“ยาตัดสายเลือด?” ฉินเจียวเยี่ยนยันกายขึ้นมานั่งด้วยความสงสัย แม้ว่ามือของใครบางคนจะยังคงค้างท่าอยู่อย่างนั้น
เซียวชิงเฟิงยิ้มบาง พลางอธิบาย “ข้าได้ปรึกษากับหมอหลวงแล้ว ยาตัดสายเลือดจะทำให้ข้าไม่สามารถมีบุตรได้อีก ดังนั้น ต่อให้เราร่วมอภิรมย์กันมากเท่าใด เจ้าก็ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บกาย ลำบากตั้งครรภ์อีกแล้ว”
“ไม่! ไม่เอาเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
‘ใบหน้าหล่อเหลา ชาญฉลาดอย่างท่านพี่’
‘สมควรจะเปิดโรงงานผลิตออกมาอีกหลาย ๆ คนต่างหาก!’
‘นี่ กระไร ผลิตออกมาได้เพียงคนเดียว ท่านก็คิดจะปิดโรงงานผลิตเสียแล้ว เสียของแย่!!’
“หม่อมฉันไม่ได้เจ็บ...” เจ็บ! ผู้ใดบอกว่า คลอดบุตรไม่เจ็บกัน!! “แต่เป็นความเจ็บที่หม่อมฉันยอมรับได้ หม่อมฉันยินดีเจ็บเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนโผเข้ากอดร่างสูง “ท่านพี่! อย่าดื่มยาตัดสายเลือดเลยนะเพคะ”
มุมปากของเซียวชิงเฟิงยกสูง เมื่อได้ยินความคิดในใจของชายาเอกของเขา แม้ว่า คำศัพท์บางคำเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ด้วยบริบทภาพรวมที่นางกล่าว เขาก็พอจะเข้าใจได้ราง ๆ
“เจ้าอยากมีบุตรกับ
“หื้ม? ท่านพี่จะเป็นเจ้าของที่นี่ได้อย่างไร?”“แล้วเจ้าคิดว่า สหายของเจ้าจะสามารถหาเสี่ยวเอ้อร์หน้าตาดีจำนวนมากเหล่านี้ได้จากที่ใด หากมิใช่เพราะข้าช่วยหา”‘เออ... ใช่’ ฉินเจียวเยี่ยนกลอกตาไปมา เมื่อคิดตามความเป็นจริง‘ท่านพี่เป็นคนที่มีเส้นสายในด้านบุรุษมากที่สุดแล้ว เพราะต้องหาไพร่พลมาฝึกซ้อมทหาร ดังนั้น ถ้าหากเจอบุรุษกำยำแล้วนำตัวมาฝึกฝนให้เป็นทหาร แล้วบังเอิญเจอหนุ่มหน้าตาดีไปด้วย ก็แค่แยกส่งเขาให้มาทำงานที่นี่แทนสินะ...’ฉินเจียวเยี่ยนอดมองค้อนไม่ได้ “แล้วท่านพี่รู้ได้อย่างไรว่า หม่อมฉันกับอาหงสร้างโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอแห่งนี้ขึ้นมา?”เซียวชิงเฟิงเม้มริมฝีปากแล้วข้าจะบอกเจ้าได้อย่างไร ว่าข้าได้ยินเสียงความคิดของเจ้าตั้งแต่แรกตั้งแต่ที่เจ้าเริ่มคิดจะฝังเสาเข็มของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอในความคิดนั่นแล...“เจ้าเป็นคนบอกข้าเองนะ เสี่ยวเยี่ยน”ฉินเจียวเยี่ยนขมวดคิ้วมุ่น พลางนึกทบทวนว่า ตนเองเผลอพลั้งปากหลุดความลับสุดยอดเช่นนี้ออกไปเมื่อใด “หม่อมฉันนึกมะ... อุ๊บ!”เซียวชิงเฟิงไม่เปิดโอกาสให้ฉินเจ
ฉินเจียวเยี่ยนอ้าปากค้างตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นสวามีของตนเองในชุดเสี่ยวเอ้อร์ของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอ ก็มือไม้อ่อนจนเผลอปล่อยถ้วยเปล่าและตะเกียบให้ร่วงหล่นจากมือลงกระทบโต๊ะเคร้ง!“อ๊ะ! ร้อน!” มือเล็กสะบัดไปมา เมื่อถูกน้ำซุปในถ้วยกระเด็นใส่ เซียวชิงเฟิงเห็นดังนั้นก็รีบเดินเข้ามาดูอาการที่มือเล็กอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเห็นเพียงแค่หยดน้ำซุปเล็กน้อยที่กระเด็นโดนมือของนาง เขาจึงได้ใช้แขนเสื้อของตนเช็ดให้อย่างอ่อนโยน“เหตุใดจึงไม่ระวังเอาเสียเลย” เซียวชิงเฟิงดุเสียงอ่อน ก่อนจะคว้าจอกชาสาดดับถ่านไม้ไผ่ที่กำลังลุกโชนฉินเจียวเยี่ยนยู่ปากใส่ “ก็เพราะท่านพี่มานั่นแหละเพคะ ทำหม่อมฉันตกใจจนเผลอปล่อยถ้วยให้ตกเลย”‘ต้องโยนความผิดให้ท่านพี่ ท่านพี่จึงจะไม่สามารถเอาผิดข้าได้...’มุมปากของเซียวชิงเฟิงกระตุกประเสริฐนัก ช่วงนี้ ทั้งแม่ทั้งลูกต่างก็จ้องจะเอาผิดเขาอยู่ฝ่ายเดียว...“เพราะข้ามาจึงทำให้เจ้าตกใจ แล้วเจ้าเล่า?” เซียวชิงเฟิงย้อนถาม “เจ้ามาทำสิ่งใดที่นี่?”ฉินเจียวเยี่ยนสูดลมหายใจลึก “จิบน้ำชา!! หม่อมฉันมาจิบ
“ไหนจะสามีอีก การที่ได้ไท่จื่อหรือกู้ซื่อจื่อมาเป็นคู่ครองก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกเจ้าที่หลายคนอิจฉาแล้ว ข้าไม่คิดว่า ตนเองจะโชคดีอย่างพวกเจ้าหรอก” หลี่ชิงหงผงกศีรษะไปทางประตู “ในสมัยโบราณเช่นนี้ บุรุษที่ดีมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย มิเช่นนั้น ลูกค้าของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอจะมากมายป่านนี้รึ?”“ข้ามีโอกาสได้นั่งคุยกับฮูหยินหลายคน มีไม่น้อยที่สามีหลงอนุจนละเลยภรรยา รับอนุเข้ามาจนเต็มจวน ไปแอบมีอนุที่นอกเรือน ซ้ำร้าย หากภรรยาและอนุทะเลาะกัน เขายังเข้าข้างอนุ ตบตีภรรยาเอกเสียด้วยซ้ำ”“หากสามีไม่หลงอนุก็ตั้งใจทำงานจนละเลยภรรยา มองภรรยาเป็นเพียงไม้ประดับเรือนที่ต้องมีไว้ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาของจวน หากแต่ลับหลังแล้ว พวกนางจะเป็นอยู่อย่างไรก็ไม่สนใจ”“ยิ่งบรรดาฮูหยินที่ไม่อาจมีบุตรชายให้แก่จวนของสามีได้อีก กลายเป็นแม่ไก่ที่ไม่สามารถออกไข่ได้ ก็เป็นที่รังเกียจของตระกูลสามีอีก โอ๊ย! สารพัดปัญหาหากคิดจะแต่งงานมีคู่ครอง”ฉินเจียวเยี่ยน “...”ข้าถามเจ้าเพียงประโยคเดียว ไยเจ้าจึงสรุปปัญหาชีวิตคู่ของคนทั้งเมืองมาให้ข้าฟังเล่า?“เช่นนั้น เจ้าจึงเลือกที่จะสนุกกับ
“...” ฉินเจียวเยี่ยนขมวดคิ้ว “เจ้าเพิ่มชาบูเข้าไปเช่นนั้น ลูกค้าจะไม่มึนงงสับสนหรือ?”หลี่ชิงหงเลิกคิ้วแปลกใจ “มึนงงสิ่งใด? ข้าว่า ดีมิดี ลูกค้าบางส่วนก็ตั้งใจมากินชาบูเสียด้วยซ้ำ”ฉินเจียวเยี่ยนถามอย่างสงสัย ในขณะที่คีบเห็ดขึ้นมาจากหม้อทองแดง “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“เฮ้อ... ข้าเป็นเจ้าของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอนะ” หลี่ชิงหงเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ข้าดูแลที่นี่มาตั้งแต่ยามตั้งไข่ แรกเริ่มเดิมทีมีลูกค้าเสียที่ใด น้ำชาเจ้ารสเลิศมากหรือ? ขนมที่เจ้าขายแปลกประหลาดจนมีแต่ที่นี่ที่เดียวหรือ?”เมื่อเห็นฉินเจียวเยี่ยนส่ายหน้าปฏิเสธ นางจึงเอ่ยต่อ “เพราะที่นี่ไม่ได้มีสิ่งใดที่พิเศษกว่าที่อื่นเลยอย่างไรเล่า? ข้าจึงต้องมองหาจุดขายอย่างอื่นมากเพิ่มเติม”“เจ้าจึงเลือกชาบู?” ฉินเจียวเยี่ยนเลิกคิ้วบางถาม ในขณะที่แอบคีบเนื้อแพะที่หลี่ชิงหงเป็นผู้คีบลงไปต้ม“ก็ใช่น่ะสิ” หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงักกับความคิดของตน “โชคดีว่าได้อาลี่คอยช่วยเหลือด้วย นับว่านางเป็นลูกค้าคนแรกของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอก็ว่าได้ นางชวนกู้ฮูหยินให้มาลิ้มลองชาบูที่นี่ก่อนเป็นรายแรก”
นับวัน กิจการของร้านเยว่หรงก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เครื่องประทินโฉมนานาชนิดขายดิบขายดี จนฉินเจียวเยี่ยนและหลี่ชิงหงตัดสินใจซื้ออาคารเพิ่มอีกหลายหลัง เพื่อทำการขยายสาขา ไม่ต้องให้ลูกค้าที่ตั้งใจมาซื้อของแออัดอยู่ที่สาขาหลักเพียงสาขาเดียวนอกจากนี้ ยังได้เพิ่มแรงงานจ้างชาวบ้านมาช่วยงานภายในร้านเยว่หรงมากขึ้น จัดสรรสวัสดิการจนชาวบ้านหลายคนแห่กันมาสมัครเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลี่ชิงหงก็รับคนจำนวนตามอัตราที่ขาดแคลนและจัดหางานให้ตามความเหมาะสมกับความสามารถที่แต่ละคนมีร้านเยว่หรงสาขาหลักและสาขาย่อยอีกสองแห่งได้มีการจ้างผู้จัดการมาดูแลร้านเรียบร้อย หลี่ชิงหงเพียงแต่ควบคุมการผลิตและตรวจบัญชีให้ถูกต้องเพียงเท่านั้นส่วนเวลาว่างที่เหลือ หลี่ชิงหงได้ย้ายตัวเองมาประจำการอยู่ที่โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอที่เพิ่งเปิดกิจการได้ไม่นานโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอ หากมองจากภายนอกก็เป็นโรงน้ำชาธรรมดา แต่มีการจัดตกแต่งเรียบหรู เชิญชวนให้บรรดาฮูหยินและคุณหนูทั้งหลายมานั่งสนทนา จิบน้ำชา กินขนมว่าง แลกเปลี่ยนข่าวสารกันและกันสำคัญที่เสี่ยวเอ้อร์ทุกคนจะต้องเป็นหนุ่มน้อยวัยละอ่อนที่ม
เซียวชิงเฟิงพลิกกายลงจากเตียง ช้อนวงแขนอุ้มร่างไท่จื่อเฟยขึ้นมาในอ้อมกอด ฉินเจียวเยี่ยนเห็นทีว่าไม่น่าจะห้ามสวามีได้ จึงเอื้อมมือปลดม่านมุ้งลงครอบรอบเตียง‘อย่างน้อย ถ้าเจ๋อเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา จะได้ไม่เห็นภาพไม่ดีไม่งามเข้า...’เซียวชิงเฟิงยิ้มกว้าง ในขณะที่ตรงดิ่งไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่บริเวณมุมห้อง เขาทรุดตัวลงนั่ง บังคับให้ร่างแน่งน้อยนั่งคร่อมอยู่ด้านบน สองมือเริ่มเปลื้องผ้าของนางอย่างคุ้นเคย จนฉินเจียวเยี่ยนนึกฉุนแบบขำ ๆ“หม่อมฉันรู้นะเพคะ ว่าท่านพี่ชอบแกล้งเจ๋อเอ๋อร์”“หื้ม?” เซียวชิงเฟิงลากเสียงสงสัยราวกับถูกปรักปรำ แต่เมื่อสบตาแวววาวของฮูหยินที่จ้องมองมาอย่างรู้ทัน เขาจึงเลิกตีหน้าใสซื่อแล้วฟ้องอย่างตรงไปตรงมา “ก็เขามาแย่งเวลาของเจ้าไปจากข้า”ฉินเจียวเยี่ยนถอนหายใจ ยกสองแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่าย “เจ๋อเอ๋อร์ใช้เวลาคลุกคลีใกล้ชิดอยู่กับเราไม่นานหรอกเพคะ เพียงไม่กี่ปี เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาก็จะติดสหาย ติดอาจารย์ แล้วก็จะห่างจากเราไปเรื่อย ๆ เองเพคะ”“...” เซียวชิงเฟิงนิ่งเงียบ “เช่นนั้น เมื่อเขาโตขึ้น ข้าจะพาเขาไปหอนางโลม”เพียะ!!