ไม่ใช่แค่บรรดาชาวบ้านเท่านั้นที่ร้องไห้ฮือ ๆกระทั่งบรรดาทหารที่มาร่วมส่งเองแต่ละคนก็น้ำตาตกเช่นกันพวกอู๋ลี่สองสามคนกุมมือของเฉินอู่เอาไว้ ไม่อยากปล่อยหากไม่ใช่เพราะเฉินอู่ บางทีพวกเขาอาจกลายเป็นตัวรับดาบของการต่อสู้กันระหว่างกองทัพธงเหลืองและกองทัพลู่เจ๋อไปนานแล้วขณะที่ทั้งสองกองทัพดึงพวกเขาไปเป็นพวก กล้าสัญญาทุกอย่างเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนาง ได้แต่งตั้งเป็นโหวได้เข้าพบเสนาบดีตัวพวกเขาล้วนไม่ใช่โหวและเสนาบดี จึงเอ่ยคำโกหกออกมาได้เฉินอู่เป็นคนพาพวกเขามาที่ด่านเจิ้นกวน ให้พวกเขาได้กินข้าว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงกลายเป็นเหยื่อสังเวยการต่อสู้กันของทั้งสองกองทัพไปนานแล้ววันนี้ต้องแยกย้ายกันแล้ว พวกเขาต่างพากันร้องไห้โฮ ตัดใจให้เฉินอู่ไปไม่ได้ขณะเดียวกันพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นต่อฮ่องเต้น้อยหากไม่เอาพ่อแม่ของเขามาขู่ สหายเฉินอู่จะถูกควบคุมหรือ?ฮ่องเต้น้อยไร้ซึ่งความเป็นคนเกินไปแล้วขณะจ้านเฉิงอิ้นพาคนไป อู๋ลี่ลอบมาหาเขาเป็นการส่วนตัว บอกว่ายอมก่อกบฏโค่นฮ่องเต้น้อยกับเขาทว่าจ้านเฉิงอิ้นกลับกำชับให้เขาฝึกซ้อมทหารให้ดีภายภาคหน้าอาจมีโอกาสต้องลงสนามรบครั้นแม่ทัพใหญ่
เขาส่งแท็บเล็ตไปให้ “มีโจรขี่ม้าออกปล้น พวกเขาล้อมพวกเราเอาไว้!”จ้านเฉิงอิ้นมองภาพที่อากาศยานไร้คนขับถ่ายได้เป็นเผ่าหมาน...แต่ไม่ใช่ทหารเบื้องล่างหลัวซู่ แม้นายทหารเผ่าหมานของหลัวซู่จะเกียจคร้าน แต่ก็ล้วนสวมใส่ชุดเกราะที่ยึดมาได้หลากหลายที่น้อยที่จะสวมเสื้อผ้าปะขาดรุ่งริ่งพร้อมถือมีดมาปล้น“โจรขี่ม้าออกปล้น?”“ใช่ ไม่ใช่เพียงแค่โจรขี่ม้าออกปล้นจากเผ่าหมาน แต่ยังมีชาวบ้านที่ใช้ชีวิตอยู่ในแคว้นฉู่ แค้วนฉีและแคว้นเยี่ยนไม่ได้อีกด้วย จำนวนคนของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่ามีหนึ่งแสนกว่าคนแล้ว และยังมีคนหนุ่มอีกมากมายเข้าร่วมกองโจรขี่ม้าออกปล้นทุกวัน”“พวกเขาอยู่ในทุ่งหญ้า คิดจะชิงอำนาจปกครองของหลัวซู่อยู่หลายครั้ง ทว่าไม่สำเร็จ”“แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร เข้ายึดครองทุ่งหญ้า วัว แกะและม้าของคนเลี้ยงสัตว์ เหตุใดคนมากมายถึงเข้าร่วมกับพวกเขา เนื่องจากเมื่อปล้นมาได้แล้วก็จะฆ่าม้า ฆ่าวัว ฆ่าแกะกินเนื้อ ไม่ได้เลี้ยงแกะหรือวัวก็ฆ่าคน”“ทุกที่ที่ไปถึงไม่มีใบไม้ต้นหญ้างอกงามแม้แต่ต้นเดียว”“หลัวซู่ทำลายพวกเขาไม่ได้ และทำอะไรพวกเขาไม่ได้ สองสามวันก่อนพวกเขายังไม่มา
โจรขี่ม้าออกปล้นหนึ่งแสนกว่าคนไม่เคยเจอสถานการณ์แก้ยากเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยประมือกับกองกำลังของหลัวซู่มาหลายครั้งก็ตามและพวกเขาเองก็เคยได้เปรียบมาก่อนแต่ไม่คิดเลยว่าปล้นขบวนกลับเมืองหลวงของจ้านเฉิงอิ้น จะต้องมาเจอการบดขยี้ของรถยนต์ก่อนจากนั้นก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินยิงตามหลัง!มิหนำซ้ำยังลอบโจมตีพร้อมกับน้ำมันก๊าดอีกด้วย...หากถูกลูกศรยิง แม้นโจรขี่ม้าออกปล้นจะไม่ถึงขั้นถึงแก่ความตาย แต่ก็ถูกน้ำมันก๊าดแผดเผาจนเจ็บหนักอยู่ดีโจรขี่ม้าออกปล้นไม่น้อยล้มลงบนพื้นกลิ้งไปกลิ้งมาไม่หยุด พยายามดับไฟลูกใหญ่ที่แผดเผาอยู่ทว่านี่คือน้ำมันเบนซิน ไม่มีน้ำก็ดับไม่ได้ระหว่างที่โจรขี่ม้าออกปล้นไม่น้อยส่งเสียงกรีดร้องแสนเศร้ารันทดพลางกลิ้งไปมา การเผาไหม้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเถ้าถ่านโจรขี่ม้าออกปล้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เคยเห็นคนตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้มาก่อนพวกเขากลัวแล้ว!บางคนเกิดนึกเสียใจขึ้นมาแล้วนึกเสียใจในความวู่วามของตัวเอง เหตุใดต้องมาปล้นขบวนของจ้านเฉิงอิ้นด้วยพวกเขาไม่มีกระทั่งชุดเกราะ จะสู้จ้านเฉิงอิ้นที่มีอุปกรณ์ครบครันและทหารที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีได้อย่างไรยิ่งไ
เมื่อคืน พวกจ้านเฉิงอิ้นเจอโจรขี่ม้าออกปล้นลอบโจมตี โชคดีที่โจรขี่ม้าออกปล้นไม่มีประสบการณ์ในการรบอะไรถูกย้อนฆ่าไปเจ็ดพันกว่าคนกองทัพตระกูลจ้านไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักคนเดียวเยี่ยมมาก ความอันตรายระลอกแรกผ่านไปแล้วอันที่จริงเย่มู่มู่คิดว่าโจรขี่ม้าออกปล้นเหล่านี้ตาบอดอยู่นิดหน่อย!จ้านเฉิงอิ้นคือใครกัน?เทพสงครามแห่งต้าฉี่เมื่อสองพันก่อนเลยนะ!ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเทพสงครามแห่งหัวเซี่ยเขาชนะในสงครามปิดล้อมเมืองที่จำนวนคนห่างกันเป็นอย่างมาก จนเลื่องชื่อไปทั้งหัวเซี่ยโจรขี่ม้าออกปล้นกลุ่มนี้คิดไม่ตกแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าจะลอบโจมตีเขานี่มันโยนตัวเองไปให้เขาเชือดแท้ ๆ ไม่ใช่หรือ?ในทีมของเย่มู่มู่ก็มีคนพรรค์นี้อยู่ กดทีเดียวสิบห้านัด!คริสตัลระเบิดไปเลย ช่างมัน!เย่มู่มู่เขียนจดหมายส่งให้จ้านเฉิงอิ้น “เป็นอย่างไรบ้าง? อากาศร้อนหรือไม่? พวกเจ้าตั้งค่ายที่ไหน? ปลอดภัยหรือไม่?”“ท่านเทพ ไม่ต้องเป็นกังวล ตอนนี้เราปลอดภัยดี! มีคนลาดตระเวน ตอนกลางวันเกรงว่าจะส่งจดหมายให้ท่านไม่ได้ ต้องพักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่เพื่อเดินทาง”“ได้ เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเถิด ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว หากต
ภายในกระโจมของจ้านเฉิงอิ้น เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว มั่วฝาน เฉินจวิ้นหลิน จวงเหลียง...ทุกคนกำลังกินไอศกรีมกันอยู่มั่วฝานมือซ้ายถือไอศกรีมรสชาติหนึ่ง มือขวาถือไอศกรีมอีกรสชาติหนึ่ง ยังไม่พอ ไม่คิดเลยว่าในอ้อมอกยังหอบไว้อีกหนึ่งกล่อง“อร่อย เย็น เนื้อเนียนละเอียด หอมหวาน นุ่ม มิหนำซ้ำยังมีรสชาติของนมเข้มข้นอีกด้วย ของกินในโลกของท่านเทพดีกว่าที่วังของแคว้นต้าฉี่เยอะ!”เฉินขุยเอ่ยผสมโรง “นั่นน่ะสิ? ครัวหลวงในวังทำไอศกรีมออกมาไม่ได้ ช่างหอมหวานเย็นชื่นใจยิ่งนัก กินไปครู่หนึ่งก็ทำให้รู้สึกเย็นไปทั่วทั้งร่าง หากของเลิศรสเช่นนี้ขายในเมืองหลวง ไม่นานได้ถูกขุนนางสูงศักดิ์ปล้นไปแน่ ๆ!”เฉินอู่กินหมดหนึ่งอันอย่างอาลัยอาวรณ์ รสชาติของไอศกรีมยังติดอยู่ที่ลิ้นเขาไม่เจือจาง“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากเอาไปให้พวกลูก ๆ สักอัน ได้หรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นล้วงออกมาหนึ่งกล่อง แล้วส่งให้เฉินอู่ “เอาไปสิ”เฉินอู่รับไปทั้งดีใจออกหน้าออกตา “ขอบคุณขอรับท่านแม่ทัพ!”ครั้นเฉินขุยเห็นน้องชายเขาได้ไปหนึ่งกล่อง เขาก็มองจ้านเฉิงอิ้นตาปริบ ๆลูกบ้านเขาเยอะ ต้องชอบเช่นกันแน่ ๆแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากขอเหมือนอย่างเฉินอู่
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาได้รู้จักอานุภาพของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินอีกครั้งแล้วในพวกเขาห้าหมื่นคน มีหนึ่งหมื่นคนที่ติดตั้งหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ทว่ายังไม่มีเวลาฝึกซ้อมก็ต้องเดินทางตามท่านแม่ทัพใหญ่กลับเมืองหลวงแล้วฉะนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าอานุภาพของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินนั้นมันร้ายแรงเพียงใดเมื่อคืนโจรขี่ม้าออกปล้นลอบโจมตี พวกเขาห้าหมื่นคนล้วนปกป้องครอบครัวอยู่ตรงที่เดิมเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นว่ากองทัพตระกูลจ้านทำสงครามอย่างไรทุกคนต่างถูกทำให้ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งระลอกแรกที่โจรขี่ม้าออกปล้นเข้าโจมตี พวกเขาขี่รถยนต์ไปชนม้าก่อนโจรขี่ม้าออกปล้นที่เข้ามาโจมตีพลันสลายกองกำลัง ตกใจจนวิ่งหนีแตกกระเจิงขบวนถูกตีแตก ความน่าเกรงขามถูกบดขยี้เหลือเพียงวิ่งหนีสุดชีวิตหากอยู่ในสนามรบนี่คือสิ่งต้องห้าม ต้องมีจุดจบด้วยความพ่ายแพ้อย่างแน่นอนระลอกที่สองใช้หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน พวกเขาถึงได้รู้ว่า ที่แท้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินก็ยิงได้ไกลเช่นนี้อย่างไกลยิงได้หนึ่งกิโลเมตร ใกล้ที่สุดก็มีหกร้อยเมตรแม้โจรขี่ม้าออกปล้นจะวิ่งหนี ทว่าไม่สามารถหนีพ้นระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ยิ่งไปกว่านั
หลังเย่มู่มู่เลี้ยงอาหารจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ ก็ได้รับสายของลู่ฉีหยางรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเขาบอกว่าจะมาตอนสิบโมงเช้า ตอนนี้อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะสิบโมงเช้าแล้วเย่มู่มู่หวีผมล้างหน้าแต่งตัวง่าย ๆ แต่งหน้าบาง ๆ แล้วเดินไปยังโรงจอดรถ ก่อนจะขับรถบรรทุกคันน้อยออกจากประตูไปอย่างเคยชินครั้นขับลงจากเขาไปเธอถึงพลันตระหนักขึ้นได้ว่า รถที่เธอขับมาในวันนี้คือรถบรรทุกคันน้อย!ไปรับคุณชายน้อยที่ถูกจัดอันดับอยู่ในนักธุรกิจห้าร้อยอันดับแรกรู้สึกเคอะเขินอยู่นิดหน่อย!เย่มู่มู่เองก็ขี้เกียจจะกลับไปเปลี่ยนรถสปอร์ตแล้ว จึงไปรับเขาที่สนามบินเลยหลังถึงสนามบิน เครื่องบินดีเลย์สี่สิบนาทีเย่มู่มู่ติดต่อเพื่อนร่วมเรียนในคลาสเรียนก่อนหน้านี้ คนที่ชอบพูดซุบซิบนินทาคนนั้นเธอค่อนข้างคุ้นชื่อลู่ฉีหยางเป็นอย่างดี เพราะในคลาสเรียนมีเพื่อนร่วมเรียนหญิงคนหนึ่ง เป็นแฟนคลับตัวยงของลู่ฉีหยางราวกับรับผิดชอบหน้าที่อะไรสักอย่างในองค์การนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเธอถามเพื่อนร่วมชั้นหญิงในกลุ่ม “ใครรู้จักลู่ฉีหยางบ้าง?”เพื่อนร่วมเรียนที่อยู่หอข้าง ๆ กัน คิดว่าเย่มู่มู่เองก็เป็นแฟนคลับของลู่ฉีหยางเช่นกัน จึงตอบทักทา
“เยี่ยมเลย!”พวกเขาเดินไปยังลานจอดรถด้วยกัน รถบรรทุกคันน้อยคันหนึ่งจอดอยู่ข้างบรรดารถเล็กอย่างโดดเด่นข้าง ๆ ยังเป็นซูเปอร์คาร์ที่ราคาไม่ธรรมดาอีกสองคันทีแรกลู่ฉีหยางคิดว่ารถของเย่มู่มู่ ต้องเป็นเฟอร์รารีสีแดงแน่นอนสุดท้ายเห็นเธอเดินไปข้างรถบรรทุกคันน้อย จากนั้นก็เปิดประตูแล้วฉีกยิ้มเชิญเขาขึ้นรถทันใดนั้น ลู่ฉีหยางจำต้องกลายเป็นหินไปสองวินาทีเขามองนาฬิกาข้อมือที่เย่มู่มู่สวมใส่อยู่บนข้อมืออีกครั้ง เป็นริชาร์ด มิลล์สำหรับผู้หญิงรุ่นลิมิติดอิดิชันที่มีไม่กี่เรือนบนโลก ราคามากกว่ายี่สิบห้าล้าน!ทว่ารถบรรทุกคันน้อย ไม่มีกระทั่งป้ายทะเบียน ไม่แน่ว่าจะราคาเพียงสองแสนห้าเขาฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางเอ่ย “มู่มู่ น้องถ่อมตัวเกินไปหน่อยหรือเปล่า!”หลังเย่มู่มู่เชิญเขาขึ้นรถอย่างเคอะเขิน ก็ขับรถไปยังร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในท้องที่เธอจองห้องรับรองเอาไว้ล่วงหน้าก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟ ลู่ฉีหยางส่งของขวัญแสนประณีตให้เธอชิ้นหนึ่งทีแรกเย่มู่มู่ไม่อยากรับ ทว่าลู่ฉีหยางเอ่ยขึ้นว่า “รับไปเถอะ ไม่แน่ว่าสองสามวันนี้ยังต้องรบกวนน้องอีก!”หลังเย่มู่มู่รับมา ลู่ฉีหยางก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล
เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด
“คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ
“แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ