[สกาย]
คอนโดโมนา
กริ๊งงงงงงงงงง~~ กริ๊งงงงงงงงงง~~
“พี่สกายมาแล้วเหรอคะ?”
“เชิญค่ะ”
โมนาเดินเข้ามาเปิดประตูห้องของเธอให้กับผม ก่อนที่เธอจะหลีกทางเพื่อให้ผมเดินเข้าไปด้านใน ผมมองไปรอบๆ ห้องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ตรงหน้า
“พี่สกาย...”
“เป็นยังไงบ้าง?” ผมตวัดขาเรียวขึ้นมานั่งไขว่ห้าง พร้อมกับมือทั้งสองประสานกันเอาไว้บนหัวเข่า ผมชายตามองไปที่ร่างบางตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไปเสียงเรียบ
“คะ?”
“เธอแพ้ท้องไม่ใช่รึไง?” ผมเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปอีกครั้ง พร้อมกับจ้องใบหน้าของเธอนิ่งๆ อย่างรอคำตอบ โมนาแสยะยิ้มออกมาก่อนที่เธอจะตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างที่ผมไม่เคยสังเกตมาก่อน
“โมนารู้สึกเวียนหัว อ่อนเพลีย อยากจะนอนตลอดเวลาเลยค่ะ”
“ถ้างั้นเธอก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ยังไม่ต้องไปทำงาน”
“โมนากำลังขอไปอยู่ที่บ้านกับพี่สกายไม่ได้เหรอคะ?” โมนานั่งลงข้างกายผม มือบางลงบนแขนของผมก่อนที่เธอจะลูบเบาๆ พร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่แกร่งของผมอย่างออดอ้อน
“อยู่ในที่ของเธอไปก่อน เอาไว้เธอคลอดลูกของฉันออกมาแล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้”
“พี่สกายพูดแบบนี้หมายความว่าจะเอาแค่ลูก ไม่เอาโมนาใช่ไหมคะ?” ร่างบางยืดตัวตรงพร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมออกมาเสียงแข็ง ดวงตาสวยได้รูปจ้องเขม็งมาที่ผมอย่างโกรธเคือง
“...”
“ถ้าอย่างนั้นโมนากับลูกก็จะตายให้พี่สกายดูเดี๋ยวนี้เลย ฮึกกกก!!”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ” ผมแสยะยิ้มร้ายออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ ผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริงๆ บางทีความคิดของเธอก็ดูจะอ่านง่ายเสียเหลือเกิน บางทีก็ยากจะคาดเดาว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันอยากมีลูกมากแค่ไหน?” ผมเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงเรียบ
“โมนารู้ค่ะ โมนาเคยได้ยินพี่สกายพูดกับ...”
“ตอนนี้โมนามีลูกให้กับพี่สกายแล้ว พี่ก็ควรดูแลโมนากับลูกให้ดี”
“จริงสิ ฉันต้องดูแลเธอกับลูกของฉันให้ดี” ผมเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงเรียบ มุมปากของผมยกยิ้มออกมาอย่างรู้ทันในความต้องการของหญิงสาวตรงหน้า
“ขอบคุณเธอมากนะที่มีลูกให้กับฉัน”
“โมนารักพี่สกายมากเลยนะคะ รักมานานแล้ว โมนาอยากแต่งงานกับพี่สกายค่ะ” เธอเอ่ยบอกกับผมถึงความต้องการของเธอ ก่อนจะซบหน้าลงกับอกแกร่งของผมอย่างออดอ้อน
“อยากแต่งงานกับฉันอย่างนั้นเหรอ” ฉันเอ่ยมาเสียงเรียบพร้อมกับจ้องออกไปยังภาพถ่ายของเธอที่แขวนอยู่ตรงหน้านิ่งๆ ผมยกยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับเธอออกไปอีกครั้ง
“ถ้าเธออยากแต่งงานกับฉัน ฉันก็จะจัดงานให้ แต่ว่าจะให้จัดตอนนี้ก็คงจะทำไม่ได้หวังว่าเธอคงจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดนะ”
“โมนาเข้าใจ”
“งั้นเธอก็รอฉันอยู่ที่นี่ไปก่อน” ผมเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงเรียบ
“โมนารอพี่สกายได้ค่ะ”
“ฉันจะให้คนของฉันคอยดูแลเธอกับลูกอยู่ที่นี่ ต้องการอะไรก็บอกกับแม่บ้านของฉันได้เลย”
“คะ? คือไม่ว่าพี่สกายอยากให้โมนาทำอะไรโมนาทำให้พี่ได้ทุกอย่าง”
“โมนาจะดูแลตัวเองอย่างดี พี่สกายไม่ต้องส่งใครมาดูแลโมนาก็ได้นะคะ”
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เธออุ้มท้องลูกของฉันอยู่จะให้ฉันทิ้งเธอไว้คนเดียวได้ยังไงล่ะ” ผมเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าออกไปอีกครั้ง พร้อมกับมองไปที่ใบหน้าหวานของเธอนิ่งๆ
“เอายังงั้นก็ได้ค่ะ” ร่างบางตรงหน้าตอบผมกลับมาอย่างยอมจำนน ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มหวานมาให้กับผม
“เธอบอกว่าอีก 3 วันหมอนัดตรวจครรภ์ ฉันขอดูใบนัดหน่อยได้ไหม?”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวโมนาไปเอามาให้ดูนะคะ”
“...” ผมมองตามแผ่นหลังบางไปจนลับตา ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนที่ผมจะเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง สายตาของผมไปสะดุดเข้ากับถ้วยจานชามมากมายที่วางอยู่ในซิงค์ล้างจาน
“ผมหญิงอยู่ตัวคนเดียวใช้จานชามเยอะขนาดนี้เลยรึไง”
ผมพึมพำออกก่อนที่จะเดินไปใกล้ถังขยะที่วางอยู่ไม่ไกล ผมใช้เท้าเหยียบเพื่อเปิดถังขยะตรงหน้าออก ก่อนที่ผมจะแสยะยิ้มร้ายออกมาทันทีที่เห็นของที่อยู่ข้างในนั้น
“ผู้หญิงที่กำลังท้องคงจะดื่มเบียร์ไม่ได้หรอกนะ”
ผมเดินสำรวจห้องนอนไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าชั้นวางรองเท้าขนาดใหญ่ ผมเปิดชั้นวางตรงหน้าออกก่อนจะเดินรองเท้าสนสูงมากมายวางเรียงรายกันอยู่ ก่อนที่สายตาของผมจะไปสะดุดเข้ากับรองเท้าผู้ชายขนาดใหญ่คู่หนึ่ง
“เหมือนจะลืมเก็บคู่นี้สินะ”
...
“พี่สกาย!!!” โมนาเอ่ยเรียกผมออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะรีบเดินเข้ามาหาผม
“เธอท้องอยู่ไม่ใช่รึไงจะรีบเดินไปไหนล่ะ?” ผมเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกมาด้วยความสงสัย
“โมนาก็คิดว่าพี่สกายหนีกลับไปแล้วเสียอีก”
“หึหึ ฉันจะหนีเธอไปไหนได้ล่ะ” ผมหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะเอ่ยบอกกับออกไปเสียงอ่อนอย่างชอบใจในท่าทางของเธอ ร่างบางเธอเข้ามานั่งลงข้างกายของผมก่อนที่เธอจะยื่นเอกสารในมือมาให้ผมได้ดู
“เดี๋ยวอีก 3 วันข้างหน้าฉันจะมารับเธอไปหาหมอ” ผมอ่านเอกสารตรงหน้าจนครบถ้วนทุกบรรทัด ก่อนที่ผมจะเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงเรียบ
“พี่สกายไม่อยู่กับโมนาเหรอคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามผมขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนที่มือบางของเธอจะดึงแขนแกร่งของผมเอาไว้
“ฉันมีงานที่ต้องทำเธอก็น่าจะรู้ดี เอาไว้ฉันจะมาหาบ่อยๆ”
“ก็ได้ค่ะ” โมนาปล่อยแขนของผมออกจากการจับกุมของเธออย่างยอมจำนน
ผมออกมาจากห้องพักของโมนาก่อนจะเดินไปยังรถหรูของตัวเองที่จอดอยู่ยังลานจอดรถในทันที ตลอดทางที่เดินไปผมก็ต่อสายหาลูกน้องคนสนิทของผมไปด้วย
“ไอ้วิช”
(ครับนาย)
“ฉันอยากให้หาคนที่อยู่ข้างกายยัยนั่นเพิ่มโดยเฉพาะผู้ชาย และให้คนของเราคอยจับตาดูที่คอนโดของยัยนั่นเอาไว้ให้ดี”
(นายกำลังจะบอกว่าโมนาไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่นายคิดจริงๆ ใช่ไหมครับ?) ปลายสายเอ่ยถามผมออกมาด้วยความสงสัย
“ใช่!!! แล้วตอนนี้แฮกระบบกล้องวงจรปิดของคอนโดนี้ไปถึงไหนแล้ว” ผมเอ่ยถามปลายสายออกไปเสียงเรียบ ก่อนจะสตาร์ทรถหรูของตัวเองและขับออกไปทันที
(เหลือขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับนาย)
“หึหึ ทำดีมาก”
[ชูใจ]
คฤหาสน์ของฮันเตอร์
แดดในช่วงบ่ายแก่ของวันเริ่มอ่อนลงบ้างแล้วฉันจึงออกมาเดินเล่นบริเวณสวนหลังบ้าน ก่อนที่เสียงของพี่ตะวันจะดังขึ้นมาจากบริเวณประตูหลังบ้าน
“ชูใจอยู่ในสวนค่ะคุณป้า” ฉันหันไปมองตามเสียงนั้นก่อนจะเห็นพี่ตะวัน ม๊าและป๊าของพี่สกายกำลังยืนอยู่ไม่ไกล
“คุยกันตามสบายนะคะ ตะวันขอตัวก่อนค่ะ”
“จ้ะ”
“ม๊า ป๊าสวัสดีค่ะ” ฉันยกยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“หนูตะวันเป็นยังไงบ้างลูก? ป๊ากับม๊าขอโทษนะที่ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล” ม๊าเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ก่อนที่ม๊าจะเดินเข้ามาประคองร่างบางของฉันให้เดินตามเธอเข้าไปนั่งลงยังเก้าอี้ม้าหินอ่อนที่อยู่ไม่ไกล
“หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ ชูใจก็แค่พักผ่อนน้อยเลยเป็นลมไปน่ะค่ะ”
“โถลูก!!! หนูคงจะเสียใจมาก ม๊าขอโทษนะลูกนะ” ม๊าเอ่ยบอกกับฉันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ก่อนที่ป๊าจะเอ่ยสมทบขึ้นอีกคน
“ป๊าขอเป็นตัวแทนของคนในครอบครัว...ป๊าขอโทษหนูชูใจด้วยนะลูกกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้วและอีกอย่างป๊ากับม๊าไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องขอโทษหนูหรอกนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสองคนออกไปเสียงอ่อน พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับพวกท่าน
“ชูใจต่างหากที่ต้องขอโทษป๊ากับม๊าที่ทำให้งานแต่งล่ม” ฉันยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษทั้งสองตรงหน้าอย่างนอบน้อม
ฉันรู้สึกผิดจริงๆ ที่ตัวเองตัดสินใจทำแบบนั้น แต่ถ้าฉันไม่สบายใจที่จะแต่งงานกับพี่สกายจริงๆ ฉันก็ไม่อยากฝืนใจของตัวเอง ม๊าดึงร่างบางของฉันเข้าไปกอดมือบางของท่านลูบลงที่แผ่นหลังของฉันอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรเลยลูก...ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับม๊า ม๊าก็จะทำแบบเดียวกับที่หนูทำหมือนกัน”
“...”
“เราเป็นผู้หญิงก็อยากฝากชีวิตไว้กับผู้ชายที่รัก และสามารถทะนุถนอมหัวใจของเราได้ แต่ถ้าเขาทำไม่ได้เราก็ขอเลือกอยู่คนเดียวเสียดีกว่า”
ม๊าเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุน พร้อมกับมือบางของเธอลูบลงที่หัวของฉันอย่างเอ็นดู
ฉันคิดอยู่ตั้งนานว่าฉันควรจะอธิบายให้ป๊าและม๊าของพี่สกายเข้าใจฉันได้ยังไง ฉันจะกล้าสู้หน้าพวกท่านไหม ตอนนี้ความคิดพวกนั้นของฉันมันสิ้นสุดลงแล้ว ม๊ากับป๊ามอบความรักและความอบอุ่นให้กับฉันราวกับว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของท่านจริงๆ
“หนูถือว่าเป็นลูกสาวของป๊ากับม๊าตั้งแต่วันแรกที่หนูเข้ามาที่บ้านของพวกเราแล้ว ไม่ว่าหนูจะอยู่ในสถานะอะไรหนูก็จะเป็นลูกสาวของป๊ากับม๊าตลอดไปจำไว้ให้ดีนะลูก” ม๊าเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม มือหนาของท่านลูบลงที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน
“ชูใจโชคดีจังเลยค่ะ”
ไม่ว่าเรื่องร้ายๆ จะเกิดขึ้นกับฉันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันก็ยังมีคนที่รักฉันคอยสนับสนุนอยู่เสมอ...
“ม๊าไม่ได้อยากจะมาแก้ตัวแทนลูกชายม๊า แต่ม๊าอยากจะบอกกับหนูว่าตากายเปลี่ยนไปมาหลังจากที่ได้รู้จักกับหนู ตากายเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้แบบนี้ ม๊าเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนู”
“ม๊าคะ...”
“ม๊ารักหนูนะ”
“หนูก็รักม๊ากับป๊า”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เอ็นดูหนู” ฉันเอ่ยบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสองคนตรงหน้าเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมกับซบหน้าลงกับอกของม๊าอย่างออดอ้อน
“เด็กดี”
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง