กริชชัยมองตามร่างของกอหญ้าที่เดินคล้องแขนไปกับพัชราแล้วมีแววตามุ่งมั่น เมื่อถึงห้องสองสาวก็นั่งทำงานกันคนละมุม กอหญ้าเปิดหน้าจอมือถือก็ต้องตกใจเมื่อมีข้อความไลน์ขึ้นมาพร้อมกันสองสามอัน
เจอกันคืนนี้ที่ชั้นดาดฟ้าตอนห้าทุ่ม มาให้ได้
ถ้าไม่มาจะตามไปอุ้มถึงในห้อง
เธอคงไม่อยากให้เพื่อนเธอรู้เรื่องของเราใช่ไหม
กอหญ้านอนกระสับกระส่ายเมื่อนึกถึงข้อความไลน์ตอนหัวค่ำ พัชรานอนหลับไปนานแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นนั่งก่อนจะค่อยๆย่องออกไปนอกห้อง กอหญ้าเดินเบาๆ ขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า
‘กี่ปีแล้วนะ ที่ไม่ได้ขึ้นมาข้างบนนี้’ กอหญ้ารำพึงก่อนจะก้าวเท้าเบาๆ หญิงสาวก้าวเดินเข้าไปใกล้เข้าไป แต่ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือมาคว้าข้อมือไว้ กอหญ้าเกือบจะเผลอกรี๊ดออกมาถ้าชายหนุ่มไม่ยกมือปิดที่ริมฝีปากบาง กอหญ้าตาโตก่อนที่ชายหนุ่มจะลากหญิงสาวไปนั่งที่เก้าอี้ที่ถูกจัดไว้
“นี่บ้าหรอเปล่า เรียกฉันมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย”
“คุณแทนตัวเองว่าไงนะ” กริชชัยเอ่ยเสียงเข้ม
“เออ คือ”
“ผมไม่อยากทะเลาะด้วย ขอสิบนาทีนั่งดูพระจันทร์เป็นเพื่อนหน่อยสิ แค่สิบนาทีแล้วผมจะปล่อยให้คุณกลับไปนอน รับรองจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ” กริชชัยยกมือสามนิ้ว
กอหญ้าเผลอถอนลมหายใจ แต่ก็มานั่งเก้าอี้ที่ชายหนุ่มจัดเตรียมไว้ กริชชัยปรับเก้าอี้ให้หญิงสาวให้เอนนอน ในขณะที่มือก็กอบกุมมือของหญิงสาวไว้แน่น
“คืนนี้พระจันทร์สวยไหม”
“ค่ะ”
“ผมก็ว่าพระจันทร์สวย แต่....”
“แต่อะไรคะ”
“แต่น้อยกว่าคุณ ” กริชชัยส่งสายตามีความหมาย
กอหญ้าเผลอหยิกตัวเอง เมื่อกลับจากนอนดูพระจันทร์ สักครู่ชายหนุ่มก็เดินมาส่งถึงหน้าห้องพร้อมฝากรอยจูบที่ริมฝีปาก หญิงสาวเผลอลูบริมฝีปากไปมา ความเร่าร้อนยังแผ่กระจายไปทั่วริมฝีปาก กอหญ้าเผลอยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
กอหญ้ารีบเดินกลับมาทางห้องตัวเอง เหมือนกับกลัวใครจะตามมาข้างหลัง เมื่อเข้ามาในห้อง กอหญ้าย่องขึ้นนอนบนเตียงที่มีพัชรานอนหลับอย่างระมัดระวังเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตื่น เมื่อมานอนข้างพัชรา กอหญ้าก็อดจะคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดไม่ได้
‘ไม่นะกอหญ้า เธอรักเค้าไม่ได้ ชอบก็ไม่ได้ จำไม่ได้หรือไง เขาทำอะไรไว้บ้าง เขาคือซาตานในคราบเทพบุตรเท่านั้น’ หญิงสาวเตือนตัวเอง ก่อนที่กอหญ้าจะตกใจเสียงกรีดร้องยาวนานของเพื่อนสาวคนสนิท พัชราใช้มือปัดไปมาก่อนร้องเสียงโหยหวน กอหญ้าเข้าไปเขย่าเพื่อนสาว
“พัช แกเป็นอะไรฝันร้ายเหรอ”
พัชราน้ำตาไหลพรากกอดกอหญ้าแน่น “ ทำไม ทำไมนะญ่า ทำไม ทำไม” พัชราร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดหญิงสาวแน่นตัวสั่นเล็กน้อย กอหญ้าลูบไหล่เพื่อนสาวไปมาอย่างปลอบใจ
“พัช แกต้องเล่ามาแล้วล่ะ ระบายออกมาบ้าง แกเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ ญ่าจะถามหลายหนแล้ว เล่ามาเถอะเผื่อมันจะช่วยพัชบ้าง เชื่อญ่าสิ ญ่าเป็นเพื่อนพัชนะ เราคบกันมานานจนพัชไว้ใจญ่าได้ว่าญ่าจะไม่ไปพูดที่ไหน”
พัชรานิ่งแววตาปวดร้าวเมื่อนึกถึงอดีตวัยเด็ก
“ญ่ารู้ใช่ไหมว่าเราเป็นเด็กมาจากบ้านราชาวดี” พัชราปาดน้ำตาเมื่อนึกถึงอดีตอันเจ็บปวด
“ฮือ เหมือนใครเล่าให้ฟังหรือพัชบอก”
“เราถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน มันทำตอนที่แม่เราเผลอ แม่ชอบไปเก็บเขียดเก็บกบตอนฝนตกแล้วมันก็เข้ามา เข้ามา เข้ามาข่มขืนเรา” พัชราเล่าถึงตอนนี้ตัวสั่น กอหญ้าโอบกอดเพื่อนสาวแน่นเหมือนจะถ่ายทอดความอบอุ่น
“มันขู่เราว่าถ้าเราบอกแม่ มันจะฆ่าทั้งเราและแม่”
“แกยอมมันเหรอพัช”
“สองหน เราคิดว่าเราคงไม่ไหวอีกต่อไป วันหนึ่งมันเมามากเข้ามาหาเราตอนแม่ทำอาหาร เราตัดสินใจบอกแม่ว่าผัวเขาทำกับเราแบบนี้ รู้ไหมญ่าเรานึกว่าแม่ต้องเข้าข้างเรา แต่แม่กลับตบหน้าและไล่เราออกจากบ้าน บอกว่ากลัวเราจะไปแย่งผัวเขา เรางี้เจ็บปวดมากแม่ไม่เชื่อเรา”
“แล้วแกก็ออกมาอยู่ข้างนอก”
“อืม เราไปอาศัยนอนใต้สะพาน”
“พัชไม่มีญาติที่ไหนเหรอ”
“เรามีญาติพ่อเราอยู่ที่เชียงราย แต่ตอนนั้นเราไม่มีเงินเลยสักบาท”
“แล้วพัชทำไงล่ะ”
“เราก็ไปเข้ากลุ่มกับพวกรุ่นพี่ ไปขอทานบ้างไปทำที่เขาสั่ง”
“ก่อนที่พัชจะถูกส่งไปบ้านราชาวดีเหรอ โถ พัช” กอหญ้าน้ำตาซึมไปกับชะตาของเพื่อนเธอเคยคิดเสมอว่าทำไมเกิดมาโชคร้ายแต่มาฟังเรื่องของเพื่อนสนิทกอหญ้ารู้สึกเรื่องของตนเองมันเล็กน้อย
“พัช อย่าไปนึกถึงมันสิ”
“เราไม่ได้อยากนึก เราอยากลืม ทำไมญ่าทำไมเราลืมไอ้สัตว์นรกนั่นได้สักที เมื่อไหร่เรานึกถึงมือที่หยาบกระด้างของมันมาจับตัวเรา นึกถึงตอนที่มันเอาของของมันสอดใส่มาในตัวเรา เราขยะแขยงเราเกลียดตัวเองมาก” พัชราใช้มือตีที่แขนจนกอหญ้าเข้าไปรวบเพื่อนสาวเข้ามากอดอีกครั้ง
“ลืมสิพัช แกต้องลืมให้ได้”
“เราพยายามแล้วญ่า พยายามมาสิบกว่าปีแล้วมันทำไม่ได้ มันอยู่ในนี้ในนี้ญ่า” พัชรากุมศีรษะและร้องไห้สะอึกสะอื้น
“โถ พัช”
“ญ่าว่าเราผิดปกติไหม”
“ไม่หรอกพัช เอางี้ไหมเราลองไปปรึกษาหมอดู การหาจิตแพทย์มันไม่ได้หมายถึงเราเป็นคนบ้านะ เอาไหมเราให้ยัยน้ำนัดให้”
“อืม” พัชรากอดกอหญ้าแน่น
“นอนเถอะพัช อย่าคิดมากนะ”
“ญ่านอนเถอะนะ เราขอตัวไปเดินเล่นสักชั่วโมง เดี๋ยวเรามาเราอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
“พัชแน่ใจนะ ว่าไม่ให้ญ่าไปเดินเป็นเพื่อน”
“แน่ใจ พัชโอเคแล้วญ่า”
“ระวังตัวเองนะ เดินมืดๆ”
พัชราเดินลงมา เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงสระว่ายน้ำหลังบ้าน หญิงสาวปล่อยโฮเหมือนมันอัดอั้นต้องการการปลดปล่อย นึกถึงอดีตหญิงสาวรู้สึกหนาวสั่นภาพในอดีตไหลย้อนเข้ามาเป็นฉากๆ ความรู้สึกรวดร้าวที่ถูกแม่ไล่ออกจากบ้านภาพชายชั่วที่ย่องเข้ามาทำมิดีมิร้ายยังจำได้ติดตา มือสากๆ กลิ่นกายที่เหม็นเหล้า พัชราหลับตานิ่ง
ต้นตาลนั่งเคลียร์ตัวเลขชุดสุดท้ายเสร็จ ‘จะตีสองแล้ว นี่เราบ้าทำงานขนาดนี้หรือนี่’ หญิงสาวสะบัดคอเพื่อไล่ความเมื่อยก่อนจะเดินไปที่ริมหน้าต่างบานโตจ้องมองไปทั่วบริเวณบ้านเพื่อผ่อนคลาย แต่แล้วต้องสะดุดกับผู้หญิงผมยาวชุดนอนสีขาวบางพริ้วจนแทบจะเห็นทุกสัดส่วน หญิงสาวใจเต้นแรงความรู้สึกภายในสั่งให้เดินไปตรงนั้น
พัชราก้มหน้าร้องไห้ หลังจากนั่งที่เก้าอี้ริมสระ
“อืม ....” ต้นตาลส่งเสียง
พัชราเงยหน้าที่เปียกไปด้วยน้ำตา ต้นตาลตกใจขยับเข้าไปใกล้ๆ
“พัช เป็นอะไรมานั่งร้องไห้ ทำไมคนเดียวยัยญ่าไปไหน”
พัชราส่ายศีรษะไปมาน้ำตายังไหล แต่ถึงน้ำตาไหลก็ยังดูสวยงามในความรู้สึกของต้นตาล
‘ผู้หญิงไรวะ ร้องไห้แล้วยังสวย’
“พัช มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้นะ นึกว่าพี่เป็นพี่สาวของพัชคนหนึ่งเหมือนพี่สาวของญ่าไง มีอะไรเล่าให้พี่ฟัง” ต้นตาลขยับมานั่งใกล้พร้อมกับจับมือพัชราแน่น แววตาห่วงใยที่ส่งมาทำให้พัชราโผเข้ากอดต้นตาลแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดที่ตอนนี้เธอกำลังโหยหา เสียงสะอื้นดัง เบา สลับไปหลายสิบนาที
“ทีนี้เล่าให้พี่ฟังสิ”
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง พัชราได้ระบายความเจ็บปวดให้กับพี่สาวเพื่อนฟัง หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย มือที่จับกันมั่นความอบอุ่นที่ส่งให้กันทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนหวาน
“ลืมมันเสียนะ นึกว่าเป็นฝันร้าย พัชโชคดีที่หลุดมาได้” ต้นตาลปลอบเบาๆมือที่ลูบไล้ที่หลังไปมาพัชราพยักหน้า ก่อนที่ทั้งสองจะตกอยู่ในห้วงภวังค์ ต้นตาลจ้องหน้าพัชราเขม็งสายตาที่ส่งมาอบอุ่น ต้นตาลจับปลายคางก่อนจะใช้มือประคองใบหน้าหญิงสาว พัชราขยับเข้ามาอย่างละเมอ ต้นตาลขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนริมฝีปากชิดกับริมฝีปาก ก่อนที่ต้นตาลจะกระชากอารมณ์ด้วยการกอดหญิงสาวแล้วใช้ริมฝีปากจูบอย่างดุเดือดเร่าร้อน ลิ้นของสองสาวพันกันไปมาด้วยแรงอารมณ์ที่ส่งให้กันอย่างเต็มที่ มือของต้นตาลที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายทำให้ร่างกายทั้งสองลุกเป็นไฟ พัชราเองก็ตอบสนองอย่างเร่าร้อนรุนแรงพอๆกัน เสียงครางของทั้งสองยิ่งทำให้อารมณ์ลุกฮือจนไม่สามารถควบคุมได้ เสียงเหมือนคนจะเดินทำให้ต้นตาลหยุดชะงัก พัชรายังงงงวย สองสาวจ้องหน้ากันนิ่งนาน ก่อนที่ต้นตาลจะได้สติพูดว่า