ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เซียวชิงเฟิงรู้สึกหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ อ้อมแขนหนากระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วเอ่ยเสียงอ่อน “... ขอบใจ”
“หม่อมฉันเองก็ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่อุตส่าห์ลุยน้ำเย็น ๆ มาพาหม่อมฉันขึ้นเพคะ อีกทั้งยังยอมสละเสื้อคลุมหนา ๆ แบบนี้ให้อีกด้วย”
เซียวชิงเฟิงเริ่มยิ้มตามคนมักน้อยในอ้อมแขน ก่อนจะนึกถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง แววตาคมฉายความเย็นชาออกมาสายหนึ่ง “เหตุใดจึงไม่ยอมบอกว่า ผู้ใดที่ทำร้ายเจ้า?”
ฉินเจียวเยี่ยนชะงักค้างราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบกินขนม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน “หม่อมฉันสะดุดล้มเองเพคะ”
เซียวชิงเฟิงหรี่ตาแคบ “เจ้ามั่นใจรึ?”
“มั่นใจสิเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนตอบเสียงแข็งเล็กน้อย
“แต่สหายเจ้ากล่าวว่า ฉินเยี่ยนฟางและกู้หลานเป็นผู้ผลักเจ้าตกสะพาน”
“หืม ลี่เอ๋อร์น่าจะเข้าใจผิดนะเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนเริ่มหลบตาไปอีกทาง
เซียวชิงเฟิงข่มขู่ “หากโกหกอีกคำ คืนนี้ เจ้าไม่ต้องนอน”
“ไม่รู้ว
“อืม พวกเขาจะได้ไม่คิดว่า ท่านมีความทะเยอทะยานอยากจะชิงบัลลังก์ใช่หรือไม่เพคะ?” ฉินเจียวเยี่ยนคิดตาม“ฉลาดสมกับที่เป็นพระชายา”ฉินเจียวเยี่ยนย่นจมูกอย่างเอ็นดู “ว่าแต่งานอภิเษกสมรสของท่านอ๋อง ฮ่องเต้ไม่ทรงค้านเลยหรือเพคะ?”เซียวชิงเฟิงหรี่ตามองคนในอ้อมแขนอย่างดูแคลน “เจ้าคิดว่า เสด็จพ่อจะทรงอนุญาตให้ข้าแต่งงานกับคนอย่าง ‘เจ้า’ ได้ง่าย ๆ รึ?”เฟิงอ๋องปล่อยร่างบางให้ลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง ฉินเจียวเยี่ยนยู่ปากใส่อย่างเข้าใจความหมายของเขา“หม่อมฉันก็เป็นเพียงตุ๊กตากระเบื้อง ไฉนเลยจะคู่ควรกับท่านอ๋องแม่ทัพหน้ากากเหล็กเล่าเพคะ?” ฉินเจียวเยี่ยนยกมือขึ้นกอดอก แล้วหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างแง่งอนเซียวชิงเฟิงไม่นึกแปลกใจแล้วว่า เหตุใดนางจึงรู้ความลับของเขาแต่ละคนก็ย่อมมีความลับเป็นของตัวเองแต่เขาสามารถมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า แม่นางน้อยตรงหน้าจะไม่เอาความลับของเขาไปเล่าต่อ และยังช่วยปิดความลับของเขาอย่างสุดกำลัง“แล้วเจ้าไม่คิดจะถามข้าหน่อยหรือ? ว่า ข้าท
เสียงของหยางเซิงดังขึ้นด้านนอกรถ ทำให้กิจกรรมบนรถม้าต้องหยุดชะงักดวงหน้าเรียวเล็กแดงก่ำทันที เมื่อได้สติ สองมือบางรีบรวบเสื้อผ้ามาปกปิด ท่ามกลางสายตาขุ่นมัวของเซียวชิงเฟิง ไอสังหารแผ่ซ่านออกจากรถม้า จนบรรดาองครักษ์ที่รายรอบรถม้าสะดุ้งด้วยความตกใจม้าชั้นดีพากันขยับตัวด้วยความอึดอัด ส่งเสียงคำรามเบา ๆ คนขับรถต้องพยายามห้ามปรามให้พวกมันอยู่นิ่ง ๆหยางเซิงเอนกายไปกระซิบถามตงไฮ่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ท่านอ๋องไม่พอพระทัยสิ่งใดหรือ?”“แล้วท่านอ๋องประทับอยู่กับผู้ใดเล่า?” ตงไฮ่ย้อนถามเบา ๆ“ก็ประทับอยู่กับพระชา... คุณหนูรองฉินอย่างระ... ซวยแล้ว!” หยางเซิงตะครุบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เมื่อเข้าใจความนัยที่ซ่อนอยู่ “ข้าก็ว่า เหตุใด วันนี้ เจ้าจึงสะกิดให้ข้าร้องแจ้งท่านอ๋อง!”ตงไฮ่ไม่ตอบสิ่งใด เพียงแต่ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วก้มหน้าไว้อาลัยให้แก่สหายสนิทหยางเซิงที่เห็นท่าทางนั้น จึงได้แต่ร้อนตัว “บัดซบ! ข้าอยู่ไม่ได้แล้ว”จบคำ หยางเซิงก็รีบวิ่งเข้าจวนไปในทันที โดยที่ตงไฮ่ไม่ได้ห
“เจ้าต้องการเงินก้อนอย่างนั้นรึ?” เซียวชิงเฟิงครุ่นคิดตามแม่ค้าตัวน้อยบนตัก“ใช่แล้วเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนยิ้มรับว่าที่สวามีของข้าเนี่ย ช่างฉลาดเสียจริงไวเท่าความคิด ฉินเจียวเยี่ยนยกใบหน้าไปหอมแก้มของเซียวชิงเฟิงอย่างรวดเร็ว แล้วจึงอธิบายต่อ “เมื่อเขาทำบัตรสมาชิกแล้ว บางรายอาจจะลืม หรือไม่สะดวกมาก็เป็นได้ อืม เราก็จะได้กำไรส่วนนี้เต็ม ๆ ท่านอ๋องเห็นว่าอย่างไรเพคะ?”ฉินเจียวเยี่ยนไม่รู้ตัวเลยว่า การจู่โจมสายฟ้าแลบเมื่อครู่ของนางได้ไปกระตุ้นเสือร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว“ดี ดีมาก”สิ้นเสียง เรียวปากของเซียวชิงเฟิงก็โน้มลงมาประกบริมฝีปากเจื้อยแจ้วของนางอย่างแนบสนิท ดูดกลืนเสียงหวาน ๆ ของนางลงคอไปจนหมดปลายลิ้นแทรกซอนไล้ไปตามโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนฉินเจียวเยี่ยนสอดมือเย็นเฉียบออกจากเสื้อคลุมผืนหนา ซุกซนเลื่อนไปตามขอบชายเสื้อของอีกฝ่าย แล้วล้วงลึกเข้าไปในสาบเสื้อ สัมผัสผิวกายร้อนผ่าวที่ซ่อนอยู่ข้างในเซียวชิงเฟิงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แล้วจ
“สรุปว่า เจ้าต้องการเผยแพร่โรงนวดให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น” เซียวชิงเฟิงแทบนึกไม่ถึงกับอุบายที่ซ่อนอยู่ของฉินเจียวเยี่ยน“ใช่สิเพคะ ได้ชื่อเสียงแล้วก็ต้องได้เงินทองด้วย หม่อมฉันไม่คิดจะดีดพิณให้ใครฟัง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรอกนะเพคะ”เซียวชิงเฟิงซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นดอกเหมยของฉินเจียวเยี่ยนอย่างระอาแท้จริง เขาคาดคิดถึงผลการกระทำของฉินเจียวเยี่ยนมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้เหมาะสมกับการเป็นพระชายาของเขา การหักหน้าใช้แรงงานของกู้หลาน อย่างน้อยที่สุด คือ การทำเพื่อชาวบ้านอพยพแต่เขาไม่เคยคิดถึงการเผยแพร่โรงนวดให้เป็นที่รู้จักด้วยวิธีการเช่นนี้มาก่อนเลย!!ผู้ใดกันที่ว่า ฉินเจียวเยี่ยนเป็นตุ๊กตากระเบื้อง นางเป็นตุ๊กตาหยกชัด ๆ !!“เฮ้อ เล่าความคิดเจ้ามาเถิด ข้าจะรับฟังเงียบ ๆ ” เซียวชิงเฟิงยอมแพ้ในการใช้ความคิดเกี่ยวกับนางโดยสิ้นเชิงแล้ว“อันที่จริง การเกณฑ์ผู้คนช่วยสร้างเรือนอาศัย จะสร้างประโยชน์ให้เราหลายอย่างเพคะ ทั้งการสร้างภาพที่ดี แสดงให้เห็นว่า หม่อมฉันคู่ควรกับท่านอ๋
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะชอบใจของฉินเจียวเยี่ยนดังไปทั่วรถม้า หลังจากที่ฟังหยางเซิงรายงานความเคลื่อนไหวที่จวนหย่งอันโหว“เจ้าหัวเราะสิ่งใดกัน? คุณหนูรองเมิ่งพูดสิ่งใดผิดหรือ?”“ไม่ผิดหรอกเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนเช็ดน้ำตาที่ปลายหางตาออกเซียวชิงเฟิงยิ่งสงสัย “ไม่ผิด แล้วเจ้าหัวเราะสิ่งใด?”“สิ่งที่ลี่เอ๋อร์พูดไม่ผิด และก็ไม่ถูก” ฉินเจียวเยี่ยนสูดลมหายใจ ควบคุมอาการ แล้วจึงอธิบายเพิ่มเติม “ท่านอ๋อง พวกหม่อมฉันได้รับสมญานามว่า เป็นตุ๊กตากระเบื้อง มีเพียงรูปโฉมที่งดงาม แต่ไร้ซึ่งความสามารถ”เซียวชิงเฟิง “...”“แล้วท่านอ๋องคิดว่า ลี่เอ๋อร์จะจำได้หรือเพคะ ว่า ในขณะนั้น ผู้ใดจะอยู่ทางซ้ายหรืออยู่ทางขวา”เซียวชิงเฟิง “...” อีกครา“เช่นนั้น เจ้าก็หมายความว่า คุณหนูรองเมิ่งพูดส่งเดชขึ้นมาอย่างนั้นรึ?”“อืม จะว่าเช่นนั้นก็ใช่เพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอนึก “ความจริงแล้ว หม่อมฉันกลับคิดว่า นางอยู่ทางด
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักเซียวชิงเฟิงรู้สึกหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ อ้อมแขนหนากระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วเอ่ยเสียงอ่อน “... ขอบใจ”“หม่อมฉันเองก็ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่อุตส่าห์ลุยน้ำเย็น ๆ มาพาหม่อมฉันขึ้นเพคะ อีกทั้งยังยอมสละเสื้อคลุมหนา ๆ แบบนี้ให้อีกด้วย”เซียวชิงเฟิงเริ่มยิ้มตามคนมักน้อยในอ้อมแขน ก่อนจะนึกถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง แววตาคมฉายความเย็นชาออกมาสายหนึ่ง “เหตุใดจึงไม่ยอมบอกว่า ผู้ใดที่ทำร้ายเจ้า?”ฉินเจียวเยี่ยนชะงักค้างราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบกินขนม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน “หม่อมฉันสะดุดล้มเองเพคะ”เซียวชิงเฟิงหรี่ตาแคบ “เจ้ามั่นใจรึ?”“มั่นใจสิเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนตอบเสียงแข็งเล็กน้อย“แต่สหายเจ้ากล่าวว่า ฉินเยี่ยนฟางและกู้หลานเป็นผู้ผลักเจ้าตกสะพาน”“หืม ลี่เอ๋อร์น่าจะเข้าใจผิดนะเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนเริ่มหลบตาไปอีกทางเซียวชิงเฟิงข่มขู่ “หากโกหกอีกคำ คืนนี้ เจ้าไม่ต้องนอน”“ไม่รู้ว