“คุณชายฉู่ อาการป่วยของคุณหายดีแล้วจริง ๆ!”ต้าหลิงจื่อเห็นฉู่เฉินในชุดสูทเรียบกริบสง่างาม ก็ดูดีใจกับข่าวดีที่คาดไม่ถึงนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัดแต่วินาทีต่อมา เธอก็ทำหน้าเหมือนเจ็บที่หน้าอกออกมาเมื่อกี้ชนแรงเกินไป ทำให้เธอเจ็บหน้าอก“แน่นอนอยู่แล้วครับ หลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอไม่เคยบอกพี่เหรอ?” ฉู่เฉินเก็บเอกสารที่ร่วงกระจัดกระจายบนพื้นพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลยค่ะ จนถึงวันนี้ทางคณะกรรมการบริหารยังไม่รู้เลยว่าคุณชายฉู่หายป่วยแล้ว อันที่จริงผู้ถือหุ้นหลายคนยังคงคิดถึงตระกูลฉู่กันมาก โดยเฉพาะระยะนี้บริษัทถูกแบนจนย่ำแย่มาก แทบจะไม่มีงานที่สร้างรายได้อะไรเลยค่ะ” ต้าหลิงจื่อกล่าวพลางย่อตัวลงไปเก็บเอกสารบนพื้นเช่นกันเรียวขางามที่สวมถุงน่องสีเนื้อ ขาวสะดุดตาโยกไหวไปมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นขอบลูกไม้สีดำด้านในอย่างเลือนรางว่าไปแล้ว ตอนนี้ต้าหลิงจื่อใกล้จะสามสิบแล้ว ทว่าด้านการแต่งตัวกลับกล้าเปิดเผยยิ่งกว่าเมื่อก่อน แม้แต่ยกทรงก็สวมแบบครึ่งเต้า ไม่ใช่แบบเต็มเต้า แม้แต่เสื้อสูทขนาดเล็กตัวนั้นก็รับน้ำหนักไม่ไหวนิดหน่อย กระดุมเหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่
ภายใต้สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ผู้หญิงแบบเธอหาได้ยากจริง ๆ “อื้ม ขอบคุณนะคะ คุณชายฉู่” ต้าหลิงจื่อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า เอ่ยพร้อมกับส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์ให้ฉู่เฉิน “คุณชายฉู่ ถ้าเกิดมีเวลา กลับไปดูบริษัทบ้างดีกว่านะคะ” “ฉันคิดว่าถ้าเกิดกรรมการแล้วก็ผู้จัดการแผนกพวกนั้นได้เจอคุณชายฉู่ละก็ พวกเขาจะต้องมีใจเอนเอียงมาทางตระกูลฉู่อย่างแน่นอนค่ะ”คำพูดนี้ของต้าหลิงจื่อแฝงความนัยบางอย่างที่ลึกซึ้งเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าจนถึงตอนนี้ทั่วทั้งฉู่ซื่อกรุ๊ปยังไม่ได้ยอมรับหลิ่วชิงเหอกับลูกสาว“อืม ผมจะไป เพียงแต่ว่าไม่ได้ไปเอาบริษัทกลับมา แต่ไปเยี่ยมพี่โดยเฉพาะ” ฉู่เฉินกล่าวจบก็เพิ่มเพื่อนกับต้าหลิงจื่อในไลน์ ก่อนจะโอนเงินไปหนึ่งแสนห้าหมื่นบาททันที “คุณชายฉู่ นี่คุณทำอะไรคะ?”ต้าหลิงจื่อมองไปทางฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ “รับไว้เถอะครับ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนชั่วคราว ไว้มีเวลา ผมจะให้หลิ่วชิงเหอเพิ่มเงินเดือนให้พี่” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ต้าหลิงจื่อมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีอยู่ชั่วขณะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือของฉู่เฉินพลันดังขึ้นหลัง
ซี้ด!ถานหลิงได้ยินคำกล่าว สีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน! ฉู่เฉินคงไม่ได้คิดจะทำอะไรฉินอวี่ซานหรอกใช่ไหม? ถึงแม้ว่าเธอเตรียมตัวโดนฉู่เฉินย่ำยีแล้ว แต่ฉินอวี่ซานเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอนะ ถ้าเกิดโดนฉู่เฉินหว่านเมล็ดพันธุ์ละก็ เช่นนั้นต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างลูกของเธอกับฉินอวี่ซานคงสับสนวุ่นวายไปทั้งชาติแล้ว“คะ...คุณฉู่ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำเกินเลยมากไปนะคะ!” ถานหลิงหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย กัดฟันแน่นแล้วลดเสียงกล่าว“ผมทำเกินเลย?”ฉู่เฉินยิ้มร้ายพลางมองไปทางถานหลิงแล้วกล่าวว่า “ถ้าเกิดเธออาสาเองล่ะ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็ทำให้ถานหลิงสะอึกจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว“คุณฉู่คะ ฉันยอมรับว่าตระกูลจางของพวกเราขาดศีลธรรม แต่ว่าลูกชายของฉันก็ได้ชดใช้แล้ว ขอร้องนะคะ อย่าทำอะไรอวี่ซานอีกเลย...”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ พูดตัดบทถานหลิงว่า “ความรักระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องของความยินยอมจากทั้งสองฝ่ายเสมอ ผมไม่ได้บีบบังคับเธอ ใช่หรือเปล่า?” เมื่อฉู่เฉินกล่าวถึงตรงนี้ก็หันหน้าไปมองจ้าวเจวียนแวบหนึ่งจ้าวเจวียนเม้มปากยิ้ม จุด ๆ นี้ความเงียบมีชัยเหนือเสียงแล้ว ถานหลิงทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรม
ไม่ว่าจะเทียบด้านหน้าตาหรือว่ารูปร่าง มีตรงไหนที่เธอด้อยกว่าจ้าวเจวียนบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังสาวด้วยนักตกทองระดับสูงแบบเธอ รู้ดีที่สุดว่าผู้ชายซื่อสัตย์มากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่า หรือว่าชายชราอายุเจ็ดสิบแปดสิบต่างก็ชอบผู้หญิงอายุแค่สิบแปดทั้งนั้นอายุน้อย หุ่นแซบ นี่ก็คือต้นทุนในการสร้างความร่ำรวยของเธอ ซ่า ๆๆ! หลังจากที่ว่ายน้ำในสระสองรอบ ในที่สุดก็เห็นฉู่เฉินผลักประตูเดินออกมา ฉินอวี่ซานพลิกตัวในน้ำแล้วว่ายท่ากรรเชียงทันทีหน้าอกอวบอิ่มคู่นั้นยิ่งดูเต่งตึงและขาวเนียนเย้ายวนใจมากขึ้นภายใต้การทำงานร่วมกันของชุดบิกินีและสระว่ายน้ำ“โอ๊ย!” ขณะที่ฉู่เฉินเพิ่งจะเดินมาถึงขอบสระ ฉินอวี่ซานที่เมื่อกี้ยังว่ายน้ำอย่างเพลิดเพลินมีความสุขพลันกรีดร้องขึ้นมา ก่อนจะยื่นแขนขาวนวลโบกมือให้ฉู่เฉินพลางพูดว่า “คุณฉู่...ขะ...ขาของฉันเหมือนจะเป็นตะคริวแล้ว รีบมาช่วยฉันทีค่ะ” เฮ้ย! เสียงเล็ก ๆ นี้ทั้งออดอ้อนทั้งเย้ายวนมาก ดูท่าทางนั้นไม่เหมือนกับเป็นตะคริวเลย แต่เหมือนถูกแผดเผาด้วยไฟราคะดวงหน้าเล็กนั้นแดงปลั่ง ริมฝีปากเล็กเผยอเล็กน้อย จงใจแลบลิ้นหอมหวนออกมา ทำตาปรือ
“ฮึ! นั่นก็ไม่ได้อยู่ดี!”เวลานี้ความรู้สึกของถานหลิงซับซ้อนขึ้นกว่าเดิมก่อนหน้านี้เธอแค่คิดว่าฉู่เฉินมีวิชาแพทย์นิดหน่อยเท่านั้น แต่คนที่สามารถทำให้หยางเทียนหลงซึ่งเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเจียงจงคุกเข่าได้ เบื้องหลังของเขาจะต้องน่ากลัวระดับไหนกัน?เมื่อเทียบกับตระกูลหยางแล้ว ตระกูลจางก็เป็นตัวตนที่เหมือนกับมดแมลงเท่านั้นถ้าเกิดปล่อยให้ฉินอวี่ซานอาศัยการอำนวยความสะดวกของตระกูลจางเกาะทางรถด่วนของฉู่เฉินละก็ เช่นนั้นภายภาคหน้า นังฉินอวี่ซานไม่นั่งอึบนหัวตระกูลจางของพวกเขาเลยเหรอ? ไม่ได้! ไม่ว่าอย่างไรก็จะปล่อยให้เธอสมหวังไม่ได้! ถานหลิงยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้น แต่เสียงที่ดังมาจากทางลานหลังบ้านกลับเหมือนจงใจยั่วยุเธอ อย่าว่าแต่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เลย มันยังมีเสียงครางปนมาด้วยแม้แต่เจียงเหวินป๋อกับจางปินที่กำลังยุ่งอยู่ตรงลานหน้าบ้านก็ยังได้ยินราง ๆ “หืม?” เจียงเหวินป๋อเป็นคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ในพริบตา เขาหันหน้าไปมองจางปินแล้วพูดว่า “นี่มันเสียงอะไร คงไม่ใช่ว่ากลางวันแสก ๆ ข้างบ้านคุณยัง...”จางปินได้ยินคำกล่าวก็อึ้งไป เนื่องจา
หากจะเทียบด้านการปรนนิบัติจริง ๆ ละก็ ถานหลิงสามารถบดขยี้นังแพศยาฉินอวี่ซานในด้านประสบการณ์ได้อย่างสิ้นเชิงวินาทีต่อมา นัยน์ตางดงามของถานหลิงฉายแววเด็ดเดี่ยว ก่อนจะเอ่ยพลางยิ้มให้ฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณไม่กลัวจางปินจะเห็นเหรอคะ?”แม้ว่าปากของเธอจะพูดแบบนี้ แต่ร่างกายกลับค่อย ๆ เอนตัวไปทางด้านหลังเล็กน้อยที่หน้าเคาน์เตอร์ล้างจาน อาศัยเคาน์เตอร์ล้างจานบังร่างของฉู่เฉินไว้ ยั่วยวน!นี่ถึงเป็นการยั่วยวนอย่างแท้จริง!ปากบอกว่าไม่ต้องการ แต่ร่างกายกลับซื่อสัตย์มาก นี่ก็คือการยั่วเย้าอย่างมาก กลิ่นฮอร์โมนแพร่กระจายไปทั่วทั้งห้องโถง จ้าวเจวียนชาไปหมดทั้งตัวแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าที่นี่ห่างจากลานหน้าบ้านเพียงแค่หน้าต่างกระจกกั้นกลางไว้เท่านั้นฉู่เฉินเขา...เขากล้าลงมือจริง ๆ เหรอ? เธอค่อย ๆ หันหน้าไปมองถานหลิงที่ผมสลวยเต็มศีรษะกำลังพลิ้วไหวไม่หยุด จ้าวเจวียนกลืนน้ำลายหนัก ๆ พูดตามตรง ต่อให้เจียงเหวินป๋อรู้เรื่องทุกอย่าง เธอก็ไม่กล้าทำเรื่องเกินเลยขนาดนี้ต่อหน้าเจียงเหวินป๋อเด็ดขาด ในตอนนี้เอง ประตูห้องพลันเปิดออก จางปินเดินเข้ามาพลางเช็ดเหงื่อร้อน ๆ บนหน้าผากชั่วขณะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น
จ้าวเจวียนรู้สึกแค่ว่าสมองของตัวเองใกล้จะขัดข้องแล้วฉู่เฉินล้อเล่นมากไปหน่อยแล้วตีเธอตอนไหนก็ไม่ว่า แต่จู่ ๆ ดันทำแบบนี้ต่อหน้าจางปินในเวลานี้“เจวียนจื่อ ยังไม่รีบหั่นอีก รออะไรอยู่ล่ะ” ถานหลิงทำตามวิธีการของฉู่เฉิน ตบสะโพกงอนของจ้าวเจวียนแรง ๆ ร่างกายของจ้าวเจวียนสั่นไหวเล็กน้อย เหมือนวิญญาณกลับเข้าร่าง เธอรีบพยักหน้าติดต่อกันแล้วพูดว่า “อ้อ ได้ ๆ ได้ค่ะ”เมื่อเห็นฉากนี้ จางปินถึงค่อยหันกายเดินกลับไปที่ลานหน้าบ้านด้วยความสบายใจจนกระทั่งเห็นจางปินเดินจากไปไกลแล้ว ขาสองข้างที่เกร็งแน่นของถางหลิงพลันอ่อนยวบ ก่อนจะทรุดอยู่บนตัวฉู่เฉิน นี่แม่งน่าตื่นเต้นเกินไปแล้วเมื่อกี้ระยะห่างที่ใกล้ที่สุดระหว่างเธอกับจางปินยังไม่ถึงสองเมตรเลยด้วยซ้ำสองเมตรเลยนะก่อนหน้านี้ต่อให้เธอฝันก็ยังไม่กล้าจินตนาการถึงภาพแบบนี้เลยแต่ว่าความรู้สึกหวาดเสียวและตื่นเต้นเช่นนี้ได้สร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจให้เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “พวกเราขึ้นไปข้างบนกันดีไหมคะ?”ถานหลิงหันหน้าไปมองฉู่เฉินที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาอ้อนวอนฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย จนกระทั่งถอนตัวออกมาแล้วอุ้มจ้าวเจวียนที่อยู่ทา
“เฮ้อ สมัยนี้ ใครจะไม่โดนสวมเขาบ้างล่ะ ไม่เคยได้ยินคนพูดเหรอว่าอยากจะใช้ชีวิตก็ต้องสวมเขาซะบ้าง ภรรยาก็ให้คนอื่นเล่นด้วยถึงจะได้ดูเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย” ตอนนี้เจียงเหวินป๋อดูปล่อยวางแล้วเช่นกัน ทุกอย่างไม่สำคัญแล้ว ขอเพียงจ้าวเจวียนยังเป็นภรรยาในนามของเขา ส่วนจะโดนสวมเขาหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ในขอบเขตพิจารณาของเขาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ฉู่เฉินก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาขาดทุนจริง ๆ แค่รถลัมโบร์กินีคันนี้ ต่อให้เขาทำงานอีกสองชาติก็ไม่มีทางซื้อได้เลย“ไสหัวลงไปเลย! ไอ้สวะ!” จ้าวเจวียนถลึงตาใส่เจียงเหวินป๋ออย่างดุกัน ด่าทอเสียงเย็นชาผู้ชายที่ทำตัวถึงขั้นเจียงเหวินป๋อได้ มันเกินทนจริง ๆ ตอนแรกเธอตาบอดไปแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? “ฮึ ฉันเป็นสวะเหรอ? ถ้าเกิดฉันเป็นสวะ งั้นจางปินก็ต้องไปกระโดดตึกแล้ว!”เจียงเหวินป๋อทำหน้าเคร่งขรึมฉับพลัน เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเมื่อกี้พวกเธอทำอะไรบ้างนะ ฉันไม่เปิดโปงเธอ เธอก็เห็นแก่หน้าฉันบ้างด้วยสิ แบบนี้ทุกคนถึงจะรักษาหน้าต่อไปได้”“ไม่งั้น ถ้าเรื่องนี้ใหญ่โตขึ้นมาจริง ๆ ก็จะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น!” “ขับรถสิ!”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก