เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วนำจานส่งไปเบื้องหน้าของกวนซิน “คุณหนูกวนรีบชิมเข้า แมลงนี้หลังจากที่ทอดไปแล้วหอมอร่อยมาก” กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าซีดขาว นางหลับตาลงโบกมือติดต่อกัน“เจ้ารีบเอามันออกไปเถอะ ของเช่นนี้จะไปกินได้อย่างไรกัน น่ากลัวจนเกินไปแล้ว”เจี่ยนอันอันนำจานจานหนึ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วส่งสัญญาณให้ชิวเหลียนรับไปชิมชิวเหลียนเองก็ตกใจไม่น้อย นางส่ายหัวอย่างแรง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่กล้าแตะตั๊กแตนในจานและก็เป็นในตอนนี้ ฉู่ตั๋วตั่วก็วิ่งเข้ามานางดมกลิ่นหอมจึงตามมานางมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในจาน ก็ยื่นมือออกไปหยิบขึ้นมาหนึ่งตัวใส่เข้าไปในปากกวนซินไม่ทันได้ห้ามเอาไว้ ก็เห็นฉู่ตั๋วตั่วเริ่มเคี้ยวขึ้นมา“ตั๋วตั่ว รีบคายออกมา เจ้ากินไม่ได้”กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าไม่น่ามอง นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วกินแมลงไปแล้วจะปวดท้องขึ้นมา“ท่านแม่ แมลงนี้อร่อยมาก ข้าไม่เคยกินแมลงที่อร่อยมากถึงขนาดนี้”หลังจากที่กวนซินได้ยินแล้ว ก็ตกใจเสียจนหลับตาลงชิวเหลียนเมื่อเห็นว่าฉู่ตั๋วตั่วกินอร่อยถึงเพียงนั้น นางเองก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่เข้าไปในปากไม่นานนักชิวเหลียนก็รู้ว่า ตนเองเมื่อคร
เขามองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พูดพึมพำออกมา “พี่ใหญ่ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมท่านถึงได้หย่ากับพี่สะใภ้ใหญ่?”ต่อให้พี่ใหญ่จะจำพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะทำเช่นนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเก่าอีก เขาทำหน้าเย็นชาแล้วพูดออกมา “หากว่าเจ้าไม่มีเรื่องอื่นให้พูดแล้ว ก็ออกไปเสียเถอะ”เสิ่นจืออวี้กัดฟัน สายตาที่มองไปยังเจี่ยนอันอันมีความโกรธเกลียดมากขึ้นเขารู้มาจากปากของเจียงหว่านเอ๋อร์ ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจี่ยนอันอันที่ทำขึ้นตั้งแต่ที่เจี่ยนอันอันปรากฏตัวออกมา ก็ทำให้พี่ใหญ่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งในบุญคุณที่เจี่ยนอันอันช่วยชีวิตเอาไว้ ทว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็ทำให้เขามีความไม่พอใจเจี่ยนอันอันมากขึ้นเจี่ยนอันอันมองความโกรธเกลียดในดวงตาของเสิ่นจืออวี้ออก นางพูดออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ทุกวันนี้ช่วยชีวิตคนยังมาถูกขุ่นเคืองเข้า ช่างเป็นเหมือนหมาป่าตาขาวเสียจริง”เสิ่นจืออวี้รู้ว่าไม่สมเหตุสมผล เขาไม่ควรจะขุ่นเคืองเจี่ยนอันอันทว่าเรื่องนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ทำไมเสิ่นจือเจิ้งต้องเขียนหนังสือหย่านั่นด้วยเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ย
ก่อนหน้านี้เสิ่นจืออวี้พาเจียงหว่านเอ๋อร์กับเสิ่นคังไปเรือนที่สร้างเสร็จแล้วหลังนั้น เขาก็คิดอยู่ตลอดว่าจะปลอบโยนเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างไรดีตอนนั้นเจียงหว่านเอ๋อร์เสียใจมาก โทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเจี่ยนอันอันนางด่าทอว่าเจี่ยนอันอันไม่ประสงค์ดี ไปต้องตาเสิ่นจือเจิ้งหลายวันนี้เจี่ยนอันอันมาเยี่ยมเสิ่นจือเจิ้งบ่อยๆ เปลือกนอกบอกว่ามาหาพี่ชาย หากความจริงคือมายั่วยวนเสิ่นจือเจิ้งนางยังพูดว่าเจี่ยนอันอันจะให้เสิ่นจือเจิ้งปลดนาง จะได้ไปแต่งงานกับเจี่ยนอันอันได้สะดวกหากมิใช่เพราะการปรากฏตัวของเจี่ยนอันอัน เสิ่นจือเจิ้งจะพูดว่าไม่รู้จักนางได้อย่างไรกันยิ่งไม่มีทางยิ้มให้เจี่ยนอันอัน แต่กลับไม่มองนางแม้สักแวบเดียวตอนนั้นเจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดก็ยิ่งช้ำใจ พูดเสียจนเสิ่นจืออวี้หงุดหงิดวุ่นวายใจไปหมดเขายิ่งคิดก็ยิ่งเห็นด้วยจึงบอกลาเจียงหว่านเอ๋อร์แล้วรุดมาคาดคั้นเสิ่นจือเจิ้งแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะพลิกผันครั้งใหญ่กะทันหันเสิ่นจืออวี้ที่เยือกเย็นลงแล้วพบว่าตนเองเหมือนจะไม่ค่อยรู้จักเจียงหว่านเอ๋อร์เสียแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ที่มีความรู้เข้าใจเหตุผลคนนั้นหายไปแล้วเจียงหว่
เจี่ยนอันอันหยิบมันเผาขนาดค่อนข้างใหญ่สองหัวส่งให้ฉู่จื่อซี“ข้าจะเอาไปกินกับน้องสาวตั๋วตั่ว” ฉู่จื่อซีรับมันเผาไปแล้วก็วิ่งออกไปจากลานเรือนฟางอิ๋งเห็นอย่างนั้นก็รีบตามไปด้วยตอนนี้การระบาดของฝูงตั๊กแตนผ่านพ้นไปแล้วเจี่ยนอันอันจึงตั้งใจจะไปดูที่ทุ่งนาว่าจะสามารถปลูกผักอะไรได้บ้างนางกำลังจะออกไปก็ถูกฉู่จวินสิงรั้งไว้“เจ้ายังจะทำอะไรอีก ยุ่งมาทั้งเช้าแล้ว ไม่เหนื่อยบ้างหรือ?”ฉู่จวินสิงรู้สึกมาตลอดว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนที่อยู่ว่างไม่เป็นคนหนึ่งนางไม่เพียงแต่คิดหาวิธีหาอาหารมาเลี้ยงปากท้องทุกคนระหว่างเดินทางมายังแดนเนรเทศแม้แต่ตอนที่มาอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยแล้ว นางก็ยังไม่เคยอยู่ว่างเจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินสิงกลัวนางจะเหนื่อย นางเหลือบมองยุ้งฉาง ห้องใต้ดินที่นั่นเหลือผักอยู่ไม่มากแล้ว“ข้าจะไปดูที่ทุ่งนาว่าจะสามารถปลูกผักได้บ้างหรือไม่”ฉู่จวินสิงขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างออกจะเป็นห่วง “เรื่องปลูกผักพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็ได้ วันนี้เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”เจี่ยนอันอันแหงนหน้ามองท้องฟ้าก็เห็นว่าเมฆฝนหลายก้อนกำลังเคลื่อนตัวมาทางนี้ดูจากลักษณะแล้วเป็นไปไ
“พวกเราเลื่อนเรื่องมีลูกออกไปก่อนได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยายามสื่อสารกับฉู่จวินสิง หวังว่าเขาจะมีความคิดเหมือนกันกับนาง“ไยต้องเลื่อนออกไปด้วย หรือว่าเจ้าไม่ชอบเด็ก?”รอยยิ้มของฉู่จวินสิงคลายออก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องคุยกันดีๆนางหยัดตัวขึ้นนั่งแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพี่ ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเรายังไม่มีความสามารถที่จะมอบครอบครัวที่มีความสุขให้กับลูกๆ”“สถานที่ที่พวกเราอาศัยอยู่ในตอนนี้แสนจะอัตคัด ท่านอยากให้ลูกของพวกเราต้องพลอยตกระกำลำบากกับพวกเราเหมือนจื่อซีอย่างนั้นหรือ?”ถ้าไม่ใช่เพราะนางคอยคิดหาวิธีทำให้คนในครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตลอดมาเกรงว่าตอนนี้พวกเขาคงได้ใช้ชีวิตอดมื้อกินมื้อเหมือนชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยไปแล้วช่วงที่ผ่านมา เจี่ยนอันอันแอบใช้ยาคุมกำเนิดที่ออกฤทธิ์ระยะยาวยานี้นางทำขึ้นมาจากสมุนไพรจีน ต่างจากยาคุมกำเนิดทั่วไป ไม่มีผลร้ายใดใดต่อร่างกายนางไม่ได้บอกฉู่จวินสิง ส่วนหนึ่งก็เพราะมีความคิดอยากหลีกเลี่ยงนางกลัวว่าฉู่จวินสิงจะไม่เข้าใจความคิดของนางจึงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ฉู่จวินสิงเข้
“ข้าเห็นว่าคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยแต่ละคนรูปร่างแข็งแรงล่ำสันทั้งนั้น ท่านลองสอนศิลปะการต่อสู้แบบรวบรัดให้พวกเขาสิเจ้าคะ”“เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็มีที่ให้ได้ใช้ความสามารถ ชาวบ้านเหล่านั้นก็อาจกลายเป็นหนึ่งในคนของท่านในอนาคต”“รอจนพวกเรามีความสามารถเพียงพอแล้วก็จะพาพวกเขาบุกไปให้ถึงเมืองจิงโจว”“แล้วถีบฉู่ชางเหยียนเจ้าฮ่องเต้สุนัขนั่นลงมาจากบัลลังก์ฮ่องเต้ซะ!”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะมองการณ์ไกลถึงเพียงนี้ความขุ่นมัวในใจเขาสลายไปในพลัน“ความคิดนี้ดี รอจนอากาศแจ่มใสแล้ว ข้าค่อยสอนการต่อสู้ให้พวกเขา”เจี่ยนอันอันยิ้มกอดฉู่จวินสิง คนทั้งสองทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอุ่นทั้งคู่คลอเคลียแนบชิดกันอย่างเร่าร้อนบนเตียงอุ่นไปพร้อมกับเสียงสายฝนข้างนอกฝนตกสักพักก็หยุดลง ท้องฟ้าเผยแสงอาทิตย์ออกมาอีกครั้งประตูห้องถูกเคาะในเวลานั้นเองเสียงของสี่เอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก “นายน้อยรอง ฮูหยินน้อยรองเจ้าคะ ข้างนอกมีคนมาหาเจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ยินแล้วก็สวมชุดลงมาจากบนเตียงอย่างรวดเร็วคนทั้งสองผลักประตูออกไปก็เห็นจงซิ่นพาจงหลานและเวินอี๋มายืนอยู่ในลานเรือนเหยียนเซ่าเดินออกมาจ
“พวกข้ามาคราวนี้ไม่ได้นำของดีอันใดติดตัวมาด้วย”“เหล่านี้คือผักและเนื้อสัตว์ที่ข้าซื้อมาจากในตลาด ยังมีผลไม้ด้วยเล็กน้อย”“พวกท่านอย่าได้เกรงใจ รับไว้เสียเถอะ”เจี่ยนอันอันเห็นในห่อแล้ว ไม่เพียงมีผัก แต่ยังมีไก่ฟ้าหนึ่งตัวกับปลาอีกสองตัวนางก็ไม่เกรงใจ บอกให้สี่เอ๋อร์นำสิ่งของเหล่านี้ไปทำมื้อเย็นสี่เอ๋อร์มีแรงเยอะมาก หิ้วห่อสัมภาระหนักอึ้งก็ไม่รู้สึกว่าหนักเวินอี๋พูด “นายท่าน ข้ามาคราวนี้เพราะหวังจะมาพึ่งพาอาศัยท่าน ไม่ทราบว่าท่านยินดีให้ข้าอยู่ด้วยหรือไม่?”เมื่อเวินอี๋พูดประโยคนี้ออกมา เจี่ยนอันอันพบว่าใบหน้าที่เดิมยังเบิกบานใจของจงหลานพลันเผือดสีเห็นทีเรื่องที่เวินอี๋ต้องการมาขอพึ่งพาฉู่จวินสิงคงจะไม่ได้พูดกับจงหลาน“อาเวิน ท่านไม่คิดจะกลับไปกับพวกข้างั้นหรือ?” จงหลานพูดแล้ว ดวงตาก็ค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมาเวินอี๋เพียงแต่ยิ้ม ความปวดใจที่ยากจะสังเกตวาบผ่านดวงตาเห็นเวินอี๋ไม่พูดอะไร จงหลานก็พลันแสบจมูก น้ำตาคลออยู่ในเบ้าตาแต่ที่นี่มีคนมาก นางไม่สะดวกจะร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าคนนอกจงหลานสูดจมูก บังคับตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลลงมาความสนใจของฉู่จวินสิงไม่ได้อยู่ที่จงหลานเขาเห
เจี่ยนอันอันอ่านความคิดจงหลานออกมาตั้งนานแล้วนางลูบศีรษะจงหลานอย่างแผ่วเบา “เด็กโง่ เจ้าก็น่าจะรู้ความคิดของเวินอี๋อยู่”“เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสามีข้า ย่อมต้องกลับไปอยู่กับสามีข้าเป็นธรรมดา”“ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ยังไม่ถึงวัยที่จะแต่งงาน”“แต่เจ้าวางใจได้ ข้าจะช่วยเจ้าตาดูเวินอี๋ไว้ ไม่ให้เขาไปชอบพอหญิงอื่น”“รอไว้เจ้าเติบใหญ่แล้วข้าค่อยเป็นแม่สื่อให้พวกเจ้าสองคน แบบนี้ดีหรือไม่?”จงหลานกะพริบดวงตาคู่โตที่เปียกชื้นโดยที่หยาดน้ำตายังคงเกาะอยู่บนใบหน้า“ท่านอาพูดจริงหรือ?” จงหลานไม่ค่อยกล้าเชื่อนักเพื่อให้จงหลานเลิกเศร้าใจขนาดนั้น นางให้คำรับรองว่า “ข้าไม่เคยโกหก เจ้าวางใจได้เลย”จงหลานพยักหน้าอย่างแรง ใบหน้ามีรอยยิ้มเผยออกมาในที่สุดเจี่ยนอันอันตักน้ำหนึ่งกะละมังมาให้จงหลานล้างหน้าออกไปแล้วจงซิ่นจะได้ไม่เห็นพิรุธ หลังจากที่จงหลานล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็ค่อยกลับออกไปที่ลานบ้านเจี่ยนอันอันสังเกตเห็นว่าสายตาที่เวินอี๋มองมาเจือด้วยความรู้สึกผิดแต่สุดท้ายเขาก็หันไปทางอื่นโดยไม่ได้พูดอะไรเจี่ยนอันอันกับจงหลานกลับไปนั่งที่ โดยที่จงหลานนั่งถัดจากเวินอี๋นางสา
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ