แชร์

บทที่105 จางเหวินไค

ผู้เขียน: มี่เยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-25 11:30:01

สามวันหลังจากความล้มเหลวของการดูตัวครั้งแรกกับเหรินหมิงหลง กัวรั่วชิงต้องเตรียมตัวสำหรับการดูตัวครั้งที่สองตามกำหนดที่มารดาจัดเตรียมไว้ ครานี้ต้องไปพบกับคุณชายจางเหวินไค บุตรชายคนโตแห่งจวนไท่ฟู ซึ่งมารดาบอกว่ามีหัวใจรักศิลปะและมีความอ่อนโยน

กัวรั่วชิงกำลังให้กัวลี่ลี่จัดแต่งทรงผมให้เข้ากับอาภรณ์สีเขียวอ่อนปักลายดอกอวี้จาน ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงความตื่นเต้นใดๆ เพียงแค่คิดหาวิธีที่จะทำให้การดูตัวครั้งนี้ล้มเหลวได้อย่างแนบเนียนที่สุด ในเมื่ออีกฝ่ายมีชื่อเสียง อ่อนโยน และรักความยุติธรรม นางก็ต้องเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับความดีงาม

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านกังวลหรือไม่” กัวลี่ลี่เอ่ยถามเบาๆ “คุณชายจางเป็นคนที่มีชื่อเสียงทางบวก เป็นคนดีและอ่อนโยนตามคำร่ำลือ หากท่านทำผิดพลาดจนถูกจับได้ว่าจงใจถอนตัว เกรงว่าฮูหยินจะ...”

กัวรั่วชิงยิ้มบางๆ ในกระจกสำริด “เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกลี่ลี่ ข้าเตรียมแผนแสดงเป็นสตรีที่รักการพนันและการดื่มเหล้าไว้แล้ว หากคุณชายจางผู้สูงส่งทนรับข้าไม่ได้ เขาก็ต้องเป็นฝ่ายถอนตัวไปเอง”

พรึ่บ!

<
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่113 ซุนจิ่งอี้ ออกมา!

    หวงเชียนเล่อหันหลังเดินออกจากสวนหินอย่างเงียบเชียบ เขากลับไปยังเรือนรับรองฝั่งบุรุษที่ตนเองได้จัดการเข้าพักไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยการใช้เทียบเชิญพิเศษในฐานะแม่ทัพฉีหลิง ซึ่งย่อมได้รับความสะดวกในการเข้าพักแม้จะแจ้งทางอารามอย่างกะทันหันก็ตามผู้ติดตามของหวงเชียนเล่อที่นั่งรออยู่ในห้องถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะของผู้บังคับบัญชา “ท่านแม่ทัพ ท่านจะออกไปไหนอีกหรือ” ผู้ติดตามถามอย่างระมัดระวัง ทำท่าจะลุกตามไป“ไม่ต้องตามมา” หวงเชียนเล่อออกคำสั่งเสียงเข้ม “ข้าไปจัดการเรื่องส่วนตัวที่ต้องจบลงในคืนนี้” พูดจบเขาก็ก้าวอาดๆ ออกไปอีกครั้งยามวิกาล อารามเขาฉงซานเงียบสงบยิ่งกว่าที่ใด มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้และแสงสลัวจากโคมไฟกระดาษที่ยังคงส่องทางตามทางเดินหวงเชียนเล่อรู้ดีว่าเรือนพักของซุนจิ่งอี้อยู่ส่วนไหนของอาราม เพราะเขาได้สอบถามอย่างละเอียดตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้ว แม่ทัพหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้เสียงราวกับพยัคฆ์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายเขาไม่ได้สนใจที่จะแอบดู หรือเข้าไปขอพบอีกฝ่ายตามมา

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่112 ในสวนหิน

    เรือนพักรับรองสำหรับสตรีเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เป็นเรือนไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่ห่างกันพอประมาณ แต่ละหลังมีพุ่มไม้และไม้ประดับโอบล้อมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว เรือนเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้สามารถพักอาศัยได้อย่างสะดวกสบายราวสี่ถึงห้าคน บรรยากาศโดยรอบล้วนชวนให้รู้สึกสงบเย็นกัวรั่วชิงเหลือบมองเห็นว่า ห้องพักหลายแห่งมีผู้มาแสวงบุญจับจองอยู่แล้ว แม้จะเห็นสาวใช้ หรือคนเดินเข้าออกอยู่บ้าง แต่ทุกเรือนล้วนเงียบสงบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้มาเยือนล้วนแต่สำรวมกายวาจาตามหลักของอารามหลังจากการพักผ่อนในเรือนชิงเหอได้ไม่นาน กัวรั่วชิงและกัวลี่ลี่ก็ออกมายังบริเวณพระอุโบสถหลักตามนัดหมาย ซุนจิ่งอี้ยืนรออยู่ก่อนแล้วในท่าทางที่สงบและสำรวมทั้งสองเข้าไปไหว้พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ในโถงพระอุโบสถ จากนั้นจึงเดินไปยังส่วนรับบริจาค เพื่อบริจาคทานเป็นจำนวนเงินที่พอเหมาะสำหรับการทำบุญใหญ่ของอาราม“ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ก่อนทำวัตรเย็น” ซุนจิ่งอี้กล่าว “ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นที่สวนไผ่ของที่นี่ก่อนสักครู่ แล้วค่อยกลับมาทำวัตรเย็น”&ldqu

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่111 อารามเขาฉงซาน

    หลายวันต่อมา ในเช้าที่อากาศเย็นเยียบ ซุนจิ่งอี้ได้เดินทางมาถึงจวนชิงผิงโหวอย่างตรงเวลา เขาอยู่ในชุดลำลองผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่ดูสุภาพและสง่างาม รถม้าของเขาจอดรออยู่หน้าประตูใหญ่ ซึ่งมีนายประตูต้อนรับและให้คนเข้าไปแจ้งข่าวไม่นานนักกัวรั่วชิงก็เดินออกมาจากโถงต้อนรับพร้อมกับ กัวไห่เจินและเฉินเหยียนเฟยที่ตั้งใจมาส่งนางถึงรถม้าซุนจิ่งอี้ซึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว รีบโค้งคำนับต่อชิงผิงโหวอย่างนอบน้อม “ท่านโหว ฮูหยิน”“ตามสบายเถิด” ชิงผิงโหวตอบอย่างผ่อนคลาย แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยอำนาจ “การเดินทางไปถือศีลบนเขาถือเป็นเรื่องดี แต่ถนนหนทางก็ยากลำบาก ชิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวที่พวกเราทะนุถนอม ข้าขอฝากให้ท่าน ดูแลนางให้ดี ตลอดการเดินทางและในอารามด้วย”เฉินเหยียนเฟย ยื่นห่อผ้าห่มขนสัตว์บางเบาให้กับกัวลี่ลี่ แล้วกล่าวกับบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง “ไปถือศีลก็อย่าลืมดูแลสุขภาพ อากาศบนเขาย่อมหนาวเย็นกว่าในเมือง เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี”“ท่านพ่อท่านแม่วางใจเถิดเจ้าค่ะ” กัวรั่วชิงรับปาก แล้วหันไปทักท

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่110 เราพบกันอีกดีหรือไม่

    “สหายเจ้า?” ซุนจิ่งอี้ทำท่าครุ่นคิด “คงหมายถึงคุณหนูเล็กสกุลเหยาใช่หรือไม่”กัวรั่วชิงพยักหน้า “ใช่แล้ว”“ความจริงเรื่องนี้ข้าก็นึกชื่นชมเจ้าอยู่เหมือนกัน” ซุนจิ้งอี้มองนางด้วยสายตาชื่นชม “ไม่ว่าคุณหนูเหยาจะเป็นเยี่ยงไร หรือจะถูกใครเหยียดหยามว่าเป็นคนเขลา แต่เจ้าก็ยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพ อยู่เคียงข้างนางเสมอ คุณหนูเหยาช่างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ้าจริงๆ”“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าไม่ว่าผู้ใด หากสหายเกิดเรื่องหรือเจ็บป่วย ก็คงไม่ทอดทิ้ง”“เจ้าถ่อมตัวอีกแล้ว เจ้าก็รู้คนมีคุณธรรมเยี่ยงนั้นไม่ได้มีมากนักหรอก” ซุนจิ่งอี้ยิ้มบางๆ “วันนี้ไม่เสียเปล่าจริง ที่ได้เจอกับคนดีๆ อย่างคุณหนูกัว”“ท่านรองเสนาบดีเองก็เป็นบุรุษที่เปี่ยมด้วยความรู้และคุณธรรม ข้าเองก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบกับท่านเช่นกัน” กัวรั่วชิงตอบอย่างอ่อนโยน ในใจของนางยอมรับว่าบุรุษผู้นี้ดีเกินกว่าจะปฏิเสธได้ด้วยเหตุผลตื้นๆ และนางก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสแสร้งแสดง

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่109 หมายความว่าเขาถูกใจการดูตัวครั้งนี้?

    กัวรั่วชิงยิ้มตอบอย่างกระตือรือร้น“ความคิดของอาจารย์มู่หานนั้นเฉียบคมมาก โดยเฉพาะเรื่องการกระจายอำนาจของขุนนางท้องถิ่นไปยังกลุ่มชนชั้นกลาง ข้าเห็นด้วยว่ามันคือรากฐานของความมั่นคงในระยะยาว” ครั้นเห็นเขามองมาด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ นางก็ยิ่งยากจะพูดต่อ “แต่ข้าก็ยังคิดว่าการเมืองในยุคสมัยนั้นมีความยืดหยุ่นมากกว่า การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ หรือของขุนนางบางคนอย่างเช่นทุกวันนี้”“โอ้ ข้าก็มีความคิดคลายกันกับคุณหนูกัว” ซุนจิ่งอี้ยิ้มด้วยความพอใจ ดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับเจอเพื่อนที่เข้าใจกัน“แต่ใช่ว่าข้าจะไม่ชอบรัชมัยนี้หรอกนะ นับตั้งแต่ฮ่องเต้ทรงขึ้นครองราชย์บัลลังก์ ก็ทรงปกครองแว่นแคว้นหลังการเปลี่ยนรัชสมัยได้อย่างราบรื่น แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ” ช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจเป็นช่วงที่เปราะบางยิ่ง แต่มู่เหวินหลงกลับควบคุมดูแลทุกสิ่งได้อย่างดี แม้จะมีการก่อกบฏอยู่สองสามครั้ง แต่ราชสำนักก็จัดการได้อย่างหมดจด ถอนรากทอนโคนคนเหล่านั้นจนสิ้น นั่นย่อมหมายความว่าฮ่องเต้พระองค์นี้ทั้งเด็ดขาดและเต็มไปด้วยพระราชอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งยากยิ่งนักที่สตรีจะพูดเรื่องการเมืองก

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่1085 ซุนจิ่งอี้

    ฤดูสาทรได้แผ่ความเย็นเยียบเข้าปกคลุมเมืองหลวง แสงอาทิตย์ยามเช้าทอประกายสีทองอ่อนๆ ผ่านสายหมอกบางเบา ลมที่พัดพามาเริ่มมีไอเย็นผสมอยู่ ทำให้ผู้คนต้องเริ่มสวมใส่เสื้อผ้าหนาขึ้น แม้จะเป็นฤดูแห่งความผลิบานของดอกเบญจมาศ แต่ก็เป็นสัญญาณของการเตรียมตัวเข้าสู่ความเหงาของฤดูเหมันต์ที่กำลังจะมาถึงเช้าวันดูตัวครั้งที่สามมาถึงอย่างรวดเร็ว กัวรั่วชิงสวมอาภรณ์งดงาม โดยเลือกผ้าไหมสีม่วงอ่อนที่ขับใบหน้าให้ดูนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความสุขุม นางให้กัวลี่ลี่ช่วยจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อยโดยไม่ประดับเครื่องประดับที่ฉูดฉาด เน้นความเรียบง่ายตามแบบอย่างกุลสตรีที่สมบูรณ์แบบครานี้เฉินเหยียนเฟยดูตื่นเต้นและกระวนกระวายใจมากกว่าครั้งก่อน พยายามตรวจตราและสาบเสื้อให้นางด้วยตนเอง“หากไม่ติดเรื่องเป็นพ่อม่าย ท่านรองเสนาบดีซุนจิ่งอี้นับเป็นบุรุษที่เพียบพร้อม มีเกียรติและไร้ข่าวฉาวใดๆ แม่ไม่อยากให้ครั้งนี้ผิดพลาดอีกจริงๆ เจ้าจะต้องวางตัวให้ดี ทำให้เขาประทับใจ”กัวรั่วชิงยิ้มบางๆ “ท่านแม่วางใจเถิด ข้าจะปฏิบัติตนตามมารยาททุกประการ”ครั้นถูกมารดากำชับอีกสองสามประโยค กัวรั่วชิงก็เดินทางออกจากจวนชิงผิงโหวภัตตาคารฉางอันตั้งอยู

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status