ทำไม คุณน้อยใจและโกรธผมอยู่เปล่า เทเรซ่าเธอแค่มาอยู่ที่นี่ชั่วคราว อีกไม่กี่วันก็กลับแล้วอย่าคิดมาก ผมรักคุณนะหนูนา" ทำไมคำบอกรักของเขา วันนี้มันถึงได้ฟังดูไม่มีน้ำหนัก เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรีบตามเธอไปที่โรงพยาบาลนั่นแล้ว แต่วันนี้เขากลับมานั่งหัวเราะอยู่ที่บ้านกับเทเรซ่า ในขณะที่เธอนั้นอยู่โรงพยาบาลเป็นลมล้มพับ เขากลับไม่คิดจะไปเหลียวแล
"คำพูดเป็นเพียงแค่ลมที่พ่นออกมาจากปาก หากคุณอยากให้อากาศนั่นมีความหมาย ก็ควรทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัว น่าอยู่น่าอาศัย ไม่ใช่เต็มไปด้วยมลพิษ ที่สูดดมเข้าไปแล้วอาจทำให้ถึงตายได้" คำพูดของนารีทำให้นักรบหายใจออกมาอย่างแรง เขาต้องการให้เธอเป็นคนมีเหตุผลกว่านี้ แต่บางครั้งเขาก็ลืมไปว่า ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าภรรยา คงไม่ยอมรับเหตุผลของสามีที่พาภรรยาเก่าเข้าบ้าน เพราะต่อให้เขาอ้างเหตุผลมาร้อยเป็นพันมันก็ฟังไม่ขึ้น
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร