Masuk‘ผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไง..’
คาเลนนึกคิดเช่นนั้นขณะนั่งประสานมืออยู่ที่ปลายเตียง สีหน้าเขานิ่งยากจะคาดเดาอารมณ์ แต่ที่แน่ๆ คือเขากำลังครุ่นคิดบางอย่างไม่ตก สถานที่ที่เขากับบิทเทอจะมาพักอยู่ด้วยกันชั่วคราว ทุกอย่างปกติดีไม่มีปัญหา การเดินทาง ค่าใช้จ่าย อุปกรณ์ และอะไรต่อมิอะไรที่ค่อยหาเอาระหว่างทาง
แต่…
‘นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คนที่น่ากังวลคือ...หมอนั่นต่างหาก’
“เฮ้อ~”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อโค้ทยาวดำตัวเองโยนลงบนเก้าอี้ที่วางตรงปลายเตียง ตอนนี้ท่าทีคิดหนักของคาเลนดูน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อาจไม่ใช่เพราะหาคำตอบในหัวได้แล้ว แต่เป็นเพราะไม่อยากจะใส่ใจในสิ่งที่ตนเองกำลังคิดมากกว่า
“เฮ้”
“อุ๊ยแม่ร่วง!”
ชายผมยาวดำหันมองตามก่อนจะสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นบิทเทอในเสื้อเชิ้ตกับกางเกงดำขายาวมายืนข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจทราบได้ ฮันเตอร์หนุ่มที่ได้ยินคำอุทานประหลาดนั้นก็หรี่ตามองอย่างงวยงง
“พูดบ้าอะไรน่ะ”
“เปล่าหรอก ว่าแต่...คุณไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”
“หมายถึงปัญหาอะไร?”
“ก็อยู่ห้องเดียวกับผม คุณไม่อึดอัดเหรอ?”
“ทำไม? นายมีปัญหาอะไรกับการอยู่ห้องเดียวกับฉัน?”
คาเลนยิ้มค้างก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ “เปล่าหรอก แค่เช็กให้แน่ใจเฉยๆ น่ะ” บิทเทอได้แต่ย่นคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจในพฤติกรรมของคนร่วมทาง แต่ความสงสัยไม่ได้มากพอที่จะทำให้เขาออกปากถาม คุณพระเอกตัวดีจึงละความสนใจไปสูบบุหรี่ที่หน้าต่างตามอัธยาศัย
‘บอกตามตรงคือ...ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการนอนห้องเดียวกันกับผู้ชายหรอก แต่เป็นคุณพระเอกคนนี้ต่างหาก ส่วนใหญ่เป็นตายร้ายดียังไงก็จะหาพื้นที่ส่วนตัวให้ตัวเองให้ได้ ดื้อไม่เป็นเวลา แต่ไหงตอนนี้เป็นฝ่ายชวนมาพักห้องเดียวกัน มันไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ?’
‘คงไม่ใช่...ไอ้บ้านี่แอบวางแผนจะฆ่าผมหรอกนะ?’
“จะมองอีกนานไหม?”
“ทำไม? ถูกมองนานๆ แล้วเขินเหรอครับ?”
บิทเทอเหลียวกลับมาเห็นอีกคนส่งยิ้มยียวนให้ พอพวกเขาสบตากันเท่านั้นคาเลนจึงยักคิ้วตอบไป ด้วยท่าทีกวนประสาททำให้ชายหนุ่มผมบลอนด์ขาวถอนหายใจอย่างอิดออด ก่อนบิทเทอจะหันกลับไปสูบบุหรี่ต่ออย่างเดิม
‘ถึงเวลาอธิบายโลกอันซับซ้อนแล้วล่ะ’
‘เห็นได้ชัดว่าโลกนิยายนี้เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดมากมายหลายประเภท ซึ่งถูกเรียกว่า ‘ภูต’ ไม่ว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นจะมีต้นกำเนิดมาจากพืช สัตว์ หรือมนุษย์ แต่สิ่งที่ทำให้พวกมันกลายเป็นตัวประหลาดได้ล้วนมาจาก ‘คำสาป’ ฉะนั้นหากฆ่าภูตสำเร็จ ถึงร่างกายส่วนใหญ่จะสลายไป แต่สิ่งถัดมาที่ต้องจัดการคือ ‘แหล่งคำสาป’ ’
‘ซึ่งแหล่งคำสาปส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งมีชีวิต แต่มักจะอยู่ในรูปสิ่งของมากกว่า โดยซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ของร่างกายภูต อีกอย่างคือคำสาปน่ะจะถูกปัดเป่าหรือขจัดออกไม่ได้ง่ายๆ ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น’
‘ดังนั้นโลกนี้ก็เลยเกิดสองอาชีพขึ้นมา…’
‘นั่นคือ ‘ฮันเตอร์’ และ ‘แอนนาลิสต์’ ’
‘ฮันเตอร์ มีหน้าที่กำจัดภูต สัตว์ประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมที่เป็นภัยต่อมนุษย์ ส่วนแอนนาลิสต์ (อาชีพผมเอง) มีหน้าที่หลักๆ คือการปัดเป่ากำจัดคำสาป เพื่อป้องกันการเกิดภูตและการแผลงฤทธิ์จากคำสาปอีกครั้ง หน้าที่นอกนั้นก็คือคอยวิเคราะห์ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคำสาปและภูตต่างๆ’
‘ทำไมผมถึงรู้เรื่องพวกนี้ดีน่ะเหรอ? อย่างแรกผมเรียนมาเพื่อเป็นแอนนาลิสต์ตลอด 5 ปีที่อยู่โลกนี้ อย่างที่สองผมเป็นนักอ่านที่นิยายเรื่องนี้’
คาเลนหยิบเจ้าหมีที่วางอยู่บนโต๊ะมาขยำเล่นแล้วเริ่มบทสนทนาใหม่
“รู้ได้ยังไงว่าผมเป็นแอนนาลิสต์?”
บิทเทอพ่นควันออกริมฝีปากแล้วกล่าวตอบ “ไม่มีคนปกติที่ไหนพุ่งเข้าไปสู้กับภูตโดยที่ไม่รู้วิธีรับมือมันหรอก ถ้าไม่ใช่ฮันเตอร์หรือแอนนาลิสต์ก็คงเป็นคนบ้า”
“ฮะๆ ๆ ช่างสังเกตจริงๆ”
คาเลนตอบไปก่อนเริ่มปรายตามองรอบๆ ห้อง แต่เมื่อสำรวจได้พักหนึ่งก็หยุดที่ภาพวาดกวางแขวนไว้บนผนังฝั่งตรงข้าม สายตากลอกกลับมายังบิทเทอซึ่งยังคงสูบบุหรี่อยู่
“ ‘รูปภาพสั่งตาย’ อยู่ที่นี่สินะ”
ทุกอย่างเงียบลงฉับพลันอย่างกับว่า บรรยากาศที่เคยเบาสบายกลับเย็นยะเยือกหนาวเหน็บถึงกระดูก บิทเทอคีบบุหรี่พ่นควันออกจากปากครั้งสุดท้าย จากนั้นหันกลับมาทางคาเลน
“รู้ตัวเร็วดีหนิ”
สายตาทั้งสองจับจ้องมองกันไม่วาง มวลอากาศอัดแน่นจนชวนน่าอึดอัด คาเลนคลี่ยิ้มบางออกมาแล้วถามกลับเสียงเย็น
“วางแผนไว้แล้วงั้นเหรอ?”
“ก็อาจจะใช่”
‘อย่างแรกที่ผมเข้าใจดีคือบิทเทอไม่ใช่คนที่วางใจใครง่ายๆ ดังนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมาพักห้องเดียวกันกับผมแบบไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย แต่...ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้ว’
‘อีเวนต์แรก ‘รูปภาพสั่งตาย’ เกิดขึ้นที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ลักษณะพิเศษห้องนั้นคือกลิ่นดอกไม้อะไรสักอย่างกับภาพวาดกวางแขวนผนังปลายเตียง โชคดีจริงๆ ที่ไปจำรายละเอียดยิบย่อยนั่นได้’
‘และใช่… ห้องนี้มีทั้งสองอย่างที่ผมว่ามา’
‘ถ้าเป็นปกติแล้วทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ ตามเนื้อเรื่องมันจะช้ากว่านี้ไม่หนึ่งก็สองวัน แต่เหตุผลที่คุณพระเอกพามาถึงที่แบบนี้ อาจจะเป็นเพราะจำนวนคนที่น้อย เลยมั่นใจว่าจะล่ามันได้แน่นอน ไม่ก็...’
‘บิทเทอไม่ได้แค่อยากล่ามันเท่านั้น แต่ตั้งใจจะทดสอบผมด้วย’
“เฮ้อ~ ทำเอาผมเกือบหัวใจวายเลยนะ”
คาเลนเอ่ยก่อนหัวเราะด้วยท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จิ้มเรียวนิ้วบนพุงตุ๊กตาหมีไปพลาง ส่วนฮันเตอร์หนุ่มล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงหยิบนาฬิกาเรือนเล็กมาดูเวลา ตอนนี้ถ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง จะเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดพอควรแล้ว
“เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมง”
“ทำไมล่ะ? ตื่นเต้นเหรอ?”
“ฉันดูเหมือนเป็นแบบนั้นเหรอ?” บิทเทอกล่าวด้วยน้ำเสียงเริงร่ามากกว่าทุกครั้ง มุมปากเชิดยิ้มจนสังเกตเห็นลักยิ้มข้างซ้าย คาเลนมองไปพร้อมหยุดจิ้มพุงหมีอย่างตะลึงงัน
‘ไอ้หมอนี่มันยิ้มให้ผม แถมมีลักยิ้มด้วย?!’
บิทเทอเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามคาเลน นัยน์ตาสีฟ้าใสทอดมองก่อนจะเริ่มสนทนาต่อ “นายเองน่าจะพอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าภูตที่ต้องมาล่าครั้งนี้เป็นแบบไหน”
“ภูตตัวนี้อ่อนแอมาก ไม่มีความแข็งแกร่งอะไรถ้าเทียบกับภูตตัวอื่น แต่ความสามารถพิเศษมันคือการล่องหน จับตัวยาก แถมมันมีนิสัยประหลาดอย่างการชอบเล่นซ่อนแอบกับแขกที่เข้ามาพักห้องนี้ด้วย”
คาเลนบอกข้อมูลที่ตัวเองรู้เสร็จก็ยิ้มทะเล้น “พอโดนหาตัวเจอก็ถูกฆ่าทันที” บิทเทอหรี่ตามองกลับ เมื่อเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของคู่สนทนา
“นายเหมาะเป็นฮันเตอร์มากกว่าแอนนาลิสต์อีกนะ”
“ไม่เอาสิครับ~ เห็นผมเล่าลื่นปรื๊ดขนาดนี้แต่จริงๆ ผมก็กลัวนะ”
แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น แต่ฮันเตอร์หนุ่มก็ไม่มีท่าว่าจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย บิทเทอลุกตรงไปมุมห้องคว้าเอาปืนลูกซองมาถือไว้ สายตาเลื่อนดูนาฬิกาเรือนเล็กในมือก่อนจะเงยขึ้นมาถามคาเลน
“เอาล่ะ...นายพร้อมเล่นซ่อนแอบแล้วรึยัง?”
“พร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมอีก”
‘เอาจริงดิ หมอนี่กะไม่บอกแผนอะไรเลยจริงๆ สินะ’
เวลาต่อมาการเล่นซ่อนแอบกับภูตก็เริ่มขึ้น บานประตูห้องที่ทั้งสองคนพักอยู่ถูกเคาะเป็นจังหวะระรัวแต่ไม่มีการเปิดต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญ ผ่านไปสักพักมันกลับเปิดออกเองแบบนิ่มนวล ตามด้วยเสียงย่ำเท้าก้าวเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบ
ภายในห้องพักเงียบเชียบแต่นั่นไม่ได้ชี้วัดว่าจะไม่มีคนอยู่ บิทเทอหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า มือทั้งสองข้างถือลูกซองไว้มั่น ส่วนคาเลนซ่อนอยู่ใต้เตียง ไม่มีอาวุธป้องกันตัวเลยสักอย่าง ผู้มาเยือนโปร่งใสซึ่งไม่ใช่มนุษย์นั้นเริ่มสาวเท้าเดินรอบๆ ห้องไปมา
‘หายใจไม่ออกโว้ยยยยย! ใต้เตียงฝุ่นเยอะไม่พอแถมยังอับฉิบหายเลย! นี่มันโรงแรมหนึ่งดาวรึไง! ไอ้เวรเอ๊ย!’
คาเลนบ่นในใจอย่างหัวเสียที่ต้องมาซ่อนจุดอับสุดเบสิก สำหรับเขาแล้วตรงนี้ง่ายต่อการถูกหาเจอมาก แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อดี เพราะเขาสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของไอ้สัตว์ประหลาดนี่ได้ไม่ยาก นัยน์ตาสีน้ำตาลมองไปก่อนจะสังเกตเห็นรอยดำบนพื้นห้อง พอเขาเพ่งมองดีๆ พบว่ามันเป็นรอยเท้าของภูตตัวนี้
‘เขม่าดินปืน?’
‘คุณพระเอกคงแอบเทไว้ที่หน้าประตูห้องสินะ ก็ดี...แบบนี้ก็น่าจะระบุได้ว่าอีผีบ้านี่มันเดินไปไหนมาไหนในห้องบ้าง แต่เดี๋ยว... ทำไมมันเดินวนแค่รอบเตียงฟะ!?’
ตึกๆ ๆ ๆ
คาเลนนึกตั้งคำถามแบบนั้นขึ้นมา เพราะมันเดินวนรอบเตียงมาไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว เหมือนมันไม่ได้ตั้งใจจะหาให้เจอยังไงยังงั้น ไม่ได้ค้นของ ก้มดูใต้เตียง หรือเปิดตู้เสื้อผ้า มันแค่เดินไปทั่วเท่านั้นเอง ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงจับจ้องตามรอยเท้าที่เพิ่มขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ
มันเป็นแบบนี้มาเกือบจะสองสามนาทีแล้ว คาเลนแอบคิดด้วยซ้ำว่าบางทีภูตตัวนี้อาจจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาอยู่ไหน แต่ไม่คิดจะหาเองล่ะมั้ง?
‘ร้อยทั้งร้อย ผมให้เลยว่าบิทเทอคงแอบหวังว่าผมจะเป็นเหยื่อล่อผีบ้านี้แน่ๆ ก็นะ คุณพระเอกเองก็ดูไม่มีท่าทีว่าจะเปิดตู้ออกมายิงแม้แต่นิดเดียว ว่าแต่..การเล่นซ่อนแอบมันมีคนหากับคนซ่อนหนิ งั้น…’
‘ถ้าคนซ่อนจับคนหาได้ ก็คือเราชนะ’
‘กฎง่ายแบบนี้บอกเลยว่า กล้วยๆ’
คาเลนกลอกตามองตามรอยเท้าไปเรื่อยๆ ซึ่งรอยดำพวกนั้นจางลงมากแล้ว ถ้าหากว่ายังไม่ทำอะไรสักอย่าง อีกไม่นานอาจจะไม่เห็นมันแล้วก็ได้ ชายหนุ่มเตรียมตัวหาจังหวะ กระทั่งช่วงที่รอยเท้าเปลี่ยนทิศหันหลังให้ เขาจึงรีบคลานออกใต้เตียงอย่างเร็วไว
ฟุ่บ! หมับ!
ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาตามตำแหน่งที่รอยเท้าปรากฏไว้ล่าสุด ก่อนจับล็อกคอมันจากด้านหลังได้สำเร็จแม้ไม่เห็นตัว รู้สึกถึงแรงมหาศาลพยายามดิ้นขัดขืน ไม่นานร่างล่องหนโปร่งใสก็กลับสู่สภาพภูตที่ควรเป็น ภูตตัวนี้มองเผินๆ เหมือนกับซอมบี้อย่างประหลาด
มันดิ้นแรงทำคนคุมเอนตัวไปมา ก่อนจะถอยหลังจนเอวเขากระแทกขอบโต๊ะลิ้นชักอย่างจัง กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่ปล่อยคอมัน ซ้ำรั้งแขนตนรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ภูตอ้าปากออกกว้างเตรียมจะเปล่งเสียงร้อง เขาเห็นท่าไม่ดีกลัวว่าจะสู้แรงไม่ได้จึงเรียกตัวช่วยทันใด
“ออกมายิงสิโว้ย! ไอ้บ้า!”
ชายผมดำยาวตะโกน ฉับพลันบิทเทอก็เปิดตู้เสื้อผ้ามาเล็งยิงภูตอย่างไม่ลังเล คนล็อกคอผละออกเล็กน้อยก่อนจะปล่อยร่างภูตทิ้งลงบนพื้น บิทเทอจึงยิงซ้ำเข้าไปที่หัวและกลางอกอีกสองนัด คาเลนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“สนุกใช่ไหมที่เห็นฉันฟัดกับมัน?”
“ก็อยากเห็นมากกว่านี้นะ”
บิทเทอไม่ได้ปฏิเสธว่าตัวเองแอบชมการต่อสู้ของเขาอยู่ห่างๆ ระหว่างสนทนานั้นร่างภูตจึงเริ่มย่อยสลายอย่างรวดเร็ว ใบหน้ามันที่เดิมเหวอะหวะเน่าเฟะอยู่แล้ว ขณะนี้เศษเนื้อเริ่มหลุดลอกเละไม่น่าดูชมเท่าไหร่
“รูปภาพสั่งตายอยู่ในตัวมันใช่ไหม?”
บิทเทอพยักหน้าตอบกลับไป มือยังคงถือปืนเล็งไว้เพื่อความมั่นใจ แน่นอนว่าเขายังไม่วางใจว่ามันตายเลยแม้แต่น้อย คาเลนเดินข้ามศพตรงไปคว้าตุ๊กตาหมีมา
‘เอาล่ะ ถึงเวลากำจัดคำสาปแล้ว’
“ได้เวลาพลีชีพแล้วพวก”
เขาว่าแล้วก็วางหมีขนน้ำตาลลงบนกลางตัวศพภูต บิทเทอมองไปด้วยท่าทางงวยงงแต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถาม ชิ้นส่วนร่างกายและของเหลวเน่าจากศพก็ถูกดูดเข้าไปในตัวหมีน้อยอย่างน่าเหลือเชื่อ จากขนน้ำตาลกลายเป็นสีดำทมิฬ ดวงตาที่เคยบ้องแบ๊วตอนนี้ดำมิดจนแทบกลืนเนียนไปกับขน
“ฟู่ว~ เก่งมากไอ้หนู~”
คาเลนกล่าวพลางจับหมีขึ้นมาชำเลือง จากนั้นก้มลงหยิบรูปภาพชุ่มไปด้วยของเหลวดำทั้งยังเคยเป็นแหล่งคำสาปภูตตัวนี้ขึ้นมา บิทเทอหรี่ตามองตุ๊กตาหมีแล้วถาม
“นายทำอะไรกับหมี”
“ผมร่ายคาถาให้ตุ๊กตาตัวนี้สามารถดูดซับและถอนคำสาปได้น่ะ” ว่าจบคาเลนจึงยิ้มแหย่ตอบ
“ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น”
“พูดแบบนี้เพราะเป็นห่วงไอ้หมีเน่านี่เหรอ?”
ชายผมยาวดำเอ่ยพลางเขย่าตุ๊กตาหมีผู้น่าสงสารเบาๆ พร้อมกับมีน้ำหมึกกระเด็นออกมาปรอยๆ บิทเทอลดปืนลงรีบถอยเท้าออกห่างด้วยสีหน้ารังเกียจไม่มีปกปิด
“เอามันออกไปไกลๆ”
“อย่ารังแกเพื่อนผมสิ~ มันอุตส่าห์เสียสละตัวเองเพื่อกำจัดคำสาปเลยนะ”
ถึงจะบอกแบบนั้น แต่บิทเทอก็ไม่มีท่าว่าจะชอบมันมากขึ้นเลย แถมยังดูหวาดระแวงปนขยะแขยงอีกต่างหาก คาเลนเห็นท่าทางนั้นจึงหัวเราะเบา ก่อนบิทเทอจะวางปืนพิงกับตู้เสื้อผ้าแล้วตรงมายืนเบื้องหน้าคนร่วมงาน
‘อะไรกัน? ผมเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูคุณพระเอกรึเปล่าเนี่ย?’
คาเลนส่งรอยยิ้มบางให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ทางบิทเทอมองนิ่งสักพัก ก่อนจู่ๆ จะแย่งหมีเน่า (?) จากมืออีกคนโยนทิ้งไว้บนเก้าอี้ซะอย่างงั้น ชายผมดำมองตุ๊กตากลิ้งหลุนๆ แต่เมื่อหันกลับมามองคนโยนก็ต้องตกใจ เพราะพบว่าคุณพระเอกยื่นมือมาปัดฝุ่น เช็ดเศษเลือดข้นดำตามเส้นผมยาวและเสื้อผ้าเขาออกให้ ท่าทางฮันเตอร์ดูจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กับสภาพคาเลนในตอนนี้
“เห็นผมยาวๆ ของแกแล้วอยากจะตัดทิ้งชะมัด”
“คงดูเกะกะสินะ แต่เสียใจด้วยผมคงตัดมันไม่ได้หรอก”
“ทำไม?”
“มัน~ เท่ดีละมั้ง”
พระเอกที่ได้ยินแบบนั้นมองค้าง ก่อนจะดึงมือกลับแล้วหันหลังกะเดินออกห่างอย่างเอือมใจ ขณะนั้นคาเลนกระตุกดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ พลางยื่นรูปภาพซึ่งเปรอะไปด้วยของเหลวดำให้ บิทเทอรับมาสะบัดและเช็ดคราบออก
“มันไม่มีคำสาปแล้วใช่ไหม?”
“หมีนั่นดูดคำสาปออกให้แล้ว เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
“ดี”
บิทเทอปาดเช็ดครั้งสุดท้ายพบว่าเป็นภาพถ่ายครอบครัวที่มีจำนวนสามคน พ่อ แม่ และลูกชาย ใบหน้าทุกคนในภาพถูกปกปิดด้วยรอยดำไม่ก็รอยขูดขีดทิ้งอย่างจงใจ เว้นเสียแต่ใบหน้าของเด็กชายที่ปรากฏชัดเจน นัยน์ตาสีฟ้าหรี่มองก่อนเสียงคาเลนจะดึงสติเขากลับมา
“คุณโลฮาส”
“อะไร” บิทเทอตอบพร้อมเงยหน้าสบตาคนเรียก
‘นี่มันอะไรกัน...’
คาเลนตั้งคำถามในใจพลางเพ่งสายตาพินิจพิเคราะห์ เพราะสิ่งที่เขาเห็นมันน่าแปลกมาก ตามตัวบิทเทอปรากฏออร่าแดงเข้มลอยฟุ้งออกมา ปกติแล้วคนธรรมดาจะมองไม่เห็นกัน แต่เพราะเขาเป็นแอนนาลิสต์ที่จำแนกอะไรแบบนี้บ่อยครั้ง จึงรู้ทันทีว่ามันคือ ‘ออร่าคำสาป’ ยังไงมันก็ประหลาดอยู่ดี เพราะเขาถอนคำสาปภูตและรูปภาพในมืออีกฝ่ายไปหมดแล้ว
“ฉันถามว่าอะไร”
บิทเทอเห็นว่าคาเลนเอาแต่คิดจึงถามย้ำ ก่อนชายหนุ่มจะยิ้มแห้งตอบกลับไป
“อ้อ~ พอดีว่าหน้าตาคุณดีมาก มองนานๆ แล้วรู้เพลินดีน่ะ”
“...”
‘ให้ตายสิ พระเอกยังไงก็พระเอกน่ะนะ โชคร้ายแบบไม่สิ้นสุดจริงๆ’
โฮ่งๆ ๆ“อะไร? แกก็ตื่นเต้นเหรอไอ้ตูบ~”คาเลนว่าพลางยืนเท้าเข่ามองเจ้าร็อตไวเลอร์พิลึกนี่วิ่งวนตรงหน้าบ้าน ดูจากสภาพแวดล้อมปลอดโปร่งและห่างไกลจากผู้คน ที่นี่คงเป็นนอกเมืองเกือบเข้าเขตป่า ชายหนุ่มออกมาสูดอากาศเพราะหลังจากโดนเข็มอาร์ลีนไปหลายเล่มก็หลับยาว ใช้เวลาเพียงคืนเดียวแผลจึงหายดีแต่ไอ้ที่ว่าดีก็ดี ไอ้ที่ว่าแย่ก็แย่ แย่คืออะไรล่ะเหรอ?เปรียบเทียบง่ายๆ คือคนเราโดนฉีดยาเข็มเล็กๆ ยังปวดแขนขนาดนั้น แต่เข็มที่เขาโดนน่ะยาวเท่าศอกแทงจนทะลุหนังไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นคงไม่ต้องพูดถึงความปวดความชาเลย เพราะทั้งแขนและขาใช้การตอนนี้เหมือนมีไฟฟ้าช็อตตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ช่าง ตอนนี้เขาหายดีแล้วคาเลนนึกไปเรื่อยพลางยื่นมือไปลูบหัวหมาออดอ้อนก่อนจะกล่าว“ฉันสัญญาว่าจะไม่แย่งอาหารแกกินอีก”โฮ่ง!เขาพูดแซวตัวเอง แต่จริงๆ ส่วนหนึ่งก็แอบรู้สึกผิดนิดหน่อย ถึงจะไม่แน่ใจว่านี่มันหมาปกติจริงไหม แต่ถ้าเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวนี้ไม่ช่วยไว้เมื่อวานนี้ เขาคงโดนอาร์ลีนแทงเข็มจนตัวพรุนไปแล้ว ขณะเล่นกับเพื่อนใหม่เพื่อนหมา ราวินกับบิทเทอก็เดิน
เฮ้อ~คาเลนซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงถอนหายใจยาว สายตามองเพดานห้องอย่างว่างเปล่า อเนจอนาถใจราวกับว่าเขากำลังทำบางอย่างพลาดไป ใช่...เขาทำพลาด พลาดมากๆ ความพลาดอันเกิดมาจากความหิวตัวเองที่เกินพิกัดอีกด้วย ระหว่างปลงจิตก็เหลียวมองข้างเตียงพบเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวใหญ่แลบลิ้นห้อยอยู่ข้างๆ‘ไอ้หมาเวร…’คนป่วยนอนเตียงมองหมาตัวนี้อย่างระแคะระคายใจ บอกว่าความผิดหมาก็ไม่ใช่ จะโทษความหิวตัวเองก็เหมือนเป็นคนขาดความยับยั้งชั่งใจ (ในการกิน) เกินไป“เพราะแกเลยทำให้ฉันเป็นคนกินอาหารหมา... เดี๋ยวสิ?”คาเลนพูดหลังเพิ่งสังเกตบบางอย่างได้เอาตอนนี้ เขาหรี่ตาจ้องสิ่งผิดปกติที่เห็นจากตัวเจ้าหมาร็อตไวเลอร์‘คงไม่ใช่ว่าไอ้ตูบนี่...’“ช่างเถอะ ฉันคงตาฝาดแหงๆ ”เจ้าหมาเอียงหัวมองแล้วส่ายหางเดินสี่ขาออกจากห้องไป อาการเขาดีขึ้นมากแล้วแต่ยังมีไข้อ่อนๆ อยู่นิดหน่อย ใช่แล้ว เขาเห็นอะไรแบบนี้ได้ต้องเป็นเพราะไข้แน่ๆ คาเลนลุกขึ้นจากเตียงสาวเท้าออกไปยังห้องกว้าง ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นห้องรับแขก ดูเหมือนท
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นรับรู้ได้ว่าร่างตนนั้นหนักอึ้งเหลือหลาย ภาพพร่าๆ ที่ทอดสายตามองตอนนี้คือเพดานห้องขาวหมอง ไม่นานทัศนวิสัยก็ปรับชัดครั้นกะพริบตาอีกครั้งสองครั้ง เขานอนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะกลอกมองรอบๆ ตัว พบว่าราวินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เขา“ฉันสลบไปเหรอ?”“ครับ”อัศวินตอบกลับด้วยท่าทีเรียบเฉยเช่นเดิม“งั้นเหรอ? คงทำเอานายกับบิทเทอลำบากแย่เลยสินะ”“ใช่ แกทำ”สิ้นคำพูดนั้นจึงปรายมองตามเสียงอันคุ้นเคย คนกล่าวก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณพระเอกซึ่งยืนกอดอกพิงกำแพงฝั่งตรงข้ามเตียงที่เขานอนอยู่ นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววไม่พึงใจไม่คิดปกปิด คาเลนซึ่งอาการยังไม่คงตัวมากเพียงหลุบมองลงอย่างรู้สึกผิดและเมื่อยล้า“ขอโทษ”“...”บิทเทอไม่ได้ตอบกลับอะไร ถึงกระนั้นถ้าสังเกตจากบรรยากาศอึมครึม เขารู้สึกได้เลยว่าตอนนี้พระเอกกำลังโกรธไม่น้อยเลยทีเดียว“ครั้งแรกเรื่องคำสาปย้อนกลับ แกไม่บอกฉันแต่ให้รามุสรู้ก็ยังพอให้อภัย แต่คราวนี้แกอาการกำลังแย่ แต่เลือกไม่บอกทั้งหมอนั่นหรือฉัน ปล่อยให้ตัวเองเป็นลมล้มพับไปแบบนั้น… ทำไม? แกอยากตายตั้
TW :: Trafficking (การค้ามนุษย์) / Emesis (อาเจียน) / Misogyny (การเหยียดผู้หญิง)‘อาร์ลีน’ หญิงเลอโฉมโดดเด่นแต่ไร้ค่า ด้วยตำหนิใหญ่หลวงเธอนั้นคือชาติกำเนิดอันเป็นทาสจากแดนสงคราม จึงง่ายดายนักที่นางจะถูกนำมาตีราคาในการแย่งชิง ไม่ว่าชาวบ้าน อัศวิน ขุนนางหรือเศรษฐี หากได้บังเอิญเห็นค่าหน้าค่าตานี้เข้าก็ต่างพากันหลงใหลโงหัวไม่ขึ้น เมื่อขายออกจึงพ้นจากทาสกลายเป็นนางบำเรอผู้นำตระกูลเอิร์ล‘ตุ๊กตาบำเรอ’ ฉายาที่ถูกตั้งให้ภาพความทรงจำเหล่านี้แล่นวนเวียนอยู่ในหัวคาเลนบ่อยครั้ง เกิดอย่างควบคุมไม่ได้ และง่ายที่จะทำให้เขาประสาทเสียกับสิ่งที่รับรู้ โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกส่งมายามเขาหลับใหลตอนนี้มันกำลังจะเริ่มฉายหนังชีวิตต่ออีกครั้ง…เวลากลางวันภายในห้องกว้าง อาร์ลีนนั่งเย็บปักผ้าเช็ดหน้าอยู่ริมหน้าต่างอย่างประณีต นัยน์ตาสีฟ้าสวยกลมโตจดจ่อกิจกรรมตรงหน้า มือบางค่อยๆ บรรจงถักทอด้ายบางสร้างลวดลายทีละนิด นี่คงเป็นงานอดิเรกเดียวที่เธอสามารถทำเพื่อคลายเครียดได้บัดนี้ชีวิตข
ระหว่างที่สองเท้าก้าวตามทางเท้า คาเลนก็หัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้า บิทเทอซึ่งเดินข้างๆ มองอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนั้น แต่ไม่คิดจะถาม สาเหตุที่เขาทำตัวเหมือนคนสติหลุดนั่นเป็นเพราะหญิงสาวซึ่งวิ่งชนตนเมื่อกี้เธอคือ ‘นางร้าย’ นิยายนักล่าสาปบาป‘ไม่คาดฝันเลยแฮะว่าจะเจอที่เมืองธานแถมเร็วอีกต่างหาก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ภาพลักษณ์เธอดูใสซื่อกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก คิดว่าจะดูร้ายๆ แต่ไหงออกมาอย่างกับสาวน้อยเรียบร้อยคนหนึ่ง ว่าแต่…เธอชื่ออะไรนะ? จำหน้าตาได้แต่ดันจำชื่อไม่ได้เนี่ยสิ?’ระหว่างเดินไปคิดไป ฝีเท้าต้องหยุดครั้นถูกกระตุกคอเสื้อรั้งไว้ ชายผมยาวดำชะงักพลันถอยเท้ากลับมายืนข้างๆ บิทเทอที่เป็นคนดึง “ถึงคอกม้าแล้ว” เสียงเรียบว่าพร้อมปรายนัยน์ตาสีฟ้ามอง เขาคงจะเหม่อคิดเยอะเกินไปเลยเกือบได้เป็นเด็กหลงทางแล้ว ดีที่คุณพระเอกใจดีจูงกลับมา“เดี๋ยวผมจะไปเช่าม้าให้นะครับ”คาเลนส่งเงินให้ราวินที่อาสาไปจัดการเช่าม้าให้ ปล่อยบิทเทอกับเขารออยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุณพระเอกคาบบุหรี่ออกมาจากซองจุดสูบด้วยไม้ขีดเสร็จสรรพ
รุ่งสางมาถึงในที่สุด ราวินนั่งเอนหลังพิงพนักในห้องรับแขกทั้งคืน รับรู้ได้ทันทีว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าหรืออะไร แต่อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้หลับเอาแรงไปเยอะแล้วเลยไม่มีอาการง่วงใดๆ“ทำท่าทำทางเหมือนตัวเองเป็นรูปปั้นไปได้”เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกให้อัศวินปรายนัยน์ตามรกตมอง จึงพบว่าเป็นคาเลนที่ตอนนี้สารรูปดู…ไม่จืดเท่าไร ทั้งตาคล้ำ เสียงแหบ ไหนจะผมยุ่งเหยิง เป็นลักษณะของคนเพิ่งตื่นและนอนน้อยอย่างแท้จริง“นอนไม่หลับเหรอครับ?”“ก็...นิดหน่อย”เจ้าของบ้านยักไหล่ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา“งั้นคุณควรหลับอีกสักหน่อย”“ฮะๆ ๆ ๆ ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันจะนอนจริงๆ แล้วนะ”“ดีครับ ตอนนี้น่าจะประมาณตี 1 หลับเอาแรงต่อเถอะ”“...”ชายผมยาวดำไม่ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่ทอดสายตามองคู่สนทนา ก่อนต่อมาเขาจะถอนหายใจแล้วเปลี่ยนอิริยาบถตนเองจากนั่งเป็นนอนไปกับโซฟากว้าง เหยียดแข้งเหยียดขาพาดแขนเ







