เสียงประทัดดังไปทั่วตลาด ผู้คนที่เดินผ่านไปมา ต่างมาหยุดมองอย่างสนใจ เสียงหลงจู๊หมานตะโกนเชิญชวนให้ชาวเมืองเข้ามาชมด้านในของเหลาอาหาร
ทั้งยังลดราคาอาหารสามวันแรกที่เปิดร้านถึงสองส่วน ด้านหน้ายังมีโต๊ะวางอาหาร ให้ชาวเมืองต่างลิ้มลองกันพอให้มีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น
ทุกอย่างเป็นแผนการตลาดที่ซุนเหยานางสั่งให้หลงจู๊และคนงานในร้านจัดการ เสื้อผ้าของเสี่ยวเอ้อ เหมือนกันทุกคน ทั้งยังดูสะอาดน่ามองจนคนที่พบเห็นอดที่จะชื่นชมไม่ได้
ป้ายชื่อที่หน้าอกของเสี่ยวเอ้อ ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการเรียกใช้ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสามารถร้องเรียนหากพบว่าทำกิริยาที่ไม่ดีต่อลูกค้าได้ด้วย
ด้านในเหลาอาหารไม่ได้มีแต่โต๊ะที่ถูกจัดไว้เพียงด้านใน หรือห้องรับรองเท่านั้น แต่ด้านนอกที่นั่งรับลม รับแสงแดด ก็ยังถูกตกแต่งออกมาอย่างดี ทั้งยังมีม่านกั้น เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วย
ห้องรับรองก็ไม่ได้ตกแต่งเพียงแค่แบบเดียว ห้องทั้งสิบห้องถูกตกแต่งออกมาไม่เหมือนกัน สร้างความแปลกใหม่ให้ผู้ที่เข้ามาชมต้องรีบจับจองห้องรับรอง เพื่อพาสหายมาใช้บริการ
อาหารที่ให้ลองชิมก็ทำให้ทุกคนได้แต่ตกตะลึง เพราะรสชาติอาหาร นับว่าไม่มีผู้ใดที่ไม่ชมว่าอร่อย
ซุนเหยานางไม่ได้มางานเปิดร้าน แต่ส่งเสี่ยวกุ้ยไปตรวจดูความเรียบร้อยแทนนาง ในตอนนี้นางกำลังนั่งเล่นไพ่กับหลีซื่ออย่างสนุกสนาน
ทั้งแม่นม และสาวใช้ส่วนตัวของหลีซื่อต่างกระโดดเข้าร่วมวงกันอย่างครึกครื้น แม้แต่พ่อบ้านซูยังชะเง้อคอมองอย่างอิจฉา
“ท่านแม่ ข้าสอนท่านเพียงครั้งเดียวท่านก็กินเงินข้าเสียเกือบหมดแล้วเจ้าค่ะ” ซุนเหยายู่ปากอย่างไม่พอใจ
นางมานางเตรียมเงินมามากแล้วนะวันนี้ แต่ก็แทบจะยังไม่พอจ่ายให้แม่สามีของนาง
“ฮ่า ฮ่า ดู ดู พวกเจ้าดูลูกสะใภ้ของข้า นางทำหน้า ได้น่าเกลียดเสียจริง” หลีซื่อหัวเราะอย่างขบขับ มือของนางรับเงินมาจากซุนเหยาแล้วเก็บเข้าถุงเงินอย่างพอใจ
“ฮูหยิน ตาหน้าเป็นของท่านอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” แม่นมซูพูดเอาใจซุนเหยา เพราะกลัวว่านางจะเลิกเล่นเสียก่อน
“เหอะ แม่นมท่านก็อีกคน ถุงเงินของท่านมีแต่เหรียญทองแดงของข้า” ซุนเหยาหยิบไพ่ขึ้นดู ครั้งนี้หน้าตาของนางจริงจังมาก หากแพ้อีกก็เท่ากับต้องเดินกลับเรือนไปเอาเงินมาใหม่เสียแล้ว
ในยุคโบราณเช่นนี้ ไม่มีเรื่องใดให้สตรีทำมากนัก นอกจากไปงานน้ำชา นางก็ไม่อยากไป ไปซื้อผ้า เครื่องประดับ ที่มีก็แทบจะกองทับตัวอยู่แล้วจะให้นางซื้ออันใดอีก
สุดท้ายซุนเหยานางก็ต้องเดินกลับเรือนไปเอาเงินมาเพิ่มใหม่
“อาเหยาเจ้า ฮ่า ฮ่า” หลีซื่อหัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อลูกสะใภ้ของนางยกหีบใบขนาดกลางมาเลย
“จะได้ไม่ต้องเดินหลายรอบเจ้าค่ะ แจกข้าด้วยแม่นม”
กิจวัตรของซุนเหยาในยามนี้คือเล่นไพ่เป็นเพื่อนแม่สามี เรื่องที่เหลาอาหารนางก็เพียงให้เสี่ยวกุ้ยนำเครื่องปรุงออกไปส่งทุกห้าวันเท่านั้น
ผ่านมานับเดือนหลงจู๊ก็ส่งข่าวเรื่องจวนหลังใหม่นางสร้างห้องเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซุนเหยานางจึงได้ออกไปดู
“นายหญิง ท่านชอบหรือไม่ขอรับ” หลงจู๊หมานตั้งใจรอคอยคำตอบจากซุนเหยา
“ชอบเจ้าค่ะ” ภายนอกกว้างขวาง หากต่อไปนางต้องการต่อเติมสิ่งใดก็ทำเพิ่มได้ง่าย ทั้งห้องเก็บของที่สั่งทำมีขนาดใหญ่ พอที่จะให้นางนำของออกมาวางได้มาก
นางคิดว่าค่อยว่าจัดการเรื่องเติมของในภายหลัง เพราะยังไว้ใจเสี่ยวกุ้ยไม่มากพอ
“หลงจู๊หมานท่านหาสาวใช้มาดูจวนให้ข้าสักสามคน หาพ่อบ้าน คนสวนแล้วก็คนขับรถม้าด้วยเจ้าค่ะ”
เพราะทุกเรื่องจะให้หลงจู๊หมานคอยวิ่งจัดการให้นางก็ไม่ได้ ยังมีเรื่องที่เหลาอาหารที่เขาต้องดูแลอีก
หลังจากที่เหลาอาหารเปิดมาได้นับเดือน การค้าของนางก็อยู่ตัวแล้ว ถึงจะมีโต๊ะมากเพียงใด ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
แม้แต่หัวเมืองใกล้เคียงยังเดินทางมาชิมอาหารที่ถูกพูดถึงในตอนนี้ ห้องรับรองถูกจองยาวไปนับหกเดือน ยังดีที่หลงจู๊หมานเปิดให้จองเพียงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคงได้จองเลยไปถึงปีหน้าแน่
ซุนเหยานางจะเข้าไปตรวจบัญชีด้วยตนเองทุกเดือน โดยเข้าทางด้านหลังร้านจึงไม่มีผู้ใดพบเห็นนางและรู้ว่านางเป็นเจ้าของเหม่ยสือ
“นายหญิงท่านทำได้อย่างไรขอรับ” หลงจู๊หมานเบิกตากว้าง เมื่อเห็นซุนเหยานางไม่แม้แต่ใช้ลูกคิดก็คำนวณจำนวนเงินออกมาได้อย่างง่ายดาย
“ท่านอยากเรียนรู้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้หรือขอรับ” เขาเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“เหตุใดจะไม่ได้เล่าเจ้าคะ มาข้าจะสอนท่านเอง”
ซุนเหยานางเขียนสูตรคูณออกมาให้หลงจู๊หมานได้ลองท่องเสียก่อน ทั้งยังบอกการคิดเลขเร็วให้เขาด้วย
“หากท่านจะสอนผู้อื่น ข้าก็ไม่หวงเจ้าค่ะ” ความรู้ในยุคของนางมีให้เรียนรู้ได้อย่างเปิดกว้าง
ผิดกับยุคนี้ผู้มีความรู้มักจะเงียบไว้ผู้เดียว หรือเพียงแค่สั่งสอนคนในตระกูลของตนเท่านั้น
หลังจากที่หลงจู๊หมานเรียนรู้เรื่องคำนวณกับซุนเหยานางได้หลายวันแล้ว เขาก็เรียกตัวเสี่ยวเอ้อทั้งหมดหลังจากเลิกงานมาสอนให้คำนวณเลขได้ เพื่อที่เวลาที่คิดเงิน พวกเขาจะได้ไม่ต้องวิ่งกลับมาที่โต๊ะของหลงจู๊ให้เสียเวลา
คนงานในร้านเมื่อรู้ว่าหลงจู๊จะสอนคำนวณ ต่างก็ซาบซึ้งใจยิ่งนัก ผู้ใดจะไม่รู้ว่าหากมีความรู้เรื่องคำนวณได้ย่อมสามารถทำงานบัญชี ได้เงินมากกว่างานเสี่ยวเอ้ออีก
“เป็นนายหญิงที่สอนข้า ท่านยังให้ข้ามาสอนพวกเจ้าอีกด้วย”
ทุกคนได้แต่น้ำตาเอ่อคลอ ที่พบเจอเจ้านายที่ดีเช่นซุนเหยา
ภายในห้องโถงซุนเหยานางกำลังนั่งหัวเราะอย่างสนุกสนาน เพื่อวันนี้นางมือขึ้นอย่างมาก หีบที่นางยกมาเมื่อสองเดือนที่แล้ว ที่เกือบจะหมดลง แต่วันนี้กลับเพิ่มขึ้นมาจนนางยิ้มแก้มแทบแตก
เสียงของพ่อบ้านซูวิ่งเข้ามาด้านในห้องโถงอย่างร้อนรน แต่ถูกซุนเหยาเอ่ยห้ามไว้ก่อน เมื่อเขากำลังจะแจ้งเรื่องให้พวกนางฟัง
“ฮูหยิน ท่าน..”
“ประเดี๋ยวก่อน ท่านพ่อบ้าน ข้าชนะแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ แม่นม เอาเงินมาเจ้าค่ะ” ซุนเหยากระโดดขึ้น นางแบมือไปตรงหน้าแม่สามีที่กำถุงเงินแน่น ทั้งแม่นมที่แอบถุงเงินไว้ด้านหลัง
“พวกท่านกินข้ามาหลายเดือน วันนี้ข้ามือขึ้น พวกท่านรีบจ่ายเร็วๆ เจ้าค่ะ”
เมื่อกลับมาถึงจวน พ่อบ้านซูก็เร่งให้ซุนเหยานางเข้าไปด้านในห้องโถง ซุนเหยานางจึงได้รู้ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้กังวลเช่นนั้นเสียงของบิดากับพี่ชายของนางดังออกมาจากห้องโถงเสียขนาดนั้น ซุนเหยานางจึงรีบเข้าไปด้านในทันที“ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ” “หึ หากอาเฮ่อไม่ไปพบเจ้าลูกเต่า พาอนุไปเหลาอาหารเหม่ยสือ จะรู้เรื่องที่เขากลับมาจากชายแดนได้อย่างไร”“เสี่ยวกุ้ยไปเก็บของ ของอาเหยาประเดี๋ยวนี้ ข้าจะพาน้องสาวข้ากลับตระกูลจ้าว” หลิงเฮ่อตวาดออกมาเสียงดังครั้งนี้เขาไม่อาจทนให้น้องสาวได้รับความชอกช้ำใจได้อีกแล้ว“ประเดี๋ยวก่อน อาถิงเจ้าพูดอันใดเสียหน่อยเถิด ข้ามิยอมให้พวกเขาหย่าขาดกันอย่างแน่นอน” หลีซื่อดึงมือสหายของนางมาอ้อนวอนอย่างเต็มที่“หึ บุตรชายของเจ้าทำเช่นนี้กับบุตรีของข้า เจ้าจะให้ข้าพูดอันใด ในตอนแรกข้าก็เข้าข้างเจ้าอยู่หรอก แต่ยามนี้เห็นทีจะไม่ได้” ซูเซวียนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นดวงตาคู่งามของซุนเหยานางเปล่งประกายอย่างยินดี ที่จะได้หย่ากับเขา ซูเซวียนก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม“ฟู่หงอี้ นางไม่ใช่อนุของข้า แต่นางเป็นรองแม่ทัพขอรับ” ทุกคนในห้องโถงหันไปมองที่ซ
ดวงตาของซูเซวียนดำมืดทันทีที่ได้ยินคำพูดของซุนเหยา เขาไม่เคยพบสตรีที่เจ้าเล่ห์มากเพียงนี้มาก่อน“หึหึ หรือต้องให้ข้าไปอุ้มเจ้าขึ้นมา” ซุนเหยาจำต้องเดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนางขึ้นมาอยู่ด้านข้างกลิ่นกายของนางก็ทำให้ซูเซวียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้เป็นเขาที่อยากจะเอาชนะนางโดยการให้นางยอมนอนร่วมเตียง แต่ในตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะคิดมาตลอดว่าความสามารถเรื่องความควบคุมตนเองจากสตรีเก่งกาจเหนือผู้อื่นแต่ในยามนี้ภายในอกกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนต้องโยนตำราในมือทิ้ง แล้วหันหน้าเข้ามากำแพงด้านใน เพื่อไม่ให้นางจับผิดสังเกตได้ซุนเหยาเห็นว่าเขาล้มตัวลงนอนไปแล้วนางจึงล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกไปอีกทางในโกดังของซุนเหยานอกจากจะมีวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารแล้ว นางยังมีของใช้อีกมากมายที่เตรียมไว้ให้คนงานที่พักอยู่ที่ร้านยาสระผมหรือสบู่เหลวอาบน้ำนางก็นำออกมาใช้ทั้งสิ้น เพียงเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อไม่ให้สาวใช้ที่เข้ามาช่วยนางอาบน้ำสงสัยเท่านั้นเสียงลมหายใจของซุนเหยานางสม่ำเสมอแล้ว ซูเซวียนจึงพลิกตัวกลับมา แล้วจับซุนเหยานางพลิกมาทางเขาเพื่อมองสำรวจนาง เรื่องความงามของนางเข
เมื่อมื้ออาหารเย็นสิ้นสุดลง หลีซื่อก็บังคับบุตรชายให้กลับเรือนไปพร้อมกับซุนเหยา เพียงแค่ห่างออกจากเรือนหลักมา ซุนเหยานางก็เอ่ยไล่เขาทันที“ท่านไปดูแลแม่นางฟู่เถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าไม่บอกท่านแม่แน่” ซุนเหยานางไม่ได้อยู่รอฟังว่าเขาจะพูดเช่นไร นางเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเสี่ยวกุ้ยทันที"ท่านทำเช่นนั้น จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน” เสี่ยวกุ้ยนางคิดว่าซุนเหยานางมีโอกาสแล้ว เหตุใดถึงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพหลงใหลในตัวนางแทน“ดีสิ ข้าไม่อยากได้บุรุษที่ไม่ได้มีข้าเพียงผู้เดียว ทั้งท่านแม่ทัพยังมีสตรีในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ข้าจะไปขัดขวางเพื่ออันใด”ทั้งสองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกนางพูดคุยกัน ซูเซวียนจะได้ยินทุกคำ แทนที่เขาจะเดินไปที่เรือนหงอี้อย่างที่ซุนเหยานางคิด เขากลับเดินมาที่เรือนของนางแทน“เหตุใดท่านจึงเข้ามาที่เรือนนี้เล่า” นางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“แล้วเหตุใดข้าถึงจะเข้าเรือนของข้าไม่ได้ ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ไว้แล้ว ตลอดหนึ่งเดือนข้าจะนอนที่นี่”ซูเซวียนสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำ โดยไม่ได้มองสีหน้าที่แข็งค้างของซุนเหยานางเลยเสี่ยวกุ้ยก็รีบไปเตรียมน้ำให้อย่างรวดเร็ว ซุนเหยานางพ่นลมหายใจอย่างแรง เ
ซุนเหยานางช่วยประคองหลีซื่อไปที่ห้องโถง เพื่อรับอาหารมื้อเย็น ทั้งยังบอกให้คนไปตามซูเซวียนกับหงอี้มารับอาหารด้วยกันอีกด้วย“เจ้าจะให้บ่าวไปตามนางมาด้วยเรื่องอันใด”“ท่านแม่ หงอี้ นางอาจจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของข้าก็ได้เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะไม่เท่ากับว่านางน่าสงสารหรือเจ้าคะ อีกอย่างข้าไม่อยากให้ผู้ใดว่าข้าใจแคบ แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ให้นางกินด้วย”“เหอะ ผู้ใดจะกล้าว่าเจ้า” หลีซื่อเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์สาวใช้เมื่อเห็นว่าหลีซื่อไม่ได้ห้ามเรื่องให้ไปตามซูเซวียน นางจึงรีบเดินออกไปตามทันทีหงอี้ เมื่อไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วยแล้ว นางก็เริ่มต่อว่าซูเซวียนที่ทำให้นางต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้“ท่านแม่ทัพ ท่านกำลังทำให้ข้าเป็นนางมารต่อหน้ามารดากับฮูหยินของท่าน”“ข้าไม่คิดว่าท่านแม่จะพูดยากถึงเพียงนี้” ซูเซวียนคิดว่า เพียงแค่เขาเดินทางกลับมาเมืองหลวงเพื่อจัดการเรื่องหย่า ก็คงเป็นตามที่มารดาพูดไว้ หากเขากลับมาเมื่อใดก็หย่าได้ทันทีเจ้าทนอีกเพียงหนึ่งเดือน เมื่อกลับชายแดน ข้าจะให้เจ้าหยุดฝึกสามเดือนดีหรือไม่”“ท่านพูดแล้วนะเจ้าคะ”ทั้งคู่กำลังนั่งพูดคุยอยู่ภายในเรือนท้ายจวนก็มีสาวใช้เข้ามาขอพบ“คุณชายเจ้า
หลีซื่อสะบัดมือของจากมือของบุตรชาย ก่อนจะมองหาซุนเหยาอีกครั้ง“เหอะ อาเหยาอยู่ที่ไหน ไปตามมาพบข้าแล้วหรือยัง” “แล้วเจ้า เข้ามาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร” นางชี้มือไปที่หงอี้“เอ่อ ข้า ข้ามาดูท่านแม่เจ้าค่ะ”“ผู้ใดแม่เจ้า ข้าบอกแล้วหรือว่าจะรับเจ้าเป็นอนุของบุตรชายข้า”“ท่านแม่ โปรดคลายโทสะ ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องรับอี้เออร์เข้าจวนขอรับ”หงอี้ขนแขนลุกชัน นางเบิกตากว้างจ้องมองซูเซวียนอย่างตื่นตกใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ท่านยังไม่หยุดแสดงงิ้วอีกหรือนางอยากจะร้องถามใจแทบขาด และอยากจะแก้ตัวว่าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนกำลังเข้าใจ แต่สายตาคาดโทษของซูเซวียนที่มองมา หากนางพูดออกไป กลับค่ายไม่แคล้วนางคงโดนเล่นงานเป็นแน่“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว” หลีซื่อลุกขึ้น เพื่อจะวิ่งเอาหัวไปโขกที่เสา แต่ก็ถูกซูเซวียนจับตัวไว้ได้ท่าน“ท่านแม่ ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้ขอรับ”แม่นมที่กลับมาจากไปตามตัวซุนเหยาก็รีบเข้ามาขัดขวางหลีซื่อที่ยังโวยวายไม่เลิก“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยนางไปทำน้ำแกงโสมมาให้ท่าน ตอนนี้นางกำลังไปล้างตัว ท่านรีบกินตอนที่ยังร้อนอยู่เถิดเจ้าค่ะ”“อาเหยาที่น่าสงสารของข้า เห็นห
ทั้งหมดในห้องโถงยังไม่ได้รับรู้ของผู้มาเยือนที่ยืนมองอยู่ที่หน้าประตูจวน เพราะมัวแต่เถียงกันเรื่องเงิน มีเพียงพ่อบ้านซูที่ยืนมองอย่างร้อนรน“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าไม่เล่นด้วยแล้วค่ะ” ซุนเหยายื่นปากอย่างไม่พอใจ“ได้ ได้ แม่ยอมแล้ว เอาไป” หลีซื่อได้ยินว่าซุนเหยานางจะไม่ยอมเล่นด้วยอีกก็รีบยัดถุงเงินใส่มือของนางอย่างไวซูเซวียนใบหน้าเขียวคล้ำ เมื่อเขามาถึงแล้วคนด้านในยังไม่สนใจเขา หงอี้อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง นางคิดว่าฮูหยินที่ท่านแม่ทัพซูอยากจะหย่าคงมีใบหน้าอัปลักษณ์ ทั้งยังนิสัยร้ายกาจแต่ที่นางเห็น หากบอกว่าซุนเหยานางอัปลักษณ์เช่นนั้นก็ไม่มีสตรีใดที่งดงามอีกแล้ว ทั้งยังไพ่บนโต๊ะที่แปลกตา หงอี้นึกอย่างจะกระโดดเข้าไปร่วมวงด้วยใจแทบขาด“ท่านแม่ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”สิ้นเสียงของซูเซวียนทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วหันมามองทางเขา หลีซื่อใบหน้าซีดขาว เมื่อเห็นว่าบุตรชายพาสตรีกลับมาด้วยซุนเหยาเห็นเช่นนั้นก็ดึงสายตากลับ ทั้งนางยังเก็บเงินที่ได้มาลงหีบของนางอย่างไม่ใส่ใจ เพราะรู้ว่าเมื่อเขากลับมา ต่อให้มาเพียงลำพังก็คงต้องมาด้วยเรื่องหย่ากับนางเป็นแน่“นางเป็นผู้ใดกัน” หลีซื่อชี้นิ้วที่สั่นเ