ในตอนเช้า พิมกำลังฝันหวาน เธอฝันว่าอาจารย์ได้ไปเดทกับอาจารย์ป๊อบ
โดยอาจารย์ป๊อบพูดกับเธอว่า " พิม คบกับผมนะ ผมชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย ผมเฝ้ามองคุณมานานหลายปี รอวันที่คุณเรียนจบ เพื่อขอคุณเป็นแฟน ตอนนี้คุณไม่ใช่นักเรียนของผมแล้ว เราเป็นแฟนกันนะ " เธอยิ้มและรู้สึกมีความสุขที่สุดที่ความฝันของเธอเป็นจริง จึงเอ่ยตอบไปว่า " ค่ะ ฉันก็ชอบอาจารย์เหมือนกัน " แล้วอาจารย์ป๊อบก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็ก้มลงจะจูบเธอ แต่ยังไม่ทันได้ประกบปาก เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดันดังขึ้นมาขัดจังหวะเธอ ปลุกให้เธอตื่นจากฝัน เธอตื่นขึ้นมาอย่างเสียดายและเสียใจที่อดจูบกับคนที่เธอชอบ เธอมองไปยังเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาขัดจังหวะด้วยความหงุดหงิดใจ กดรับสายแล้วเอ่ย " สวัสดีค่ะ " ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า " แค่วันแรกคุณก็คิดจะอู้งานแล้วเหรอ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณต้องทำอะไร " เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเธอก็สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งทันทีแล้วเอ่ย " คุณเตชิน! " ปลายสายจึงเอ่ยต่อว่า " เมื่อไหร่คุณจะมาส่งอาหารเช้า " [ ตายละ ลืมสนิทเลย ] เธอพึมพำในใจ นั่งนิ่ง ใช้ความคิดสักพัก จึงเอ่ยขึ้น " ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ อืม แต่ว่าอาหารเช้าเนี่ย ควรทานอาหารอ่อนๆ เพื่อให้ลำไส้ปรับสมดุล คุณไม่ควรทานเยอะแค่ขนมปังไรพวกนี้ ฉันคิดว่าอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่ทานง่าย ย่อยง่ายที่สุด ก็คือ แซนวิช คุณรอฉันสักครู่นะคะ จะทำแซนวิชทูน่าไปส่งให้เดี๋ยวนี้เลย " เมื่อปลายสายได้ยินก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ชอบใจ " คุณเอาความรู้นี้มาจากไหน " พิมเงียบปิ้งกำลังคิดหาตอบให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ย เตชินก็เอ่ยถามขึ้นซะก่อน " คุณเอาอาหารสิ้นคิดมาให้ผมทาน เพราะคุณยังไม่ได้เตรียมอาหารเช้าให้ผมใช่มั้ย " เธอได้แต่ยิ้มเหยเก แล้วยอมรับอย่างตรงไป ตรงมาว่า " ใช่ค่ะ คุณเดาถูกแล้ว ฉันเพิ่งตื่น ฉันจะไปเตรียมอาหารเช้าให้คุณทันได้ยังไง มีแซนวิชลงท้องดีแค่ไหนแล้ว วันนี้คุณทาน แซนวิชทูน่าไปก่อน พรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารดีๆไปให้คุณ " ความจริงอีกอย่างคือ เธอยังไม่ได้ลองทำอาหารเลย เพราะเธอทำอาหารไม่เป็น ปลายสายเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย " วันนี้ไม่ต้องทำ ผมจะให้ผู้ช่วยคังกลับไปรับคุณมาทานข้าวเป็นเพื่อนผมที่บริษัทแทน " พิมไม่อาจปฏิเสธได้อีก เลยต้องจำยอม ตอบตกลงไป " ได้ค่ะ " พูดจบเธอก็กดวางสายไปทันที เตชินได้ยินเสียง " ตู๊ดๆๆๆ " เขารู้สึกหงุดหงิดใจมาก ตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่เคยมีใคร กล้าวางสายใส่เขาแบบนี้เลย " คุณกล้ามากที่วางสายใส่ผมแบบนี้ " พิมลุกไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ในหัวเธอพยายามนึกถึงเงิน สี่หมื่นบาท วนไป เสร็จแล้วเธอก็รีบแต่งตัวรอผู้ช่วยคังมารับ ระหว่างนั่งรอ เธอนึกถึงฉากที่ถูกอาจารย์ป๊อบสารภาพรัก เธอเริ่มคิดเปลี่ยนใจไม่อยากเป็นภรรยาในนามของเตชินแล้ว พอผู้ช่วยคังมาถึง เธอก็เดินออกไปขึ้นรถ แล้วผู้ช่วยคังก็ขับรถออกไป มุ่งหน้าไปยังบริษัท เมื่อไปถึงบริษัท ผู้ช่วยคังก็พาเธอขึ้นไปพบเตชิน ที่ห้องประธานบริษัททันที เธอเดินเข้าไปในห้อง เตชินที่นั่งทำงานอยู่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ย " เชิญ " เธอนั่งลง แล้วมอสำรวจไปรอบๆห้องแล้วพึมพำในใจ [ โห เกิดเป็นคนรวยนี่ดีจริงๆ ทำงานบนตึกสูง นั่งดูวิวทิวทัศน์ ที่สวยงาม ห้องก็กว้างขวาง สะดวกสบาย ชีวิตนายเตชินนี่น่าอิจฉาจริงๆ ] เธอนั่งเหม่อ ชื่นชม สิ่งแปลกใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจ ตรงหน้าอย่างเงียบๆ เตชินเดินเข้ามาข้างหลังเธอ เห็นดวงตาเธอดูเป็นประกาย จึงค้อมตัวลงใกล้ๆ ข้างๆใบหูเธอแล้วเอ่ยขึ้น " ชอบมั้ย " พิมสะดุ้งตกใจหันขวับมาทางที่มาของเสียงทันที จมูกและริมฝีปากของทั้งสองชนเข้าหากัน พิมตกใจเบิกตากว้างอึ้งไปสามวิ แล้วยกมือขึ้นมาอย่างไว ตบลงบนใบหน้าของเตชินอย่างแรง เพราะคิดว่าเขาจูบเธอ แล้วเธอเอ่ยด้วยสีโกรธจัด " คุณมาจูบฉันทำไม คุณทำผิดข้อตกลงหนิ " เตชินใช้นิ้วโป้งปาดรอยนิ้วมือพิมเบาๆแล้วเอ่ย " ผมทำผิดตรงไหน เป็นคุณที่หันมาจูบผมเอง " พิมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกล่าวหาจึงเอ่ยแย้งขึ้น " นั่นเพราะคุณมีเจตนาที่ไม่ดี ใครใช้ให้คุณยื่นหน้ามาใกล้ล่ะ แล้วมาทำให้ฉันตกใจทำไมกัน วันนี้คุณทำผิดข้อตกลงข้อที่ห้า ฉันไม่อยู่ทานมื้อเที่ยงกับคุณแล้ว สำหรับวันนี้เป็นอันโมฆะ " พูดจบเธอก็เดินออกไป เตชินเองก็ไม่ยอมโดนตบฟรีๆ เมื่อเห็นเธอเดินออกไป เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม " ถ้านิ้วคุณแตะประตู ผมจะถือว่าคุณทำผิดสัญญา จะฟ้องร้อง เรียกค่าผิดสัญญาสองล้านจากคุณทันที " พิมถึงกับหยุดชะงัก ยืนนิ่ง หน้านิ่ว คิ้วขมวด อย่างไม่พอใจ เตชินจึงเดินเข้ามาหาเธอแล้วเอ่ยต่อ " คุณตบผมเจ็บขนาดนี้ คิดจะหนีไปดื้อๆแบบนี้ ง่ายไปไหม " พูดจบเขาก็จับข้อมือเธอ แล้วลากมานั่งลงบนโซฟาหน้าโต๊ะทำงาน จากนั้นก็เดินไปหยิบเจลประคบในตู้เย็นยื่นให้เธอแล้วเอ่ย " ประคบให้ผมจนกว่าจะหายและจนกว่าผมจะพอใจ " พิมได้แต่นั่งหน้านิ่ว ประคบให้เขาตรงรอยนิ้วมือเธอเบาๆ เธอประคบเพลินจนใจเริ่มสงบนิ่ง เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น " คุณเตชิน ฉันว่า คุณไม่ต้องถึงขั้นบอกคนอื่นว่าฉันเป็นภรรยาหรอก ภรรยาในนามอะไรนั่น ฉันว่ามันดูเว่อร์ไป หากบอกใครไป ใครเขาจะไปเชื่อ ฉันว่าบอกคนอื่นว่าคุณคบอยู่กับฉันและวางแผนจะแต่งงานในเร็วๆนี้ แบบนี้ฟังดูน่าเชื่อถือกว่าเยอะ เพราะถ้ามีคนเก็บไปคิดวิเคราะห์ขึ้นมาจริงๆ เขาอาจจะไม่มีทางเชื่อเราเลย ดังนั้นการคบกันเป็นแฟนมันน่าเชื่อกว่า และมันมีความเป็นไปได้ ฉันพูดถูกมั้ยคะ " เตชินเอ็นหลังพิงโซฟาหลับตาอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ย " สรุปแล้ว คือ คุณอยากเป็นแฟนมากกว่าเป็นภรรยา " พิมจึงเอ่ยตอบอย่างไวว่า " ถ้าพูดแบบนั้นมันก็ใช่ค่ะ " เตชินจึงเอ่ยถามต่อว่า " คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือคุณมีแฟนแล้ว กลัวแฟนจะรู้ " ได้ยินดังนั้นเธอรีบปฏิเสธทันที " ไม่มีค่ะ ไม่มี " " อืม ไม่มีก็ดี งั้นผมขอคิดดูก่อน หากคุณทำตัวดี เชื่อฟัง ผมจะทำตามที่คุณเสนอมา " พิมดีใจมากเมื่อเตชินพูดแบบนั้น เธอจึงลงน้ำหนักมือเบาๆเพิ่มระดับความนุ่มนวลให้มากขึ้น จนเตชินเคลิ้มจนเผลอหลับไป ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบริษัท เขาหลับไม่เคยสนิทเลย วันนี้เป็นวันแรกเลยที่เขาเผลอหลับไปจนถึงเที่ยง และพิมก็ไม่ให้ใครมารบกวนเขา พออาหารเที่ยงมาส่ง เธอก็จัดวางบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ เตชินก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสบายตัว จมูกได้กลิ่นหอมของอาหาร เขาจึงเดินไปที่ห้องครัว เห็นอาหารจัดวางเต็มโต๊ะ จึงเอ่ยถามพิมว่า " ผมหลับไปกี่ชั่วโมง " พิมยิ้มแล้วตอบว่า " ชั่วโมงกว่าค่ะ คุณต้องพักผ่อนบ้างนะคะ อย่าหักโหมเกินไป จนอดหลับอดนอน มันไม่ดีต่อสุขภาพ " เตชินไม่เอ่ยอะไรอีก นั่งลงแล้วเริ่มทานข้าวทันที พิมยืนมองเขาด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าพิมยังไม่นั่งลงทานข้าว เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา " นั่งสิ ยืนจ้องอะไรอยู่ได้ ทานข้าว " " อ่อ ค่ะ " พิมดึงเก้าอี้ออกมา แล้วนั่งทานข้าวอย่างเงียบๆ" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท