“ว่าอย่างไร จะจุมพิตข้าหรือไม่” แววตาที่จ้องมองสตรีตรงหน้าพราวระยับทำให้นางต้องเบือนสายตาหนี
“ได้เจ้าค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าท่านต้องหลับตาก่อน”
“ย่อมได้” เขากล่าวก่อนจะหลับตาลงอย่างรวดเร็ว
‘ข้าเอาตัวรอดไปได้ในวันนี้ อย่าได้หวังว่าวันหน้าข้าจะเข้าใกล้คนผู้นี้’ นางคิดก่อนจะกดริมฝีปากลงบนแก้มของเขาตามต้องการ แต่จนใจเขาสูงกว่าทำให้นางต้องเขย่งปลายเท้าขึ้น
ในขณะที่นางจะกดริมฝีปากจุมพิตแก้มอีกข้างของเขา ดวงตาของเขาที่ปิดอยู่ก็ลืมขึ้นตอนที่นางกดริมฝีปากจุมพิตเขาพอดี ด้วยความตกใจนางจึงผละออกห่างทำให้เสียการทรงตัวพานจะล้มลง เขาจึงรีบโอบรั้งเอวแล้วดึงเข้าไปแนบชิดกว่าเดิม
“ระวังห
‘ของเจ้าที่ใดกัน เจียงเซียวเล่อ’ โดนหมายหัวแล้วยังไม่รู้ตัว กว่าคุณหนูเหอจะตื่นขึ้นอีกครั้งก็เข้ายามโหย่ว (17.00-18.59) นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกวาดมองรอบตัวจึงได้เห็นสหายนั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับยกยิ้มด้วยความดีใจ “ตื่นแล้วหรือซือซือ” “อืม ข้าหลับไปนานหรือไม่” “ไม่นานเท่าใดนัก เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นหรือไม่” แท้จริงสหายหลับไปเกือบสองชั่วยาม แต่ตนไม่อยากให้นางรู้สึกกังวลจึงบอกออกไปเช่นนั้น “ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก”&nb
‘ถ้าไม่อ่านก็ปิดตำราไปเถิด แสร้งทำเป็นอ่านตำราไม่สนใจ แท้จริงก็แอบฟังอยู่’ เจียงเซียวเล่อคิดพลางลอบกลอกตาเบ้ปากอย่างรู้สึกหมั่นไส้ก่อนจะเอ่ยรวบรัดตัดบทเพราะกลัวสหายจะเปลี่ยนใจ “เช่นนั้นรบกวนพี่รองรับหน้าที่ไปขออนุญาตท่านน้าทั้งสองให้ซือซือนะเจ้าคะ” “ย่อมได้” ‘เขาคงไม่ได้ไปด้วยหรอกนะ’ แต่ไปด้วยแล้วอย่างไรเจียงเซียวเล่อก็อยู่ด้วย คงจะสำรวมท่าทีบ้างกระมัง คุณหนูเหอคิดโดยลืมไปว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วยาม แม้จะมีสหายอยู่ในรถม้าด้วยกันก็ยังฉวยโอกาสกินเต้าหู้ของตนได้เลย “มีคนไปแจ้งเหอฮูหยินที่จวนเหอแล้ว ว่ายามนี้เจ้าพักผ่อนอยู่ที่จวนตระกูลเจียง”
7ท่องเที่ยวที่ไห่หยาง (1) แน่นอนว่าเพราะเป็นเจียงเซวียนเอ่ยวาจาเกลี้ยกล่อมรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอและเหอฮูหยินสุดท้ายเหอซือซือก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองไห่หยางได้สำเร็จ “ข้าดีใจยิ่งนักที่เจ้าสามารถไปท่องเที่ยวกับข้าได้” วันนี้เจียงเซียวเล่อตื่นตั้งแต่เช้าเพราะตื่นเต้นที่จะได้เดินทางไปต่างเมืองกับสหาย “เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่เซวียน ที่สามารถเกลี้ยกล่อมท่านพ่อท่านแม่ได้” นางกล่าวก่อนจะหันไปมองบุรุษที่ยืนอยู่ข้างรถม้า เมื่อคิดย้อนกลับไปในวันนั้นเจียงเซียวเล่อถูกสั่งให้อยู่รอที่รถม้าเพื่อการเจรจาจะได้เป็นไปอย่างราบรื่นและสุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จจริง ๆ สมแล้วที่เขาเป็นพ่อค้าสามารถต่อรองและไล่ต้อนจนบิดามารดาของนางไม่อาจหาเรื่องมาโต้แย้งได้อีก เมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เจ้ายิ้มเช่นนี้ คงไม่ได้หลงเสน่ห์พี่ชายของข้าอีกคนหรอกนะ” เจียงเซียวเล่อเอ่ยถามเสียงดัง ทำให้เหอซือซือที่กลัวว่าสหายจะเข้าใจผิดคิดว่ามีวัตถุประสงค์แอบแฝงในเรื่องนี้รีบอธิบาย “ไม่ได้ ๆ ข้าเพียงนึกถึง
โถ่! เสียแรงที่เอ่ยปากสนับสนุน ช่างเสียเวลาจริง ๆ “ได้! ข้าจะรอ รู้หรือไม่ข้านั่งคิดหลายวันเลยว่ายามไปถึงเมืองไห่หยางจะชวนเจ้าทำอันใดหรือไปเที่ยวที่ใดบ้าง” “คงต้องรบกวนเจ้าพาข้าไปเที่ยวในสามวันนี้” “น่าเสียดายที่มีเวลาเพียงสามวัน ข้าจึงไม่อาจพาเจ้าไปในทุกที่ที่อยากไปได้” “ข้าได้ออกมาเที่ยวกับเจ้านอกเมืองเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีครั้งต่อไปก็ได้ เมื่อนั้นเจ้าค่อยพาข้าไปเที่ยวอีกดีหรือไม่” “เพราะเจ้าน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ ข้าถึงได้ชอบเจ้าอย่างไรเล่าซือซือ” รู้สึกดีใจยิ่งนักที่วันนั้นตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายและสนทนากับคุณหนูเหอผู้นี้ “เจ้าดีกับข้า ข้าก็ชอบเจ้า” นางยิ้มรับ น้องสาวของเจียงเซวียนผู้โดดเด่นช่างดีกับนางเสียจริง นางสัญญาว่าจะดีกับอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน ยามนี้นางไม่คิดกล่าวโทษเจ้าของร่างอีกแล้วว่าเหตุใดถึงยุยงให้สหายลงมือกับสตรีที่พี่ชายคนรองชื่นชอบ เพราะสิ่งที่เหรินเสี่ยวเหยาทำ มันไม่ใช่นิสัยของผู้ที่มีจิตเมตตาที่คนเล่าลือก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางในงานเลี้ยงของจวนราชเลขาธ
“ขออภัยขอรับพี่รอง ได้โปรดชี้แนะว่าที่น้องเขยผู้นี้ด้วยเถิด” ชักช้าอยู่ได้ ประเดี๋ยวก็อดกันทั้งคู่จะมาโทษเขาไม่ได้นะ “เจ้าก็แค่หาทางสนทนากับซือซือตามลำพังแล้วกล่าวว่าเจ้าพึงใจในตัวเซียวเล่อมานานหลายปี ได้แต่รอให้นางปักปิ่นก่อนค่อยเกี้ยวพา จึงอยากขอโอกาสให้เจ้าได้ใกล้ชิดกับเซียวเล่อบ้างเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ ตอนเจ้าเอ่ยอย่าลืมแสดงความจริงใจให้มาก หากนางเห็นความตั้งใจจริงของเจ้า เซียวเล่อก็ไม่อาจโต้แย้งได้ยามที่สหายขอแยกตัวไป” “เจ้านี่มันฉลาดเจ้าเล่ห์จริง ๆ ขอบคุณนะขอรับพี่รอง” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาดีใจทำท่าจะโผเข้ากอดสหาย “รอเซียวเล่อตกลงปลงใจกับเจ้าก่อนค่อยเรียกข้าว่าพี่รองก็ยังไม่สาย” กล่าวจบก็รีบยกแขนกันแล้วผลักอีกฝ่ายออกห่าง “เจ้าช่างใจร้ายกับสหายเช่นข้าเสียจริง” “ข้าจะพักสายตา เงียบเสียงหน่อย” เจียงเซวียนกล่าวก่อนจะหลับตาลง มุมปากยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสนทนาจากรถม้าคันที่วิ่งนำหน้า ‘หึ! แท้จริงเจ้าก็กำลังลอบฟังสตรีสองคนสนทนากัน’ พักสายตาอันใดโกหกทั้งเพ ไม่รู้คุณหนูเหอจะรู้ตัวแล้วหรือไม่ ว่าถูกจิ้
‘จะแกะให้ข้าด้วยเหตุใด ข้าแกะกุ้งเองได้’ นางคิดก่อนทำท่าจะคีบกุ้งที่เขาแกะให้ไปใส่ชามของสหาย “เจ้าไม่ชอบกุ้งหรือ” วาจาของคุณชายรองเจียงทำให้นางชะงักมือ “ชอบเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าคิดว่าท่านเอื้อมไม่ถึงชามข้าวของเล่อเล่อ” “พี่ตั้งใจแกะให้เจ้า เจ้าก็รีบกินเถิด ส่วนเซียวเล่อ หากนางอยากกินประเดี๋ยวก็มีคนแกะให้เอง” ‘ที่พี่หลี่จุนพยายามเข้าใกล้ข้าคงไม่ใช่เป็นเพราะแผนการของพี่รองหรอกนะ’ คิดจะให้สหายมาช่วยกีดกันนางให้ออกห่างจากเหอซือซือหรือ ฝันไปเถิดนางจะเกาะติดสหายให้แน่น “เจ้าอยากกินกุ้งน้ำเหลือหรือเซียวเล่อ ข้าจะแกะให้” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าแกะเองได้” เจียงเซียวเล่อเอ่ย แต่สายตาจ้องมองพี่ชายที่มองมาด้วยสายตาของผู้ชนะ ทว่าคนที่ร้อนรนเห็นจะเป็นคุณหนูเหอที่กลัวว่าสหายจะเข้าใจผิดคิดว่านางพยายามล่อลวงพี่ชายคนรอง นางจึงพยายามเขี่ยอาหารที่เขาคีบให้แล้วกินแต่ข้าวเปล่า จนอีกฝ่ายสังเกตเห็น “คีบอาหารใส่ปากด้วย อย่ากินแต่ข้าวเปล่า หรือว่าอาหารไม่ถูกปากพี่จะสั่งมาให้ใหม่” “เอ่อ...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
แต่เมื่อนางทามันลงบนแขนตนเองแล้วกำลังจะยกขึ้นดม กลับพบว่าบุรุษที่ไม่รู้มายืนอยู่ข้าง ๆ นางเมื่อใดกดจมูกลงบนแขนของนางทำให้ใจดวงน้อยที่เพิ่งกลับมาสงบเต้นระรัวกว่าเดิม “อืม กลิ่นจวี่จื่อใช่หรือไม่ ทำได้ดีไม่น้อย ได้กลิ่นแล้วสดชื่น” เหมือนยามที่เขาอยู่ข้างนาง “พี่เซวียน ท่านทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ” ต่อให้เป็นพี่ชายร่วมสายเลือด ก็ไม่สามารถมาดอมดมข้อมือ หรือแขนนางเช่นนี้ได้ “พี่ทำเช่นใดไม่เหมาะสมหรือ” “ก็ที่ท่าน...ช่างเถิดเจ้าค่ะ หากท่านอยากลองน้ำมันหอม ท่านควรลองเอง” และไปให้ห่างจากนาง แม้อยากจะเอ่ยไปแต่ยามอยู่ต่างเมืองเช่นนี้ต้องพึ่งพาเขา นางจึงไม่อาจเอ่ยวาจาตัดรอนได้ “พี่ไม่อยากให้ในกายพี่มีกลิ่นหอม มิเช่นนั้นอาจจะโดนเข้าใจผิดได้” “เพียงแค่ท่านซื้อน้ำมันหอมไปฝากนางสักสองสามขวด นางคงเข้าใจได้เองเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นหรือ อืม...พี่เข้าใจแล้ว” เขายิ้มรับก่อนจะแสร้งกวาดสายตาดูน้ำมันหอมรอบตัว ‘หึ! มีสตรีที่พึงใจแล้วก็รีบไปอยู่ห่าง ๆ จากข้าเลย’ เจียงเซียวเล่อจะได้ไม่เข้าใจผิดพานทำให้ต้องผิดใจกับนาง
8 ท่องเที่ยวที่ไห่หยาง (2) เมื่อผู้ดูแลร้านห่อน้ำมันหอมที่นางเลือกเรียบร้อยแล้วก็นำมามอบให้พร้อมทั้งแจ้งยอดเพื่อเก็บเงิน “ทั้งหมดยี่สิบห้าตำลึงทองเจ้าค่ะ” ‘หา! ยี่สิบห้าตำลึงทองหรือ’ เหอซือซือคล้ายมือไม้จะอ่อนจนเกือบทำน้ำมันหอมสองขวดในมือร่วงหล่น น้ำมันหอมแค่สองขวด เหตุใดถึงแพงเช่นนั้น “ได้! นี่เป็นตั๋วเงินสามสิบตำลึงทอง อีกห้าตำลึงทองเอาน้ำมันหอมกลิ่นที่คุณหนูผู้นี้เลือกมาเพิ่มอีกอย่างละขวดก็แล้วกัน” เผยหลี่จุนตอบรับก่อนจะหยิบตั๋วเงินจำนวนสามสิบตำลึงออกมาแล้วยื่นให้ผู้ดูแลตรงหน้าแล้วชี้นิ้วไปที่เจียงเซียวเล่อ “เอ่อ คุณชายเผย ข้าไม่เอา...” นางตั้งใจจะปฏิเสธน้ำมันหอมที่อีกฝ่ายซื้อให้เนื่องจากมันแพงเกินไป แต่เจียงเซวียนก็กระตุกชายอาภรณ์ของนางไว้เป็นเชิงห้าม “ปราสาทเมฆาร่ำรวยมาก น้ำมันหอมแค่สองขวดไม่ทำให้คลังของเขาร่อยหรอหรอก” “แต่ว่ามันแพงมาก” “ในมือเจ้ารวมแล้วก็แค่สองตำลึงทอง ไม่ได้แพงอันใดมาก” “จริงหรือเจ้าคะ”
‘ข้าว่าแล้วแท้จริงสองคนนี้ไม่ถูกกัน มิเช่นนั้นคุณหนูเหอคงไม่แสร้งตกใจจนผลักคุณหนูเหรินล้มเช่นนี้’ คุณหนูผู้หนึ่งกล่าว ‘ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคุณหนูเหอที่ผิด สตรีดีงามเช่นคุณหนูเหรินหรือจะทำร้ายผู้อื่น วันนั้นข้ายังเห็นนางเอาตัวเข้าบังคุณหนูเติ้งเพื่อช่วยเหลือจากการโดนแส้ฟาด’ เป็นสตรีคนหนึ่งป้องปากสนทนากับสหาย ‘ข้าเห็นด้วยกันเจ้า คุณเหอต้องริษยาที่คุณหนูเหรินงดงามและมีชื่อเสียงดีงามเป็นที่หมายปองของบุรุษมากกว่าตนเป็นแน่’ “นี่พวกเจ้า!” จูเฉ่าเหมยตั้งใจจะหันไปตวาดใส่พวกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ตัดสินผู้อื่นแล้ว แต่สหายเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะมือเป็นเชิงห้าม “ช่างเถิดอย่าได้สนใจเลย เราไปกันเถิด” นางหมดอารมณ์จะชมสวนแล้ว แต่ในขณะที่นางกำลังหมุนตัวจะพาสหายเดินจากไป
“คุณหนูเจียงหรือ ใช่บุตรสาวแม่ทัพเจียงหรือไม่” มิใช่ว่ามีคุณหนูอยากเข้าหามากมายหรือ เพื่อใช้เป็นสะพานทอดไปหาพี่ชายคนรองที่มีแต่สตรีหมายปอง “ถูกแล้ว เล่อเล่อนางน่ารักและเป็นสหายที่ดีมาก” “หากคุณหนูเจียงไม่รังเกียจข้าที่เป็นบุตรสาวพ่อค้า ข้าย่อมยินดีที่จะเป็นสหายกับนาง” “ดียิ่ง” นางยิ้มก่อนจะรีบวางจอกชาลงทันที เพราะสนทนากันอย่างเพลิดเพลินจึงลืมตัวหยิบจอกชาขึ้นมาและเกือบจะจิบมันเข้าไปแล้ว “ซือซือ ข้ามองหาเจ้าตั้งนานแท้จริงเจ้ามาหลบอยู่ที่นี่เอง” สตรีดีงามผู้มีรอยยิ้มอ่อนหวานเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากทักทายนาง ‘ตามหาข้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่’ นางคิดก่อนจะปรายตามองฝั่งบุร
‘เขาดูหลงใหลข้าเช่นนี้ดีไม่น้อย’ แค่นางกอดขาเขาให้แน่น เพียงเท่านี้ทางรอดของนางก็สว่างไสวแล้ว หลังจากคืนนั้นคุณชายรองเจียงก็ไม่ว่างมาปีนเข้าเรือนคุณหนูเหออีก มีเพียงจดหมายถามไถ่และเล่าเรื่องราวที่กำลังทำอยู่ให้นางทราบพร้อมทั้งส่งของปลอมประโลมที่ทำให้นางต้องคิดถึงเขาเป็นเครื่องประดับล้ำค่าและน้ำมันหอมสลับกันไปจนถึงวันที่มีการจัดงานเลี้ยงในวังหลวง ว่าด้วยงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ของฮองเฮา ไม่ต่างจากงานเลือกคู่ดูตัวเท่าใดนัก เพราะมีคุณชายคุณหนูวัยออกเรือนเข้าร่วมมากมาย แต่ละคนนั้นแต่ตัวงดงามจนเรียกได้ว่าแย่งชิงความโดดเด่นจากดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในสวน ‘งานเลี้ยงที่ไม่มีเล่อเล่อช่างน่าเบื่อหน่าย’ เหอซือซือลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เห็นสหายว่าติดพ
17 พบเจอสหายคนใหม่ แม้จะมีเวลาเพียงหนึ่งเค่อก่อนจะถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับองค์รัชทายาท เจียงเซวียนก็ยังแวะเวียนมาจวนตระกูลเหอและปีนหน้าต่างเข้าเรือนคุณหนูของจวนหวังจะได้สนทนากันสักสองสามประโยคให้ชื่นใจก็ยังดี “ซือซือ เจ้ามานั่งรอพี่หรือ” วันนี้เขาอารมณ์ดี
ก็อย่างที่เคยบอก มารยาดอกบัวขาวมีแต่บุรุษที่โง่เขลาเท่านั้นแหละที่มองไม่ออก จะมาเทียบมารยาชั้นครูเช่นนางได้อย่างไร ด้านคุณหนูเหรินที่วันนี้ได้รับคำเชิญจากหลวนโหวซื่อจื่อ ให้มาพบที่จวนโหว ได้แต่สะกดกลั้นความไม่พอใจในท่าทางของสตรีที่ตนเคยมองว่าเป็นเบี้ยล่างมาตลอด ก่อนจะยิ้มให้ดูอ่อนหวานที่สุดแล้วเดินเข้าจวนโหว “พี่จิ้นฝานรอข้านานหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างเพ่งพิศ แม้จะรูปงามน้อยกว่าคุณชายรองเจียง แต่ทว่าฮูหยินโหวซื่อจื่อนั้นมีศักดิ์สูงกว่า หรือนางจะเปลี่ยนใจมาล่อลวงบุรุษผู้นี้ดี ในอดีตความสัมพันธ์ก็ดีงาม หากนางต้องการสานสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องยาก “เจ้ามาแล้วหรือ” โหวซื่อจื่อถามด้วยน้ำเสียงอ่อ
“คุณชายฮุ่ย ข้าเข้าใจนะเจ้าคะ ว่าตัวข้านั้นน่ารักน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอมไม่แปลกที่ท่านจะหวั่นไหวและอยากตอบแทนบุญคุณด้วยร่างกาย แต่ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่ายามนี้ตัวข้านั้นมีบุรุษที่พึงใจแล้ว และเขาก็พึงใจข้า อีกไม่นานเราสองตระกูลก็คงจะได้เกี่ยวดองกัน ดังนั้นข้าไม่อาจตอบรับการตอบแทนบุญคุณของท่านได้จริง ๆ เจ้าค่ะ” คำพูดของนางคล้ายของหนักที่กดศีรษะของอีกฝ่ายให้ก้มหัวลงเรื่อย ๆ ในขณะที่นางกอดอกกล่าววาจาด้วยท่าทางมั่นใจ แม้เขาจะมีมัดกล้ามที่แน่นน่าสัมผัสไม่น้อย แต่ก็ชะตาชีวิตเขาก็สู้ลูกรักของสวรรค์อย่างเจียงเซวียนไม่ได้ และต่อให้นางมีโอกาสได้เลือกใหม่อีกครั้งนางก็ยินดีจะเลือกพ่อค้าเช่นพี่ชายของสหายมากกว่าหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรอย่างเขาที่มีหน้าที่จะต้องปกป้องผู้สูงศักดิ์ก่อนปกป้องตนเองและครอบครัว เหตุใดนางถึงรู้น่ะหรือ ว่าฮุ่ยหลานซีคนนี้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร ก็นางเห็นหยกพกประจำตำแหน่งของเขาอย่างไรเล่า
‘ขอเพียงท่านตอบตกลง ข้าสามารถทำให้ท่านคู่ควรกับข้าได้’ ‘ข้ามิบังอาจ และหากท่านจำไม่ผิดข้าปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับท่านมาโดยตลอด ดังนั้นเลิกป่าวประกาศว่าข้าเป็นคนรักของท่านได้แล้ว และหยุดระรานผู้อื่นด้วย’ ‘เจียงเซวียนแม้ท่านจะใจร้ายกับข้า แต่ข้าก็ยังรักท่าน พวกเจ้าจงจำเอาไว้ นอกจากข้าไม่มีใครคู่ควรกับเขา หากยังมีสตรีใดกล้ามองเขา ข้าจะควักลูกตามันออกมาให้หมด’ กล่าวจบเหลียงจิ่วเม่ยก็ก้มเก็บแส้แล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมออกไปทันที ‘คุณหนูเติ้งท่านปลอดภัยดีหรือไม่’ สตรีผู้งดงามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา ‘ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูเหรินที่ช่วยเหลือ’ เติ้งจูหลี่ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคุณหนูที่แทบ
16 เสี้ยนจู่แห่งแดนเหนือผู้ร้ายกาจ วันนี้ย่านการค้ายังคงคึกคักและมีคนออกมาจับจ่ายซื้อของมากเช่นเดิม อาจเพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ที่ถูกจัดขึ้นโดยฮองเฮา จึงมีคุณชายและคุณหนูที่ถูกเชิญเข้าร่วมต่างออกมาซื้ออาภรณ์และเครื่องประดับใหม่ “สือหลิวเจ้านั่งลงเถิด” “จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู” “จะให้ข้านั่งกินคนเดียวโดยมีเจ้ายืนมอง ข้าจะกินลงได้อย่างไร มิสู้เจ้านั่งกินด้วยกัน ข้าจะได้เจริญอาหารขึ้น” “แต่ว่ามันไม่เหมาะสม” “หากเจ้าไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับข้า เช่นนั้นก็กลับจวนไปก่อน ข้าจะนั่งจิบชากินขนมคนเดียวเงียบ ๆ” “...” “ว่าอย่างไร หากไม่นั่งก็รีบกลับจวนไปซะ” “บ่าวนั่งก็ได้เจ้าค่ะ” สือหลิวบอกเสียงอ่อน “ดีมาก” ต้องให้เอ่ยวาจาร้ายกาจก่อนถึงจะยอมใช่หรือไม่ เมื่อสาวใช้ยอมนั่งร่วมโต๊ะแล้วนางก็หยิบขนมแล
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่