Masukเธอครางกระเส่าแทบขาดใจ พร้อมกับเอ่ยคำว่า เสียวมาก เสียงหวานของเธอยิ่ง ปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้หื่นและหิวกระหายยิ่งขึ้น
"อ้าาาา... อึก...ไม่ไหวแล้ว!" หน้าท้องเธอหดเกร็ง ช่องรักดูดรัดแก่นกายใหญ่อยู่ภายใน อาการเริ่มเข้าสู่ ภาวะสมองขาวโพลน
"ไม่ไหวแล้ว...พี่จะเสร็จแล้ว!" น้ำเสียง สั่นกระเส่า ของเขาดังขึ้น ก่อนจะกระหน่ำลงอย่างถี่รัว ฝ่ามือหนา รวบรัดเอวเล็กของเธอไว้แน่น กระแทกเข้าหากันด้วยจังหวะที่ เร็ว รัว และดุดันกว่าทุกครั้ง
เขากระแทกลงมาอีกสองสามครั้งจนเธอได้ยินเสียง ครางที่ลึกและพร่าของเขา...
"ฮึ๊...ฮึ๊...อ้าาา~"
เสียงครางลึกและพร่าของเขาดังก้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะกระตุกเกร็งและปลดปล่อยทุกอย่างออกมาอย่างท่วมท้น ร่างกายทั้งคู่ทรุดฮวบลงบนโซฟาหนังที่เย็นเฉียบ
เมฆินทร์ทิ้งน้ำหนักลงทับร่างเธออย่างหมดแรง หายใจหอบถี่อยู่ข้างใบหูหนักอึ้งจนเธอต้องจิกเล็บลงโซฟากว้างเพื่อรองรับน้ำหนักนั้น กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งผสมกับเหงื่อและความร้อนรุ่มเข้าครอบงำพื้นที่ตรงนั้น
"พี่...เมฆ!"
เธอรู้สึกถึงร่างแกร่งที่สั่นผวาเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็ แน่นิ่งไป เมฆินทร์ซบใบหน้าเข้ากับไหล่ของเธอลมหายใจ ที่เคยหอบถี่เริ่มกลายเป็นลมหายใจเข้าออก ที่ สม่ำเสมอและหนักหน่วงผิดปกติ
"พี่เมฆ?"
เธอเรียกอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ
เธอพยายามจะขยับตัวแต่ร่างกายของเขาหนักเกินกว่าจะผลักออกได้เธอจึงทำได้แค่ ค่อย ๆ ขยับตัวออกและปล่อยเขาไว้ ปล่อยให้ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกได้พักผ่อนตามแรงดึงดูด
หญิงสาวใช้มือลูบกลุ่มผมที่เปียกชื้นของเขาอย่างแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนและไร้พิษภัยยามหลับใหลต่างจากสัตว์ร้ายที่เพิ่งกระทำอย่างดุดัน กับเธอเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
ความปวดร้าวที่ช่วงล่างเริ่มจางลงไปทีละน้อย ถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมและความสับสนเล็กน้อยเธอค่อยๆ เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างช้าๆ พยายามไม่ให้ การเคลื่อนไหวรบกวนห้วงนิทราของเขา
ภายใต้อ้อมกอดที่หนักอึ้งและเต็มไปด้วย กลิ่นแอลกอฮอล์ เธอเริ่มรู้สึกหนักตาและอ่อนเพลีย ตามไปด้วยเธอซบใบหน้าเข้ากับแผงอกของเขาอย่างเงียบๆ ความมืดและความเงียบเข้าครอบคลุมทั้งห้องปล่อยให้หญิงสาวจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เมาหลับไปพร้อมกัน...
หลายชั่วโมงต่อมา...
เมฆินทร์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดร้าวที่ศีรษะและรสขมในลำคอ แต่สิ่งที่หนักอึ้งกว่านั้นคือความรู้สึกผิดที่บีบรัดหัวใจ
เขาพลิกตัวมองไปยังร่างบางที่นอนอยู่ข้าง ๆ หญิงสาวหลับตาพริ้ม ใบหน้าของเธอยังคงมีร่องรอยความอ่อนล้าจากการระบายอารมณ์เมื่อคืนนี้
เมฆินทร์ลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ความสับสนและตื่นตระหนกเข้าจู่โจม เขารู้สึกเหมือนทำลายสิ่งสำคัญบางอย่างลงไปอย่างไม่อาจแก้ไขได้ ความสนิทสนมแบบพี่น้องที่พวกเขามีให้กันมันพังทลายลงแล้ว
เมื่อจารวีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสบกับดวงตาที่่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของเมฆินทร์ เธอกลับไม่ได้โกรธ...แม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและหวังริบหรี่รอคอยคำพูดจากเขา
เสียงแหบพร่าและสั่นเครือ "จี๊ด... พี่... พี่ขอโทษ..."
น้ำเสียงและคำพูดนั้นทำให้ความหวังเล็ก ๆ ในใจของเธอแตกสลายลงทันที
จารวีมองหน้าเมฆินทร์อย่างเงียบ ๆ
เขาหลบสายตา มือสั่นเทา "เมื่อคืน... พี่เมามาก พี่ไม่ได้ตั้งใจ... จริง ๆ นะ... จี๊ด..."
คำว่า "พี่ไม่ได้ตั้งใจ" เปรียบเสมือนมีดที่กรีดลึกลงไปในความรู้สึกของเธอ
เธอไม่ได้ต้องการคำขอโทษ เธอยอมรับการกระทำเมื่อคืนนี้ด้วยความเต็มใจและปรารถนาที่เก็บไว้มานาน แต่การที่เขาปฏิเสธมันด้วยการอ้างความเมาและการไม่ได้ตั้งใจ... นั่นต่างหากที่ทำให้เธอเจ็บปวด
เธอรวบรวมสติ ลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาแดงก่ำ "ค่ะ... จี๊ดเข้าใจแล้ว..."
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่รีบคว้าเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายมาสวมใส่อย่างลวก ๆ น้ำตาคลอเบ้า แต่เธอพยายามกลั้นมันไว้ เมฆินทร์พยายามจะเอื้อมมือมาจับเธอไว้
"จี๊ด... ฟังพี่ก่อน..."
เธอสะบัดตัวออกอย่างรวดเร็ว "ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วค่ะ พี่เมฆ!"
เธอรีบวิ่งไปยังประตูห้องพักส่วนตัวของวายุด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักออกมาทันทีที่เธอเปิดประตูออกไป
<<"ปัง!">>
<...!...>
จังหวะที่เธอเปิดประตูห้องแล้ววิ่งพรวดพราดออกมาด้วยใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาและอาการตื่นตระหนกนั้น
วายุที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องพอดีก็เห็นภาพนั้นเข้าอย่างจัง
เธอไม่ได้สนใจอะไร เธอก้มหน้าวิ่งหนีออกไปทันที
วายุหันไปมองประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว เขาเห็นเมฆินทร์ ที่กำลังยืนอยู่ในห้องอย่างสับสน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ใบหน้าซีดเผือด และมีร่องรอยของการกระทำเมื่อคืนอย่างชัดเจน
"เชี้ย...!!!"
"ฉิบหายล่ะ!"
วายุเสียงทุ้มต่ำและจริงจังทันที "ไอ้เมฆ! เกิดห่าอะไรขึ้นวะนั่น?! นะ...นั่นน้องจี๊ดใช่ไหมเมื่อกี้?!'
เมฆินทร์ไม่ตอบ ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเหมือนรูปปั้น ถูกความสับสนและความสำนึกผิดถาโถมจนโลกทั้งใบถล่ม
วายุเดินเข้าไปประชิดด้วยสายตาคาดคั้น "ตอบมา! นี่มึง...กับน้องเค้า!... นี่มึงทำบ้าอะไรลงไปวะ! ไหนย้ำนักย้ำหนาเรื่องกฎเหล็กความสัมพันธ์แบบนี้กับกู!"
เมฆินทร์เสียงพร่าและแผ่วเบา ทรุดตัวลงบนโซฟา "ไอ้ยุ... กู... กูซวยแล้วว่ะ!... กูทำอะไรลงไปวะ..."
วายุทรุดตัวลงนั่งข้างๆเมฆิทร์ด้วยความตื่นตระหนก "ตายห่าแล้วไอ้เมฆ! นั่นมันเพื่อนสนิทของน้องสาวมึงนะโว้ย! คนที่น้องมึงไว้ใจที่สุด! มึง... มึงอย่าบอกนะว่ามึง... หลอกน้องเขามาข่มขืน?! เวรเอ้ย! นี่มึงอยากขนาดนั้นเลยเหรอ! ผู้หญิงสวย ๆ พร้อมพลีกายให้มึงมีเยอะแยะ ทำไมต้องไปหลอกน้องเค้าวะ! มึง..มึงนี่มัน..."
เมฆินทร์เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ "ไอ้ยุ! มึงหุบปากก่อนได้ไหม! ใครจะบ้าทำอะไรแบบนั้นวะ!" เขาหายใจหอบ
วายุถอนหายใจเฮือกใหญ่ "แล้วน้องเขา... เขาไม่ขัดขืนมึงเหรอวะ?"
"ก็ไม่... "เมฆินท์ก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด
วายุขมวดคิ้วแน่น "ทำไมวะ... น้องเขาชอบมึงเหรอ?"
"ไม่รู้โว้ยยย!..." เมฆินทร์อยู่ดี ๆ ก็ผุดลุกขึ้นยืนเหมือนนึกอะไรได้
"ใช่! ใช่แล้ว! "ไอ้สองตัวนั่น!
วายุงงงวย "ใครวะ? เมฆ!"
ก็ไอ้เสือหิวสองตัวเมื่อคืนไง! พวกมันต้องทำอะไรบางอย่างแน่ ๆ! พวกมันอยู่ไหนวะ! กูจะไปถามให้รู้เรื่อง!"
วายุยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างเหนื่อยใจ "พวกมันกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว! มันบอกว่าฝากมึงดูแลที่นี่ บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง!"
"ฝากบ้าอะไรล่ะ! แล้วมึงหายหัวไปไหนมาวะ! ทำไมไม่มาดูแลความเรียบร้อยที่นี่!"
วายุเสียงแข็งขึ้นมาทันที "อ้าว! ไอ้คุณเมฆินทร์ผู้สุขุมร้ายลึกพ่อพระตะบะแตก! มึงอย่ามาพาลใส่กูนะโว้ย! นี่ระดับเจ้าของคลับนะเว้ย ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ! กูไม่จำเป็นต้องมาเดินตรวจตลอดเวลา! เด็กในร้านก็มี! พลาดเองแล้วเสือกมาพาลคนอื่น!"
เมฆินทร์เงียบไปในทันที ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ ความสับสน และความรู้สึกผิดที่ผสมปนเปกันอยู่ จนแทบไม่เหลือมาดผู้บริหารที่สุขุมเยือกเย็นของเขาอีกต่อไป
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







