ภาคินไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปเขารีบส่าวเท้าเดินตามร่างบางออกจากผับทันที ขณะที่อีกคนรีบก้าวเท้าเดินกึ่งวิ่งออกไปริมถนนเพื่อเรียกรถแท็กซี่
"พี่ไอนะพี่ไอทำให้เอวาซวยอีกแล้ว" ใบหน้าคมเอี่ยวไปมองร่างสูงที่ตามหลังเธอมาเป็นระยะๆ ใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นไม่เป็นส่ำๆ เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ก่อนรีบสับเท้าวิ่งด้วยความตื่นตระหนกในใจก็นึกโมโหแฝดพี่ไม่น้อยที่พลอยทำให้เธอเดือดร้อนไปด้วย
"ว๊าย!" เสียงหวานหลุดร้องด้วยความตกใจในตอนที่มือหนาจับหมับเข้าที่ต้นแขนแล้วถูกกระชากจนตัวเซถลาปะทะเจ้าของมือหนาอย่างแรงจนใบหน้าสวยคมเหยเกด้วยความเจ็บ
"ผู้หญิงด้านชา ไร้ยางอายอย่างคุณเจ็บเป็นด้วยเหรอ" คนกระทำไม่ได้รู้สึกผิดสักนิดกลับพูดจาเหยียดหยามบีบแขนเล็กแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าคมราวกับจะฉีกเนื้อเธอออกเป็นชิ้นๆ
"อะ..โอ๊ยย!" เสียงหวานหลุดร้องออกมาอีกครั้งอย่างสุดจะกลั้นแรงบีบรัดทำให้เธอรู้สึกเจ็บราวกับกระดูกแขนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พยายามใช้อีกมือแกะมือหนาออก แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอไม่ได้ทำให้มือหนาขยับเขยื้อนสักนิดกลับกันยิ่งออกแรงบีบมากขึ้น
"เจ็บแค่นี้มันเทียบไม่ได้สักนิดกับสิ่งที่คุณทำไว้กับผมไอวา" ยิ่งเห็นหญิงสาวเจ็บปวดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกสะใจคนอย่างเธอแค่เจ็บปวดทางกายยังน้อยไปด้วยซ้ำต้องพบกับความทุกข์ทางใจด้วยถึงจะสาสม และเขานี้แหละจะเป็นคนหยิบยื่นโอกาสนั้นให้เธอเอง
"ปล่อยฉันนะบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ชื่อไอวา" เอวารีบเปล่งปฏิเสธพลางพยายามดึงแขนออกจากการจับกุมดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ เพื่อหาความช่วยเหลือเมื่อเห็นคนเดินออกจากผับก็ไม่รอช้าที่จะขอความช่วยเหลือ "ช่วยดะ..."
"อื้อๆ" ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเสียงหวานก็หายไปในลำคอเมื่อภาคินใช้มือปิดปากเธอไว้แน่นได้ยินเพียงเสียงอู้อี้เบาๆ ก่อนใช่มืออีกข้างรวบเอวคอดกิ่วแล้วลากไปยังรถหรูที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หนีอีกต่อไป แม้ว่าร่างบางพยายามต่อต้านขัดขืนเพียงได้ก็เปล่าประโยชน์
"อ๋อยอั๋นอุนอะอาอั๋นไออั้ย" (ปล่อยฉันคุณจะพาฉันไปไหน) ความกลัวเริ่มเข้าเกราะกุมใจดวงน้อยๆ ของเอวาเธอพยายามดีดดิ้นสุดกำลังเพื่อให้หลุดพ้นจากวงแขนแกร่งแต่ความหวังที่จะหนีพลันดับวูบลงเมื่อเธอถูกลากมาถึงรถคันหรู
"ฉันไม่ใช่ไอวาคุณกำลังเข้าใจผิดฉันเป็นฝะ...โอ๊ย!" ร่างบางรีบอธิบายทันทีที่ริมฝีปากได้รับอิสระแต่ไม่ทันจะได้พูดจบเธอก็ต้องร้องโอดโอยด้วยความเจ็บเมื่อถูกชายหนุ่มจับยัดเข้าไปในรถอย่างแรงจนศีรษะชนกับขอบประตูก่อนหน้าจะคะมำชนกับกล่องเก็บของข้างเบาะ
น้ำตาแห่งความเจ็บเอ่อซึมตาคู่สวยจนพร่ามัวเธอทั้งกลัวทั้งเจ็บในเวลาเดียวกัน มือเรียวยกขึ้นจับศีรษะเบาๆ ขณะใช้อีกมือยันพนักพิงเบาะคนขับเพื่อทรงตัวลุกขึ้นนั่ง และเมื่อหันกลับไปมองทางประตูเธอก็ต้องตื่นตระหนกเข้าไปอีกเมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่กำลังถอดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากรอบเอว "จะ..จะทำอะไร"
"....." ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองจากภาคินเขาถอดเข็มออกจากขอบกางเกงอย่างใจเย็นมองร่างบางที่มีท่าทีตื่นตระหนกด้วยแววตาเย้ยหยันอะไรที่เป็นเธอเขาก็คิดว่ามันคือการแสแสร้งแกล้งทำทั้งนั้น
"ฉันไม่ใช่ไอวาฉันชื่อเอวาเป็นฝาแฝดกับไอวา คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้" เอวาร้องบอกเสียงสั่นพลางพยายามพามือหนีในตอนที่ร่างสูงโน้มตัวลงมาหมายจะจับมือถ้าเดาไม่ผิดเขาคงจะใช้เข็มขัดมัดมือเพื่อไม่ให้เธอหนีเป็นแน่หนทางเดียวที่เธอจะทำได้ในตอนนี้คือต้องบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่ไอวา
"หึหึ" ภาคินเค้นหัวเราะออกมาราวกับคำพูดของหญิงสาวเป็นเรื่องตลกก่อนรอยยิ้มบนใบหน้าจะหายไปกลายเป็นดุดันแทน "คุณกลัวจนต้องแต่งเรื่องโกหกเพื่อเอาตัวรอดเลยเหรอไอวา"
ท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทำเอาเอวาอกสั่นขวัญหายไม่น้อยรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านทางสายตาและน้ำเสียง เธอลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ข่มความกลัวเอาไว้แล้วเอ่ยบอกไปด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ "ฉะ..ฉันพะ..พูดจริงๆ"
"กรี๊ด!"
สิ้นเสียงพูดร่างบางหมัดหนักก็พุ่งใส่เบาะนุ่มอย่างแรงด้วยความโกรธเฉียดใบหน้าเรียวไปนิดเดียว ขณะที่อีกคนหลับตาปี๋กรีดร้องด้วยความตกใจเพราะคิดว่าเขาจะฝังหมัดลงบนหน้าเธอจริงๆ
"ฮึก" ความกลัวผสานกับความตกใจทำให้น้ำสีใสไหลลงอาบสองแก้มนวลอย่างกลั้นไม่อยู่ เนื้อตัวของเธอสั่นเทาราวกับลูกแมวตกน้ำแม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ทำจริงๆ ก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆ ปรือขึ้นมองร่างสูงผ่านม่านน้ำอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ถ้ายังตอแหลไม่เลิกครั้งต่อไปมันจะไปอยู่บนหน้าคุณจริงๆ ไอวา" ริมฝีปากเอิบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรงเมื่อได้ยินประโยคที่เปล่งออกจากปากร่างสูงเธอไม่มีสิทธิแม้แต่จะอธิบายความจริง ทำไมเธอต้องมารับผลจากการกระทำของพี่สาวฝาแฝดด้วยฟ้าชั่งไม่ยุติธรรมกับเธอเลย
5 ปีต่อมาวันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เอวากับภาคินได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ทั้งสองคนได้ตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสามปีก่อนมีลูกเป็นโซ่ผูกใจด้วยกันสามคนก็คืออลัน อลินดา อคิน และยังมีบุตรสาวบุตรธรรมอีกหนึ่งคนชื่อพะพายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอคินบุตรชายคนสุดท้อง"มามี๊ แด๊ดดี๊พี่อลันแกล้งพะพายอีกแล้วครับ" เสียงของอคินเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษ ๆ หน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่เด็กวิ่งเข้ามาฟ้องบิดากับมารดาที่นั่งอยู่ในบ้านเสียงดั่งลั่น ภาคินกับเอวาที่กำลังนั่งคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลุกเดินตามบุตรชายคนเล็กออกไปยังลานหน้าบ้าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายคนโตอย่างอลันทะเลาะกับลูกบุตรธรรมแต่มันเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่พวกเขารับพะพายเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดู "พะพาย! ยัยตัวแสบกล้าทำฉันเลือดออกเหรอห๊ะ""พะพายไม่ได้ตั้งใจนะ ก็พี่อลันแกล้งพะพายก่อน""ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ใช่พี่เธอ" เสียงของอลันกับพะพายที่กำลังทะเลาะกันดังแว่วมาทำให้ภาคินต้องรีบเดินเข้าไปห้ามศึก "ทะเลาะอะไรกันอลัน พะพาย" อลันกับพะพายเงียบปากลงทันทีมองหน้าผู้เป็นบิดาตาปริบ ๆ ภาคิน
วันต่อมา"แด๊ดดี๊ มามี๊ๆ" เสียงร้องตะโกนของสองแฝดที่ดังอยู่หน้าห้องปลุกให้คนเป็นพ่อแม่อย่างเอวากับภาคินที่กำลังนอนกอดกันอยู่ภายในห้องรู้สึกตัวตื่น"คุณนอนต่อเถอะผมไปเปิดประตูให้ลูกเอง" ภาคินยกมือขึ้นรั้งไหล่เมียสาวที่กำลังจะลุกให้นอนลงเหมือนเดิมเพราะอยากให้เธอพักผ่อนเมื่อคืนเขาเล่นต่อแขนต่อขาให้ลูกจนเธอแทบหมดแรง ก่อนเขาจะลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้ลูกแทน"กู๊ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ดดี๊" อลินดาเอ่ยทักทายเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มจนตายีทันทีที่บิดาเปิดประตูออกมา"มอร์นิ่งคิดส์ครับคนสวย" ภาคินย่อตัวลงหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของบุตรสาวฟอดใหญ่แล้วหอมแก้มบุตรชายต่อ "มอร์นิ่งคิดส์ครับคนหล่อ""มอร์นิ่งครับแด๊ดดี๊" อลันยิ้มตอบบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นก็พากันเดินเข้าไปในห้อง"ทำไมไม่นอนต่อ" ใบหน้าหล่อเหลาเลิ่กคิ้วขึ้นถามเมื่อเห็นว่าร่างบางนั่งพิงหัวเตียงอยู่"นอนไม่หลับแล้ว" เอวาระบายยิ้มตอบชายหนุ่มแล้วหันไปถามไถ่สองแฝดต่อ "เมื่อคืนนอนกับคุณปู่ คุณย่าเป็นไงบ้างคะ""สบายมากครับ สบายมากค่ะ" สองแฝดตอบเสียงเจื้อยแจ้วก่อนอลินดาจะกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งทับหน้าขามารดาที่นั่งยืดขายาวเหยียด การกระทำของบุตรสาวสร้างความ
"ว๊าย!""ภาคินปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ" เอวาร้องท้วงเสียงดังลั่นเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มก็เดินอ้อมมาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่เธอกำลังลงจากรถหลังจากรถมาจอดลงหน้าบ้านวิโรจน์อัครโชติแล้ว"ปล่อยแน่...แต่หลังจากต่อแขนต่อขาให้ลูกแล้วนะ" ภาคินตอบหน้าระรื่นไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของคนในวงแขนสักนิดอุ้มเธอเดินดุ้ม ๆ เข้าบ้าน "ฉันท้องอยู่นะ คุณคงจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้" คนฟังถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคำพูดจากริมฝีปากหนาทำได้เพียงส่งเสียงร้องท้วงไม่กล้าดิ้นหรือขัดขืนอะไรยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงไว้แน่นเพราะกลัวตกตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วร่างบางถูกภาคินอุ้มมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนเขาจะตามขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้จับจ้องใบหน้าคมที่ห่างกันเพียงคืบด้วยแววตาหวานเยิ้ม "ผมรักคุณนะ"เอวาระบายยิ้มหวานให้คนด้านบนมองสบแววตาหวานเยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยนยกมือขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมเอื้อนเอ่ยความรู้สึกในใจออกมา "ตอนนี้ฉันยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองรักคุณแล้วหรือเปล่า แต่ฉันมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะทำให้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันรักคุณ ฉันเปิดโอกาสให้คุณได้ทำ
วันเวลาหมุนเวียนมาจนถึงวันงานประมูลเครื่องเพชร รถลีมูซีนคันหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่เบาะหลังเคลื่อนตัวมาจอดลงยังหน้าโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องเพชรร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มเข้ารูปเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง"ขอบคุณค่ะ" เอวาในชุดเดรสเปิดไหล่แขนพองสีเทาอ่อนยาวเสมอเข่าผ่าข้างเล็กน้อยโชว์เรียวขาขาวเนียนเรียบหรูดูดีก้าวลงจากรถพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเชิงขอบคุณ "พร้อมไหม" ชายหนุ่มระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมยกแขนขึ้นให้อีกคนคล้อง มือเรียวสอดเข้ามาคล้องแขนแกร่งอย่างว่าง่ายพยักหน้าแทนคำตอบว่าเธอพร้อมแล้วจากนั้นทั้งสองก็เดินควงคู่เข้าไปในงานทันทีที่ภาคินกับเอวาย่างกรายเข้ามาในงานทุกสายตาก็มองมายังทั้งสอง ก่อนเสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นทุกคนต่างให้ความสนใจกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยข้างกายนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังเพราะเขาไม่เคยควงผู้หญิงออกงานเลยสักครั้ง กล้องจากนักข่าวหลายสำนักก็กดชัตเตอร์รูปของสองหนุ่มสาวระรัวก่อนจะมีนักข่าวสองสามคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์ "สวัสดีค่ะคุณภาคิน""สวัสดีครับ" ภาคินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนปรายตามองสี
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบเปลือกตาบางของร่างสูงที่นอนกอดลูกบนเตียงคิงไซส์ให้รู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้เจอหน้าลูกเมียเป็นอันดับแรกเขาหยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนโน้มไปจูบหน้าผากบุตรชายที่นอนข้าง ๆ อย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนไปจูบหน้าผากบุตรสาวต่อจากนั้นก็ลงจากเตียงเดินอ้อมไปริมเตียงอีกฝั่งที่แม่สองแฝดนอนอยู่โน้มลงจูบหน้าผากมนเบา ๆ "ผมรักคุณกับลูกนะ" ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าสามคนแม่ลูกที่นอนหลับบนเตียงด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนละสายตาออกแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวหยิบโน้ตบุ๊คเดินลงมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นปล่อยให้เมียกับลูกนอนต่อโดยไม่คิดจะปลุกเพราะเมื่อคืนทั้งสามคนนอนดึกเพราะมัวแต่พูดคุยหยอกล้อกับเขาอยู่"คุณน้าจะไปไหนครับ" ภาคินเปล่งเสียงถามขึ้นเมื่อเหลือบสายตาาไปเห็นมารดาของหญิงสาวกำลังเดินถือตะกร้าผ่านห้องนั่งเล่นไป ดวงเดือนหยุดชะงักหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าที่ผ่านมา "ว่าจะออกไปจ่ายตลาดหน่อยนะ" ทำคนฟังอย่างภาคินแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของดวงเดือนทั้งที่ที่ผ่านมาเธอมักจะแยกเขี้ยวใส่เขาตลอดบาง
วันต่อมา"มามี๊คะเมื่อไรแด๊ดดี๊จะกลับมา อลินคิดถึงแด๊ดดี๊แล้วค่ะ" เสียงของอลินดาดังขึ้นทำลายความเงียบขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ "อีกสองวันแด๊ดดี๊ก็จะกลับแล้วค่ะ อดทนอีกหน่อยนะคะ" เอวาวางช้อนลงเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กทุยอย่างเอ็นดูเธอเองก็คิดถึงชายหนุ่มมากเหมือนกันไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงมากขนาดนี้ "อลันก็คิดถึงแด๊ดดี๊ครับ" อลันพูดเสริมอีกเสียงพร้อมทำหน้าเหงาหงอยจนคนเป็นแม่ต้องเลื่อนไปลูบศีรษะปลอบประโลม "เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ""ครับ ค่ะ" สองแฝดพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อเมื่อเสร็จก็ขอมารดาขึ้นไปนอนดูการ์ตูนบนห้องนอน ส่วนเอวาก็ช่วยมารดาเก็บจานล้างจากนั้นก็มานั่งคุยกันต่อที่โซฟา"แม่ว่าลูกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" ดวงเดือนไล่สายตามองบุตรสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนพูดลอย ๆ เพราะดูบุตรสาวมีน้ำมีนวลอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก "สงสัยช่วงนี้คงเจริญอาหารค่ะ" คนโดนทักตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ดวงเดือนไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อพูดคุยเรื่องอีกแทนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอจึงขอแยกตัวออกไปข้างนอกเพราะมีนัดกับเพื่อน ๆ"เฮ้อ" เอวาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เอนกายพิงพนักโซฟาแล้วค่อย ๆ หลับตาลงด้วยสมองหนัก