ภายในลิฟต์โดยสารที่มีเพียงสองแม่ลูก ลิฟต์เคลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามความสูงของอาคารหกชั้น
“แม่คะ”
“อย่ามาพูดกับฉัน ฉันโกรธอยู่” ผกากรองว่าแล้วมองหน้าตัวเองในผนังลิฟต์มันวาว มีความไม่พอใจระบายอยู่บนใบหน้าของตัวเองจนต้องเลื่อนดวงตาไปมองทางอื่น
“มันเป็นความประสงค์ของคุณลุงนี่คะ”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้อะไรคนพวกนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ แกรู้ดีที่สุดยัยเทียน” ว่าแล้วจับกระเป๋าคลัตช์ใบหรูมาหนีบไว้ใต้วงแขนแรงๆ ด้วยรูปร่างที่ระหงทุกสัดส่วนทำให้ผกากรองยังดูดีเมื่อเทียบกับอายุจริง
“ถ้าไม่ยกให้เขา แม่อยากยกให้ใครละคะ คุณลุงให้หุ้นพวกเขาอย่างน้อยๆ แม่ก็มั่นใจได้เลยว่าเขาไม่พาบริษัทเจ๊งแน่ๆ หนูทำคนเดียวไม่ไหวหรอกนะคะ”
เทียนหยดชี้แจง เธอไม่ได้ทำงานให้ RPS เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง งานบริหารจัดการของเธอเธอก็ต้องดูแล
“นั่นแหละที่ทำให้ฉันโกรธ ถ้าฉันรู้เรื่องงานบริหารมากกว่านี้สักนิดก็คงไม่ต้องให้หุ้นพวกเขาหรอก”
เทียนหยดส่ายหน้าช้าๆ มองมารดาแล้วสะท้อนในอก
“แม่คะ ถึงยังไงคุณลุงก็ยกหุ้นให้คุณสมัตถ์อยู่ดี ต่อให้แม่ทำงานเก่งแค่ไหน หุ้นตรงนั้นคุณลุงก็ไม่ให้แม่หรอกค่ะ”
“ใช่! แกรู้ดีนี่ว่าอะไรเป็นอะไร มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่ไม่รู้” บอกอย่างนึกเคืองบุตรสาว มีบางเรื่องที่เป็นความลับที่อดีตสามีไม่ยอมบอกนาง แต่กลับบอกบุตรสาวของนางแทน
“มันไม่มีอะไรนี่คะ แม่เชื่อเถอะว่าคุณลุงท่านไม่ได้นอกใจแม่จริงๆ”
“น่าเชื่อตายล่ะ พวกนั้นแอบนัดแนะพบกันตั้งหลายครั้งหลายหน และเป็นแกแท้ๆ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้พวกนั้นได้เจอกัน ฉันอยากรู้นักเทียนหยด แกยังคิดว่าฉันเป็นแม่อยู่หรือเปล่าฮะ!”
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับร่างของผกากรองและอารมณ์อันติดลบของนาง เทียนหยดมองตามร่างมารดาแล้วได้แต่ทอดถอนใจ บางครั้งการเป็นคนกุมความลับก็น่าหนักใจเกินจะกล่าว เธอพูดมันออกมาไม่ได้ จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร
ครืดๆ ๆ
เสียงโทรศัพท์ไร้สายสั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท เทียนหยดหยิบมันออกมาดู มีสายจากผู้ช่วยของเธอนั่นเอง
“ฮัลโหล ว่ายังไงนิดา”
“ของมาแล้วนะคะ คุณเทียนจะลองดูของก่อนไหมคะหรือว่าจะเอาเข้าห้องแล็ปเลย”
ผู้ช่วยนิดาถามไถ่ ของที่ว่านั้นหมายถึงวัตถุดิบในการทำครีมบำรุงผิวนั่นเอง
“จัดการไปเลยนิดา ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ ถ้าไม่มีปัญหาหนักอะไรเธอก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนได้เลย เดี๋ยวครีมส่งเข้าตลาดไม่ทัน”
“ค่ะๆ สู้ๆ นะคะบอส”
เทียนหยดอมยิ้มก่อนวางสาย แบรนด์ บล็องค์เต้ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางของเธอ เครื่องสำอางที่นำเข้าวัตถุดิบจากประเทศฝรั่งเศสและใช้โรงงานของ RPS เป็นฐานผลิต แต่เธอไม่ได้ใช้อำนาจที่มีทำมันฟรีหรอกนะ เธอทำทุกอย่างอย่างทุกต้องเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ของ RPS เธออยากทำมันด้วยตัวเอง อยากรู้จักคำว่ากำไรและขาดทุน
และนับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์มาจะสองปีแล้ว เธอยังไม่เคยพบคำว่าขาดทุนเลย กำไรนั้นมีมาทุกเดือน มากบ้างน้อยมากสลับกันไป ด้วยว่าบล็องค์เต้นั้นไม่ได้ผลิตสินค้าเพียงตัวเดียว แต่มีทั้งครีมบำรุงผิวกาย ผิวหน้า เซรั่ม สบู่ และกำลังจะทำแป้งตลับด้วย เธอทำทุกอย่าง และหวังว่ามันจะมั่นคงในอนาคต
“คุณเทียนครับ คุณเทียน เอ่อ...เรื่องห้องทำงานของผู้บริหารใหม่จะเอายังไงดีครับ” อเนก ชายผิวขาวซีดวัยใกล้สี่สิบ ร่างท้วมนิดๆ ศีรษะเถิกหน่อยๆ เดินมาหานายสาวอย่างรีบเร่ง วงหน้ามีแต่ความกังวล
“ให้เขาใช้ห้องคุณลุงเถอะ ท่านประธานคนใหม่คงไม่มานั่งทำงานให้เมื่อยหรอก อีกอย่าง มันคงดีถ้าเขาได้ทำงานในห้องที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุด และห้องมันก็กว้างมากด้วย คงมีพื้นที่มากพอให้เขาวางเอกสารตอนศึกษางานของ RPS”
อเนกทำหน้ากลั้นขำ “โอ...จริงครับ งั้นผมจะรีบจัดการทันที”
เทียนหยดยิ้มน้อยๆ
“อ้อ...อย่าลืมยกโต๊ะทำงานของเทียนเข้าไปไว้ในห้องเขาด้วยนะคะ”
อเนก “ทำไมละครับ?”
“ไม่ไว้ใจค่ะ”
เทียนหยดตอบสั้นๆ แต่อเนกกลับเข้าใจดี เขาทำงานให้ RPS มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ บริษัทเติบโตและได้กำไรในทุกๆ ปี มีเม็ดเงินมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ เป็นธรรมดาที่เจ้านายของเขาย่อมมีความระแวงในตัวผู้บริหารคนใหม่ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณรุ่งรดิศถึงทำแบบนี้ แทนที่จะยกหุ้นที่มีให้เทียนหยด คนที่ทำงานหนักไม่ต่างจากท่าน
เทียนหยดไม่มีตำแหน่งที่แน่นอนใน RPS แต่ได้รับอำนาจสั่งการจากคุณรุ่งรดิศว่าหากเทียนหยดบัญชาสิ่งใดแล้วละก็ ให้ถือว่าท่านมาบัญชาด้วยตัวเอง ฉะนั้นหากจะพูดให้ถูก เทียนหยดก็คือเงาอีกด้านของคุณรุ่งรดิศ เงาที่ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของท่าน เป็นแค่เงาที่ทำทุกอย่างเหมือนอย่างที่ท่านทำนั่นเอง บางครั้งเขาก็นึกสงสัย นอกจากเงินเดือนที่เทียนหยดได้รับจากรุ่งรดิศแล้ว หล่อนยังได้อะไร
__________
บ้านสวน นนทบุรี
ผกากรองยืนกอดอกมองละมุด พี่เลี้ยงของบุตรชายที่กำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ไม่รู้อดีตสามีนึกอย่างไรถึงให้พวกนางย้ายไปอยู่บ้านโสภณวิชญ์ ตอนแรกที่เทียนหยดบอกเรื่องนี้นั้น นางคิดว่าเป็นตลกร้ายที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเชียวล่ะ ใครเล่าจะอยากเข้าไปอยู่ในถ้ำของศัตรู ทว่าบวกลบคูณหารสิ่งที่โสภณวิชญ์ได้ไป นางเลยขอหอบกระเป๋าหนีความสงบสุขไปอยู่ใจกลางความวุ่นวายอย่างเมืองกรุงฯ สักพัก
หลายปีมานี้ นางอยู่ที่บ้านสวนเล็กๆ ที่เป็นสมบัติของอดีตสามีซึ่งเป็นบิดาของเทียนหยด อยู่อย่างเรียบง่ายโดยที่รุ่งรดิศจะแวะมาค้างด้วยอาทิตย์ละสามถึงสี่ครั้ง นางเลี้ยง โอบนิธิ ที่นี่ และคิดไว้ว่าหากบุตรชายจบชั้นประถมเมื่อไหร่ค่อยย้ายเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ และอาจจะกลับมาที่บ้านสวนเฉพาะเสาร์อาทิตย์ แต่ความฝันมีอันพังทลาย รุ่งรดิศตายจากไปอีกคนแล้ว และทิ้งนางไว้กับสมบัติมากมายที่นางไม่รู้แม้แต่วิธีจัดการกับมัน
“เธอเก็บเสื้อผ้าของตาโอบเสร็จหรือยังละมุด” เอ่ยถามพี่เลี้ยงสาวซึ่งเป็นบุตรของลุงกับป้าที่ดูแลสวนแห่งนี้
“เก็บแล้วค่ะ”
“ดี ผลไม้ในสวนน่ะ อะไรพอขายได้ก็ขาย ได้เงินมาก็เอาไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ถ้าเหลือก็เก็บเอาไว้ ถ้าสิ้นเดือนเดือนไหนไม่ได้มา ฉันจะโอนเงินค่าใช้จ่ายมาให้ อ้อ...อย่าลืมทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ล่ะ เดี๋ยวฝุ่นจับ”
“ค่ะ คุณผกา” ละมุดบอกแล้วถอนหายใจ ระหว่างนั้นเด็กชายร่างสมส่วนก็โผล่ขึ้นหน้าประตู บนใบหน้าเลอะไปด้วยดินโคลน
“โธ่...คุณโอบของละมุด” ละมุดทำหน้าเศร้ายามมองใบหน้าของเจ้านายตัวน้อย โอบนิธิเดินมานั่งข้างละมุดแล้ววาดแขนโอบเอวพี่เลี้ยงคนดี
“ไม่อยากไปเลยพี่ละมุด” โอบนิธิว่า
“ไปเถอะค่ะ จะได้ปรับตัวไว้แต่เนิ่นๆ คนในเมืองเขาเรียนกันหนักจะตาย” ละมุดแนะด้วยหวังดี โอบนิธิไม่ได้เรียนโรงเรียนดังในจังหวัด แต่เรียนในโรงเรียนใกล้ๆ บ้านที่ไม่ได้จ่ายแม้แต่ค่าเทอม ผกากรองนั้นถึงจะติดหรูตรงเสื้อผ้าอาภรณ์และของใช้แบบผู้หญิง แต่สิ่งหนึ่งที่นายสาวยึดติดมาตลอดก็คือการพอใจในชีวิตอันเงียบสงบและอยู่กับธรรมชาติ ฉะนั้นจงอย่าประหลาดใจ หากจะเห็นนางสวมรองเท้าแบรนด์ดังจากเวอซาเช่เยี่ยมชมสวนอันร่มรื่นแห่งนี้
“ไม่รู้จะเป็นยังไง ไปอยู่บ้านใครก็ไม่รู้” เด็กชายตัวน้อยบ่นแล้วแนบแก้มไว้กับต้นแขนของพี่เลี้ยง ผกากรองมองมาอย่างไม่พอใจ
“ออกมาจากพี่เขา โอบโตแล้ว เลิกติดพี่เขาเสียที”
เด็กน้อยทำหน้ายุ่ง ก่อนผละจากพี่เลี้ยงคนดี
“พ่อเราอยากให้ไป แม่ก็จะไป พวกนั้นได้จากเราไปมากแล้ว แค่แบ่งบ้านให้เราอยู่จะเป็นไรไปลูก”
“ก็โอบไม่อยากไป คิดถึงลุงกับป้า คิดถึงพี่ละมุด”
“แล้วไม่คิดถึงพี่หรือจ๊ะ”
เสียงหวานของเทียนหยดดังขึ้นที่ประตู เด็กน้อยยิ้มกว้างรับคำถาม
“ก็คิดถึง แต่รู้นี่นาว่าเสาร์อาทิตย์พี่เทียนต้องมา” โอบนิธิว่า
เทียนหยดเดินเข้ามาหา นั่งลงยังเตียงของมารดา
“ต่อไปเราจะได้เจอกันทุกวัน พี่จะเข้าไปอยู่ที่บ้านนั้นด้วย ไม่ต้องกลัวนะ คิดซะว่าเป็นบ้านญาติเราก็แล้วกัน”
“ญาติเนี่ยนะ! ให้น้ำท่วมหลังเป็ดเถอะยัยเทียนถ้าแกจะให้ฉันนับญาติกับคนพวกนั้น” ผกากรองโพล่งออกมา หน้าตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“โธ่...แม่คะ หนูแค่พูดให้น้องสบายใจ”
“แต่ฉันไม่สบายใจนี่”
“งั้นแม่ก็ไม่ต้องไปก็ได้นี่คะ คอนโดฯ หนูก็มี แม่ซื้อบ้านอีกหลังก็ได้ โครงการบ้านดีๆ มีเยอะแยะ”
“ไม่! ฉันไม่ไปอยู่หรอกในเมืองน่ะ วุ่นวาย แต่ฉันจะไปอยู่บ้านโสภณวิชญ์แน่ๆ มันคงสนุกพิลึก ให้เสือสองตัวมาอยู่ถ้ำเดียวกัน ฉันไม่ยอมให้พวกนั้นอยู่อย่างมีความสุขหรอก” ผกากรองเอ่ยอย่างมุ่งมั่น ยังโกรธอยู่ไม่น้อยเรื่องที่สามีแอบไปมีสัมพันธ์ลับๆ กับศมล มารดาของสมัตถ์ แม้ว่าตัวต้นเรื่องจะตายจากไปแล้วทั้งสองคน แต่ความโกรธนั้นยังมีอยู่เต็มหัวใจเชียวล่ะ
เทียนหยดส่ายหน้าระอา ขณะที่โอบนิธิกับละมุดหันหน้ามามองกันด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่สองแม่ลูกเจรจากันอยู่
“คิดถึงพ่อจัง”
ทุกคนนั่งเงียบเมื่อเด็กชายตัวน้อยเอ่ยขึ้นมา โอบนิธิปาดหลังมือกับแก้มตรงที่รู้สึกเหมือนมีดินโคลนติดอยู่
“พ่อมองเราอยู่” เทียนหยดว่าแล้วลงไปนั่งกับน้อง ช่วยเช็ดคราบดินโคลนที่เลอะใบหน้าน่าเอ็นดูนั้น
“คิดถึงนี่ครับ ถ้าพ่ออยู่คงได้ช่วยโอบปลูกต้นไม้ ต้นเทียนหยด กำลังงามเลย” เด็กน้อยว่า หน้าบ้านหลังนี้ปลูกดอกไม้ที่มีชื่อเหมือนมารดาและพี่สาวเขา และเขากับบิดาจะช่วยพรวนดินใส่ปุ๋ยมันทุกๆ อาทิตย์
ผกากรองสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ หันหน้าหนีทุกคน สองตามองออกไปนอกหน้าต่างที่มีต้นไม้ขึ้นจนครึ้ม ต้นมะม่วง ชมพู่ ทั้งส้มโอ ยืนต้นเรียงกันเต็มบริเวณ
“ถ้าพ่อเขาคิดถึงแม่ เขาคงไม่มีคนอื่นหรอกโอบ”
“แม่คะ อย่าพูดสิคะ น้องไม่ได้รู้เรื่องนะ”
“ก็มันอดไม่ได้นี่ แกดูหน้าน้องแกสิ เหมือนฉันนักหรือไง ยิ่งมองฉันยิ่งแสลงใจ” ผกากรองแอบปาดน้ำตา เทียนหยดลุกไปหามารดา แตะมือเบาๆ ที่ศอกนางข้างหนึ่ง
“ไม่เอานะคะแม่ สงสารโอบนะ อย่าพูดสิ” เตือนมารดาด้วยเสียงอันอ่อนลงด้วยไม่อยากให้โอบนิธิรับรู้เรื่องราวที่มารดาเอื้อนเอ่ย เขายังเด็กเกินไป เด็กเหมือนผ้าขาว ไม่ควรเอาสีไปละเลงใส่ก่อนวัยอันควร
ผกากรองปาดน้ำตาดีๆ ความเจ็บช้ำในอกยังเหมือนแผลที่กลัดหนอง เวลาได้ยินเรื่องราวของสามีผู้ล่วงลับ ก็คล้ายๆ ว่ามีใครเอาเข็มไปบ่งให้แผลมันปริแยกแตกออก ความทรมานนี้เทียนหยดคงไม่มีวันรู้จนกว่าจะได้พบเจอด้วยตัวเอง
“ฉันจะไปสั่งงานลุงกับป้า แกช่วยละมุดเก็บเสื้อผ้าให้ฉันก็แล้วกัน”
สั่งความแล้วก้าวจากไป ทิ้งเทียนหยดไว้กับความหนักอกหนักใจ หญิงสาวเข้าใจดีว่ามารดาย่อมเจ็บปวด เธอรู้ และพยายามบอกหลายครั้งหลายหนแล้วว่าคุณลุงนั้นมิได้นอกใจ ท่านไม่เคยนอกใจมารดาของเธอเลย แต่มารดาที่รักก็หาได้เชื่อไม่ บางครั้งการพูดความจริงก็เป็นสิ่งไม่น่าฟังไปเสียแล้ว
“บ้านนั้นเป็นยังไงครับ” เด็กชายถามหน้าซื่อตาใส
“ก็ดีจ้ะ บ้านนั้นมีสามคน มีผู้ชายกับผู้หญิงอายุราวๆ พี่ แล้วก็มีผู้หญิงแก่ๆ แก่กว่าลุงกับป้าอยู่คนหนึ่ง” เธอหมายถึงลุงกับป้าที่เป็นบิดามารดาของละมุด
เด็กชายพยักหน้าเข้าใจ ทว่าวงหน้านั้นไซร้มีความกังวลระบายอยู่
“ทำไมเราต้องไปอยู่ที่นั่นด้วยก็ไม่รู้ อยู่คอนโดฯ พี่เทียนยังดีกว่า”
“บางครั้งเราก็เลือกไม่ได้หรอกจ้ะโอบ บางที...อาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ในคำสั่งของพ่อโอบก็ได้นะ”
“จริงหรือครับ โอบคิดถึงพ่อจัง”
“พี่ก็คิดถึงจ้ะ” บอกแล้วดึงน้องชายมากอด โอบนิธิผูกพันกับบิดามาก ด้วยว่าตั้งแต่เกิดมาบิดามิได้อยู่บ้านทุกวัน ต้องไปกลับที่บ้านกับที่ทำงานอยู่เสมอ ในวันที่บิดาไปทำงาน โอบนิธิมักเฝ้ารอบิดาอยู่หน้าบ้าน เฝ้ารอว่าบิดาจะกลับจากทำงานเมื่อใด หากว่าค่ำนั้นบิดากลับมา โอบนิธิจะสดใสเป็นพิเศษ ทว่ากลับกัน หากบิดาเลือกค้างที่เมืองกรุงฯ โอบนิธิจะหงอยลงไปถนัดตา ก็ได้แต่ว่าหวังว่ากาลเวลาจะหล่อหลอมให้เด็กชายเข้มแข็งขึ้น เข้มแข็งอย่างที่บิดาเขาเคยต้องการ
ณ บ้านโสภณวิชญ์อันโอ่อ่าสมฐานะเจ้าของ เจ้าบ้านใหญ่นั่งอยู่กับหลานชายบนโซฟาผ้าไหมสีเขียวอ่อน ถัดไปเป็นหลานสะใภ้และเก้าอี้ว่างหนึ่งตัว ตรงข้ามกันนั้นเป็นร่างของสามแม่ลูกที่นั่งเรียงกันบนโซฟาตัวยาวเช่นกัน“บ้านนี้มีหลายห้อง แต่ว่า...”“แต่ว่ามีห้องว่างแค่ห้องเดียว ข้างบน”สมัตถ์เอ่ยขัดวาจาของย่า ไม่ได้เต็มใจกับการมาอยู่ที่นี่ของสามแม่ลูกสักนิด หากเป็นไปได้ก็อยากเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาสาดไล่เชียวล่ะ“ฉันนอนกับตาโอบได้ แต่ว่ายัยเทียน...” ผกากรองเปรยอย่างกังวล“น่าจะมีห้องว่างที่ข้างล่างนะคะ” เทียนหยดเอ่ยแทรกแล้วมองออกไปนอกประตูห้องรับแขก เธอเห็นประตูอยู่สองสามบาน น่าจะเป็นห้องละนะ“ข้างล่างเป็นห้องทำงานฉัน และห้องพักสำหรับแขก” สมัตถ์รีบบอก เทียนหยดยิ้มน้อยๆ“งั้นฉันอยู่ห้องรับแขกก็ได้”“ไม่ได้ ถ้าเธออยู่ห้องนั้น แล้วถ้าแขกมาล่ะ จะให้ปูเสื่อนอนหรือไง”ราตรีท้วงทันใด หน้าตานั้นไม่ต่างจากสามีมากนัก“แล้วจะให้ลูกฉันไปนอนที่ไหนล่ะ” ผกากรองถาม คอแข็งเป็นเอ็น ไม่ชอบใจคนบ้านนี้ไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำ“ความจริง...ห้องแม่บ้านเก่าก็ว่างนี่คะ กว้างขวางดีออก ข้างๆ ห้องคนใช้น่ะ” ราตรีบอกแล้วยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ
ชายหนุ่มกวาดตามองทั่วร่างงาม ชุดสูทแบบสตรีที่กระโปรงยาวเหนือเข่าขึ้นมาทำให้เขาเห็นขาขาวๆ เรียวๆ ของหล่อนเต็มตา หล่อนขาวจนผิวเนื้อแทบกลายเป็นสีกระดาษเลยก็ว่าได้ คงได้ความขาวมาจากมารดาหล่อนกระมังหมับ!“เอ๊ะ! มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ฮะ!” ร้องเสียงหลงเมื่อข้อมือข้างหนึ่งถูกเขากำแน่น เขาขยับมาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายกรุ่นอยู่แถวปลายจมูก“แล้วเธอล่ะ มีสิทธิ์อะไรมายืนต่อปากต่อคำกับฉันฉอดๆๆ ที่นี่ฉันใหญ่สุด”“แม่ฉันต่างหากใหญ่สุด” เธอเถียง“งั้นก็ไปเรียกแม่เธอมาสิ! เรียกมานั่งทำงานแทนฉันนี่!”เทียนหยดเม้มปากแน่น จนในคำท้าทาย“หึ...ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกแวดๆ ใส่ฉันซะที ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่มีทางเก่งกว่าผู้ชายไปได้หรอก อ้อ...อย่าพยายาม อ่อยฉัน! ฉันมีเมียแล้ว!”เขาประกาศแล้วชี้ลงยังกระโปรงสั้นของหล่อน เทียนหยดถึงกับอ้าปากค้าง ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่าง“อีตาบ้า! ใครอ่อยฮะ! ฉันคงสติไม่ดีถ้าคิดอ่อยคุณ”ร้องใส่หน้าเขาแล้วเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน อารมณ์ขุ่นมัวไม่น้อยเมื่อโดนดูถูกจากผู้ชายตัวใหญ่ที่ไร้มารยาทสิ้นดี ระยะเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ที่ได้พบเจอกันเป็นเรื่องเป็นราว เขาถือวิสาสะจับมือ
มื้อค่ำวันนี้เป็นครั้งแรกที่คนจากสองตระกูลได้มาร่วมโต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียง ศรีสุรางค์กับราตรีแทบจะกลืนอะไรไม่ลง ในขณะที่คนอื่นๆ ดูท่าเจริญอาหารกันถ้วนหน้า ผกากรองและบุตรชายรับประทานไปตามหน้าที่ ในขณะที่เทียนหยดตักข้าวเข้าปากคำหนึ่งก็จิ้มหน้าจอสมาร์ตโฟนไปทีหนึ่ง ส่วนสมัตถ์กำลังเอร็ดอร่อยกับกับข้าวที่รสชาติดีเหลือเกิน“วันนี้กับข้าวอร่อยจัง คุณไปซื้อที่ร้านไหน” เขาหันไปถามภรรยาราตรีตักแกงเลียงมาชิมคำหนึ่งก็รู้ว่าอร่อยสมดังที่สามีว่า“แม่ทำครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบ หลังจากไปรับเขาที่โรงเรียน มารดาก็ขลุกอยู่ในครัวจนถึงค่ำ รสชาติอาหารนั้นเขาจำได้ขึ้นใจทุกอย่างเลยสมัตถ์อิ่มตื้อขึ้นมาทันใด ยกแก้วน้ำขึ้นจิบอึกใหญ่ มองวงหน้าเด็กชายตัวน้อยก็เห็นว่าน่าเอ็นดูดีแท้ เสียแต่ว่ามีเค้าของรุ่งรดิศมากไป เขาเลยนึกชิงชังไปโดยปริยาย“แม่...อยากกินไข่เจียว” เด็กชายร้องขอผกากรองมองหาจานไข่เจียวก็เห็นว่าวางอยู่สุดโต๊ะอาหาร“เทียน ตักไข่เจียวให้น้องหน่อย”เทียนหยดเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอสมาร์ตโฟน มือซ้ายมีช้อนข้าว มือขวาจิ้มอยู่บนหน้าจอ เธอกำลังตอบกลับการสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่“คือเอ่อ...นี่คุณ” เธอเรียกสมัตถ
สมัตถ์กำลังจะล้มตัวลงนอนในตอนที่ศรีภรรยาแต่งตัวสวยและเซ็กซี่ ราตรีบอกว่าเพื่อนนัดออกไปเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด เขาอยากห้ามหล่อนหรอกนะ แต่นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่หล่อนจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ตอนที่บริหารโรงแรมช่วยเขานั้น หล่อนทำหน้าที่เลขาได้อย่างดีเยี่ยมจนแทบไม่มีเวลาเข้าแม้แต่ร้านเสริมสวยด้วยซ้ำ นับว่านี่คือโอกาสที่อยู่ในช่วงวิกฤติเลยล่ะเขาลุกไปหาภรรยาที่หน้ากระจกเงา กอดเอวเจ้าหล่อนไว้แล้วก้มลงไปหาซอกคอขาวๆ บรรจงจุมพิตและซุกไซ้อย่างที่เคยทำยามต้องการปลุกเร้าสาวเจ้าให้มีอารมณ์พิศวาส“อือ...ไม่เอานะคะ ไนท์รีบไป สามทุ่มแล้ว”“ไม่ต้องไปไม่ได้เหรอ วันนี้ผมเครียดจัง คุณอยู่กับผมดีกว่า” ร้องขอแล้ววางจมูกคมๆ ลงกับแก้มบาง สูดดมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว กระโปรงที่หล่อนสวมนั้นสั้นเหนือเข่าขึ้นมามากโข เขาสามารถลูบไล้ต้นขางามได้ง่ายๆ เลย“อย่าค่ะสมัตถ์ ไนท์รีบนะคะ กลับมาค่อยมาต่อนะ...อือ...” บอกอย่างนั้นแต่ครางอืออาเมื่อสามีสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง ฝ่ามือเขากอบกุมเนินนุ่มที่ปกคลุมด้วยผ้าบางๆ ของกางเกงชั้นใน สมัตถ์พยายามปลุกอารมณ์เธอ แต่มันช่างไม่เหมาะไม่ควร ตอนนี้เธอรีบนะ เพื่อนๆ รออยู่ที่ผับแล้ว“น
ลูกบ้านนี้ได้แม่กันหมดหรือไงถึงได้มีความขาวที่น่าพิสมัยเช่นนี้ หล่อนตัวสูง แต่ยังไม่สูงเท่าเขา พวงผมที่รวบเป็นหางม้าสูงอยู่เป็นนิตย์ บัดนี้ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ผมหล่อนยาว ดำขลับและมันวับ หล่อนเดินไปเดินมา และในจังหวะที่หันหน้ามาทางนี้ ก็ทำให้เขาอดใจไม่ไหวต้องเดินไปพิสูจน์บางอย่างใกล้ๆ“อ่า...ค่ะๆ สองหมื่นตลับนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้เจ้าหน้าที่ทำเอกสารแล้วส่งเมลไปให้ จ่ายก่อนครึ่งหนึ่งตามที่ตกลงไว้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ สวัสดีค่ะ”เทียนหยดรีบวางสายลูกค้าเมื่อเห็นร่างสูงของสมัตถ์เดินมาทางนี้ ใบหน้าเขาเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก ทว่าเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ จึงได้เห็นว่าหน้าเขาแดงนิดๆ และมีกลิ่นเบียร์จางๆ โชยมาหญิงสาวเดินหนีก่อนที่เขาจะมาถึงตัว“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน กลัวหรือไง” ถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ กวาดตามองร่างน้อยผ่านๆ และก็มั่นใจว่าใต้เสื้อกล้ามตัวน้อยนั้นหล่อนมิได้สวมเสื้อชั้นใน ปลายถันเล็กๆ ดุนดันเสื้อออกมาจนเห็นเป็นรูปทรง คอเสื้อของหล่อนไม่ได้เว้าแหว่งอะไร มันปกปิดเหนือเนินหน้าอก แต่รัดรึงเห็นรูปทรงชัดเจน หน้าอกหล่อนใหญ่พอตัว ใหญ่กว่าของราตรีเสียอีก และให้ตายเถอะ บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ระหว่างซอ
EP 3พิษรัก_________อรุณรุ่งวันใหม่สตรีร่างบอบบางในชุดสูทแบบสตรีสีเทาอ่อน กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างรถของตัวเอง กางเกงผ้าไหมแบบพอดีตัวช่วยส่งให้เรียวขางามนั้นดึงดูดใจคนมอง ทว่าคนคนนั้นคงไม่ใช่สมัตถ์ ความไม่พอใจยังอัดแน่นอยู่ในอกเขาจนแม้แต่ความงามของเทียนหยดก็ไม่สามารถลบล้างมันไม่ได้ ใช่แล้วล่ะ ศรีภรรยาของเขากลับมาตอนรุ่งสาง และหล่อนปฏิเสธที่จะร่วมรักกับเขา มันทำให้เขาหงุดหงิดเป็นบ้า“คุณสมัตถ์ เดี๋ยว!”เทียนหยดร้องเรียกคนที่กำลังเดินไปขึ้นรถของตัวเอง สมัตถ์อยู่ในชุดที่เรียบร้อยอย่างนักธุรกิจผู้ช่ำชอง ทว่าใบหน้าเขาไม่มีความสดใสหลงเหลืออยู่ มันบูดบึ้งไร้รอยยิ้ม“อะไร!” เขาถามห้วนๆ หันหน้าหนีไม่ยอมสบตาหญิงสาว“คือ...รถฉันสตาร์ตไม่ติด ขอติดรถคุณไปบริษัทด้วยได้ไหม” บอกเขาอย่างเกรงๆ “เอ่อ...ถ้าคุณไม่สะดวก ฉันนั่งแท็ก...”“เธอขับ”ฟิ้ว...กุญแจรถถูกโยนมาใส่ร่างบางของเทียนหยด หญิงสาวหน้ายุ่งเพราะเกือบรับมันไม่ทันหนุ่มสาวขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย สมัตถ์ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ส่วนเทียนหยดเริ่มเคลื่อนรถออกนอกรั้วบ้านไปช้าๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาดูเงียบจนเกินไป
“โธ่...แม่คะ หนูเป็นแฟนเขานะ มีอะไรก็ต้องช่วยกัน”“โอ๊ย...ฉันเบื่อฟังแล้วยังเทียน แกอย่าให้ความรักมันบังตาได้ไหม เรื่องอะไรแกก็ฉลาดนะ แต่ทำไมกับเรื่องผู้ชายแกถึงได้โง่นักนะ! เบื่อ! ฉันเบื่อ!”ผกากรองเท้าสะเอวร้องใส่หน้าบุตรสาว ลูกนั้นเราเลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆเทียนหยดไม่หือไม่อือ ไม่เถียงมารดาแม้ว่าจะโดนด่าก็ตาม“รอบนี้มันจะเอาเท่าไหร่กันแน่”คนถูกถามไม่อยากตอบ แต่คนถามคงไม่เลิกราง่ายๆ สุดท้ายเลยต้องบอกตัวเลขออกไป“สองล้านค่ะ”“อื้อหือ...” เสียงสมัตถ์ครางออกมาอย่างตื่นตะลึง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเทียนหยดกับแฟนหนุ่มจะเป็นเพียงแค่คนรัก พวกเขาอาจจะถึงขั้นสามีภรรยา เหลือแค่ยังไม่ได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว ไม่อย่างนั้นเจ้าหล่อนจะกล้าทุ่มทุนขนาดนี้หรือ“แกเห็นไหม แกอายเขาไหม ฉันเคยเห็นแต่ผู้ชายทุ่มให้ผู้หญิง มีแต่แกนี่แหละที่ทุ่มให้ผู้ชาย ระวังนะยัยเทียน มันทรยศแกขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ แกตายทั้งเป็นแน่ๆ น้ำตาได้เช็ดหัวเข่าก็คราวนี้แหละ”คนถูกประชดส่ายหน้ารัวๆ ขยับไปหามารดาหมายจะกอดนางปลอบโยน แต่สุดท้ายแล้วมารดาก็บ่ายเบี่ยง หน้าตาติดโกรธเคืองไม่หาย“เรารักกันนะคะแม่ ขอเวลาให้จีเก็บตังค์ก่อน รับรองว่า
EP 3/3 พิษรักเทียนหยดยังเงียบ จ้องหน้าเขาราวกับอยากจะถามให้ชัดว่าลิปสติกที่เธอเจอใต้โซฟาเป็นของใคร ทว่าสิ่งที่เอ่ยออกมากลับมีแค่…“ห้องรกค่ะ”“ขอโทษครับ...แม่บ้านที่เคยโทรเรียกไม่ว่างมาทำให้น่ะ ไปต่างจังหวัดสองสามวันแล้ว” จีรวัฒน์แก้ต่าง เขาลุกมานั่งพิงหลังกับหัวเตียง ลูบหน้าลูบตาแรงๆ อย่างต้องการเรียกหาความสดชื่น“ก็อย่าทำรกสิคะ”“โธ่เทียน...มันรกเอง จริงๆ” ว่าแล้วดึงเทียนหยดลงมานั่งด้วยกัน กอดร่างบางไว้ชั่วอึดใจก่อนที่เจ้าของจะดึงมือเขาออก “โอย...กอดก็ไม่ได้” ท้วงอย่างงอนๆ“แต่งเมื่อไหร่จะให้กอดค่ะ ตอนนี้เก็บค่าสินสอดไปก่อนนะคะ” คนสวยว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้แต่งงานกับจีรวัฒน์ไหม เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเงินค่าสินสอดของเธอนั้นจะไม่งอกเงยขึ้นมาเลย มีแต่เงินที่จีรวัฒน์หยิบยืมไปต่างหากที่มันเพิ่มขึ้นๆ พวกเธอรู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฐานะของจีรวัฒน์ไม่ค่อยดีนัก แต่เธอไม่ได้เอาส่วนนั้นมาเป็นข้อแม้ในการคบหา เขารักเธอ และคอยดูแลเธอมา พวกเราดูแลกันและกันในฐานะคนรัก คนรักจริงๆ เพราะไม่ได้มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้องเลย เธอรู้ว่าจีรวัฒน์เองก็ต้องการ แต
ราตรีใจหายวาบ รีบหาทางแก้ต่างเป็นการด่วน“อะไรนะ! บ้าไปแล้วสมัตถ์ ไม่มีอะไรทำหรือไงถึงได้มาหาเรื่องกัน ไนท์จะมีกลิ่นแบบนั้นได้ยังไงฮะ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ไนท์โกรธ!” ราตรีทำเป็นตีโพยตีพาย แต่สมัตถ์ก็ไม่ยอมแพ้“แต่ผมมั่นใจ!”“ไปตายซะ! ไนท์อยู่ของไนท์ดีๆ มาว่าไนท์ทำไมฮะ! หรืออยากมีคนใหม่ ถ้าอยากมีก็ไปเลยสมัตถ์ ไม่ต้องมากล่าวหากันอย่างนี้!” ราตรีออกอาการเหวี่ยงวีน บีบน้ำตาจนมันไหลมาคลอเต็มสองเบ้าสมัตถ์ใจไหวยวบ น้ำตาผู้หญิงไม่เคยถูกจริตเขาเลย“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ตอบมาไนท์ ไอ้นั่นมันเป็นใคร!”“บ้าบอคอแตก ฆ่าไนท์เถอะถ้าจะให้ไนท์โกหก!”คำย้อนคืนของราตรีทำเอาสมัตถ์เริ่มไม่มั่นใจ“ก็มันจริง!” เขาเถียง ใบหน้าหล่อเหลาไร้แววรื่นรมย์ มันเครียดขมึง แดงก่ำและดวงตาเต็มไปด้วยโทสะราตรีร้องไห้กระซิกๆ ยืนมองสามี ริมฝีปากสั่นไหว“หลักฐานก็ไม่มี”“มี! แต่คุณอาบน้ำแล้วนี่” เขาเอ่ยออกมาเหมือนเยาะราตรีส่ายหน้าอย่างเหลืออด มือข้างหน
เสียงหัวเราะของราตรีช่างเจ้าเล่ห์เหลือร้าย สมัตถ์มุ่นคิ้วหนักๆ ความระแวงแคลงใจแล่นกลับสู่หัวใจอีกระลอก เขาตัดสินใจเคาะประตูก๊อกๆๆราตรีหันขวับมาหา ดวงตาเบิกโตเล็กน้อย หน้าเจื่อน รีบเอาโทรศัพท์ซ่อนไว้ด้านหลัง“เอ้า...มาแล้วหรือคะ วันนี้กลับไวจัง” ทำเป็นทักทายอย่างปกติ มิให้พิรุธสมัตถ์หรี่ตาลงอย่างสงสัย แต่วงหน้าก็ยิ้มแย้มเช่นเดิม เขาดึงเนกไทลงน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปสวมกอดหล่อน“อะไรคะนี่”“ก็คิดถึง อยากกอด” เขาว่า สองแขนโอบร่างหล่อน แต่สองตามองลงไปเบื้องล่าง โทรศัพท์มือถือของหล่อนยังไม่วางสาย มันยังขึ้นแถบสีเขียวสว่างจ้า ไม่ปรากฏชื่อคนที่โทรเข้ามา มีแต่เบอร์ที่เป็นตัวเลขเท่านั้น เขาจนใจจะจำมันได้ครบเพราะเห็นไม่ชัดเจน และไม่กี่วินาทีต่อมาหล่อนก็ผลักเขาออก“พอแล้วค่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนสิคะ เหม็นเหงื่อ”“เหม็นตรงไหน ออกจะหอม” เขาเถียง ราตรีกลอกตาไปมา“เอ่อ...ไนท์ ไนท์ว่าจะลงไปดูคุณย่าค่ะ แกเอนหลังตั้งแต่บ่าย ไม่รู้ตื่นหรือยัง” เอ่ยยิ้มๆ เอามือถือ
[11]ระแวงแคลงใจ___________เสียงไขกุญแจเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าประตู สมัตถ์รีบดึงผ้านวมขึ้นชิดปลายคาง ปกติเขาจะไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกหากได้หลับลึกไปแล้ว ทว่าวันนี้ดันดื่มน้ำอัดลมเยอะไปหน่อย ท้องไส้เลยไม่ปกติต้องลุกมาหายารับประทาน ต้องถือว่าเป็นความผิดของโอบนิธิละนะ เพราะเด็กน้อยผู้น่ารักดันชวนดวนน้ำอัดลมตอนออกมาจากวัด จัดกันไปคนละหลายขวดโดยมีเทียนหยดเป็นเจ้ามือ นอกจากท้องอืดจนรับประทานมื้อค่ำไม่ได้แล้ว เลยได้ของแถมเป็นการปวดท้องตอนใกล้เที่ยงคืนนี่อย่างไรแกรก...เสียงลูกบิดประตูถูกหมุนให้ลงล็อก สมัตถ์ยิ้มกริ่มท่ามกลางแสงสลัวในห้องนอน ไฟในห้องเขาไม่ได้เปิด เปิดไว้เพียงไฟในห้องน้ำ ทว่ามันก็ถูกแง้มไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสียงฝีเท้าของราตรีหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ก่อนที่เสียงสั่นครืดๆ ของโทรศัพท์ไร้สายของหล่อนจะดังขึ้นเบาๆ เสียงควานหามันในกระเป๋าดังตามมา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นดูเล็กน้อย ก่อนจะรีบหุบลงเมื่อหล่อนเหลือบมามอง“ฮัลโหล โทรมาทำไมฮะ”เสียงกระซิบกระซาบถามคนปลายสายสมัตถ์ม
เทียนหยดทำอย่างเดียวกับกับน้องชาย เหลือเพียงสมัตถ์ที่ยืนตัวแข็ง ใบหน้านิ่งเฉยไร้รอยยิ้ม“พี่มัตถ์ ไหว้พ่อสิครับ”สมัตนิ่งขึง เทียนหยดดึงชายเสื้อเขาแรงๆ เขาจึงยอมนั่งลง ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายคล้อยที่ยังร้อนอยู่“เธอคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยอมยกโทษให้เขาเหรอ” เขาถามเสียงเบาเพียงกระซิบ แต่มั่นใจว่าเทียนหยดได้ยินชัดเจน“ไม่หรอก เผื่อฟลุกไง เปิดใจหน่อยน่าคุณ ท่านทำทุกวิธีแล้วนะ ไม่ยกโทษให้ท่าน ก็โกรธท่านน้อยลงก็ยังดี นะๆ”เทียนหยดร้องขอพร้อมรอยยิ้มซื่อใส ใบหน้าน้อยติดอ้อนอย่างเด็กสาว ทำให้ใจของสมัตถ์กระตุกเบาๆ ต้องรีบหันหน้ามาทางที่เด็กน้อยนั่งอยู่ รูปของรุ่งรดิศยังคลี่ยิ้มละไม เขาเพิ่งเห็นหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ก็ตอนนี้ โครงหน้าเขา ดวงตาเขา หรือแม้แต่รอยยิ้ม คล้ายคลึงใบหน้าโอบนิธิไม่น้อยเลยสมัตถ์พ่นลมเบาๆ ออกจากปาก หน้าตาบอกบุญไม่รับ“พี่มัตถ์ร้อนเหรอ เดี๋ยวโอบยืนบังแดดให้นะ” ว่าแล้วโอบนิธิก็ลุกไปยืนบังแดดให้พี่มัตถ์ ด้วยยามบ่ายคล้อยดวงตะวันมิได้อยู่ตรงศีรษะ มันเลยส่องร่างด้านข้างของพี่มัตถ์ เข
เช้าวันอาทิตย์เสียมอันเล็กๆ ถูกเทียนหยดใช้ขุดดินดำๆ ที่ข้างสนามหญ้า หน้าห้องของเธอมีพื้นที่ว่างไม่น้อย และคงดีหากมีดอกไม้มาออกดอกให้ได้ยลโฉมบ้าง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายทั่วใบหน้างาม แต่ไม่ทำให้คนสวนจำเป็นย่อท้อ ยังตั้งใจขุดดินจนมันกลายเป็นแปลงขนาดสองคูณสี่เมตร ก่อนจะใช้ดินที่ซื้อมาคลุกเคล้าเข้ากับดินเดิมของมัน มีต้นดอกเทียนหยดอยู่ในถุงพลาสติก บางต้นเริ่มออกดอกสีม่วงสดใส บางต้นยังตูมอยู่ แต่พร้อมจะบานในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า“อะแฮ่ม”เสียงกระแอมดังขัดจังหวะเสียมที่กำลังปักลงดิน เทียนหยดลุกยืน สมัตถ์ในชุดอยู่บ้านสบายๆ เดินแบกไม้กอล์ฟมาทักทายเธอแต่เช้า“อะไรติดคอคะ”เขาทำหน้ายุ่งเมื่อถูกเบรก “ฉันแค่อยากรู้เลยหาเรื่องคุยกับเธอน่ะ”“อาฮะ เข้าใจแล้ว อยากรู้อะไรล่ะ”“อยากรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรน่ะสิ”หญิงสาวมองค้อน เขาไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่“วันอาทิตย์ฉันว่าง ไม่ต้องไปหาผู้ชาย เลยหาอะไรทำแก้เซ็ง” เธอบอก หอบน้อยๆ เพราะเหนื่อยจากการออกแรงข
“ไม่นะเทียน ก็แค่รูป เทียนอยู่ในใจจีเสมอ เทียน...อย่าร้องไห้ จีขอโทษ ปล่อยจีแล้วเรามาคุยกันนะเทียน” เขาวอนขอ รู้สึกวูบวาบหวามไหวขึ้นมาอีกแล้ว แม้จะถูกความจริงสาดใส่หน้าจนด้านชา ทว่าความรู้สึกปรารถนาเรื่องอย่างว่ายังคงมีอยู่ บ้าจริง! ทำไมเป็นแบบนี้ เหตุใดถึงควบคุมมันไม่ได้นะ!“ทรมานไหมคะ หึๆ”“อะไร? หมายความว่าไงฮะ!”เขาร้องถาม ยิ่งเห็นหล่อนหัวเราะเยือกเย็นยิ่งรู้สึกเสียวสันหลัง“ก็ทรมานเพราะอยากมีเซ็กซ์ไงล่ะ ชอบไม่ใช่เหรอ คืนนี้ได้ตายคาเตียงแน่จีรวัฒน์!”คนถูกขู่กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ชักไม่มั่นใจแล้วว่าสถานการณ์นี้มันจะปกติ“เทียน แก้มัดเถอะ ขอร้อง”“ไม่...รู้อะไรไหมจีรวัฒน์ ดอกเทียนหยดน่ะ มันงดงาม น่ารักน่าทะนุถนอมจะตาย แต่ว่า...อย่าเผลอไปทำลายมันเข้าล่ะ เพราะพิษมันร้าย อาจทำให้คุณถึงตายได้เชียวนะ แต่อย่ากังวลไปเลย สิ่งที่คุณทำกับเทียนมันร้ายแรงก็จริง แต่เทียนไม่เอาคุณถึงตายหรอก ก็แค่ จดจำไปตลอดชีวิต จดจำชื่อเทียนหยดไปตลอดชีวิตเท่านั้นเอง...”&ldqu
[10]แด่คนสารเลว____________สมัตถ์มองวงหน้าน้อยอย่างพิจารณา ดูเอาเถิด หล่อนร้องไห้น่าสงสารนัก ตาหล่อนแดงก่ำ ปลายจมูกหล่อนแดงไปหมด มีแต่ซีกแก้มข้างที่เขาประคองอยู่นี้ที่มันมีสีม่วงอ่อนแซมจางๆ ผิวหล่อนเนียนนุ่มมือ ทั้งยังขาวสะอาด ไม่สมควรมีรอยอย่างนี้ให้ต้องมีตำหนิเลย“ฉันขอโทษจริงๆ”เธอพยักหน้าหงึกๆ “ฉันรู้ค่ะ” ฝืนยิ้มให้เขา หัวใจเต้นแรงยามปลายนิ้วเรียวเกลี่ยหยดน้ำตาออกให้ เขาคงทำไปเพราะความเคยชินกระมัง คนอย่างสมัตถ์แคร์ความรู้สึกสุภาพสตรีเสมอ โดยเฉพาะภรรยาเขา และครั้งนี้ ความเผลอคงทำให้เขาแบ่งปันมันมาให้เธอ“อ่า...ขอโทษที ฉัน...” ไร้คำแก้ต่างใดๆ ยามรู้ตัว สมัตถ์ดึงมือออกช้าๆ เทียนหยดมองมันอย่างแสนเสียดาย“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ...ขอโทษจริงๆ รู้ไหม...ตอนนี้ฉันอยากยืมแผ่นหลังคุณจัง มันคงซับน้ำตาฉันได้ดีกว่ากระดาษเช็ดหน้าแน่ๆ” บอกเขาขำๆ มีรอยยิ้มทั้งที่น้ำตายังไหลอยู่“ไม่...ไม่ดีหรอก...ไม่ได้”“
วันรุ่งขึ้นผกากรองยืนอยู่ข้างรถตัวเอง นางกำลังจะไปส่งบุตรชายที่โรงเรียน แต่อยากถามบางอย่างจากสมัตถ์ก่อน เขาเดินออกมาขึ้นรถตามปกติ ราตรีตามมาส่งเขาแต่กลับเข้าบ้านไปแล้ว“เดี๋ยวค่ะคุณสมัตถ์”สมัตถ์ชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถ รับรู้ถึงการมาของสตรีวัยเลยสาว“ครับ”“คุณเจอยัยเทียนบ้างไหม ฉันไม่ได้เจอลูกมาสองสามวันแล้ว อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ” นางบ่นสมัตถ์ถอนหายใจเบาๆ ภาพเมื่อคืนจู่โจมเขาจนรู้สึกอึดอัด ต้องขยับเนกไทให้หลวมยิ่งกว่าเดิม “เอ่อ...เธอคงยุ่งอยู่กับแฟนมั้งครับ”“งั้นเหรอ เฮ้อ...ยัยเทียนนะยัยเทียน จะเลิกกับนายนั่นอยู่แล้ว ไม่รู้จะไปข้องแวะทำไมอีก”“นั่นสิครับ” เขาสำทับผกากรองตาเบิกโต “คุณรู้เรื่องด้วยหรือคะ”เขาพยักหน้า “เธอระบายน่ะ อกหัก แฟนมีคนอื่นและเธอกำลังหาทางเอาคืน” เขาอธิบายผกากรองหนักใจยิ่ง “ฉันไม่เห็นด้วยเลย ผู้ชายยังไงก็เป็นผู้ชาย มันอันตรายจะตายไป ถ้ายังไงถึงบริษัทแล้ว รบกวนคุณช่วยบอกเธอให
กลางดึกของคืนอันขุ่นมัวด้วยความไม่เข้าใจ เทียนหยดยืนอยู่ใต้ร่มอโศกในชุดนอนแบบสตรีที่ไร้เสื้อคลุม มวลไอแห่งหยดน้ำค้างลอยอ้อยอิ่งเต็มสนาม ราตรีกาลอันมืดสลัวมีเพียงแสงสว่างรางเลือน หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ มิได้รู้สึกถึงฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างแล้ว เธอยืนนิ่งในจุดที่เพิ่งผละจากสมัตถ์ ไอเย็นจากบรรยากาศรอบกายทำให้ต้องยกมือกอดอก ถามตัวเองในใจว่าทำไมต้องมายืนอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่กลับไปนอนเสีย นี่ก็ดึกมากแล้ว เขาคงไม่ลงมาแล้วกระมังทว่าในวินาทีที่ก้าวขาออกเดิน แขนข้างหนึ่งของเธอก็ถูกกระชากอย่างแรง“โอ๊ย!”“ชู่ว์...” สมัตถ์ห้ามเสียงหวีดร้องของแม่คนงาม เขาดึงร่างเทียนหยดเข้ามาหาแล้วดันจนแผ่นหลังหล่อนชิดต้นอโศก“เจ็บนะ” เธอบอก“เธอชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ไงล่ะ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องออกมาอ่อยฉันถึงที่”เสียงสบประมาทแม่คนใจกล้าดังอยู่ข้างหูหญิงสาว เทียนหยดใจเดือดปุดๆ พยายามแกะมือเขาออกจากแขนตัวเอง แต่ทำไปก็เท่านั้นเพราะตอนนี้ร่างเธอกับเขาแนบชิดกันแทบทุกสัดส่วน ปลายจมูกเขาคลอเคลียที่ข้างแก้มเธอ ได้ยินเสียงลมหายใจเข