ในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนหลายรายในบริษัทเริ่มทยอยถอนข่าวตัวออก
เพราะไม่กล้าเสี่ยงซื้อหุ้นของบริษัทเตชิน หุ้นของบริษัทเตชินดิ่งลงทุกวันจนเตชินเริ่มเครียด ณัชชาพยายามเดินสายคุยเจรจากับนักลงทุนให้มาร่วมลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท แต่กลับไม่เป็นผล บริษัทเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ ในแต่ละวัน เตชินเรียกประชุมผู้บริหารและผู้ร่วมลงทุนที่เหลือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ช่วงนี้เตชินไม่ค่อยได้กลับบ้าน และณัชชาก็เคียงข้างร่วมเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามา จนเขารู้สึกว่าไม่ควรให้ณัชชามาเสียเวลากับเขา เขารู้ดีว่าณัชชาชอบเขามาตลอด แต่เขาไม่สามารถรับรักเธอได้ และไม่อยากให้ณัชชามาลำบากด้วย เขาคิดว่าณัชชาควรตัดใจจากเขาและเปิดใจให้คนอื่นได้เข้ามาดูแลหัวใจ เขานั่งมองณัชชาที่นั่งช่วยงานเขาจนเผลอหลับไปอย่างเงียบๆ เขาทำทุกวิธีทั้งพูดไม่ดี ทำร้ายจิตใจ แต่ณัชชากลับไม่เคยยอมแพ้เพราะนิสัยเธอดื้อรั้นมาตลอดเขารู้ดี เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ แล้วหยิบเสื้อคลุมมาห่มให้ณัชชา จากนั้นก็เดินออกจากห้อง เตชินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้ช่วยของ ณัชชาแล้วเอ่ย " คุณมาอยู่เป็นเพื่อนคุณณัชชาที่บริษัทหน่อย " ปลายสายเอ่ยตอบว่า " ค่ะ " เตชินขับรถกลับไปที่บ้าน เมื่อถึงบ้านเขาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านไป เขากำลังวางแผนจะให้พิมเซ็นสัญญา ร่วมทำข้อตกลงกับเขา แม้แผนนี้จะทำให้ณัชชาเจ็บปวดและไม่พอใจมาก แต่มันก็อาจจะทำให้ณัชชาเลิกมาสนใจเขา เพื่อที่เธอจะได้ไม่เสียเวลากับเขาอีกต่อไป ในเช้าวันใหม่ พิมลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องแล้วไปหยิบไม้กวาดเตรียมตัวไปทำงานบ้าน แต่ก็พบเข้ากับผู้ช่วยคังที่มายืนรอเธอ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย " คุณคัง คุณมายืนทำอะไรตรงทางเดินนี้ล่ะคะ " ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยตอบไปว่า " ผมมายืนรอคุณ คุณชายต้องการพบคุณครับ " พิมตกใจ เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แล้วชี้มาที่ตัวเองพร้อมกับเอ่ย " ขอพบฉัน พบฉันทำไมคะ " " ไม่ทราบครับ รีบไปเถอะคุณชายรออยู่ที่ห้องรับแขก " " ค่ะ " พิมเดินไปยังห้องรับแขกอย่างไว เมื่อไปถึงเธอก็เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง " คุณเตชิน เรียกพบฉัน มีอะไรหรือเปล่าคะ " เตชินเงยหน้ามองเธอด้วยแววตาลุ่มลึกยากจะคาดเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า " นั่งก่อนสิ " เธอไม่อยากอยู่ต่อหน้าเตชินนาน เพราะเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อันตรายไม่ควรเข้าใกล้ เธอจึงเอ่ยว่า " ขอบคุณค่ะ แต่ฉันยืนแบบนี้ดีกว่าค่ะ คุณเตชินมีอะไรจะใช้ก็บอกมาได้เลยค่ะ " เตชินรู้ทันความคิดเธอจึงเอ่ยขึ้น " ทำไม คุณกลัวผมเหรอ " เมื่อถูกอ่านความคิดออกเธอก็รีบปฏิเสธทันที " เปล่าค่ะ ไม่ใช่ " " ถ้าไม่ใช่ก็นั่งลงสิ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ต้องใช้เวลานาน ผมไม่ชอบที่จะต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคุณแบบนี้เข้าใจหรือยัง " " ค่ะ " เอ่ยตอบเสร็จ เธอก็นั่งลง เตชินเปิดหนังสือสัญญาฉบับหนึ่งออกมาแล้วเอ่ย " เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมคิดว่าหน้าตาคุณใช้ได้ดูสะอาดสะอ้านดี ดังนั้นผมอยากจะขอให้คุณช่วยเป็นภรรยาในนามให้หน่อย " ได้ยินแบบนี้พิมก็ไม่เห็นด้วยทันทีแล้วรีบเอ่ยปฏิเสธ " ขอโทษค่ะ ถ้าเรื่องแบบนี้ ฉันคงช่วยคุณไม่ได้ " " คุณอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ฟังให้จบก่อน คืองี้นะ ภรรยาในนามไม่ได้แปลว่าจะให้คุณเป็นภรรยาจริงๆสักหน่อย แค่ให้คุณเล่นบทสามีภรรยาต่อหน้าคนอื่น แล้วก็ไปออกงานกับผมเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องค่าจ้าง ผมเตรียมไว้ให้คุณแล้ว คุณจะได้ค่าจ้างเดือนละสองหมื่น จนกว่าจะหมดสัญญา " เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน พิมนั่งคิด คำนวณ บวก ลบ คูณ หาร เดือนหนึ่งเธอทำเงินได้ถึงสี่หมื่น แต่เธอก็ไม่ตัดสินใจทันที เธอมองเตชินแล้วเอ่ยถามขึ้น ด้วยความสงสัย " ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมคุณไม่ไปจ้างผู้หญิงที่สวยๆเซ็กซี่ๆ ที่คู่ควรกับคุณคะ " เตชินจึงเอ่ยตอบไปตามจริงว่า " เพราะผู้หญิงพวกนั้นไม่เหมือนคุณ คุณแม้จะรักเงิน แต่ก็ไม่ได้โลภจนอยากได้ตัวผม " พิมก็พอจะเข้าใจ เพราะผู้หญิงบางคนในสมัยนี้คิดแต่จะจับผู้ชายรวยๆ เมื่อตัดสินใจได้ เธอจึงเอ่ยขึ้น " งั้นฉันขอดูสัญญาหน่อยค่ะ " เตชินยื่นให้เธอ เธอรับมาเปิดอ่านทันที โดยในสัญญาเขียนว่า ให้เธอแสดงเป็นภรรยาเขาต่อหน้าผู้อื่นหนึ่งปี มีข้อตกลงสัญญาดังนี้ 1. เล่นบทเป็นภรรยาต่อหน้าผู้อื่น และออกงานในนามภรรยาเป็นครั้งคราว 2. ระหว่างที่ติดสัญญาทั้งสองคนไม่มีสิทธิ์ละเมิดหรือก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของกันและกันได้ 3. ระหว่างที่ติดสัญญาทั้งสองสามารถมีแฟนได้ แต่ห้ามเปิดเผยสถานะและสนิทสนมกันในที่สาธารณะ 4. ทำอาหารเช้าไปส่งที่บริษัทอาทิตย์ละสองวันและร่วมทานมื้อเที่ยงด้วยกันสามวัน อ่านเสร็จ พิมก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดอะไร เธอมาทำงานหาเงิน ขอแค่ได้เงินแล้วงานไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการดำเนินชีวิตของเธอในอนาคตก็พอ งานนี้ก็ไม่ได้ยากไปกว่าความสามารถของเธอเธอจึงเอ่ย " ฉันตกลงรับงานนี้ค่ะ แต่ฉันขอเพิ่มข้อที่ห้า ห้ามลวนลามฉัน แล้วก็ไม่ว่าจะในบ้านหรือนอกบ้านฉันมีสิทธิ์เท่าเทียมคุณทุกอย่าง ฉันสามารถสั่งสอนผู้หญิงของคุณที่มายุ่งวุ่นวายกับฉันได้ โดยที่คุณห้ามดุห้ามว่าให้ฉันเด็ดขาด ตกลงมั้ย " เตชินมองเธอด้วยแววตาล้ำลึกแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉย " ตกลง แต่คุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จ กันณัชชาไม่ให้เข้าใกล้ผม ที่สำคัญคุณต้องรับมือกับคุณแม่ผมอย่างกล้าหาญ " พิมคิดใตร่ตรองสักครู่ แม่ของเขาเธอก็เคยเจอ ผลงานล่าสุดที่ทำเอาเธอเกือบเสียตัวเธอก็ยังจำได้ดี เมื่อมีโอกาสดี ให้เธอได้เอาคืนเธอก็ต้องรีบคว้าเธอจึงแอบพึมพำในใจเบาๆ [ คุณหญิงก็คุณหญิงเถอะ คราวนี้มาดูว่า ฉันจะปั่นหัวคุณยังไง ] คิดได้ดังนั้นเธอจึงเอ่ย " ตกลงค่ะ ฉันถนัดเป็นไม้กันหมาอยู่แล้ว และถนัดแก้ปัญหาเรื่องแม่สามีที่สุด คุณวางใจได้ แต่ฉันขอคุณอธิบายกับเพื่อนสนิทคุณทุกคนด้วยว่า ระหว่างเราเป็นเพียงนายจ้างกับลูกน้องที่ทำสัญญาร่วมกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์อื่นแอบแฝงใดๆ " เตชินหรี่ตามองเธออย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ย " ทำไม คุณกลัวใครเข้าใจผิดเหรอ " " เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่า กับเพื่อนสนิทคุณ คุณสามารถไว้ใจได้ ให้เขารู้ความจริงได้ก็เท่านั้นเองค่ะ " " ยึดตามสัญญา ส่วนเพื่อนสนิทผม ผมจะบอกความจริงหรือเปล่า มันก็ขึ้นอยู่กับผม " พูดจบเตชินก็เซ็นชื่อลงไป แล้วยื่นปากกาไปให้เธอ พิมรับมาแล้วจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปทันที เตชินยื่นเอกสารสัญญาให้เธอชุดหนึ่งแล้วเอ่ย " เก็บไว้คนละชุด หมดสัญญาก็ฉีกทิ้งได้เลย หากคุณผิดสัญญา ต้องชดใช้ค่าผิดสัญญาสองล้านบาท " ได้ยินดังนั้นพิมก็ตกใจแล้วเอ่ยถามขึ้น " จะเป็นไปได้ยังไง ในสัญญาไม่ได้ระบุไว้นี่ " เตชินจึงหยิบหน้าสุดท้ายที่ตกพื้นให้เธอดู เธอถึงกับอึ้งไป เตชินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ย " ตอนนี้คุณเป็นทั้งสาวใช้และภรรยาในนามของผม ทำหน้าที่ให้ดีล่ะ " พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป พิมจึงรีบตามเขาออกไปแล้วคว้ามือเตชินไว้ เอ่ยอย่างไม่พอใจ " คุณมันขี้โกงนี่ คุณจงใจทำมันตกใช่มั้ย " เตชินมองไปที่มือของเธอที่จับมือเขาไว้แล้วเอ่ยหยอก " คุณกำลังลวนลามผมอยู่นะ " ได้ยินดังนั้นพิมมองไปที่มือตัวเองแล้วรีบปล่อยมือทันที เตชินจึงเอ่ยต่อว่า " คุณจะมาหาว่าผมขี้โกงไม่ได้ นั่นเป็นเพราะคุณไม่รอบคอบเอง ผมยังมีธุระต้องไปทำ ขอตัว " พิมรู้สึกโมโหตัวเองมาก ที่พลาดให้กับคนเจ้าเล่ห์อย่างเตชิน ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ที่เดินออกไปไกลแล้ว ด้วยความเจ็บใจ" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท