LOGIN"อ้าว! คุณเมฆินทร์ คุณจี๊ด...อยู่ตรงนี่นี้เอง ผมเป็นห่วงแทบแย่"
เบียร์เดินออกมาจากแนวป่าทึบด้วยท่าทีรีบร้อน พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถือแกลลอนน้ำมัน สายตาของเขาจับจ้องไปยังจารวีและเมฆินทร์ที่กำลังนั่งห่างกันเล็กน้อยอย่างเงียบๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
เมฆินทร์ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"คุณเบียร์! ไม่เห็นต้องมาเองเลยครับ แค่นี้เอง ให้เด็กมาก็ได้" เมฆินทร์พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกคุณเป็นทั้งแขกและเป็นทั้งทีมงานที่มาทำการรีแบรนด์ให้กับรีสอร์ทของเรา ผมคงไม่อาจละเลยได้"
เบียร์ตอบกลับ แต่สายตาเขายังคงมองข้ามไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังเมฆินทร์อย่างไม่ลดละ จารวีพยายามมองไปทางอื่น เธอรู้สึกถึงความอับอายที่ชุดเปียกปอนมันแนบเนื้อและรู้สึกว่ามีร่องรอยบางอย่างบนตัวที่อาจมองเห็นได้ชัด
"คุณจี๊ด เป็นยังไงบ้างครับ ทำไมไม่โทรมาหาผม นามบัตรก็มี" เบียร์ถามด้วยความเป็นห่วงเกินเหตุ
ในจังหวะนั้น เบียร์มองเห็นร่องรอยสีแดงเป็นรอยข่วนชัดเจนที่แผ่นไหล่ด้านหลังของจี๊ด
"คุณจี๊ดครับ ตรงนั้น! โดนหินบาดเหรอครับ?" เขาทำท่าจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างเปิดเผย
จารวีสะดุ้งสุดตัว เธอรีบก้มหน้าซ่อนรอยแดงที่ลำคอและไหล่ไว้ใต้ผมยาว แต่แผ่นหลังก็ยังเปิดเผยอยู่ เมฆินทร์เห็นอาการของเธอและเห็นสายตาของเบียร์ที่จ้องมองไปยังร่องรอยเหล่านั้นอย่างไม่ปิดบัง
<หมับ!>
เมฆินทร์ก้าวเข้ามาขวางเบียร์ไว้ทันที ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้จารวีได้มากกว่านี้ เขากดเสียงต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจ
"ไม่เหมาะมั้งครับ คุณเบียร์" เมฆินทร์พูดเสียงต่ำและหนักแน่น "ลูกน้องผม คนของผม เดี๋ยวผมดูแลเอง"
พูดจบ เขาหยิบเสื้อลายดอกของเธอในถุงขึ้นมาคลุมร่างของเธออย่างรวดเร็ว จารวีรีบสอดแขนเข้าไปในแขนเสื้อลายดอกตัวใหญ่ที่เพิ่งสวมทับชุดสายเดี่ยวที่แนบเนื้ออีกทีทันที เพื่อปกปิดร่องรอยและอาการสั่นเทาของตัวเอง
หลังจากนั้น ทุกคนก็พากันกลับรีสอร์ท โดยมีเด็กหนุ่มอีกคนขับมอเตอร์ไซค์ตาม
เมื่อมาถึงรีสอร์ท เบียร์ยังคงไม่ลดละความห่วงใย
"คุณจี๊ดครับ ไปทำแผลก่อนนะครับ เดี๋ยวแผลติดเชื้อ ถึงจะเป็นรอยขีดเล็กๆ ไม่ใหญ่ก็เถอะ"
จารวีส่ายหน้าปฏิเสธทันทีด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ "ไม่เป็นอะไรมากค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณเบียร์ จี๊ดขอตัวนะคะ"
เธอกล่าวขอบคุณสั้นๆ แล้วรีบสาวเท้าเดินนำไปยังห้องพักด้วยท่าทีเร่งรีบและเกือบจะวิ่ง เพื่อหลีกหนีสายตาของเบียร์และซ่อนความเขินอายที่เกิดจากเหตุการณ์อันเร่าร้อนกลางแจ้งที่เธอกับเมฆินทร์รู้ดี
เมฆินทร์มองตามแผ่นหลังของจารวีจนเธอเข้าห้องไปแล้ว เขาหันกลับมามองเบียร์ด้วยสายตาคมกริบก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
"ผมขอตัวก่อนนะครับ" เมฆินทร์บอกตัดบททันที ก่อนจะเดินไปยังห้องของเขาทิ้งให้เบียร์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยแววตาครุ่นคิดบางอย่าง
จารวีที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ พร้อมกับใส่ผ้าเช็ดตัวสีขาวเดินออกมา เธอมาหยุดที่หน้ากระจกแล้ว ใช้มือรวบผมขึ้น เพื่อดูแผ่นหลัง ว่ามีรอยขีดข่วนจากหินตรงไหนบ้าง
ทันใดนั้นเมฆินทร์ก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับล๊อคประทูทันที
<<แคร๊ก!...>>
"พี่เมฆ เข้ามาทำไม!...ออกไปค่ะ จี๊ดจะแต่งตัว"
"ไหน...มีรอยตรงไหนบ้าง ขอพี่ดูหน่อย" เขาไม่สนคำพูดเธอที่บอก เขาพูดพรางเดินเข้ามาจับเธอหมุนตัวหันหลังแล้วปัดผมเธอไปด้านข้างพักไว้บนไหล
"เจ็บไหม...ฮื้อ!" เขาถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับใช้มือลูบไปที่ร่องรอยนั้น
"ไม่เจ็บค่ะ ...ถ้าไม่บอกก็ไม่หรอกค่ะ" จารวีที่หันกลับมาตอบ
เมฆินทร์ยืนนิ่งจ้องมองเรือนร่างภายใต้ผ้าขนหนูสีขาวเพียงชั่วขณะ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากครีมอาบน้ำและกลิ่นกายอันบริสุทธิ์ของเธอที่คลุ้งอยู่ในห้อง ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของเขาให้พลุ่งพล่านมากขึ้น... จนเขาทนแทบไม่ไหว!
รีบก้าวเท้าเข้าประชิดตัวเธอในทันที!
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าเอวบางของเธอมากอดรัดจนแน่นหนา รั้งร่างที่อ่อนนุ่มเข้าหาตัว อย่างแรงจนเธอร้องออกมาด้วยความตกใจ
"พี่เมฆ! ปล่อยนะ... อ๊ะ!"
ไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบประโยค! เขาก็ก้มลงมาทันที บดขยี้ริมฝีปากดูดขย้ำอย่างดิบเถื่อนและหื่นกระหาย! มันไม่ใช่จูบที่อ่อนโยน แต่เป็นการช่วงชิงลมหายใจอย่างเร่งรีบราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากอ้อมแขน
<<เสียงอู้อี้ในลำคอ!...>>
ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้าไปสำรวจโพรงปากอย่างร้อนรน ดูดกลืนความหวานชุ่มฉ่ำจากริมฝีปากบางอย่างตะกละตะกราม... จารวีพยายามดิ้นรนทุบแผงอกแข็งแกร่งของเขา แต่มือหนากลับบีบกระชับเอวเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม
ผ้าขนหนูสีขาวที่พันรอบอกเลื่อนหลุดลงไปกองอยู่บริเวณเอวเพราะแรงดิ้นรน เผยให้เห็นทุกอย่าง! รอยแดงที่เนินอกจากการกระทำของเขาเมื่อครู่ชัดเจนต่อสายตา...
เมฆินทร์ผละจูบออกเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อสูดหายใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังแดงก่ำและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง แล้วรอยยิ้มกรุ่มกริ่มก็ปรากฏที่มุมปาก
"อย่าทำเหมือนไม่ต้องการพี่เลยนะ... ร่างกายเธอตอบรับพี่ตั้งแต่ที่หาดแล้ว" เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู
เมฆินทร์อุ้มร่างจี๊ดมาวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ร่างบางลอยอยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาว ดวงตาของเขาลุ่มลึกและเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ไม่อาจดับได้ เขาเท้าแขนคร่อมร่างเธอไว้ จ้องมองร่างกายที่ถูกเปิดเผยอย่างไม่ปิดบัง
มือแกร่งของเขาเลื่อนไปปลดผ้าขนหนูสีขาวที่พันอยู่บริเวณเอวให้หลุดออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นกลีบเนื้อสวยงามที่อยู่ตรงทางรัก จากนั้นเขาก็ใช้ปลายนิ้วร้อนผ่าวลูบวนอยู่บริเวณกลีบสวยอย่างแผ่วเบา
"พี่ขอนะ...พี่ยังอยากอยู่!" เสียงเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความต้องการ
เขาไม่รอช้า ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว แล้วล่วงซองอะไรบางอย่างเก็บไว้ ก่อนจะโยนกางเกงทิ้งไป เผยให้เห็นสรีระที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ร่างใหญ่ของเขาหยัดตัวขึ้นมองภาพเรือนร่างสวยงามที่อยู่ข้างหน้าอย่างพึงพอใจ
"พี่เสพติดเธอแล้ว...ตอนนี้ เธอรู้ตัวไหม...หืม~"
เขาโน้มตัวลง ก้มลงจูบไปที่เนินอกอวบและดูดเลียอย่างตะกละตะกราม ทิ้งรอยแดงช้ำไว้บนผิวเนียน
"ปากดีจังเลยนะคะ...อ๊ะ...อ้า...ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย" จารวีพยายามพูดโต้ตอบทั้งที่เสียงขาดห้วงเพราะความเสียวซ่าน
"อยากรู้ไหม ปากดีที่แท้จริงเป็นยังไง...หืม~"
เมฆินทร์ผละจากเนินอกอวบ เขาค่อยๆ ก้มลงจูบลากลิ้นเลียลงมาตามหน้าท้องแบนราบ แล้วใช้ลิ้นกระดกตวัดรัวๆ ตรงสะดืออย่างจงใจ จนเกิดเสียง 'แจ๊ะๆ' ชวนให้ขนลุกซู่
จารวีเผลอจิกไปที่ผมสีเข้มของเขาด้วยความเสียวซ่านจนตัวเกร็ง เมฆินทร์เงยหน้ามอง เห็นใบหน้าหวานกำลังหลับตาปริ้มอย่างทรมาน เขาก็หัวเราะในลำคออย่างพอใจ
เขาค่อยๆ ลากลิ้นลงต่ำลงมาเรื่อยๆ ...
"พ...พะ...พี่เมฆ พอแล้ว..." จารวีร้องห้ามเสียงแผ่ว
สองมือแกร่งของเขาไม่สนใจคำห้าม จับสองขาเรียวของเธอแยกออกจากกันแล้วยกตั้งชันเข่าขึ้น จากนั้นก็แทรกตัวไปที่ร่องกลาง
"ปากดีจริง ๆ มันเป็นแบบนี้"
เขาก้มลงจูบตรงกลีบชมพูสวยอย่างอ่อนโยนก่อน จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาครอบไปที่ปลายกลีบบัวดูดอย่างแรงและใช้ลิ้นเลียไปยังซอกกลีบสวยอย่างคล่องแคล่ว
"อื้อ...อ้าาา~"
"พี่เมฆ...พอได้แล้ว...อ้าาา~"
จังหวะนั้น เขาใช้ปลายลิ้นสากดันเข้าไปในรูที่คับแคบของเธออย่างรวดเร็วแล้วกระดกตวัดขึ้นลงอย่างเชี่ยวชาญ และในขณะเดียวกัน นิ้วกลางของเขาก็ระเรงวนตรงปุ่มเสียวไม่หยุดหย่อน
ความเสียวซ่านที่เขามอบให้รุนแรงเกินกว่าจะทานทน เธอพยายามหนีบขาไว้ บิดตัวไปมาอย่างทรมาน พร้อมกับจิกปลายเท้าดันตัวเลื่อนขึ้นไปตามที่นอนเพื่อหวังจะหลุดพ้นจากความทรมานอันแสนหวานนี้
แต่สองแขนแกร่งของเขายังคงคลานตามขึ้นมาเหมือนสัตว์ร้ายที่ตามขย้ำเหยื่อ เขาไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีได้ง่ายๆ
หญิงสาวเลื่อนขึ้นจนสุดถึงหัวเตียง จนคอต้องเอนขึ้นพิงกับหัวเตียงอย่างหมดแรง เขาผละหน้าออกจากช่องทางรักชั่วครู่ ดวงตาคมกริบมองร่างที่หอบหายใจถี่รัว
"จะหนีไปไหน!... นี่พึ่งเริ่มเองนะ"
แล้วเขาก็ไม่รอให้เธอได้ตอบ จับต้นขาเรียวของเธอไว้แล้วกระชากลากกลับมา ก้มลงดูดเลียช่องทางรักต่ออย่างบ้าคลั่ง!
"ฮื้ออออ... พี่เมฆ...พอได้แล้ว!"
เสียงหวานของเธอร้องขอชีวิต ส่ายหน้าไปมาด้วยความทรมานจากความเสียวซ่านที่ทะลุปรอท
เอวบางบิดโค้งเชิดขึ้น เมื่อจังหวะลิ้นของเขากระดกถี่และรัวขึ้นเรื่อยๆ หน้าท้องแบนราบเริ่มกระเพื่อมตามลมหายใจของเธอที่เริ่มถี่ขึ้นและขาดห้วง
"อ๊ะ..อ้าา...อ๊างงงงง!~"
ร่างกายเธอเริ่มเข้าสู่ภาวะสมองขาวโพลน ดวงตาเริ่มพล่ามัว เธอเด้งสะโพกยกขึ้น เกร็งกระตุกไปทั้งร่างพร้อมกับน้ำหวานที่เยิ้มออกมาจากช่องทางรัก
"อ้าาา~"
เมฆินทร์ดูดเลียน้ำรักที่ท่วมท้นออกมาอย่างไม่รังเกียจ
"หวานจัง..." เขาพึมพำเสียงแหบพร่า
แขนแกร่งของเขาดันร่างขึ้น เขามองใบหน้าสวยที่กำลังหลับตาปริ้ม ลมหายใจแผ่วและสั่นกระเส่าพร้อมกับมีเหงื่อผุดพรายบนเรือนร่าง
เขาก้มลงจูบอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากบางของเธอ พร้อมกับปล่อยอะไรบางอย่างเข้าไปในปากของเธอ
หญิงสาวลืมตาด้วยความไม่เข้าใจ เสียงอู้อี้เหมือนอยากจะถาม...
"หวานไหม!... พี่ชอบ... รสชาติของเธอ... ชอบทุกอย่าง... ตอนนี้พี่เสพติดจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว รู้ไหม หืมม~... "
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







