Masukสูญเสีย
“คะ คุณพ่อ คุณพ่อ กรี๊ด!!!!” ร่างบอบบางของพริ้มพราวทรุดลงกองกับพื้นอย่างหมดแรง เมื่อภาพปรากฏต่อหน้า คือพ่อของเธอที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาก มีรอยกระสุนเจาะเข้าที่ขมับด้านขวา เลือดเป็นลิ่ม ๆ ที่กำลังไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย ประวิทย์เลขาคนสนิท ที่ยังพอตั้งสติได้ รีบเข้ามาประคองพริ้มพราวไว้ มืออีกครั้งจึงรีบกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลทันที “คุณหนูพริ้ม ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ตั้งสติก่อน” ประวิทย์พยายามเรียกเตือนสติพริ้มพราวอยู่หลายหน เพราะเธอเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจ รถพยาบาลมาถึงภายในไม่กี่นาที แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ พ่อของพริ้มพราวเสียชีวิตคาที่ ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงปืนดังแล้ว “คุณอา เพราะอะไรคะ เพราะอะไรทำไมพ่อถึงคิดสั้นแบบนี้คะ” หญิงสาวพูดไปสะอื้นไห้ไปจนตัวโยน “คุณหนูเดี๋ยวผมจะค่อย ๆ อธิบายทุกอย่างให้คุณหนูฟังนะครับ” “ค่ะ” งานศพพ่อของพริ้มพราวถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เมื่อเสร็จสิ้นพิธีทั้งหมด มีเพียงพริ้มพราวและประวิทย์เท่านั้นที่นำเถ้ากระดูกไปลอยอังคาร เพราะไม่มีญาติที่ไหนอีกเลย “คุณอาจะเล่าให้พริ้มฟังได้หรือยังคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยังคงเศร้าสร้อย ประวิทย์มองไปที่พริ้มพราว เขาเห็นเธอมาตั้งแต่เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จึงรู้สึกเอ็นดูและสงสารเธอมาก แต่ยังไงก็ต้องบอกความจริงให้เธอรู้ทั้งหมด “บริษัทของคุณท่าน โดนฟ้องล้มละลายหมายศาลน่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ และทุกอย่างที่เป็นชื่อของคุณท่าน ก็จะถูกศาลสั่งยึดทั้งหมด” “ล้มละลาย ได้ยังไงกันคะ คุณพ่อไม่เห็นเคยบอกพริ้มเลยว่าบริษัทมีปัญหา” “ท่านคงไม่อยากให้คุณหนูกังวลใจ” “แต่คุณพ่อก็เก็บปัญหาไปคิดคนเดียว..” เธอพูดไปร้องไห้ไป “ต่อไปนี้คุณหนูจะต้องเข้มแข็งไว้นะครับ เดี๋ยวลอยอังคารเสร็จเรามีเรื่องตั้งจัดการกันต่อ” ประวิทย์พาพริ้มพราวกลับมาที่บ้าน รีบเก็บข้าวของที่พอจะเก็บได้ทั้งหมดทันที “คุณอาจะให้พริ้มทำอะไรคะ” เธอถามออกไปด้วยความสงสัย “รีบเก็บของมีค่า ทั้งหมดแล้วคุณหนูรีบหนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก ผมก็ต้องหางานใหม่และที่อยู่ใหม่ด้วย” “ทำไมคะ” เธอเริ่มตกใจกับท่าทีของประวิทย์ “เพราะบ้านหลังนี้ก็กำลังจะถูกยึดครับ และยังมีเจ้าหนี้อีกหลายคนที่กำลังจะมาทวงหนี้ที่นี้ คุณหนูรีบหน่อยครับ” “เดี๋ยว…” เธอยืนมึนงงและสับสนไปหมด แต่ประวิทย์กลับตั้งสติได้ เก็บของมีค่าของเธอ ทั้งพวกเครื่องเพชรต่าง ๆ ที่พ่อเคยซื้อไว้ให้ รวมไปถึงรูปครอบครัวที่มีเธอกับพ่อแม่ ใส่หีบใบหนึ่งไว้แล้วยื่นส่งให้ พริ้มพราวรับมาถือไว้อย่างงง ๆ “นี้ด้วยครับ รถคันนี้เป็นชื่อคุณหนู” ประวิทย์ส่งกุญแจรถยนต์ให้เธอไว้ “คอนโดนี้ด้วยครับชื่อคุณหนู คุณท่านซื้อเก็บไว้ให้” “ค่ะ” ประวิทย์รวบเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ให้เธอ ก่อนจะจูงพริ้มพราวไปส่งที่รถยนต์คันที่เขาบอกว่ามันเป็นชื่อของเธอเอง “คุณหนูรีบออกไปก่อนนะครับ ไปหลบอยู่ที่คอนโดก่อน เดี๋ยวผมจะติดต่อไป ประวิทย์ปิดประตูรถให้ ก่อนจะเร่งให้หญิงสาวขับรถออกไป และตัวเขาเองก็รีบขึ้นรถขับออกไปเช่นกัน พริ้มพราวขับรถออกมาจากบ้าน แล้วจอดอยู่ไม่ไกลนัก เธอมองผ่านกระจกหลัง ก็เห็นมีกลุ่มคนหลายคน เข้าไปในบ้านของเธอ หญิงสาวรอดูอยู่พักใหญ่ ๆ คนพวกนั้นก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มากมายที่เคยเป็นของเธอและพ่อ เมื่อคนพวกนั้นออกไปจนหมดแล้ว พริ้มพราวขับรถถอยหลังกลับไปตรงประตูหน้าบ้านของเธออีกครั้ง เธอเห็นว่ามีป้ายขนาดใหญ่ติดประกาศขายบ้านพ่อเธอ พริ้มพราวน้ำตาคลอฟุบลงร้องไห้กับพวงมาลัยรถอยู่พักใหญ่ “หนูขอโทษ หนูขอโทษค่ะพ่อ ที่หนูเอาแต่ใช้ชีวิตสุขสบายโดยไม่รับรู้ปัญหาขอพ่อเลย” หญิงสาวพึมพำร้องไห้อยู่คนเดียว เวลาผ่านไปเป็นเดือน พริ้มพราวใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง เธอรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก โทรไปหาอาประวิทย์ก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ ค่ำวันนี้เธอเข้าไปที่ผับแห่งหนึ่ง เลือกที่จะดื่มแอลกอฮอล์เพื่อที่จะได้คลายความเหงาและเศร้า เมื่อเริ่มเมาได้ที่แล้วเธอจึงเรียกแท็กซี่กลับคอนโดเหมือนเช่นเคย พริ้มพราวนั่งคุดคู้ อยู่ภายในคอนโดที่มืดสนิท เธอจมอยู่กลับความทุกข์และเศร้า ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปในทิศทางใด หญิงสาวมองข้าวของที่เอาออกมาจะบ้าน ซึ่งมีไม่มากนักจนสะดุดตาเข้ากับหีบเล็ก ๆ ใบหนึ่ง พริ้มพราวจำได้ว่าประวิทย์ใส่รูปครอบครัวของเธอไว้ในนั้น มือเรียวค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบหีบใบนั้นอย่างอ่อนแรง เธอเปิดมันออกด้วยมืออันสั่นเทา หยิบรูปครอบครัวของเธอขึ้นมา “คุณพ่อ คุณแม่ ได้เจอกันแล้วใช่ไหมคะ พริ้มคิดถึงพ่อกับแม่มากเลยคะ” พริ้มพราวยิ้มอ่อน ๆ ให้กลับรูปใบนั้น ทว่าจู่ ๆ ห้องที่มือสนิท กับมีแสงสว่างปรากฏขึ้น พริ้มพราวลดรูปครอบครัวที่ถืออยู่ลง เพ่งมองไปที่แสงสว่างนั้น มันออกมาจากหีบใบนั้น เธอจึงหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ ๆ พริ้มพราวยกหีบขึ้นมาดู ดวงตาบอบช้ำเพ่งมองเข้าไป แต่ทันใดนั้นเองแสงที่ส่องออกมาจากหีบก็สว่างจ้ามากกว่าเดิม จนสายตาไม่อาจจะทานทนได้ เปลือกตาจึงปิดอัตโนมัติ พร้อมกับเบื้อนหน้าหนี พริ้มพราวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เปลือกตาสวยกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับแสงเมื่อได้ที่แล้ว หญิงสาวกลับรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวเธอบรรยายกาศมันเปลี่ยนไป เธอลองมองรอบ ๆ ตัว ก็ต้องตกใจจนหีบที่อยู่ในมือหล่นพื้นเสียงดังลั่น เพราะเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ ที่เธอนั่งอยู่พอดี เมื่อหีบหล่นพื้นเสียงดังลั่นทำให้ชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ตกใจตื่นลุกขึ้นมานั่งก็เห็นพริ้มพราวทำหน้าตาตื่นอยู่ “กลับมาหาพี่แล้วหรือ” ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่อย่างเช่นทุกครั้ง “แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมให้เอ็งหายไปไหนอีกแน่” พูดจบมือใหญ่ก็คว้าข้อมือหญิงสาวไว้แน่นพร้อมกับเอาผ้าขาวม้ามามัดมือเธอไว้อีกด้วย “ปล่อยนะ จะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” พริ้มพราวร้องขัดขืน พยายามจะดิ้นหนีสะบัดข้อมือให้หลุดพ้นจากชายหนุ่ม “คราวนี้พูดได้แล้วรึ” เพิ่มถามกลับไปเมื่อเห็นหญิงสาวพูดออกมา เพราะทุกครั้งที่ฝันถึงนาง เขายังไม่เคยได้ยินเสียงออกมาจากปากนางในฝันเลยสักครั้ง “คุณเป็นใคร…” ด้วยความมึนเมาที่มีอยู่ก่อนหน้า ทำให้เธอหมดแรงที่จะขัดขืน เพิ่มเห็นดังนั้นจึงไปโอบรับร่างเล็กไว้แนบอก ด้วยความแปลกใจ “อยู่เป็นเมียพี่เถอะหนา อย่างหนีไปไหนอีกเลย” “เดี๋ยว ๆ ว่าอะไรนะคะ เมีย ๆ อะ..” เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เพิ่มโน้มใบหน้าลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากบางทันที ริมฝีปากใหญ่จูบเม้นแทรกลิ้นอุ่น เข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กของพริ้มพราวอย่างโหยหา “อืม..” เสียงครางกระหึ่มในลำคออย่างพึงพอใจ เมื่อเพิ่มได้กลิ่นสุราจาง ๆ จากปากของพริ้มพราว แปลกจริง ฝันคร่านี้ช่างเหมือนจริงกว่าทุกที่ยิ่งนัก ชายหนุ่มคิดในใจ เขาถอนจูบมองใบหน้าสวย ภายใต้แสงจากตะเกียงรำไร “เอ็งช่างงามยิ่งนัก” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกนางในอ้อมกอด ไม่รอช้าเพิ่มก้มใบหน้าหล่อคม ลงไปคลอเคลียที่แก้มและซอกคอของพริ้มพราว เขาจงใจส่งลมร้อนจากปากรดผิวขาวที่ซอกคอเธอ จนพริ้มพราวเองรู้สึกเร่าร้อนแบบไม่เคยเป็นมาก่อน “คะ คุณ…เดี๋ยวก่อน” เสียงหวานเอ่ยอย่างติดขัดลมหายใจเริ่มขาดช่วง “เดี๋ยวอะไรหรือ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงกระเส่าข้างใบหูของเธอ มือไม้เริ่มลูบคลำไปที่หน้าท้องแบนราบลูบวนไปมา จนพริ้มพราวขนลุกชันไปทั้งตัว หญิงสาวพยายามดิ้น แต่ทว่าร่างกายกับไร้เรี่ยวแรง เธอไม่เคยถูกสัมผัสทางร่างกายแบบนี้มาก่อน ทำเอาหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง และมิอาจต้านทานแรงปรารถนาของร่างกายได้ แม้ภายในใจจะรู้สึกกลัวก็ตาม เธอเองก็ยังรู้สึกสับสนเหตุใดร่างกายถึงได้ไร้แรงขัดขืนแต่อาจจะเป็นเพราะเธอเมาอยู่ก็ได้ เมื่อนิ้วมือของชายหนุ่มสอดเข้าไปในกางเกงของเธอ เขากรีดนิ้วไปตามรอยแยกที่ปิดสนิท ยิ่งปลายนิ้วสัมผัสถูกยอดเกสร ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือก ร่างน้อย ๆ สั่นเทาเพราะความเสียวซ่านเริ่มมาเยือน เรียวขาเล็กก็ค่อย ๆ แยกออก สมองเธอเริ่มว่างเปล่า ปล่อยให้ความเสียวสยิวที่แปลกใหม่เข้าครอบงำ เพิ่มเริ่มสอดนิ้วเข้าไปที่โพรงรักของเธอ มันช่างอุ่นร้อนและคับแน่น “อ๊ะ.. มันเจ็บ” ชายหนุ่มสัมผัสถึงความบริสุทธิ์ของเธอ แค่นิ้วยังคับแน่นขนาดนี้ จนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะใช้ความเป็นชายของตนเสียบเข้าไปแทนมากกว่า คิดได้ดังนั้น เขาค่อย ๆ ว่างร่างเล็กให้นอนราบไปบนเตียง จัดการถอดชุดที่เธอใส่ออกอย่างทุลักทุเล เพราะยังไม่เคยเห็นเสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน จนทนไม่ไว้เพิ่มจัดก่อนฉีกเสื้อผ้าของพริ้มพราวจนขาดหมด อกคู่งามก็โชว์เด่นหล้า ล่อตาชายหนุ่มจนต้องก้มลงมาคลอเคลีย ดูดชิมเม็ดบัวที่กำลังแข็งตั้งเป็นไตอย่างสนุกปาก “อ่า….คุณ…” เสียงหวานขาดช่วงเพราะหายใจหอบ แต่ก็ยังแอ่นอกรับสัมผัสที่วาบหวามจากชายหนุ่ม เมื่อดูดดึงจนหนำใจแล้ว ร่างใหญ่ผละออกจากอกสวย เพิ่มดึงกางเกงของหญิงสาวออกหมด จนเนื้อตัวล่อนจ้อนผิวขาวเนียนไปทั่วร่าง ช่างดูงดงามและเย้ายวนไม่น้อย เพิ่มจัดการกับเสื้อผ้าตนเองจนเปลือกเปล่าเหมือนกับเธอ ก่อนจับเรียวขาทั้งสองแยกออกแล้วนั่งลง ท่อนความเป็นชายของเขาที่แข็งตั้งค่อยท่าอยู่นาน จดจ่ออยู่ที่ปากทางรักของเธอ ชายหนุ่มจับท่อนรักเริ่มกดเข้าไปในตัวเธอช้า ๆ “ฉันเจ็บ….หยุดนะ” พริ้มพราวร้องทวง มือทั้งสองของพริ้มพราวที่ถูกผ้าขาวม้ามัดไว้ยกขึ้นมาดันตัวเพิ่มออก พยายามขยับตัวถอยหนี เพิ่มรั้งข้อมือของเธอขึ้นกดไว้เหนือหัว “เดี๋ยวก็หายเชื่อพี่เถอะหนา” ชายหนุ่มก้มไปกระซิบบอกเธอ “อยู่กับพี่นี้ล่ะ อย่าได้หายไปอีกเลย” ความคับแน่นที่บีบรัดแก่นเขาจนแทบจะทนไม่ไว้ หญิงสาวใบหน้าเยเกด้วยความเจ็บปวด เหมือนร่างกายช่วงล่างถูกแยกออกจากกัน เพิ่มเองรู้สึกดีใจยิ่งนักที่ฝันครั้งนี้ นั้นแตกต่างจากครั้งไหน ๆ เพราะนางในฝันของเขานั้นไม่หายไปตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เพิ่มยังแช่ท่อนรักทิ้งไว้สักพัก ให้ช่องรักของหญิงสาวได้ปรับสภาพ พร้อมกับพรมจูบไปทั่วกรอบหน้าเธอ แล้วยังเลือนลงใช้ปลายลิ้นร้อนสัมผัสที่ยอดถัน เขาทั้งดูดทั้งขบเม้นสลับสองเต้านั้นอย่างหลงใหล จนหญิงสาวสะบัดหน้าไปมองด้วยความเสียวซ่านปนเจ็บกึ่งสุขกึ่งทรมาร มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้สัมผัสเช่นนี้มาก่อน “อ๊ะ อ๊ะ” พริ้มพราวร้องครางออกมาอย่างลืมตัว ไม่นานเขาก็ขยับสะโพกเข้าออกช้า ๆ อย่างเนิบนาบ “อ่า….” เพิ่มครางออกมาอย่างพอใจ แล้วเริ่มสอบสโพกเข้าออกเร็วขึ้น มือก็บีบเคล้นอกของเธอไปด้วย พริ้มพราวรู้สึกถึงความรัญจวนแปลกใหม่มันทั้งเสียวทั้งทรมาน จนได้แต่ร้องครางออกมาไม่เป็นภาษา ไม่นานความสุขสุดยอดไม่เคยพบเจอมาก่อนก็เริ่มครอบงำ ร่างบอบบางผวาเกร็งกระตุกเป็นจังหวะโพรงรักภายในตอดรัด จนชายหนุ่มแทบจะทนไม่ไว้ เธอเสร็จสมถึงฝั่งฝันจนหายใจหอบเหนื่อย เหมือนกับวิ่งออกกำลังกายมา ชายหนุ่มหยุดสอบสะโพก จูบลงไปที่ใบหน้าสวยที่ชุ่มเหงื่อเธอพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่เขากับตามมาจูบแลกลิ้นกับเธออีก พริ้มพราวไม่อาจจะปฏิเสธได้ เธอจึงเริ่มจูบตอบเขาบางอย่างเงอะงะ แล้วเอวหนาของเขาก็ขยับเข้าออกอีกครั้งอย่างเน้น ๆ และลึก.. “อ๊ะ…. อ๊า….คุณ…..อ๊า….” หญิงสาวครางลั่นเงยหน้าขึ้นสูดปาก เธอเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง “เร็ว….เร็วหน่อย…ได้โปรด อ๊าย…” พริ้มพราวร้องของอย่างไม่อาย เมื่อถูกกระตุ้น เธอเองก็อยากจะปลดปล่อยความต้องการนี้อีกครั้ง ชายหนุ่มก็เร่งจังหวะให้เธออย่างตามใจ เขาเองก็จะทนความคับแน่นไม่ไหว ไม่นานทั้งสองก็ไปถึงสวรรค์พร้อมกัน พริ้มพราวหายใจหอบเหนื่อยเหมือนใจจะขาดและหมดสติไป เพิ่มมองใบหน้าสวย แล้วถอนตัวออกมา เอื้อมมือมาลูบไร้เรือนผมหญิงสาวอย่างอ่อนโยนและล้มตัวนอนกอดเธอไว้ในอ้อมอก พลางถอนลมหายใจ และเบิกตาไว้ไม่อยากไม่อยากหลับแล้วกลัวจะตื่นจากความฝัน เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะหายไป เมื่อเขาตื่นมาจะไม่มีเธออยู่ในอ้อมกอด แต่เพราะความเหนื่อยล้าทำให้ชายหนุ่มเผลอหลับไปในที่สุด…..บทที่ 4ทำความรู้จัก (ช้าไปไหม)ก่อนที่แสงอรุณจะสาดส่อง เสียงไก่ขันดังขึ้นเป็นระยะ ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย แต่กลับรู้สึกใจหายวาบ เมื่อร่างนุ่มนิ่มที่เคยอยู่ข้างกายกับหายไปเขารีบลุกออกจากที่นอน เดินออกจากห้องด้วยใจที่ร้อนรนกลัวว่านางในฝันเขาจะหายไป เมื่อออกมาถึงนอกชานเรือนแสงจากตะเกียงสาดส่องทำให้เห็นร่างเล็กยืนอยู่ตรงนั้น เพิ่มรีบเดินเข้าไปหาแล้วสวมกอดเธอไว้อย่างหวงแหน จนพริ้มพราวสะดุ้งเล็กน้อย“พี่คิดว่าพริ้มจะหายไป” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยบอกเธอพริ้มพราวขืนตัวเอา แล้วหันหน้ากลับมามองชายหนุ่มอย่างเพ่งพินิจ“คุณรู้จักชื่อ…ฉัน” หญิงสาวชี้เข้าหาตนเอง“พี่ได้ยินตอนที่แม่พริ้ม พูดชื่อตนเองตอนนั้นเมื่อคืนนี้….” เขาหมายถึงตอนที่เธอครางเพราะเสียวจนเผลอพูดชื่อตนเองออกมา ซึ่งพริ้มพราวก็เข้าใจที่เขาหมายถึง จึงรู้สึกอายจนแก้มร้อนผ่าว“ฉัน….ชื่อพริ้มพราว คุณ…” เธอบอกชื่อตัวเองกลับเขา และพยายามจะถามชื่อเขากลับ“เพิ่ม พี่ชื่อเพิ่ม” เขาเอ่ยบอกกับเธอ“เอ่อ… คุณเพิ่ม ที่นี่คือที่ไหน”“นี้เรือนพี่”“ไม่ ฉันหมายถึง เอ่อ จังหวัด ตำบล หรืออำเภออะไรแบบนี้ค่ะ“อ๋อ สุพรรณบุรี”“สุพรรณ นี้ฉันเมาขนาดไหนกันแน
สมปรารถนาเช้าวันใหม่ แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาตามร่องหน้าต่าง เสียงไก่ขันดังแข่งสลับกับเสียงนกร้อง เพิ่มสะดุ้งสุดตัวตื่นลืมตาโพลง มองตรงขึ้นไปยังเพดานเรือน ช่วงวินาทีหนึ่งเขาใจหายวาบที่ตนเองเผลอหลับไป แต่ก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อสัมผัสได้ถึงร่างเล็กนุ่มนิ่มข้าง ๆ กายยังอยู่ ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเ ขารีบตะแคงข้าง เข้าหาคนตัวเล็ก มองนางอย่างเพ่งพินิจ แล้วหยิกเข้าที่แขนตัวเอง“โอ๊ย.. ไม่ได้ฝัน” ชายหนุ่มรู้สึกดีใจและประหลาดใจในเวลาเดียวกันเ ขาค่อย ๆ จับตัวพริ้มพราวที่นอนคดตัว ใต้ผ้าห่มผืนบางให้หันกลับมา“ใบหน้านี้ เป็นนางที่ข้าฝันถึงอยู่ทุกค่ำคืน แต่ตัวนางร้อนยิ่งนัก” ชายหนุ่มใช้ฝ่ามืออังไปที่คอ และหน้าผากนาง“หรือจะเป็นไข้” คิดได้ดังนั้น เพิ่มจึงรีบลุกขึ้นออกจากห้อง จัดแจงติดไฟต้มน้ำต้มยาให้หญิงสาว ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้ และใส่เสื้อผ้าของเขาให้นางก่อนเมื่อเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มจึงได้สังเกตเห็นหีบเล็กใบนั้นที่เขาเก็บกลับมา เมื่อหลายวันก่อนและยังเปิดไม่ออก มันหล่นอยู่แถมยังมีเครื่องประดับอัญมณีมากมายหล่นอยู่ข้าง ๆ หีบด้วยช ายหนุ่มจึงก้มล
สูญเสีย“คะ คุณพ่อ คุณพ่อ กรี๊ด!!!!” ร่างบอบบางของพริ้มพราวทรุดลงกองกับพื้นอย่างหมดแรง เมื่อภาพปรากฏต่อหน้า คือพ่อของเธอที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาก มีรอยกระสุนเจาะเข้าที่ขมับด้านขวา เลือดเป็นลิ่ม ๆ ที่กำลังไหลทะลักออกมาไม่ขาดสายประวิทย์เลขาคนสนิท ที่ยังพอตั้งสติได้ รีบเข้ามาประคองพริ้มพราวไว้ มืออีกครั้งจึงรีบกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลทันที“คุณหนูพริ้ม ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ตั้งสติก่อน” ประวิทย์พยายามเรียกเตือนสติพริ้มพราวอยู่หลายหน เพราะเธอเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจรถพยาบาลมาถึงภายในไม่กี่นาที แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ พ่อของพริ้มพราวเสียชีวิตคาที่ ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงปืนดังแล้ว“คุณอา เพราะอะไรคะ เพราะอะไรทำไมพ่อถึงคิดสั้นแบบนี้คะ” หญิงสาวพูดไปสะอื้นไห้ไปจนตัวโยน“คุณหนูเดี๋ยวผมจะค่อย ๆ อธิบายทุกอย่างให้คุณหนูฟังนะครับ”“ค่ะ”งานศพพ่อของพริ้มพราวถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เมื่อเสร็จสิ้นพิธีทั้งหมด มีเพียงพริ้มพราวและประวิทย์เท่านั้นที่นำเถ้ากระดูกไปลอยอังคาร เพราะไม่มีญาติที่ไหนอีกเลย“คุณอาจะเล่าให้พริ้มฟังได้หรือยังคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยั
บนบานต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ณ เมืองสุพรรณบุรี ตำบลที่ห่างไกลผู้คน ที่ตำบลแห่งนี้ยืดอาชีพทำนาเป็นหลัก เพิ่ม หนุ่มชายวัยสามสิบเอ็ดปี รูปร่างกำยำสูงใหญ่หน้าตาหล่อคมเข้มตามแบบหนุ่มไทยแท้ พ่อแม่ตายจากด้วยไข้ป่า ทิ้งที่ผืนนาแห้งแล้งไว้ให้สี่สิบไร่ เขาอาศัยอยู่ตัวคนเดียว ลูกเมียก็ยังไม่มี ที่ยังไม่มีนั้นเป็นตัวเขาเองที่ไม่คิดอยากจะมีเมีย เพราะว่าเขามีผู้หญิงในฝันอยู่แล้วนั้นเองเมื่อถึงเวลาหลับใหล เพิ่มจะฝันถึงหญิงสาว คนเดิมซ้ำ ๆ ภายในฝันนั้นทั้งสองอยู่ในสถานที่ ที่หนึ่งกำลังคลอเคลียจวนจะได้เสียกัน แต่ทุกครั้งชายหนุ่มจะตื่นก่อนเสมอเพิ่มจำหน้าหญิงสาวที่เขาฝันถึงได้ดี ซึ่งไม่มีหญิงคนใดในตำบลที่เขาอาศัยอยู่นี้เหมือนนางในฝันของเขาสักคน เขาจึงครองตัวเป็นโสดมานานหลายปี แม้จะมีหญิงสาวสุดสวยบ้านรวยระดับตำบล มาชอบเขา คอยเอากับข้าวขนมมาส่งให้ไม่ขาด แต่ชายหนุ่มก็หาจะสนใจไม่ เขายังคงมีหญิงสาวในฝันนั้นอยู่ในใจไม่เปลี่ยนแปลงวันนี้หลังจากยุ่งอยู่กับการถอนหญ้า เปิดน้ำใส่นา ที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว เขาเองก็หวังว่าจะได้ผลผลิตที่ดีบ้าง เพราะจำความได้ว่าทำนามาตั้งแต่เกิดมักจะได้ผลผลิตที่ไ





![คนดีของเฮียมังกร [ผัวเอวดุ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

