"ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่สาวแท้ๆ ของคุณไหม"
"ถามทำไม" ทีแรกก็ไม่ได้สนใจเธอหรอก แต่พอได้ยินคำถามนี้เขาถึงกับหันมองมา
"คนเราจะมองกันด้วยสายตาแบบนั้นมีไม่กี่อย่างหรอก" เธอหมายถึงสายตาที่เขามองพี่สาวของเขาเอง
"เราควรต้องคุยกันหน่อยแล้ว"
"คุยอะไรคะ"
"ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย"
"ฉันไม่ได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณสักหน่อย แค่ฉันถาม"
"นี่แหละที่เขาเรียกว่ายุ่งเรื่องส่วนตัว" พอสิ้นคำพูดรามิลก็ออกจากห้องไป
"แบบนี้มีพิรุธ ตกลงเขาเป็นชายรักชาย หรือว่า.." แล้วทำไมเราต้องนำมาใส่สมองของเราด้วย เขาจะเป็นยังไงก็ช่างปะไร
คืนที่สองที่เข้าหอ..
ห้องสวีทถึงแม้จะมีเตียงเดียวแต่ก็มีโซฟาให้นอนได้ คืนนี้รามิลใช้โซฟาในการนอน
หวานใจเห็นว่าเขานอนขดตัวคงจะหนาว เธอก็เลยเสียสละผ้าห่มให้
"...." ชายหนุ่มหันมองไปดูผู้หญิงที่ห่มผ้าให้เมื่อสักครู่แบบแปลกใจ "แล้วเธอไม่หนาวเหรอ"
"ฉันจะไปขอผ้าห่มผืนใหม่"
แต่พอออกมาจากห้องนั้น ก็เห็นแม่ก่อนที่จะไปเจอแม่บ้านด้วยซ้ำ
"มีอะไรเหรอลูก"
"คุณแม่ยังไม่เข้าห้องอีกเหรอคะ"
"แม่ว่าจะนั่งเล่นอยู่แถวนี้สักพักก่อน หนูออกมามีอะไรเหรอ"
"เปล่าหรอกค่ะ จะมาดูว่าแม่เข้านอนหรือยัง" ถ้าบอกท่านว่าออกมาขอผ้าห่มมีหวังต้องมีคำถามอีกแน่
หวานใจกลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่าเขานอนหลับไปแล้ว
รู้แบบนี้ไม่ใจดีเอาผ้าห่มยกให้หรอก ..เธอก็เลยปรับอุณหภูมิของห้องให้เพิ่มขึ้นมาหน่อยเพื่อจะได้ไม่หนาวมาก
ดึกดื่นคืนเดียวกัน..
"??" หญิงสาวที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาแบบแปลกใจ เพราะก่อนนอนเธอไม่มีผ้าห่มคลุมร่าง แต่พอมองไปข้างๆ ก็เห็นว่าเขาขึ้นมานอนบนเตียงแล้ว "ก็มีน้ำใจอยู่นี่" เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขากับพี่สาวคนนั้นมีความสัมพันธ์กันยังไง จริงด้วยแม่ของเธอก็รู้จักครอบครัวของเขาอยู่นี่ ในเมื่อถามจากเขาไม่ได้ก็ถามจากแม่สิ
เช้าวันต่อมา.. หวานใจไม่รอช้ารีบออกมาหาแม่
"ทำไมเราตื่นสายนักล่ะ" พอออกมาก็เห็นว่าแม่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะเดียวกับเจ้าบ่าวของเธอ
"รู้สึกเพลียค่ะ ก็เลยตื่นสาย"
อึก.. ได้ยินประโยคที่เธอตอบแม่ คนที่ดื่มกาแฟอยู่เกือบสำลัก
"คุณเป็นอะไรมากไหมคะ ดื่มน้ำก็สำลัก ดื่มกาแฟก็ยังจะสำลักอีก"
สายตาชายหนุ่มปลายมองไปที่แม่ของเธอเล็กน้อย เพราะท่านก็มองมาเช่นกัน ท่านคงคิดว่าต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวอ่อนเพลียคงเป็นเขานี่แหละ
แต่ที่หวานใจพูดไป ไม่ได้คิดอะไรมากมายเลย เพราะเมื่อคืนนี้เธอนอนไม่ค่อยหลับ ทั้งคิดเรื่องของเขา และก็หนาวที่ไม่มีผ้าห่มคลุมตัว
เข้าหอคืนที่สาม..
"ไหนบอกจะไปขอผ้าห่มไง" รามิลว่าจะถามเธอตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถาม
"เจอแม่ก่อน"
แค่ประโยคเดียวของเธอ เขาก็รู้แล้ว ว่าทำไมถึงไม่ได้ผ้าห่มมาด้วย
พอนอนไปได้สักพักโทรศัพท์ของรามิลก็แจ้งเตือน หญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ อดมองดูไม่ได้ว่าเขาทำอะไร แต่พอเขามองมาเธอก็แกล้งหลับตา เพราะทั้งสองใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันก็เลยนอนใกล้
"นี่เขาถึงกับตั้งแจ้งเตือนไว้เลยเหรอ" สิ่งที่เธอเห็นคือไอจีของคนที่เป็นพี่สาวของเขาแจ้งเตือนมาว่า เจ้าของไอจีนั้นได้โพสต์อะไรบางอย่าง
วันต่อมา..
ทีแรกรามิลคิดว่าจะไปขึ้นเครื่องกลับ แต่พอออกมาก็เห็นว่าที่บ้านส่งรถตู้มา
หวานใจกับแม่ก็เลยขึ้นรถตู้คันนั้นมาด้วยกัน
ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงก็มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่เคยเป็นของครอบครัวสโรชา ตั้งแต่พ่อกับแม่ใหญ่เสียไป สโรชาก็อยู่บ้านหลังนี้กับครอบครัว เพราะบ้านที่เป็นมรดกของสามี พ่อของเขายกให้น้องสาวที่ชื่อเมขลา
"มาถึงกันแล้ว" สโรชารีบดินออกมาต้อนรับ "นั่งรถมาคงเหนื่อยแย่"
"สวัสดีค่ะคุณแม่" ที่จริงหวานใจอยากกลับบ้านตัวเองมากกว่า แต่รถตู้ก็พามาที่บ้านของเขาก่อน
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะ" ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทักทายกัน
"เชิญเข้ามาข้างในเลยค่ะ"
พอเข้ามาข้างในสโรชาก็ให้แม่บ้านนำกระเป๋าของหวานใจขึ้นไปไว้บนห้องลูกชาย
"คุณ!" หวานใจสะกิดรามิล ทั้งสองก็เลยออกมาคุยกันข้างนอก
"มีอะไร"
แต่หวานใจยังไม่ได้บอกเลยว่าอยากคุยกับเขาเรื่องอะไร ก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาทางนี้ และดูเหมือนเธอคนนั้นไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ตรงนี้ด้วย เพราะแค่เดินผ่าน
แต่คนที่เป็นสามีของเธอน่ะสิ มองตามคนที่เดินผ่านไปจนอีกฝ่ายลับสายตาเขาก็ยังคงมองอยู่
หญิงสาวกระแอมเล็กน้อยเพื่อเรียกความสนใจของเขาให้หันมาที่เธอก่อน
"เธอจะคุยอะไร"
"ฉันจะกลับไปนอนบ้านกับแม่"
"แล้วเธอว่าผู้ใหญ่จะคิดยังไง"
"คุณจะให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
"ทำไมจะอยู่ไม่ได้"
"คุณจะให้ฉันพูดจริงเหรอ"
"ถ้าคิดว่าพูดออกมาแล้วไม่สร้างสรรค์ก็ไม่ต้องพูด"
"นี่คุณ! ถึงยังไงฉันก็อยู่ในฐานะเมียของคุณนะ"
ชายหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากตรงนั้นไป
จนถึงเวลาค่ำ.. พ่อของรามิลก็กลับมาจากบริษัท
"ได้ยินว่าแม่ของเราก็มาด้วยไม่ใช่เหรอ" ที่จริงรามสูรก็ถามเพื่อเป็นมารยาท เพราะลูกชายกับลูกสะใภ้มาถึงตั้งแต่ช่วงบ่าย ป่านนี้แม่ของลูกสะใภ้ก็คงกลับไปแล้ว
"คุณแม่กลับไปดูแลคุณพ่อค่ะ"
"ถ้าอยู่ที่นี่แล้วขาดเหลืออะไรก็บอกแม่เราได้นะ" รามสูรหมายถึงแม่สโรชา
"ขอบคุณค่ะ" เพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ ลืมไปเลยว่าถ้าแต่งงานแล้วต้องอยู่กับครอบครัวของสามี
"ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ" พอตั้งโต๊ะเสร็จเกศรินก็มาตามพวกท่านไปทานข้าว ที่ห้องซึ่งจัดไว้เป็นห้องอาหารโดยเฉพาะ
"เราไปคุยกันต่อที่ห้องอาหารดีกว่า"
หวานใจก็เลยเดินตามพวกท่านไปที่ห้องอาหาร
"มานั่งทานข้าวได้แล้วลูก" สโรชาเรียกเกศริน เพราะเกศรินช่วยแม่บ้านจัดเตรียมอาหารและบริการน้ำดื่ม
"ค่ะ" เกศรินนั่งลงข้างๆ สโรชาแม่เลี้ยง และเก้าอี้ที่เกศรินนั่งตรงหน้ากับรามิลพอดี
"พักผ่อนให้หายเหนื่อยแล้วเข้าไปบริหารงานช่วยพ่อ" รามสูรคุยกับลูกชายในขณะที่กำลังทานข้าวอยู่
แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ จากปากลูกชายเลย
"พี่เราเป็นผู้หญิงจะให้รับผิดชอบทั้งงานบ้านและงานบริษัทไม่ได้ เราต้องไปช่วยพ่อด้วยเข้าใจไหมลูก" คนเป็นแม่ก็เลยช่วยสามีพูดอีกแรง
หวานใจที่นั่งอยู่เงียบๆ เงยหน้าขึ้นมองคนที่แม่ของเขาพูดถึงเล็กน้อย แสดงว่าเธอคนนี้เก่งเอาการ ช่วยทั้งงานบริษัทและงานบ้านได้ด้วย
"อาหารพวกนี้คุณพี่เป็นคนทำเองทั้งหมดเลยเหรอคะ"
"....." รามิลหันมองมาดูคนที่ถาม แล้วมองไปดูคนที่ถูกถามด้วย
"ก็ไม่ทุกอย่างหรอกค่ะ บางอย่างแม่บ้านเป็นคนทำ"
สโรชายิ้มบางๆ ให้กับลูกสะใภ้และลูกสาวบุญธรรม คิดว่าทั้งสองคงอยากพูดคุยสานสัมพันธ์กัน ก็เลยปล่อยให้ทั้งสองได้สนทนากันไปก่อน
"แต่อาหารพวกนี้รสจัด ฉันคิดว่าคงต้องลดเครื่องปรุงลงมาหน่อย เพราะไม่ดีต่อสุขภาพของคนที่มีอายุ"
รามิลมองดูเธออีกครั้งเมื่อได้ยินเธอต่อว่าให้เกศริน
"คุณหวานใจทำอาหารเป็นเหรอคะ" เกศรินที่ถูกตำหนิเรื่องอาหารไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย
"จริงด้วยหนูหวานทำอาหารเป็นเหรอลูก" สโรชาที่นั่งฟังอยู่ก็เลยถามด้วย
"หวานทำงานพาร์ทไทม์ที่ต่างประเทศค่ะ ส่วนมากจะทำที่ร้านอาหารไทย"
"ถ้าเก่งนักวันหลังก็ทำเองสิ" พอประโยคนี้ออกจากปากของรามิล ทั้งพ่อและแม่ต่างก็หันมองมาที่เขาพร้อมกัน
"??" ไม่ได้มองแค่พ่อกับแม่ของเขานะ..เธอก็มองด้วย เขาโกรธที่เราว่าให้พี่สาวของเขาเหรอ?
"ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอาหาร" พอเกศรินพูดแม่บ้านก็เดินเข้ามาหา และบอกว่าอาหารพวกนี้เกศรินทำต้อนรับน้องสะใภ้ เพราะคิดว่าน้องสะใภ้คงชอบรสจัด เห็นแต่งตัวแซ่บๆ ประโยคหลังเกศรินอาจจะไม่ได้พูดออกมาแบบนี้แต่แม่บ้านเพิ่มให้
พลาดรักคุณสามี ตอนพิเศษหลังงานแต่งของทั้งสองจบลง.."ถ้างานคุณยุ่ง เรื่องฮันนีมูนเราก็เลื่อนออกไปก่อนก็ได้นี่คะ""ผมบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับคุณอีกแล้ว"ชีวิตหนึ่งเกิดมาแค่นี้ก็พอแล้ว ขอแค่มีชายคนรักที่เห็นว่าเธอสำคัญที่สุด"ก็ได้ค่ะ ฉันขอแค่ในประเทศนะ ถ้าเดินทางไปต่างประเทศมันเหนื่อยเกินไป" ที่จริงมันเป็นแค่ข้ออ้าง ถ้ายังอยู่ในประเทศเผื่อมีงานด่วนเขาจะได้จัดการงานนั้นง่ายหน่อย"แล้วคุณชอบภูเขาหรือทะเลล่ะ""ชอบปลาวาฬค่ะ""หือ?""ฉันชอบคุณ จะให้ฉันชอบอย่างอื่นได้ยังไง""ผมตั้งใจว่าจะเก็บแรงไว้ตอนฮันนีมูนกัน""ยังไงคะ""คุณเล่นอ้อนแบบนี้ผมก็ต้องได้เอาแรงออกมาใช้ก่อนน่ะสิ""คุณปลาวาฬ" ถึงแม้จะมีอะไรกับเขาหลายครั้งแล้ว แต่พอพูดถึงเรื่องนี้เธอก็มีความอายอยู่ดี"น่ารักจัง" มือหนาเอื้อมไปลูบไล้แก้มนวลของภรรยาด้วยความเอ็นดู "ถ้าคุณชอบปลาวาฬงั้นเราก็คงต้องไปทะเลกัน""ค่ะ" คนตัวเล็กแนบลำตัวลงกับอกแกร่งของผู้เป็นสามีหมาดๆ"นอนก่อนนะครับคนดี นอนเอาแรงไว้เยอะๆ พรุ่งนี้เราจะเดินทางกันแล้ว""พรุ่งนี้เลยหรือคะ..แล้วงานของคุณล่ะคะ""ตอนเช้าเดี๋ยวผมเข้าไปเคลียร์งาน เราจะเดินทางตอนบ่ายกัน""ค่ะ"
พลาดรักคุณสามี บทที่ 102 ตอนจบ"แม่อยากให้อยู่ด้วยกันไปก่อน" สโรชาอนุญาตให้ลูกไปทำงานได้ แต่พอวันต่อมาลูกสาวก็ขอออกไปอยู่คอนโดกับชายคนรัก"เกศดีขึ้นมากแล้วค่ะ ถ้าคุณแม่เป็นห่วงเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงแล้วค่ะ""แต่แม่กลัวคิดถึงเรา""ลูกโตแล้วนะคุณ แถมลูกกำลังจะออกเรือนด้วย ให้พวกเขาไปศึกษาดูใจกันเถอะ"สโรชาเป็นห่วงถ้าปล่อยให้ลูกไปอยู่ข้างนอกไกลหูไกลตา กลัวว่าเหตุการณ์แบบเดิมจะเกิดขึ้นอีก ถ้าเกศรินยังอยู่ที่บ้าน เธอคงสังเกตเห็นอาการลูกสาวแต่ทีแรกแล้ว"ถ้าเกศมีอาการผิดปกติ จะรีบบอกคุณแม่เลยค่ะ" เกศรินรู้ว่าท่านเป็นห่วงมาก ถ้าวันนั้นไม่เพราะท่านขอตรวจ..ป่านนี้มะเร็งคงลุกลามไปจนเกินเยียวยาแล้ว"ผมสัญญาครับว่าจะดูแลเธอ แทนคุณแม่เอง"สโรชามองไปดูหน้าสามีที่นั่งอยู่ด้วยกัน ก่อนที่โผลเข้าไปกอดท่าน เธออยากออกไปใช้ชีวิตครอบครัวกับเขา เรื่องศึกษาดูใจคงไม่ต้องศึกษาเขาแล้ว เพราะเธอเห็นหมดแล้วว่าเขามีความจริงใจให้มากแค่ไหน[คอนโด]"ผมว่าจะซื้อบ้านสักหลัง พักอยู่คอนโดมันไม่สะดวก""ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่นี่ก็ดีมากแล้ว""ถ้าเรามีบ้าน คุณก็จะมีพื้นที่เยอะขึ้น อยู่แต่ในคอนโดอากาศไม่ปลอดโปร่ง""ที่ไหนมีคุณฉั
"แน่ใจนะว่าคุณต้องการแรงกว่ามดกัด แต่มดตัวนี้กัดเจ็บนะครับ ถ้าแรงกว่าคุณจะรับไหวเหรอ" ที่จริงเขายังไม่เร่งเครื่องเลย แค่กำลังอุ่นเครื่องก่อนเฉยๆ แต่เกศรินคิดว่าเขาคงกลัวเธอเจ็บแผล ก็เลยทำแค่เบาๆ ถ้าทำแบบนี้เมื่อไรจะเสร็จล่ะ"ฉันเคยถูกมดกัดนี่คะ แค่เกาก็หายคันแล้ว""จัดให้ครับ แต่ถ้าเจ็บคุณบอกผมเลยนะ" ฟังเธอพูดก็อยากจะขำอยู่หรอก แต่ถ้าขำตอนนี้คงหมดอารมณ์แน่"อื้อ อ " เกศรินอยากให้เขามีความสุขกับเรือนร่างของเธอให้มากที่สุด เธอก็เลยขอให้เขาเพิ่มความแรงขึ้นมาหน่อย ถึงแม้จะมีลูกให้เขาไม่ได้ ช่วยให้เขามีความสุขกับเรือนร่างของเธอได้ก็คงดี"อ้าา ผมรักคุณนะเกศริน" ความรักนี้ไม่รู้ว่ามีให้เธอตั้งแต่เมื่อไร แต่พอรู้ตัวก็รักเธอมากจนแทบคลั่ง"ฉันก็รักคุณค่ะ อื้อ อ" มือเรียวโอมร่างคนตัวโตไว้ในจังหวะที่เขากำลังซอยสะโพกเร็วขึ้น"ซี๊ดด ผมปล่อยข้างในได้เลยไหม"ที่จริงคุณหมอก็บอกไว้ว่ายังไม่อยากให้มีลูกกันตอนนี้ แต่เธอคิดว่ามันคงไม่เร็วขนาดนั้น เพราะส่วนที่รับน้ำเชื้อยังไม่แข็งแรงพอ หญิงสาวพยักหน้าให้เห็นว่าเธออนุญาตชายหนุ่มก็ไม่อดกลั้นอีก ขยับสะโพกเพื่อให้ความแข็งแกร่งเสียดสีกับเนื้อบางๆ เร็วขึ้น ก่อน
"คุณยังไม่ดื่มน้ำอีกเหรอ" ปลาวาฬมองดูน้ำที่สั่งให้ลูกน้องนำมาให้เธอ "ฉันไม่อยากดื่มน้ำของคนที่ชื่อกำพลค่ะ" "ใครเอามาให้นะ" สายตาชายหนุ่มเหลือบไปมองกำพล จนคนที่ถูกมองรีบหลบสายตานั้น "รอผมอยู่นี่เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้" พูดจบปลาวาฬก็รีบเดินไปตรงจุดบริการน้ำ เขาไม่ได้เอาน้ำที่เย็นจัด "เราดูดีกว่าตั้งเยอะ และทำงานมาด้วยก็หลายปี ทำไมถึงเลือกแม่บ้านแบบนั้นได้" "อืมใช่" เอ็มม่าและตุ๊กตาไม่เคยพูดกันดีเลยตั้งแต่กำพลหันมามองเอ็มม่า ก็มีครั้งนี้แหละที่ทั้งสองดูจะลงรอยกัน"แต่ฉันยังสงสัยเรื่องคุยธุรกิจ" "คงไม่ใช่หรอกมั้ง คุณเชษฐาคงจำคนผิด""เกศ" "คุณพ่อ" เกศรินได้ยินคนเรียกก็เลยหันไปมอง ไม่คิดว่าคนที่เรียกก็คือพ่อ "พ่อเห็นคุณเชษฐาตรงโน้นบอกว่าลูกก็มาร่วมงานด้วย""คุณพ่อก็มาร่วมงานด้วยเหรอคะ"ที่จริงรามสูรก็ไม่ชอบมางานอะไรแบบนี้ แต่ที่มาเพราะว่าอยากมาร่วมงานของว่าที่ลูกเขย "พ่อต้องมาสิ เพราะเป็นงานคนสำคัญของลูกนี่""พ่อ?!" ทำไมคนที่ทำงานในโชว์รูมจะไม่รู้จักนักธุรกิจที่ชื่อรามสูร เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย จนถึงบัดนี้ สาวๆ ครึ่งค่อนประเทศอิจฉาภรรยาอันเป็นที
"ไม่ต้องหรอกลูก""ครับ" ปลาวาฬยอมรับในการตัดสินใจของท่าน"อ้าวแล้วนั่นเราจะไปไหน" พอเขาตอบรับ ปลาวาฬก็ลุกขึ้นกำลังจะออกจากบ้านท่านไป"พรุ่งนี้ผมจะรีบมาแต่เช้าครับ""ไหนบอกอยากอยู่ดูแลน้องไง""ครับ?" ชายหนุ่มที่ใบหน้าสิ้นหวังมากหันกลับมามอง"ที่แม่พูดหมายถึงไม่ต้องนอนข้างนอกหรอก ก็เข้าไปดูแลกันในห้องเลย มีอะไรจะได้ช่วยกัน""ผมนอนข้างในได้เหรอครับ""ได้สิจ๊ะ ถึงยังไงพวกเราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว""ขอบพระคุณมากครับ" ยังไม่ทันได้เอามือที่ไหว้ท่านลงเลย เขาก็เดินไปถึงหน้าห้องของเธอแล้ว"คุณยิ้มอะไรคะ" สโรชาหันกลับมาเห็นสามีกำลังยิ้มแป้น"คุณทำถูกแล้วล่ะ เด็กๆ เขารักกันก็ปล่อยให้เขาดูแลกันไป""ฉันก็ไม่ได้ว่าจะห้ามสักหน่อย แล้วเมื่อไรคุณจะขึ้นนอนไม่ง่วงหรือไง""เอ้า..เลขมาออกที่เราจนได้" รามสูรรีบเดินตามภรรยาขึ้นบ้านไป"คุณราม!" สามีที่เดินตามมาอยู่ดีๆ ก็โอบกอดภรรยาจากทางด้านหลัง"จะเดือนแล้วนะ" ตั้งแต่เดินทางทั้งสองไม่ได้เข้าใกล้กันเลย"คุณไม่เหนื่อยหรือไงคะ เพิ่งมาถึง""คุณรู้ไหม ว่ามันเป็นการเพิ่มกำลังอีกทาง""ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะคะ ที่จะมาเพิ่มกำลังกับอะไรแบบนี้""คุณว่าผมแก่เหรอ""ใช่ค่ะ"
มือหนายื่นไปสัมผัสที่ผมบนศีรษะของเธอเบาๆ"คุณ?" พอเขาสัมผัสที่อื่นที่ไม่ใช่มือ.. เธอถึงกับสะดุ้ง "คุณไม่ใช่คนในมโนของฉันเหรอ?"ปลาวาฬส่ายหน้าตอบไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาช่างมีความอบอุ่น"ฉันกลับมาประเทศแล้วเหรอ" ที่เธอคิดว่าไม่ใช่เขาก็เพราะเธอมารักษาตัวที่ต่างประเทศ ถึงแม้เขาจะรู้และอยากตามมา แต่คงต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่ว่าจะเข้าประเทศนี้ได้ง่ายๆ"คุณอย่าไล่ผมไปไหนอีกเลย ถึงไล่ผมก็จะไม่ไป" ทีแรกก็อยากให้เธอเห็นว่าเขาเป็นแค่ภาพลวงตาที่เธอสร้างขึ้นมา เพราะถ้าเป็นภาพลวงตาเธอคงจะคุยกับเขานานกว่านี้"คุณปลาวาฬ คุณมาได้ยังไง?" เขาไม่ใช่แค่ภาพที่เธอสร้างขึ้นมาแล้วมันคือเขาจริงๆ"พอผมรู้ทุกอย่างก็รีบตามคุณมาที่นี่""เป็นคุณจริงๆ ด้วย โอ๊ย" หญิงสาวกำลังจะขยับตัวถอยห่าง จนลืมไปว่าร่างกายของเธอไม่ได้เต็มร้อย"คุณอย่าผลักไสผมไปไหนอีกเลยนะ ผมบอกแล้วไง ถึงไล่ผมก็จะไม่ไป""คุณไปหาคนที่ร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะเป็นภรรยาให้คุณดีกว่าค่ะ ฉันไม่พร้อม""ทำไมหรือครับ กับอีแค่ที่คุณจะมีลูกให้ผมไม่ได้ คุณต้องผลักไสไล่ส่งผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ""คุณรู้เรื่องนี้แล้วเหรอคะ" หญิงสาวที่หลบสายตาเขา ค่อยๆ หันมองมาอีกที"