เขาก้าวไปอย่างรวดเร็ว อย่างจะกระโจนเข้าไปหาเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงรีบขวางเอาไว้ด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน จ้องมองไปยังจ้าวลิ่วที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาจ้าวลิ่วตกใจเสียจนทั่วทั้งกายสั่นเทา รีบหยุดฝีเท้าลงทรวงอกของเขาจนกระทั่งตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบจนยากจะทนได้ ทว่าไม่อยากจะถูกเตะอีกครั้ง"พี่ห้าของข้าตกลงแล้วเป็นอะไรกันแน่ เจ้ารีบบอกข้ามา!"เขาตอนนี้เหลือเพียงแค่จ้าวอู่ที่เป็นพี่ชายแท้ๆ เพียงคนเดียว ที่สามารถพึ่งพาอาศัยกันได้แค่สองคนทว่าเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น จ้าวลิ่วเพื่อที่จะต่อลมหายใจให้กับตระกูลจ้าว จึงตัดสินใจออกมาจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างเด็ดเดี่ยวแต่เขากลับละเลยพี่ห้าของเขาหลังจากที่ตัวเองจากมาแล้วเอาไว้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ว่าจะถูกครอบครัวของจางต้ารังแกหรือไม่ตอนนี้มาได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจ้าวอู่อีกเพียงนิดก็เกือบจะเสียชีวิตแล้ว เขาก็ยิ่งร้อนรนเสียยิ่งกว่ามดบนกระทะร้อนพี่ห้าของเขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาไม่อยากจะสูญเสียคนในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาไปอีกเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าจ้าวลิ่วเป็นห่วงจ้าวอู่ถึงเพียงนี้ นางจึงเก็บรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าไว้"เจ้าเป็นห่
เพื่อที่จะทรมานจ้าวลิ่วอีก หลังจากที่เจี่ยนอันอันพูดคำพูดเหล่านี้แล้ว ก็มองไปยังฉู่จวินสิง"สามี พวกเราไปเดินเล่นกันดีกว่า ข้ายังมีของอีกตั้งมากที่อยากจะซื้อ"ฉู่จวินสิงรู้ว่าเจี่ยนอันอันคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ก็เข้ามาจูงมือของเจี่ยนอันอันแล้วเดินออกจากห้องขังไป"ช้าก่อน พวกท่านอย่าเพิ่งไป!"จ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจะออกจากห้องขังไป ก็รีบส่งเสียงร้องตะโกนออกมาเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลง หันไปมองจ้าวลิ่วที่อยู่ในห้องขัง"ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยหรอกหรือ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่คอยไตร่ตรองให้ดีเถิด"เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจจ้าวลิ่วอีก เดินก้าวใหญ่ออกจากห้องขังไปจ้าวลิ่วเองก็อยากจะตามออกไป แต่กลับถูกหัวหน้าผู้คุมขังผลักกลับไป"กลับไปอยู่ในนั้นเสีย ท่านใต้เท้ายังไม่ได้ปล่อยเจ้าไป ก็อย่าคิดจะออกไปจากที่นี้แม้แต่ครึ่งก้าว"หัวหน้าผู้คุมขังปิดล็อคประตูเหล็ก แล้วหันหลังจากไปจ้าวลิ่วเป็นกังวลกับความปลอดภัยของจ้าวอู่ เขาตอนนี้เป็นกังวลอย่างมาก เริ่มคิดเสียใจเรื่องที่ปฏิเสธกลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยซ้ำไปซ้ำมาเจี่ยนอันอันปล่อยให้ฉู่จวินสิงกุมมือนางตามแ
ทั้งสองคนนั่งลง แล้วสั่งซาลาเปาเนื้อมาสองลูกเจี่ยนอันอันที่อยากกินมานานแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลายวันมานี้ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีเรื่องราวมากมายมาพัวพันบวกกับข้าวสารและแป้งที่เอามาจากค่ายเทียนอวิ๋น ก็กินไปจนเกือบหมดแล้วที่บ้านมีคนอยู่จำนวนยมาก แป้งที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะทำซาลาเปาโชคดีที่นางปลูกธัญพืชทั้งห้าขึ้นมาแล้ว วันนี้ยังซื้อเครื่องโม่หินมาบดแป้งอีกรอเมื่อกลับไปแล้ว นางก็จะให้เด็กรับใช้โม่บดแป้งออกมา ทำอาหารของทุกคนให้ดียิ่งขึ้นไม่นานซาลาเปาเนื้อก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ เจี่ยนอันอันรีบหยิบซาลาเปาขึ้นมาในขณะที่ยังร้อนอยู่ แล้วยัดเขาปากไปฉู่จวินสิงนั่งลงด้านข้าง แล้วพูดออกมาเสียงเบา “กินช้าๆ หน่อย อย่าให้ลวกเข้า”เสียงของเขาเพิ่งจะหยุดลง ก็พบว่าเจี่ยนอันอันถูกซาลาเปาเนื้อร้อนๆ ลวกจนน้ำตาไหลออกมาเจี่ยนอันอันรีบกลืนซาลาเปาร้อนๆ นั้นลงท้องไป นางอ้าปากกว้าง แล้วใช้มือเป็นพัดลมให้กับตัวเอง“สวรรค์ ซาลาเปานี้ร้อนมากจริงๆ ปากของข้าแทบจะพองออกมาแล้ว”ฉู่จวินสิงส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดคราบมันตรงมุมปากให้เจี่ยนอันอัน“บอกแล้วว่าให้เจ้ากิน
ผ่านไปไม่นานนัก ก็พบว่าทั้งสองคนกินซาลาเปาทั้งสองเข่งไปจนหมดเจี่ยนอันอันวางเงินลงบนโต๊ะแล้ว ทั้งสองคนถึงได้เดินออกไปพวกเขาขึ้นไปบนรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังอีกร้านหนึ่งเจี่ยนอันอันซื้อของที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย แล้วยังมีผักและเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมากของพวกนี้วางจนเต็มรถม้าทุกครั้งในตอนที่ซื้อของนั้น เจี่ยนอันอันมักจะมอบเงินให้เถ้าแก่เป็นอีกเท่าหนึ่งของราคาฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันที่ใช้เงินอย่างใจกว้างเช่นนี้ ก็ไม่ได้คัดค้านใดอย่างไรเสียในห้วงมิติของเจี่ยนอันอัน ก็มีเงินทองและเครื่องประดับอยู่เป็นจำนวนมากค่าใช้จ่ายของในชีวิตประจำวันเหล่านี้ เมื่อเทียบกับเงินทองเครื่องประดับเหล่านั้นแล้ว ก็มีจำนวนที่น้อยมากจนเทียบไม่ได้รอจนเมื่อซื้อของเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันถึงได้พูดถึงเรื่องกลับที่ว่าการอำเภอกันเซิ่งฟางตอนนี้ยังคงตัดสินคดีอยู่ ดูเหมือนว่าคดีนี้จะวุ่นวายมาก เพียงแค่ชั่วครู่ก็ไม่อาจตัดสินเสร็จหลังจากที่ทั้งสองคนไปหาเหยียนเซ่าแล้ว ก็ไปยังห้องขังจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาอีกครั้งก็รีบมายังลูกกรงเหล็กอย่างตื่นเต้น“พวกท่านพาข้ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยด้วย ข้าอยากจะไ
ในตอนที่รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้านของจ้าวอู่ จ้าวลิ่วก็เห็นพี่ห้าของเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านเขากระโดดลงมาจากรถม้าด้วยความตื่นเต้น“พี่ห้า พี่เป็นยังไงบ้าง ร่างกายดีขึ้นหรือไม่?”จ้าวลิ่วพูดขึ้น พร้อมเดินก้าวใหญ่ไปยังเบื้องหน้าของจ้าวอู่เขาคว้าไหล่ของจ้าวอู่ จับจ้องขึ้นๆ ลงๆ ไปยังจ้าวอู่เห็นเพียงสีหน้าของเขาซีดขาว ร่างกายเองก็ซูบเซียวกว่าเมื่อสองปีก่อนนั้นมากในตอนที่จ้าวอู่ได้ยินเสียงของจ้าวลิ่วนั้น หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นขอทานตรงหน้านั้นหรือว่าจะเป็นน้องหกของเขา?“เจ้าคือจ้าวลิ่ว?” จ้าวอู่ประหลาดใจเล็กน้อย และก็มองไปยังจ้าวลิ่วอย่างไม่อยากเชื่อ จ้าวลิ่วได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของพี่ห้า ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา“พี่ห้า ข้าคือจ้าวลิ่ว ข้ากลับมาดูพี่”จ้าวอู่ในที่สุดก็รู้แล้วว่า ขอทานตรงหน้านั่นเป็นน้องหกของเขาจริงๆเขากอดจ้าวลิ่วเอาไว้แน่น รู้สึกได้ว่าร่างกายของจ้าวลิ่วผอมบาง ในใจของเขารู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก“เจ้าเด็กบ้านี่ยังไม่ตายอีก สองปีมานี้เจ้าไปที่ไหนมากัน ทำไมข้าถึงได้ตามหาเจ้าไม่พบ?”จ้าวอู่พูดออกมา แล้วทุบไปยังจ้าวลิ่วอย่างแรงสองหมัดจ้าวลิ่วที่เดิมทีร่างกายถู
จ้าวลิ่วให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวมาก และเดิมทีเขาก็เป็นคนทำผิด ถูกพี่ห้าเขาตีครั้งนี้ ก็ถือว่าเขาสมควรแล้วทว่าเมื่อคิดว่าร่างกายของจ้าวอู่ยังถูกพิษเข้า หากว่าโมโหเขาเข้ามากๆ จนพิษกำเริบแล้วจะทำอย่างไรดี?จ้าวลิ่วรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที ก็มองไปยังจ้าวอู่ด้วยความเป็นกังวล“พี่ห้า พี่ถูกพิษเข้า อย่าได้โมโหจนเกินไป”“ตอนนี้ข้าก็มีพี่ที่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่อยากให้พี่ห้าก็จากข้าไป”จ้าวอู่เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าเจี่ยนอันอันจะบอกเพียงเรื่องที่ร่างกายของเขาถูกพิษให้จ้าวลิ่วฟังแต่กลับไม่ได้บอกเรื่องที่เขารักษาจนหายแล้วออกมาและเพราะเหตุนี้ จ้าวลิ่วถึงได้ยินยอมติดตามพวกเขากลับมายังหมู่บ้านชิงสุ่ยจ้าวอู่มองไปยังเจี่ยนอันอันอย่างขอบคุณ ในใจคิดว่าหากเจี่ยนอันอันไม่พูดออกมาเช่นนี้ เกรงว่าจ้าวลิ่วคงจะไม่ตามพวกเขากลับมาจ้าวอู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เขาตามหาจ้าวลิ่วถึงสองปีก็หาไม่พบแต่พวกเจี่ยนอันอันทั้งสามคนไปในเมืองเพียงแค่รอบหนึ่ง ก็นำจ้าวลิ่วกลับมาได้บุญคุณครั้งนี้ จ้าวอู่จะจดจำไว้ในใจอย่างลึกซึ้งเขาคิดว่าหากภายหน้าครอบครัวเจี่ยนอันอันต้องการ
รอจนเมื่อรถม้าจากไปแล้ว ในที่สุดจ้าวลิ่วก็ถามความคิดที่มีในใจออกมา“พี่ห้า ข้าจากไปสองปีมานี้ หมู่บ้านชิงสุ่ยคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”“แล้วยังมีครอบครัวของจางต้าไม่ได้มารังแกท่านใช่หรือไม่?”จ้าวอู่มองไปยังจ้าวลิ่วที่ร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรก ก็ดึงเขาเข้าไปในเรือน“เจ้าไปอาบน้ำเสียก่อน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ข้าค่อยพูดกับเจ้าถึงเรื่องในหมู่บ้านชิงสุ่ย”จ้าวลิ่วเองก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองก็สกปรก เขาไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วร่างกายก็มีกลิ่นเหม็นลอยออกมาแล้วรอจนเมื่อในที่สุดจ้าวลิ่วก็อาบน้ำเสร็จ หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ถึงได้ออกมายังเบื้องหน้าของจ้าวอู่จ้าวอู่นำเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ครอบครัวของเจี่ยนอันอันมายังหมู่บ้านชิงสุ่ย ทั้งหมดเล่าให้จ้าวลิ่วฟังจนกระทั่งในตอนนี้ จ้าวลิ่วถึงได้รู้ว่า ครอบครัวของจางต้าคิดจะทำร้ายทุกคนหมู่บ้านโชคดีที่มีเจี่ยนอันอันคอยช่วยเหลือ จนทุกคนในครอบครัวของจางต้าถูกฆ่าตายตอนนี้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ก็ไม่มีครอบครัวของจางต้าที่คอยทำร้ายผู้อื่นอยู่อีกแล้วหมู่บ้านชิงสุ่ยเองก็ฟื้นกลับคืนสู่ความสงบสุขเหมือนปีก่อนหน้านั้น
เจี่ยนอันอันที่เดิมทีนั้นเป็นคนงดงาม มาตอนนี้ที่มองหน้าอกแข็งแกร่งของฉู่จวินสิงจนน้ำลายแทบจะไหลออกมานางยกมือขึ้นจะลูบไล้มันอย่างไม่รู้ตัวฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงห้ามออกมา ปล่อยให้เจี่ยนอันอันยื่นมือออกมาตามแต่ใจชอบมือสัมผัสถึงความราบรื่นเป็นอย่างมาก ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปนางไม่รู้เลยว่าฉู่จวินสิงจะจับจ้องมายังนางโดยไม่เลื่อนสายตาไปไหนเลยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่บีบลงไปบนหน้าอกของฉู่จวินสิงสัมผัสนี้ช่างดีเป็นอย่างมาก หน้าอกนั้นแข็งแกร่ง จนนางแทบไม่อยากจะขยับมือเจี่ยนอันอันสูดน้ำลายที่ไหลออกมา ริมใบหูก็ได้ยินเสียงทุ่มลึกน่าฟังของฉู่จวินสิงขึ้นมา“ลูบพอแล้วหรือยัง?”“หา?” เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้น แล้วมองสบเข้าไปในดวงตาของฉู่จวินสิงนางถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่“ลูบพอแล้ว ลูบพอแล้ว” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น แล้วรีบดึงมือกลับมาฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอายมุมปากของเขาก็ยกเป็นรอยยิ้มน่ามองขึ้นมาเจี่ยนอันอันรีบหันหลัง จนหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมานางพูดออก
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ