Masuk“ไง”
“มาเช้าเกินไปไหม คุณโลฮาส”
คาเลนเอ่ยปากถามกลับเมื่อเปิดประตูบ้านก็เจอกับคุณพระเอกที่ยืนมองด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน เรียวคิ้วบิทเทอเลิกขึ้นข้างหนึ่งพร้อมกับยืนกอดอก “ฉันว่านี่มันเป็นเวลาปกติที่คนจะตื่นนะ” คนฟังได้ยินแบบนั้นก็ยกมือขึ้นยีผมดำยุ่งตนเองเบาๆ อย่างงัวเงีย
“เป็นฮันเตอร์ก็ดีแล้วครับ ไม่ต้องเป็นนาฬิกาปลุกหรอก”
บิทเทอหรี่ตามองก่อนคาเลนจะเปิดประตูออกกว้างให้อีกฝ่ายเข้ามา เขาทักออกไปแบบนั้นเพราะเวลาตอนนี้เช้ามาก เช้ามากจนไม่เห็นแม้แต่ดวงตะวันแถมท้องฟ้ามืดอย่างกับสีน้ำหมึก
‘ถ้ามีพวกคำนิยามว่าไก่แจ้ขันปลุกชาวนามาทำงานทุกเช้า คาเลนก็เชื่อสุดใจเลยว่าบิทเทอตื่นมาเพื่อล่าภูตทุกเช้าเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าพระเอกคนนี้หายใจเข้าออกนึกถึงแต่การล่ารึไง’
“คาเบิลอยู่ไหน?”
บิทเทอเอ่ยถามแล้วตรงไปนั่งเก้าอี้กว้างในห้องรับแขก คาเลนเดินมาหยุดยืนหลังโซฟาที่แขกเพิ่งนั่ง ฝ่ามือเลื่อนจับพนักเก้าอี้ก่อนจะโน้มศีรษะลงพูดด้วยใบหน้ายิ้มยียวน “ไม่เอาสิ~ มาหาผมแต่เช้าเพราะคิดถึงผมล่ะสิ ไม่ต้องเอาพ่อผมมาอ้างหรอก”
“ฉันมาเพราะมีธุระคุยกับเขา ไม่ใช่นาย”
“แต่คุณมาบ้านผม”
“ก็นายอยู่บ้านเดียวกันกับเขา ไม่ได้อยากจะโผล่หัวมาเจอนายสักหน่อย”
“แต่...ยังไงนั่นก็หมายความว่าคุณมาบ้านผมอยู่ดีหนิ”
ขณะที่บิทเทอกำลังหยิบมวนบุหรี่ออกมาคาบ มือข้างหนึ่งพลันยกกุมขมับพลางปรายตานัยน์ตาสีฟ้ามองขวางใส่คาเลน “สมองนายมันปัญหาเรื่องการสื่อสารรึไง?” ชายผมดำยาวได้สบตากับอีกคนระยะใกล้จึงยื่นปลายนิ้วชี้จิ้มแก้มอีกฝ่ายเล่น
“ถ้าใช่ คุณจะสอนคนมีปัญหาคนนี้ไหมล่ะ?”
“ไปหาหมอไป” บิทเทอว่าพลางปัดมืออีกคนออก
คาเลนเห็นแบบนั้นจึงหัวเราะในลำคออย่างขบขัน แต่บิทเทอก็หาได้สนใจแล้วหันไปสูบบุหรี่ต่อ จากนั้นชายผมยาวดำจึงเดินไปนั่งโซฟาเดี่ยวเยื้องข้างๆ จากอีกฝ่าย
‘ว่าไปแล้ว ดูไปดูมาไอ้หมอนี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยแฮะ ออกจะดูเหมือนหมาป่า?’
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดในหัวตนเองนั้น เสียงฝีเท้าอีกคู่ก็ดังมาจากบันไดพร้อมปรากฏร่างคาเบิลหรือพ่อของเขา อีกฝ่ายเดินมาหาพวกเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่ต่างอะไรจากคนแก่ใจดีคนหนึ่ง ซึ่งคาเลนคุ้นชินกับท่าทางนั้นเป็นอย่างดี
“วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกรึเปล่าเนี่ย~ ไม่คิดว่าจะมีวันที่เห็นพ่อตื่นเช้าขนาดนี้”
คาเลนว่าแล้วทำเสียงกระซิกด้วยความตื้นตันใจแบบปลอมๆ ทำเอาคาเบิลและบิทเทอต่างมองมาที่เขาด้วยสีหน้าตาเอือมไม่ต่างกัน ก่อนคนเป็นเจ้าบ้านสูงวัยจะตอบลูกชายตนเองไป
“วันนี้มีนัดเลยตื่นแต่เช้าน่ะ”
“งั้นเหรอ แต่ยังไงก็ไม่เช้าไปกว่าหมอนั่นหรอก”
บิทเทอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ชายหางตามองมาคนกล่าวอย่างเคืองใจ คาเลนเห็นแบบนั้นจึงย่นไหล่ทำท่าทีล้อเลียนแล้วลุกตรงไปที่เชิงบันได “งั้นเชิญคุยกันให้สนุกล่ะ” ว่าจบชายหนุ่มก็เดินกลับขึ้นห้องตัวเอง เพราะถึงจะสงสัยว่าทั้งคู่สนทนาเรื่องอะไร แต่นั่นคงไม่ดีถ้าไปกวนจนเสียมารยาท
ถึงก่อนหน้านี้จะทำตัวเสียมารยาทมาเยอะก็เถอะ…
‘แบบนี้จะทำยังไงต่อดีล่ะ’
พอกลับถึงห้องชายหนุ่มก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงทันที เพราะนอกจากจะไม่อยากกวนสองคนนั้นแล้ว เขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องกังวลมากกว่านั้นอีก ‘จริงๆ ก็พอจะจำเนื้อเรื่องได้คร่าวๆ อยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้เหมือนเส้นเรื่องมันจะเริ่มเพี้ยนไปเพราะผมแล้วน่ะสิ’
‘อีกอย่างคือตอนนี้ผมก็ไม่ได้ต่างอะไรจากบัคที่มาป่วนนิยาย จนเส้นเนื้อหลักเปลี่ยนเลยนิหน่า~ แต่ว่าใครสนกันล่ะ? แบบนี้ผมอาจจะได้เห็นอะไรแปลกใหม่มากขึ้นก็ได้’
‘นึกแล้วก็สนุกดีแปลกๆ’
หลังจากนึกคิดเรื่องต่างๆ มานาน คาเลนจึงเริ่มตัดสินใจทำบางอย่าง เพราะยังไงวันนี้ก็เป็นวันหยุด ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะปล่อยให้เวลาอันมีค่าตัวเองสูญเปล่าแน่นอน และกิจกรรมในวันนี้คือ ‘การนอน’ อาจฟังดูเหมือนไม่พิเศษ แต่คาเลนยึดมั่นว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งทรงคุณค่าที่เขาควรทำในวันหยุด
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
เวลาผ่านไปพักใหญ่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ปลุกร่างสูงนอนชี้เท้าไปทางหมอนส่วนหัวห้อยลงมาที่ปลายเตียงตื่นจากนิทรา เมื่อเริ่มได้สติเลยค่อยๆ เลื้อยตัวลงมาจากเตียงตรงไปเปิดประตูห้องด้วยความเกียจคร้าน แล้วพบกับคาเบิลสวมชุดสูทเตรียมออกไปนอกบ้าน
“ทำงานอยู่เหรอ?”
“ใช่ ผม...ทำงานหนักมาก เลยพักผ่อนอยู่”
คาเบิลหัวเราะเบาหลังได้ยินคำตอบ เขารู้ดีว่าชายต่างโลกในร่างบุตรของตนนั้นพักอยู่จริงๆ เพราะทั้งน้ำเสียงทั้งท่าทางยังเต็มไปด้วยอาการงัวเงีย “เดี๋ยวฉันต้องออกไปส่งต้นฉบับ”
“อาฮะ คุณคุยกับบิทเทอเสร็จแล้วเหรอ?”
“ใช่ ตอนนี้เขาอยากคุยกับนาย เพราะงั้นลงไปเจอเขาด้วยแล้วกัน”
คาเลนยกมือขึ้นถูเปลือกตาพลางพยักหน้าตอบรับไป คนเป็นพ่อเห็นท่าทีนั้นก็ถึงกับส่ายหน้าอ่อนก่อนจะหมุนตัวเดินลงไปยังชั้นล่าง ชายหนุ่มยืนนิ่งตั้งสติตนเองครู่หนึ่ง แล้วค่อยลงไปยังห้องรับแขกที่มีบิทเทอนั่งสูบบุหรี่รออยู่
“เฮ้~ หลับไปแล้วเหรอ ให้ผมพาคุณไปที่เตียงให้ไหม?”
บิทเทอหันมามองตาขวางพร้อมพ่นควันออกจากปากจมูก ท่าทางน่าเกรงขามแต่ในสายตาคาเลนนั้นกลับดูไม่ได้อันตรายเลย บางทีอาจเป็นเพราะเขาเคยชินแล้วก็เป็นได้
“ล้อเล่นน่ะ แล้วอยากคุยอะไรกับผมเหรอ คุณฮันเตอร์”
ว่าจบชายหนุ่มก็หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ
‘ไม่รู้ทำไมช่วงนี้สังหรณ์ว่าคุณพระเอกชักจะเริ่มสนใจผมมากขึ้นเรื่อยๆ หรือผมคิดไปเองกันนะ?’
“นี่” บิทเทอออกปากเรียกดึงสติเขากลับมาอีกครั้ง “วันนั้นที่เราไปถอนคำสาป ‘รูปภาพสั่งตาย’ นายได้เห็นอะไรแปลกๆ จากตัวฉันไหม?”
“ทำไมเหรอ? กลัวผมเห็นผักติดฟันคุณเหรอ?”
“เลิกทำเหมือนฉันเป็นเพื่อนเล่นสักที”
‘บางทีหมอนี่อาจจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองมีออร่าคำสาป หรืออาจจะไม่? แต่ถึงขั้นเรียกมาเพื่อที่จะยืนยันความคิดตัวเองเลยก็คงเริ่มสงสัยแล้วมั้ง’ คาเลนเผยยิ้มอ่อนพร้อมกับหรี่ตามองกลับ
‘ผมควรจะบอกคุณพระเอกดีไหมเนี่ย~’
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการถามอะไรกันแน่ ช่วยพูดชัดๆ ตรงๆ ด้วยครับ”
บิทเทอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ท่าทางเหมือนเขาไม่ได้คาดเอาไว้ว่าตนเองจะถูกต้อนให้ตอบคำถามเช่นกัน “นายก็แค่ตอบเท่าที่นายเห็นและรู้ในวันนั้นมาก็พอ” คาเลนหยุดคิดก่อนมุมปากจะค่อยๆ เชิดยิ้ม
“น่าเสียดาย~ แบบนั้นผมคงตอบไม่ได้หรอก”
ฮันเตอร์หนุ่มเดาะลิ้นอย่างเคืองใจ แล้วให้คำถามใหม่แบบไม่เต็มใจนัก
“นายเห็นออร่าจากคำสาปจากตัวฉันใช่ไหม?”
‘ใจเด็ดกว่าที่คิดแฮะ นึกว่าเขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวซะอีก’
‘ถ้าตามเนื้อเรื่อง บิทเทอไม่ใช่คนที่รู้ตัวว่าตัวเองมีออร่าคำสาปหรอก แต่มีคนเซนส์ดีในทีมฮันเตอร์เดียวกับเขาที่สังเกตเห็น บางทีเขาน่าจะรู้มาจากหมอนั่น เลยมาถามผมเพื่อความมั่นใจ แล้วที่ยอมบอกผมตรงๆ อาจจะเพราะเห็นผมเป็นแอนนาลิสต์คนเก่งที่น่าเชื่อถือ?’
‘หรืออาจจะแค่ร้อนรนหาคำตอบที่แน่ชัดก็เท่านั้น’
“ถ้าบอกว่าใช่ แล้วอยากขอให้ผมช่วยอะไรเหรอ?”
บิทเทอถอนหายใจ “นายช่วยรักษาฉันได้ไหม?” คาเลนได้ยินแบบนั้นก็หรี่ตามองผนวกกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า เปิดเผยถึงความพึงใจอย่างเห็นได้ชัด
“ได้สิ แต่ไม่รับประกันว่าจะหายนะ”
‘เหมือนว่าผมจะมัดใจคุณพระเอกคนนี้ได้สำเร็จ รู้สึกดีแปลกๆ แฮะ’
คาเลนลุกขึ้นด้วยคารมดี ก่อนจะเอ่ยเหมือนเพิ่งนึกเอะใจได้ “จะว่าไปยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยสินะ” สายตาทั้งสองสบมองกัน ก่อนคาเลนจะยิ้มแล้วกล่าวแนะนำตัวเอง
“ผม คาเลน แบรนดอน เป็นแอนนาลิสต์ ‘แบล็กอาร์ต’ ครับ”
โฮ่งๆ ๆ“อะไร? แกก็ตื่นเต้นเหรอไอ้ตูบ~”คาเลนว่าพลางยืนเท้าเข่ามองเจ้าร็อตไวเลอร์พิลึกนี่วิ่งวนตรงหน้าบ้าน ดูจากสภาพแวดล้อมปลอดโปร่งและห่างไกลจากผู้คน ที่นี่คงเป็นนอกเมืองเกือบเข้าเขตป่า ชายหนุ่มออกมาสูดอากาศเพราะหลังจากโดนเข็มอาร์ลีนไปหลายเล่มก็หลับยาว ใช้เวลาเพียงคืนเดียวแผลจึงหายดีแต่ไอ้ที่ว่าดีก็ดี ไอ้ที่ว่าแย่ก็แย่ แย่คืออะไรล่ะเหรอ?เปรียบเทียบง่ายๆ คือคนเราโดนฉีดยาเข็มเล็กๆ ยังปวดแขนขนาดนั้น แต่เข็มที่เขาโดนน่ะยาวเท่าศอกแทงจนทะลุหนังไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นคงไม่ต้องพูดถึงความปวดความชาเลย เพราะทั้งแขนและขาใช้การตอนนี้เหมือนมีไฟฟ้าช็อตตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ช่าง ตอนนี้เขาหายดีแล้วคาเลนนึกไปเรื่อยพลางยื่นมือไปลูบหัวหมาออดอ้อนก่อนจะกล่าว“ฉันสัญญาว่าจะไม่แย่งอาหารแกกินอีก”โฮ่ง!เขาพูดแซวตัวเอง แต่จริงๆ ส่วนหนึ่งก็แอบรู้สึกผิดนิดหน่อย ถึงจะไม่แน่ใจว่านี่มันหมาปกติจริงไหม แต่ถ้าเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวนี้ไม่ช่วยไว้เมื่อวานนี้ เขาคงโดนอาร์ลีนแทงเข็มจนตัวพรุนไปแล้ว ขณะเล่นกับเพื่อนใหม่เพื่อนหมา ราวินกับบิทเทอก็เดิน
เฮ้อ~คาเลนซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงถอนหายใจยาว สายตามองเพดานห้องอย่างว่างเปล่า อเนจอนาถใจราวกับว่าเขากำลังทำบางอย่างพลาดไป ใช่...เขาทำพลาด พลาดมากๆ ความพลาดอันเกิดมาจากความหิวตัวเองที่เกินพิกัดอีกด้วย ระหว่างปลงจิตก็เหลียวมองข้างเตียงพบเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวใหญ่แลบลิ้นห้อยอยู่ข้างๆ‘ไอ้หมาเวร…’คนป่วยนอนเตียงมองหมาตัวนี้อย่างระแคะระคายใจ บอกว่าความผิดหมาก็ไม่ใช่ จะโทษความหิวตัวเองก็เหมือนเป็นคนขาดความยับยั้งชั่งใจ (ในการกิน) เกินไป“เพราะแกเลยทำให้ฉันเป็นคนกินอาหารหมา... เดี๋ยวสิ?”คาเลนพูดหลังเพิ่งสังเกตบบางอย่างได้เอาตอนนี้ เขาหรี่ตาจ้องสิ่งผิดปกติที่เห็นจากตัวเจ้าหมาร็อตไวเลอร์‘คงไม่ใช่ว่าไอ้ตูบนี่...’“ช่างเถอะ ฉันคงตาฝาดแหงๆ ”เจ้าหมาเอียงหัวมองแล้วส่ายหางเดินสี่ขาออกจากห้องไป อาการเขาดีขึ้นมากแล้วแต่ยังมีไข้อ่อนๆ อยู่นิดหน่อย ใช่แล้ว เขาเห็นอะไรแบบนี้ได้ต้องเป็นเพราะไข้แน่ๆ คาเลนลุกขึ้นจากเตียงสาวเท้าออกไปยังห้องกว้าง ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นห้องรับแขก ดูเหมือนท
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นรับรู้ได้ว่าร่างตนนั้นหนักอึ้งเหลือหลาย ภาพพร่าๆ ที่ทอดสายตามองตอนนี้คือเพดานห้องขาวหมอง ไม่นานทัศนวิสัยก็ปรับชัดครั้นกะพริบตาอีกครั้งสองครั้ง เขานอนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะกลอกมองรอบๆ ตัว พบว่าราวินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เขา“ฉันสลบไปเหรอ?”“ครับ”อัศวินตอบกลับด้วยท่าทีเรียบเฉยเช่นเดิม“งั้นเหรอ? คงทำเอานายกับบิทเทอลำบากแย่เลยสินะ”“ใช่ แกทำ”สิ้นคำพูดนั้นจึงปรายมองตามเสียงอันคุ้นเคย คนกล่าวก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณพระเอกซึ่งยืนกอดอกพิงกำแพงฝั่งตรงข้ามเตียงที่เขานอนอยู่ นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววไม่พึงใจไม่คิดปกปิด คาเลนซึ่งอาการยังไม่คงตัวมากเพียงหลุบมองลงอย่างรู้สึกผิดและเมื่อยล้า“ขอโทษ”“...”บิทเทอไม่ได้ตอบกลับอะไร ถึงกระนั้นถ้าสังเกตจากบรรยากาศอึมครึม เขารู้สึกได้เลยว่าตอนนี้พระเอกกำลังโกรธไม่น้อยเลยทีเดียว“ครั้งแรกเรื่องคำสาปย้อนกลับ แกไม่บอกฉันแต่ให้รามุสรู้ก็ยังพอให้อภัย แต่คราวนี้แกอาการกำลังแย่ แต่เลือกไม่บอกทั้งหมอนั่นหรือฉัน ปล่อยให้ตัวเองเป็นลมล้มพับไปแบบนั้น… ทำไม? แกอยากตายตั้
TW :: Trafficking (การค้ามนุษย์) / Emesis (อาเจียน) / Misogyny (การเหยียดผู้หญิง)‘อาร์ลีน’ หญิงเลอโฉมโดดเด่นแต่ไร้ค่า ด้วยตำหนิใหญ่หลวงเธอนั้นคือชาติกำเนิดอันเป็นทาสจากแดนสงคราม จึงง่ายดายนักที่นางจะถูกนำมาตีราคาในการแย่งชิง ไม่ว่าชาวบ้าน อัศวิน ขุนนางหรือเศรษฐี หากได้บังเอิญเห็นค่าหน้าค่าตานี้เข้าก็ต่างพากันหลงใหลโงหัวไม่ขึ้น เมื่อขายออกจึงพ้นจากทาสกลายเป็นนางบำเรอผู้นำตระกูลเอิร์ล‘ตุ๊กตาบำเรอ’ ฉายาที่ถูกตั้งให้ภาพความทรงจำเหล่านี้แล่นวนเวียนอยู่ในหัวคาเลนบ่อยครั้ง เกิดอย่างควบคุมไม่ได้ และง่ายที่จะทำให้เขาประสาทเสียกับสิ่งที่รับรู้ โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกส่งมายามเขาหลับใหลตอนนี้มันกำลังจะเริ่มฉายหนังชีวิตต่ออีกครั้ง…เวลากลางวันภายในห้องกว้าง อาร์ลีนนั่งเย็บปักผ้าเช็ดหน้าอยู่ริมหน้าต่างอย่างประณีต นัยน์ตาสีฟ้าสวยกลมโตจดจ่อกิจกรรมตรงหน้า มือบางค่อยๆ บรรจงถักทอด้ายบางสร้างลวดลายทีละนิด นี่คงเป็นงานอดิเรกเดียวที่เธอสามารถทำเพื่อคลายเครียดได้บัดนี้ชีวิตข
ระหว่างที่สองเท้าก้าวตามทางเท้า คาเลนก็หัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้า บิทเทอซึ่งเดินข้างๆ มองอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนั้น แต่ไม่คิดจะถาม สาเหตุที่เขาทำตัวเหมือนคนสติหลุดนั่นเป็นเพราะหญิงสาวซึ่งวิ่งชนตนเมื่อกี้เธอคือ ‘นางร้าย’ นิยายนักล่าสาปบาป‘ไม่คาดฝันเลยแฮะว่าจะเจอที่เมืองธานแถมเร็วอีกต่างหาก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ภาพลักษณ์เธอดูใสซื่อกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก คิดว่าจะดูร้ายๆ แต่ไหงออกมาอย่างกับสาวน้อยเรียบร้อยคนหนึ่ง ว่าแต่…เธอชื่ออะไรนะ? จำหน้าตาได้แต่ดันจำชื่อไม่ได้เนี่ยสิ?’ระหว่างเดินไปคิดไป ฝีเท้าต้องหยุดครั้นถูกกระตุกคอเสื้อรั้งไว้ ชายผมยาวดำชะงักพลันถอยเท้ากลับมายืนข้างๆ บิทเทอที่เป็นคนดึง “ถึงคอกม้าแล้ว” เสียงเรียบว่าพร้อมปรายนัยน์ตาสีฟ้ามอง เขาคงจะเหม่อคิดเยอะเกินไปเลยเกือบได้เป็นเด็กหลงทางแล้ว ดีที่คุณพระเอกใจดีจูงกลับมา“เดี๋ยวผมจะไปเช่าม้าให้นะครับ”คาเลนส่งเงินให้ราวินที่อาสาไปจัดการเช่าม้าให้ ปล่อยบิทเทอกับเขารออยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุณพระเอกคาบบุหรี่ออกมาจากซองจุดสูบด้วยไม้ขีดเสร็จสรรพ
รุ่งสางมาถึงในที่สุด ราวินนั่งเอนหลังพิงพนักในห้องรับแขกทั้งคืน รับรู้ได้ทันทีว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าหรืออะไร แต่อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้หลับเอาแรงไปเยอะแล้วเลยไม่มีอาการง่วงใดๆ“ทำท่าทำทางเหมือนตัวเองเป็นรูปปั้นไปได้”เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกให้อัศวินปรายนัยน์ตามรกตมอง จึงพบว่าเป็นคาเลนที่ตอนนี้สารรูปดู…ไม่จืดเท่าไร ทั้งตาคล้ำ เสียงแหบ ไหนจะผมยุ่งเหยิง เป็นลักษณะของคนเพิ่งตื่นและนอนน้อยอย่างแท้จริง“นอนไม่หลับเหรอครับ?”“ก็...นิดหน่อย”เจ้าของบ้านยักไหล่ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา“งั้นคุณควรหลับอีกสักหน่อย”“ฮะๆ ๆ ๆ ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันจะนอนจริงๆ แล้วนะ”“ดีครับ ตอนนี้น่าจะประมาณตี 1 หลับเอาแรงต่อเถอะ”“...”ชายผมยาวดำไม่ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่ทอดสายตามองคู่สนทนา ก่อนต่อมาเขาจะถอนหายใจแล้วเปลี่ยนอิริยาบถตนเองจากนั่งเป็นนอนไปกับโซฟากว้าง เหยียดแข้งเหยียดขาพาดแขนเ







