“ทำอะไรมาคะเนี่ยหอมมากเลย” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวเสียงอ่อนพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธอ ร่างบางของพี่สกายเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับประคองฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล
“ทานข้าวจ้ะ” พี่ตะวันยื่นถ้วยข้าวต้มทรงเครื่องมาให้ ก่อนที่เธอจะนั่งลงตรงหน้าของฉัน
“ขอบคุณค่ะ...พี่ตะวันคะ”
“จ๋า ว่าไง?”
“ชูใจมีเรื่องจะบอกค่ะ” ฉันวางช้อนในมือลงก่อนจะเอ่ยบอกกับพี่สาวเพียงคนเดียวถึงสิ่งที่อยู่ในใจของฉัน
“เรื่องที่น้องท้องน่ะเหรอ”
“คะ? พี่ตะวันรู้?” ฉันเอ่ยถามเธอออกไปเสียงดังด้วยความตกใจ
“พี่ก็เคยท้องมาก่อนทำไมพี่จะดูไม่ออกล่ะ”
“แล้ว...”
“มีแค่พี่คนเดียวที่รู้ เรื่องนี้พี่ยังไม่ได้บอกใคร” พี่ตะวันเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันในความคิดของฉัน มือบางของเธอเอื้อมมากุมมือบางของฉันเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับฉันด้วยความเป็นห่วง
“เก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนได้ไหมคะ ตอนนี้น้องยังไม่พร้อม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าออกไปตามความจริง เรื่องราวมากมายถาโถมเข้ามาในชีวิตของฉันทีเดียวพร้อมกันจนฉันไม่รู้ว่าควรจัดการกับเรื่องไหนก่อน แต่เรื่องลูกเป็นเรื่องสุดท้ายที่ฉันจะบอกกับทุกๆ คน
“น้องตัดสินใจจะเลิกกับพี่สกายจริงๆ น่ะเหรอ?”
“...”
“ตอนนี้น้องไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะชูใจ พี่อยากให้น้องคิดอีกที...”
“ถ้าพี่สกายทำพี่โมนาท้องจริงๆ ก็หมายความว่าคุณสมบัติพื้นฐานความเป็นพ่อคนเขาก็ไม่ผ่านแล้วนะคะ แค่ศีล 5 ข้อเขายังรักษาไว้ไม่ได้ น้องก็ไม่แปลกใจถ้าเขาจะรักษาครอบครัวเขาไว้ไม่ได้”
“แล้วถ้าพี่เขาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ล่ะ”
“ถ้าเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าคืนนั้นไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่ได้ทำอะไรผิดน้องก็พร้อมที่จะให้โอกาสเขาจ้ะ”
“น้องสาวของพี่โตขึ้นเยอะแล้วสินะ” พี่ตะวันเอ่ยออกมาเสียงอ่อนพร้อมกับลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยน ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในตัวของฉันจริงๆ อย่างที่เธอได้พูดออกมา
“น้องก็บอกแล้วว่าน้องโตเป็นสาวแล้ว”
“ให้เวลาตัวเอง ให้เวลาพี่สกายหน่อยนะชูใจ”
“...” ฉันยกยิ้มออกมา ก่อนที่สายตาของฉันจะเลื่อนไปมองชุดแต่งงานที่แขวนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
‘เขาคือผู้ชายที่ฉันเลือก ฉันต้องมั่นใจในตัวของเขาอยู่แล้ว’ เสียงในหัวของฉันมันบอกประโยคนี้กับฉันซ้ำๆ ฉันควรเป็นอีกคนที่รู้จักนิสัยของพี่สกายดีที่สุด คนอื่นๆ รอบข้างของเขายังเชื่อมั่นใจตัวของเขาเลย แล้วฉันที่อยู่ใกล้ชิดเขามาตลอดมีเหรอจะไม่เชื่อมั่นในตัวของเขา
“พี่รู้ว่าลึกๆ แล้วน้องก็รู้ว่าพี่สกายเป็นคนอย่างไร”
“หึหึ”
“หัวเราะอะไร พี่พูดอะไรผิดไปเหรอ?” พี่ตะวันเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความสงสัย
“พี่ตะวันพูดถูกทุกคำเลยค่ะ เพราะน้องรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงน้องถึงยังได้อยู่ตรงนี้ไงคะ”
“...”
“พี่สกายเป็นคนกัดไม่ปล่อย ถ้าเขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต้องหาทางพิสูจน์ตัวเองได้อย่างแน่นอนค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวของฉันออกไปตามตรง ทั้งหมดที่ฉันพูดออกไปเป็นความจริงที่ฉันสัมผัสได้มาตลอดหลายปีจากผู้ชายที่ชื่อสกาย
ถ้าวันที่ความจริงทุกอย่างปรากฏขึ้นมา และพบว่าเขามีส่วนที่ทำให้เด็กคนนั้นเกิดขึ้นมาจริง ฉันจะเป็นคนไปจากเขาเอง ฉันอาจจะไม่ได้หนีเขาไปไหน เพราะฉันรู้ว่าทั้งชีวิตนี้ฉันไม่สามารถหนีเขาไปไหนได้ และอีกอย่างฉันไม่ได้เป็นคนผิดฉันไม่จำเป็นต้องหนี แต่ฉันมีวิธีจัดการเขาในแบบของฉันเอง
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ได้ยินแบบนี้พี่ก็สบายใจแล้ว”
“...”
“แล้วตอนนี้ท้องได้กี่เดือนแล้ว พี่ไม่เห็นน้องแพ้ท้องเลย” พี่ตะวันเอ่ยถามออกมาฉันออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มือบางของเธอจะลูบลงที่หน้าท้องแบนราบของฉันอย่างอ่อนโยน
“3 เดือนแล้วค่ะ”
“หรือว่าพี่สกายแพ้ท้องแทนชูใจเหรอ?” พี่ตะวันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของฉันก่อนที่เธอจะเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง
“น้องก็ไม่แน่ใจเหมือนกันจ้ะ”
“พี่คิดว่าใช่...” พี่ตะวันเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับยกยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
[สกาย]
อีกด้าน...
“แล้วนี่มึงจะเอายังไงต่อ” ไอ้ฮันเตอร์เอ่ยถามผมออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องหน้าผมนิ่งๆ อย่างรอคำตอบ
“หาหลักฐานยังไงว่ะ...”
“กูคิดว่ามึงต้องเร่งมือหน่อยแล้วว่ะไอ้กายเพื่อนรัก”
“เรื่องนั้นกูทำอยู่แล้ว” ผมตอบเพื่อนรักกลับไปก่อนจะก่อนจะหยิบแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นมาดื่ม ก่อนที่ผมจะหันไปเห็นสายตาของไอ้ฮันเตอร์ที่กำลังจ้องมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว
“มีอะไรก็พูดมา?”
“เปลี่ยนจากกาแฟเป็นเหล้าไหมล่ะ ยี่ห้อที่มึงชอบที่บ้านกูมีพอมีเลยนะเว้ย”
“ขอบคุณ แต่ขอไม่รับครับ”
“หืม?”
“กูเลิกเหล้าแล้วตลอดชีวิต” ผมเอ่ยบอกกับเพื่อนรักออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ชีวิตของผมเป็นต้องเป็นแบบนี้ ผมตั้งใจเอาแล้วไม่ว่ายังไงชีวิตนี้ผมจะไม่เข้าใกล้แอลกอฮอล์อีกเด็ดขาด
คืนนั้นถ้าผมมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ตอนนี้ผมกับชูใจก็คงกำลังมีความสุขอยู่ด้วยกันที่ไหนสักทีบนโลกใบนี้ ในสถานที่ที่พวกเราช่วยเลือกไปในช่วงฮันนีมูนคงจะเป็นที่ที่โรแมนติกน่าดูเลยล่ะ
“หมอเพิร์ชได้ยินคงภูมิใจน่าดูเลย...ว่าที่คนไข้โรคตับของคุณหมอจะลดลงไปอีก 1 คนแล้ว”
“ไอ้เวรนี่...”
“หึหึ”
“มึงกำลังสงสัยอะไรอยู่กันแน่วะไอ้กาย?” เราทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่สักครู่ ก่อนที่ไอ้ฮันเตอร์จะเอ่ยถามผมออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้กับผม
“...” ผมรับโทรศัพท์ของมันมาถือเอาไว้ ก่อนจะก้มลงไปดูวีดีโอและภาพจากกล้องวงจรปิดที่กู้คืนมาได้ มุมปากของผมแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้กับชายหนุ่มตรงหน้า
“กูกำลังสงสัยว่าผู้หญิงที่อดทนเก่งขนาดนี้ ทำไมถึงเลือกลงมือในตอนนี้” ผมตอบคำถามของเพื่อนกลับไปเสียงเรียบ
“มึงกำลังจะบอกว่า...ยัยนี้เขามาทำงานใกล้ชิดกับมึงและชูใจเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างสินะ”
“ใช่...ที่กูใช้เวลาสืบนานขนาดนี้ เพราะประวัติของยัยนี่แทบจะไม่มีช่องว่างให้น่าสงสัยเลย ทุกคนที่อยู่รอบตัวก็ไม่มีใครที่น่าสงสัยและสามารถโยงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย”
“ความลับไม่มีบนโลกหรอก ไม่ว่ายังไงพวกมันก็ไม่รอดพ้นสายตาของมึงไปได้หรอก” ไอ้ฮันเตอร์เอ่ยออกมาอย่างรู้ทันในความคิดของผม
“พูดอีกก็ถูกอีก...ตอนนี้เรามาดูกันว่าเหยื่อจะติดกับดักเมื่อไหร่”
~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนน~
“...” ผมมองโทรศัพท์ในมือของตัวเองนิ่งๆ ก่อนที่มุมปากของผมจะแสยะยิ้มร้ายออกมา เบอร์ที่กำลังโชว์อยู่บนหน้าจอของผมมันทำให้ผมมั่นใจว่าผมมาถูกทางแล้ว
“ว่าไง”
(พี่สกายโมนาแพ้ท้องหนักมากเลยค่ะ โมนาขอไปหาพี่สกายที่บ้านได้ไหมคะ?) ปลายสายเอ่ยออกมาเสียงอ่อนเสียงหวาน
“แพ้ท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ผมถามย้ำเธอออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิม
(อะ เอ่อใช่ค่ะ)
“รออยู่ที่คอนโดของเธอนั่นแหละเดี๋ยวฉันจะรีบไปหา” ผมเอ่ยบอกกับปลายสายกลับไป ก่อนจะหันไปมองสบตากับเพื่อนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง พร้อมกับพยักหน้าให้กันอย่างกับรู้ทันในความคิดของกันและกัน
(ได้ค่ะ พี่สกายรีบมานะคะโมนาจะรอค่ะ)
ผมยกยิ้มออกมาก่อนจะตัดสายไปในทันที ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เครื่องเดิมลงกระเป๋ากางเกงของตัวเองอีกครั้ง
“เหยื่อติดกับ”
“มึงดูมั่นใจมากเลยนะ ระวังเจอเหยื่อที่แกล้งโง่หลอกให้มึงตายใจซะเองล่ะ” ไอ้ฮันเตอร์เอ่ยเตือนสติผมก่อนที่มันจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับเดินออกมาส่งผมที่บริเวณหน้าบ้านของมัน
“เออกูจะระวังตัวอย่างดี”
“ไอ้เตอร์”
“จะพูดอะไรก็พูดมา?”
“ฝากดูแลชูใจด้วย กูจะจบเรื่องทุกอย่างให้ไวที่สุด แล้วกูจะกลับมารับชูใจด้วยตัวของกูเอง” ผมเอ่ยบอกกับเพื่อนรักออกไปเสียงเรียบ สีหน้าของผมมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าผมไม่ได้พูดเล่น
ผมอยากเห็นรอยยิ้มหวานๆ ของชูใจจะแย่แล้ว ผมได้แต่หวังว่าหลังจากเรื่องนี้จบลงเราสองคนจะได้กลับมามีความสุขด้วยกันสักที
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ชูใจอยู่ในบ้านหลังนี้เธอจะปลอดภัย”
“มึงไปจัดการเรื่องของมึงให้เรียบร้อย และก็ระวังตัวด้วยล่ะห้ามประมาทกับคนพวกนั้นเด็ดขาด”
“เออกูจะระวังตัว”
หลังจากที่พูดคุยกับไอ้ฮันเตอร์จบผมก็เดินกลับมายังบ้านพักของตัวเองทันที มุมปากของยกยิ้มออกมาในขณะที่ขาของผมก็ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า
1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
‘ชูใจหลับไปแล้วค่ะ’ ตะวันเดินออกมาจากห้องพักของชูใจก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับผมด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุน
‘พี่ขออนุญาตเข้าไปหาน้องได้ไหมครับ’
‘…’
‘ถ้าเป็นตอนตื่นเธอคงไม่ยอมเจอหน้าพี่แน่ๆ พี่ขออนุญาตครั้งนี้ครั้งเดียวครับ’ ผมเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าออกไปตามตรง อย่างน้อยให้ผมได้เข้าไปเห็นหน้าเธอใกล้ๆ อย่างที่ผมเคยทำสักครั้งก็ยังดี
‘ก็ได้ค่ะ’ ตะวันยกยิ้มออมาก่อนที่เธอจะหลบทางให้ผมเดินเข้าไปด้านใน
“ขอบคุณมากครับ”
ผมเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอก่อนจะย่อตัวนั่งคลุกเข่าลงที่ข้างเตียง ผมเอื้อมมือไปกุมมือบางของคนรักเอาไว้ก่อนจะจุ๊บลงที่หลังมือของเธออย่างอ่อนโยน
จุ๊บ!!!
‘พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดีไม่ว่ายังไงพี่จะทำทุกวิถีทางให้เราได้กลับมาอยู่ด้วยกัน พี่จะทำทุกทางให้หนูกลับมารักพี่อีกครั้ง’
ผมเอ่ยบอกกับร่างบางที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าเสียงหวาน ก่อนจะจุ๊บที่หน้าผากของเธออีกครั้ง กลิ่นกายที่คุ้นเคยของเธอทำให้ผมหวนนึกถึงวันคืนที่เราได้มีความสุขด้วยกัน
เธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ผมกลับไม่กล้ากอด ไม่กล้าหอม ไม่กล้าสัมผัสเธอให้มากกว่านี้...มันเป็นอะไรที่ทรมานมากจริงๆ นะ
จุ๊บ!!!
‘พี่รักหนูนะครับ’
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง