ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เวินอี๋ก็เดินเข้ามา“คารวะแม่นางเจี่ยน!” เวินอี๋พูดขึ้น แล้วทำความเคารพเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “พี่เวินไม่จำต้องมากพิธี ร่างกายของท่านเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน ยังต้องระมัดระวังให้มาก”“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนมากที่รักษาอาการป่วยของข้าจนหาย เดิมทีข้าคิดว่าไม่กี่วันนี้ก็จะไปเยี่ยมท่านกับใต้เท้าที่หมู่บ้านชิงสุ่ย”“ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาเอง”เวินอี๋มองออก ว่าที่นี่มีเพียงแค่เจี่ยนอันอันและเหยียนซวงสองคนเท่านั้นฉู่จวินสิงดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตามมาด้วยเขาถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ใต้เท้าของข้าเหตุใดถึงได้ไม่มากับท่านด้วย?”เจี่ยนอันอันยิ้มออกมา “ข้าให้เขาคอยดูแลอยู่ที่เรือน”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็หันไปมองยังจงซิ่น“ท่านผู้เฒ่าจง ข้าอยากจะถามสักหน่อย ว่าในอำเภอไถหยางนี่พอจะมีโรงโอสถดีๆ อยู่หรือไม่?”“ข้าอยากจะซื้อวัตถุดิบยาบางอย่าง เพื่อรักษาอาการป่วยให้น้องชายของเหยียนซวง”จงซิ่นเมื่อได้ยินว่าจะรักษาอาการป่วยให้เหยียนอวี่ เขาก็ขมวดคิ้วออกมา แล้วส่ายศีรษะเบาๆ“วัตถุดิบทำยาทั้งหมดที่ขายอยู่ในโรงโอสถของอำเภอไถหยางล้วนมีแต่ของธร
เหยียนซวงรีบร้อนอธิบาย “ฮูหยินท่านนี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางธุระของพวกท่าน”“แต่เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงเคาะดังออกมาจากในโลงศพ”“ข้าจึงอาจหาญมาขวางไว้ หวังว่าพวกท่านจะวางโลงลงมาดู เผื่อว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่”วาจาของเหยียนซวงทำให้ทุกคนอึ้งไปเสียงเป่าปี่ตีฆ้องหยุดลงในเวลานั้นเองทุกคนมองเหยียนซวงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แม้แต่สตรีที่ร้องห่มร้องไห้เหล่านั้นก็ยังเงยหน้ามองมาทางนี้“แม่สามี ไม่อย่างนั้นพวกเราเปิดโลงดูหน่อยดีไหมเจ้าคะ ไม่แน่ว่าน้องเล็กอาจยังไม่ตายก็ได้?”สตรีผู้หนึ่งเดินมาทางนี้ นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองไปทางหญิงชราด้วยแววตาจริงใจยามนี้หญิงชราติงซื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกันนางเองก็อยากเปิดโลงออกดู แต่โลงศพนี้ถูกตอกตะปูไว้แล้ว เปิดออกได้ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนนอกจากนี้ อาศัยเพียงวาจาของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แล้วจะพิสูจน์ความจริงเท็จของวาจานางได้อย่างไร?ติงซื่อไม่พูดอันใด นางหันไปมองคนอื่นๆ ด้านหลัง อยากฟังความคิดเห็นของทุกคนชายที่แบกธงนำวิญญาณผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นก่อน“ไม่ได้ พวกเราล่าช้าไปแล้ว ถ้ายังไม่นำโลงศพไปฝังอีกก็จะกระทบเรื่องใหญ่แล้ว”“พวกท่านไม่กลัวว่
ติงซื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ผิงเหลียงแล้ว จิตใจก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาแต่ถ้าอวี๋เสี่ยวเยว่ยังไม่ตายจริงๆ มิเท่ากับว่าพวกตนได้กระทำความผิดพลาดใหญ่หลวงลงไปหรอกหรือติงซื่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ในที่สุดก็ยังตัดสินใจว่าเปิดโลงศพออกมาก่อนค่อยว่ากันอีกทีหลังติงซื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็มองไปทางอวี๋ผิงเหลียง“ผิงเหลียง เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว”“ต่อให้หลังจากนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น หญิงแก่อย่างข้าจะรับผิดชอบเองคนเดียว”อวี๋ผิงเหลียงเห็นว่าคำพูดของตนเองไม่สามารถโน้มน้าวได้ เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มือที่กุมธงนำวิญญาณก็สั่นเทิ้มขึ้นมาเหยียนซวงเห็นว่าในที่สุดคำพูดของตนเองก็ถูกติงซื่อรับฟังแล้ว นางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกติงซื่อบอกให้ชายร่างใหญ่หลายคนนั้นเปิดโลงศพออกไม่ว่าคนข้างในจะเป็นหรือตายก็จะไม่สร้างความลำบากให้พวกเขาชายร่างใหญ่หลายคนนั้นไม่พูดมาก เริ่มมองหาอุปกรณ์มาเปิดโลงศพไปทั่วเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็รีบซื้อชะแลงอันหนึ่งมาจากร้านค้าในมิตินางส่งชะแลงให้หนึ่งในชายร่างใหญ่เหล่านั้นชายร่างใหญ่ผู้นั้นพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันน้อยๆ แล้วออกแรงถอน
เชิญหมอมาตรวจดูก็วินิจฉัยไม่พบว่าเป็นเพราะเหตุใดหลายปีมานี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่หมู่บ้านซีโข่วในหมู่บ้านซีโข่วของพวกเขามีคำร่ำลืออย่างหนึ่งว่า หากในบ้านมีคนตาย ห้ามพลาดฤกษ์ฝังศพเป็นอันขาดมิฉะนั้นคนในครอบครัวจะเคราะห์ร้ายต่อมา เมื่อพวกอวี๋ผิงเหลียงอาการป่วยดีขึ้นก็ไปเชิญนักพรตมาทำพิธีที่บ้านด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนในบ้านไม่ประสบเคราะห์ร้ายอีกพวกเขาเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างสงบไม่กี่ปี หรือจะต้องปล่อยให้เรื่องในปีนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างนั้นรึ!ติงซื่อจะลืมเรื่องในปีนั้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้ใช่เวลามาพูดเรื่องพวกนี้งั้นรึ?คนเป็นแม่อย่างนางจะมองดูลูกตัวเองนอนอยู่ตรงหน้าโดยไม่ช่วยเหลือได้อย่างไรเห็นอวี๋ผิงเหลียงยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ติงซื่อก็ร้อนใจจนเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม ยังไม่รีบหันหลังอีก”อวี๋ผิงเหลียงถอนหายใจอย่างแรง แล้วหันหลังไปอย่างไร้ทางเลือกเขาจะไม่อยากช่วยเสี่ยวเยว่ได้อย่างไรแต่เสี่ยวเยว่ยอมตายเพื่อเจ้าสารเลวในหมู่บ้านคนนั้นหลังนางกินยาพิษร้ายแรงลงไปก็หมดลมหายใจแล้วที่นางแสดงอาการข่วนเตะในโลงศพแบบนั้นจะต้องเป็นเพราะในใจยังไม่ยินยอมพร
ประจวบกับที่เวลานั้น เสียงเจี่ยนอันอันดังขึ้นพอดี“เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร ประเดี๋ยวข้าจะให้เจ้ากินยาแก้พิษ เจ้าก็จะหายดีแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเบี่ยงเบนความสนใจไปยังเข็มเงินไม่กี่เล่มนั้นอวี๋เสี่ยวเยว่กวาดสายตามองไปรอบๆ ถึงตอนนี้ค่อยสังเกตเห็นโลงศพสีดำโลงนั้นพอคิดถึงว่าเมื่อครู่ตนเองอยู่ในโลงศพ ทั้งข่วนทั้งเตะไปยกหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครคิดจะช่วยนางออกมานางนึกหวาดกลัวทีหลังจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวตอนที่ตื่นขึ้นมาในโลงศพ อวี๋เสี่ยวเยว่ก็สำนึกเสียใจแล้วความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดแบบนั้น บวกกับความอึดอัดเหมือนขาดอากาศหายใจฉับพลันนั้น อวี๋เสี่ยวเยว่ก็ออกแรงทั้งข่วนทั้งเตะสี่ด้านของโลงศพด้วยความหวาดกลัวนางอยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าในปากตนเองถูกอะไรบางอย่างอุดไว้ความหวาดกลัวอยู่เหนือความอยากตาย อวี๋เสี่ยวเยว่ตกใจจนน้ำตาไหลพรากแต่กลับไม่มีใครรู้สถานการณ์ของนางในยามนั้นตอนนี้นางไม่อยากตาย ทั้งยังนึกเสียใจที่ไปกินยาพิษฆ่าตัวตายเพื่อคนสารเลวนั่นจนกระทั่งได้ยินว่าข้างนอกมีคนมาขวางทางทุกคนไว้นางยังได้ยินเสียงพูดจาของสตรีทั้งสองคน รวมถึงเสียงพูดของพี่ใหญ่ พี่สะใภ้และ
เนื่องจากที่บ้านจัดงานศพ ตอนติงซื่อออกมาข้างนอกจึงไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วยมากขนาดนั้นตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าเศษเงินเหล่านี้ยังไม่เพียงพอแต่นางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันช่วยเหลือลูกสาวคนเล็กของตนเองเปล่าๆ พูดอะไรก็บอกให้เจี่ยนอันอันรับเอาไว้เจี่ยนอันอันเห็นว่าปฏิเสธไม่ได้จึงได้แต่รับไว้นางเห็นอวี๋เสี่ยวเยว่สวมชุดเรียบร้อยจึงกล่าวกับพวกผู้ชายว่า “พวกท่านหันกลับมาได้แล้ว”อวี๋ผิงเหลียงหันกลับมาเป็นคนแรกก็เห็นอวี๋เสี่ยวเยว่ถูกตู้เยี่ยนช่วยประคองลุกขึ้นมาแล้วเห็นสีหน้านางกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ดวงตาอวี๋ผิงเหลียงพลันแดงขึ้นมาเขาสาวเท้ายาวๆ เข้าไปกอดอวี๋เสี่ยวเยว่“พี่ใหญ่ไม่ดีเอง พี่ใหญ่ทำร้ายเจ้า”อวี๋ผิงเหลียงว่าพลาง น้ำตาก็ไหลลงมาจากหางตาอวี๋เสี่ยวเยว่ยกมือขึ้นช้าๆ ตบหลังอวี๋ผิงเหลียงเบาๆนางเอ่ยเสียงอ่อนแรง “พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน เป็นเพราะข้าทำเรื่องผิดพลาดลงไป”อวี๋ผิงเหลียงผละจากอวี๋เสี่ยวเยว่ แล้วรีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาตรงหางตาเขาหันกลับมามองเจี่ยนอันอันและเหยียนซวง“ขอบคุณแม่นางทั้งสองที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เมื่อครู่ข้าผิดเอง เห็นคนดีเป็นผู้ร้า
นางทำได้เพียงมองผู้มีพระคุณท่านนี้ด้วยสายตาซาบซึ้งใจเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางนำโอสถเม็ดหนึ่งจากในห้วงมิติออกมามอบให้ติงซื่อ“ฮูหยินนำโอสถเม็ดนี้กลับไปป้อนให้บุตรีของท่าน อีกสองวันนางก็จะพูดได้แล้ว”ติงซื่อรับโอสถแล้วกล่าวขอบคุณอย่างเร่งรีบหลังจากบอกลาติงซื่อ ทั้งสามคนก็นั่งรถม้าขับไปทางด้านหลังภูเขาอวี๋ผิงเหลียงก้มหน้าไม่พูดไม่จาตลอดทางเขาตำหนิตัวเองอยู่ตลอด ทั้งยังไม่รู้ว่าควรพูดกับเจี่ยนอันอันและเหยียนซวงอย่างไรดี เจี่ยนอันอันไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน นางเอ่ยปากถามว่า “ที่บ้านพวกเจ้าปลูกสมุนไพรอะไรบ้าง?”อวี๋ผิงเหลียงได้ยินเจี่ยนอันอันถามก็รีบเงยหน้าขึ้น“ครอบครัวข้าปลูกสมุนไพรมาหลายชั่วอายุคน ปลูกทั้งสมุนไพรที่เป็นพิษและสมุนไพรที่เป็นคุณ”เจี่ยนอันอันค่อนข้างดีใจ ถ้าหากที่ภูเขาด้านหลังยังมีสมุนไพรที่นางต้องการ เช่นนั้นนางก็จะซื้อกลับมาสักหน่อยเพราะถึงอย่างไรเสีย ยาที่อยู่ในคลังสมุนไพรในห้วงมิติก็ไม่ได้ครบครันขนาดนั้นยกตัวอย่างเช่นยาที่ใช้รักษาเหยียนอวี่ที่ลดน้อยลงไปหลายชนิดเมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “สมุนไพรที่ครอบครัวเจ้าปลูกจะนำไปขายที่ใด?”อวี๋ผิงเห
อวี๋ผิงเหลียงพูดอย่างตรงไปตรงมา “โรงโอสถในเมืองรับซื้อสมุนไพรของพวกข้าในราคาสามสิบตำลึง”“แต่พวกเขาจะมีการคัดเลือกเฉพาะสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ได้รับซื้อสมุนไพรทั้งหมด”อวี๋ผิงเหลียงพูดถึงตรงนี้แล้วก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันมองออกว่าอวี๋ผิงเหลียงไม่ใช่คนชั่วร้ายเขาจะไม่เสนอราคาสูงเกินไปเพียงเพราะนางจะซื้อสมุนไพรทั้งหมดจุดนี้ทำให้เจี่ยนอันอันชื่นชมมากนางเห็นว่าอวี๋ผิงเหลียงไม่รู้ว่าควรเรียกราคาเท่าไรก็นำตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงจำนวนสามแผ่นออกมาจากห้วงมิติ“ข้าจ่ายให้เจ้าสามร้อยตำลึง ขอซื้อสมุนไพรทั้งหมดที่นี่”อวี๋ผิงเหลียงได้ยินว่าอีกฝ่ายจะจ่ายให้สามร้อยตำลึงก็เงยหน้ามองเจี่ยนอันอันโดยพลัน พบว่าภายในมือนางถือตั๋วเงินจำนวนสามร้อยตำลึง“แม่นาง เงินจำนวนนี้มากเกินไป” อวี๋ผิงเหลียงไม่ค่อยกล้าเชื่อสายตาตัวเองเขาขายสมุนไพรมาหลายปี แต่เพิ่งเคยเห็นคนหยิบเงินสามร้อยตำลึงออกมาจากในคราเดียวเป็นครั้งแรกเจี่ยนอันอันยัดตั๋วเงินใส่มืออวี๋ผิงเหลียง“ถือว่าพวกเราตกลงกันตามนี้ ต่อไปเจ้าต้องขายสมุนไพรทั้งหมดที่ปลูกให้กับข้า”“แต่เจ้าต้องรับประกันด้วยว่า สมุนไพรที่ปลูก
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ