ฉู่จวินสิงพยักหน้า ทั้งคู่จัดแจงเก็บของเรียบร้อย จึงนั่งอยู่บนเรือรอให้ฉู่เทียนหัวขึ้นจากน้ำมาสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ในขณะที่ฉู่เทียนหัวกำลังตามหาป้ายประกาศิตอยู่นั้น เนื่องจากการมองเห็นในน้ำไม่ถนัดชัดเจนศีรษะจึงไปชนเข้ากับหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเข้าทำให้หน้าผากถลอกทันที และมีเลือดไหลออกมา แต่ถูกน้ำชะล้างไปฉู่เทียนหัวเอามือกุมหน้าผากที่เจ็บ คิดไปจากที่ตรงนั้นเสีย แต่กลับพบว่าบริเวณที่เหยียบอยู่ มีต้นไม้น้ำมาพันแข้งพันขาไว้ทำให้ฉู่เทียนหัวในยามนี้ รู้สึกว่าการกลั้นหายใจ เป็นเรื่องลำบากยากยิ่งหากไม่รีบขึ้นเหนือน้ำอีก เกรงว่าคงต้องสำลักน้ำเสียชีวิตเป็นแน่แท้เขาจึงรีบแกะต้นไม้น้ำที่มาพัวพันออก แต่ปรากฏว่ายิ่งรัดก็ยิ่งแน่นมากขึ้นขณะที่ฉู่เทียนหัวกำลังดิ้นรนอยู่นั้น ลมหายใจที่กลั้นอยู่ สุดท้ายก็ต้านการเคลื่อนไหวที่รุนแรงไม่ได้ จนต้องระบายออกมาเสียสิ้นและเมื่อขาดอากาศ เขาจึงกลืนกินน้ำเข้าไปแทนเป็นจำนวนมากรู้สึกว่าภายในอกเริ่มมีน้ำปริมาณมหาศาลไหลเข้าไปและยามนี้เขาเริ่มเกิดความหวาดกลัว แต่ยิ่งดิ้นรนเท่าใด ก็ยิ่งไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของต้นไม้น้ำได้ในท้องมีน้ำเข้าไปเป็น
เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน พร้อมแหวกว่ายไปตามทิศทางที่จุดสีแดงบอกไว้อาศัยแสงสว่างจากไฟส่องทางใต้น้ำ ไม่นานทั้งคู่จึงเห็นกล่องไม้ใบหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ถูกดินปกคลุมไว้อยู่คาดว่าน่าจะเป็นกล่องไม้ที่บรรจุป้ายประกาศิตอย่างแน่นอนทั้งคู่แอบดีใจเงียบๆ พลางรีบว่ายไปที่กล่องไม้นั้น หลังจากปัดเอาเศษดินออกไป จึงเห็นกล่องไม้นั้นยังมีโซ่เหล็กผูกไว้อีกชั้นพร้อมกุญแจที่ล่ามสิ่งของในนั้นไว้เจี่ยนอันอันหยิบเข็มเงินออกมาจากห้วงมิติ พร้อมสอดเข้าไปในแม่กุญแจแล้วขยับเล็กน้อยไม่นานก็สามารถไขกุญแจออกเจี่ยนอันอันเปิดฝากล่องออก ในที่สุดก็เห็นป้ายแผ่นหนึ่งที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์บนป้ายนั้นสลักอักษรตัวใหญ่ว่า ‘ป้ายประกาศิตสวรรค์’ภายใต้ชื่อนั้นยังมีอักษรสลักอีกหนึ่งแถวเจี่ยนอันอันมองดูอักษรแถวนั้น พลางคิดในใจว่าไฉนดูแล้วจึงคล้ายพยัญชนะภาษาอังกฤษ?นางลองสะกดดู พลันนัยน์ตาเบิกโพลงขึ้นเป็นอักษรภาษาอังกฤษจริงๆแต่ในยุคโบราณนี้จะมีภาษาอังกฤษได้อย่างไร หรือว่าผู้ที่เคยครอบครองป้ายประกาศิตนี้ ก็ได้ทะลุมิติมาเช่นกัน?แต่ยามนี้ไม่มีเวลาคิดมากความ เจี่ยนอันอันรีบนำกล่องไม้และป้าย
เพียงไม่นานในมือเจี่ยนอันอัน ก็มีเครื่องตรวจจับเพิ่มมาหนึ่งเครื่องนางเปิดปุ่มทำงาน พลันมีเสียงติ๊ดๆ ดังขึ้นปรากฏแสงสีเขียวแสดงการเคลื่อนไหวคล้ายใบพัดฉู่จวินสิงมองดูเครื่องตรวจจับนั้น ไม่เข้าใจว่าของสิ่งนี้คืออะไรเขาคิดจะถามเจี่ยนอันอัน ว่าไปนำของสิ่งนี้มาได้อย่างไรแต่เพียงไม่นานก็นึกได้ ว่านางมีห้วงมิติอยู่เมื่อสามารถนำอุปกรณ์ดำน้ำออกมาได้ หากจะมีของแปลกประหลาดยิ่งกว่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดทั้งคู่ยังคงแหวกว่ายขึ้นหน้าต่อไป เจี่ยนอันอันคอยเหลือบดูเครื่องตรวจจับเป็นระยะเสียงติ๊ดที่หน้าปัดส่งสัญญาณเชื่องช้า หลายนาทีจึงจะดังขึ้นสักหนึ่งครั้งว่ายต่อไปอีกไม่นาน ในที่สุดเครื่องตรวจจับก็ได้ส่งเสียงขึ้นอย่างเร็วรี่พร้อมหน้าปัดยังปรากฏจุดสีแดงเล็กๆ ขึ้นสองจุด เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ตามที่ฉู่เทียนหัวกล่าวมา ป้ายประกาศิตสวรรค์ถูกเขาวางอยู่ในกล่องไม้กล่องหนึ่งแต่เหตุใดเครื่องตรวจจับจึงปรากฏจุดสีแดงขึ้นมาสองจุดได้?ไม่ทันได้คิดมากความ เจี่ยนอันอันรีบดึงตัวฉู่จวินสิง แหวกว่ายไปตามจุดสีแดงที่เครื่องตรวจจับได้แสดงเอาไว้เดิมคิดว่าคงได้เห็นป้ายประกาศิตถูกสายน้ำพัดพา
ตรงข้ามกับฉู่จวินสิง นี่เป็นครั้งแรกที่แบกชุดดำน้ำเช่นนี้ทุกครั้งที่หายใจ จะต้องดึงเอาออกซิเจนในถังมาใช้รู้สึกไม่สู้คุ้นชินนักแต่เพียงไม่นานก็ปรับตัวได้ ขณะแหวกว่ายไปพร้อมกับเจี่ยนอันอัน จึงรู้สึกคล่องแคล่วมากขึ้นทั้งคู่แหวกว่ายไปในละแวกน่านน้ำที่ใกล้เคียง ก็ยังไม่พบกล่องใส่ป้ายประกาศิตสวรรค์แต่อย่างใดจึงลองว่ายไปยิ่งไกลมากขึ้นหลังจากฉู่เทียนหัวลงน้ำ ก็เริ่มมองหาป้ายประกาศิตเช่นกัน ต้องยอมรับว่าเขาว่ายน้ำแข็งมาก เพียงแต่ชั่วขณะที่กระโดดลงน้ำนั้น เขาได้กลั้นลมหายใจไว้เต็มและหลังจากลงน้ำไปแล้ว เขาก็ไม่ได้โผล่ขึ้นเหนือน้ำเพื่อหายใจอีกเขาลืมตาขึ้น แม้ว่าอยู่ใต้น้ำอาจทำให้แสบตาบ้าง แต่ก็ไม่มีผลต่อการมองในระยะสองเมตรของเขาเพียงแต่เมื่อดิ่งไปถึงก้นบึ้ง เขาเริ่มมองเห็นทัศนียภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนมาถึงเวลานี้ ฉู่เทียนหัวจึงได้ตระหนักว่า อุปกรณ์ดำน้ำที่เจี่ยนอันอันนำมานั้นมีประโยชน์เพียงใดเขาเริ่มนึกเสียใจ ที่ไม่ได้บอกให้เจี่ยนอันอันเตรียมอุปกรณ์มาให้เขาอีกหนึ่งชุดแต่ตอนนี้ทุกอย่างก็สายเกินแก้แล้วในเมื่อลั่นวาจาออกไป ก็ย่อมไม่อาจถอยหลังได้อีกเขาอยู่ในน้ำราวกับคนตาบอ
ดีที่กู้มั่วหลีแค่ยืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ หันหน้าไปทางสายน้ำ แทบไม่ชายตามองดูเขาแม้แต่น้อยฉู่เทียนหัวแอบคิดในใจ ป้ายประกาศิตนั้นเป็นสิ่งของที่อดีตฮ่องเต้ทรงประทานให้แก่เขาถ้าเจี่ยนอันอันสามารถงมขึ้นมาได้จริง เขาก็ย่อมต้องดูแลเอง ไม่มอบให้ผู้อื่นโดยเด็ดขาดแต่ฉู่เทียนหัวไม่รู้ว่า เจี่ยนอันอันก็มีความคิดเช่นเดียวกับเขานางดูออกนานแล้วว่า วรยุทธ์ของฉู่เทียนหัวเทียบกับฉู่จวินสิงแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับดินหากนางต้องการจะได้ป้ายประกาศิตสวรรค์ ก็แค่ให้ฉู่จวินสิงมารับมือก็เพียงพออีกทั้งปัจจุบันฉู่เทียนหัวเป็นรัชทายาทที่ถูกถอดถอนแล้ว ไม่มีอำนาจทางทหารอีกหากมอบป้ายประกาศิตให้เขาไป ไม่แน่เขาอาจรวบรวมไพร่พลในแคว้นหนิงชวนได้อย่างรวดเร็ว แล้วกลับไปก่อกบฏที่เมืองจิงโจวถึงตอนนั้นเมื่อใด ประโยชน์ของป้ายประกาศิตสวรรค์ก็จะลดน้อยลงไปมากอย่าว่าแต่โค่นล้มราชวงศ์ของฉู่ชางเหยียนเลย แม้แต่เจ้าตัวฉู่เทียนหัวเอง ก็อาจถูกจับไปจองจำอีกครั้งก็เป็นได้เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฉู่เทียนหัวทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้นางกับฉู่จวินสิงจึงวางแผนไว้แต่แรก ว่าจะต้องเอาป้ายประกาศิตนี้มาให้จงได้มีแต่อยู่ในมือพวกเขาเท่า
เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ในเมื่อเจี่ยนอันอันมาถึง เขาก็ควรต้องต้อนรับให้ดี“เจี่ยนอันอัน ข้าเคยบอกแล้วว่า เรื่องป้ายประกาศิตจะนำไปมอบให้แก่เจ้าเอง เหตุใดยังมาถึงที่นี่อีก”กู้มั่วหลีเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ความ ริมฝีปากเหยียดขึ้นเล็กน้อยพองามเจี่ยนอันอันทำตาขวางใส่เขา “ข้ากลัวเจ้าจะฆ่ารัชทายาทเสียก่อน แล้วฮุบเอาป้ายประกาศิตไปเสียเอง”กู้มั่วหลีหาได้โกรธเคืองคำพูดของนางไม่ กลับมองว่าการยอกย้อนของเจี่ยนอันอัน เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งมากกว่าแต่ในเมื่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงออกจากเมืองอินเป่ยมาได้ เกรงว่าทหารเฝ้าเมืองเหล่านั้น อาจถูกพิษของเขาจนเสียชีวิตไปหมดแล้วกู้มั่วหลีหารู้ไม่ว่า เจี่ยนอันอันได้รักษาทหารเหล่านั้นจนหายดีแล้วต่างหากอีกทั้งได้รับความเคารพจากเหล่าทหาร ที่นางกับฉู่จวินสิงออกมาได้ ก็เพราะเหล่าทหารต่างยินยอมพร้อมใจที่จะเปิดประตูเมืองให้แก่พวกเขาฉู่จวินสิงมิได้สนใจกู้มั่วหลี กลับกล่าวต่อฉู่เทียนหัว “รัชทายาท ป้ายประกาศิตของท่านทิ้งไปในแม่น้ำสายนี้ใช่หรือไม่?”มองดูสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ฉู่เทียนหัวพยักหน้า “ถูกต้อง ก็คือแม่น้ำสายนี้”ฉู่จวินสิงมองไปยังสายน