Masukยามเช้าในเมืองธานเขต 2 ปรากฏชายผมยาวดำมัดรวบต่ำยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าสำนักงาน ซึ่งสถานที่นี่เป็นที่ทำงานของคาเลนเอง แต่เหตุผลที่เขายังไม่เข้าไปข้างในเพื่อดำเนินกิจวัตรของตนตามปกติ เป็นเพราะร่างโปร่งยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ เขา ไม่ใช่ใครไหนไกลหรอก แต่เป็นคุณพระเอกซึ่งเพ่งสายตาไม่วางแล้วไม่พูดอะไรสักอย่าง
‘จำได้ว่าไม่กี่วันก่อน ฉันยังต้องตามหมอนี่ต้อยๆ ไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย?’
“คราวนี้อยากลองเป็นฝ่ายง้อผมบ้างเหรอ คุณโลฮาส”
“ก็อาจจะ”
“งั้นเราไปเจอคาเบิ—”
“หุบปาก”
บิทเทอปฏิเสธอย่างรู้ทันและรุนแรงกว่าครั้งไหน จากนั้นพ่นควันบุหรี่รดสูทชายผมดำยาวอย่างเคืองใจ คาเลนหรี่ตามองอีกคนเพื่อจะรอดูว่าวันนี้คุณพระเอกมีธุระอะไรกับตน แต่ปล่อยเวลาผ่านไป อีกคนก็ยังไม่เริ่มพูดเสียที เขาจึงเป็นฝ่ายออกปากถามไป
“คุณจ้องผมมากกว่าก็นี้ ผมจะหน้าแดงเอานะ”
“นายเร่งฉันสินะ”
“เอ่อ...จริงๆ ก็ไม่ได้มีปัญหากับการโดดงานออกมาคุยหรอก แค่มองหน้ากันไปเรื่อยๆ แบบนี้ผมคิดว่ามันออกจะ...แปลกๆ ละมั้ง? ว่าไหมล่ะ?”
บิทเทอไม่พูดตอบอะไรแล้วหลบสายตาไปจากคาเลนเงียบๆ พอเขาเห็นท่าทีนั้นก็อดไม่ที่จะแอบลอบยิ้มแห้งออกมา
‘บิทเทอเป็นพวกที่ถ้าต้องการอะไรหรือมีจุดประสงค์บางอย่างจะบอกตรงๆ ไม่ก็ทำให้ผมต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้ แต่นี่เขาไม่ทำอะไรเลย แล้วก็ไม่บอกอะไรด้วย’
“นี่”
พระเอกหันกลับมาเรียกพลางทิ้งก้นบุหรี่ นัยน์ตาสีฟ้าใสสบกับเขาตรงๆ แสดงถึงความตั้งมั่นเผยออกมาชัดเจน “ฉันมีเรื่องอยากวานให้นายช่วย” คาเลนเลิกคิ้วมองกลับพลางพยักหน้าเบาๆ
‘ลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าไอ้หมอนี่เป็นพวกปากแข็ง (ถึงจะแค่กับบางเรื่องก็เถอะ) ’
“ว่ามาสิครับ”
“นายเป็นแอนนาลิสต์เหรอ?”
บิทเทอถามก่อนที่จะเข้าประเด็นหลัก คาเลนเองก็ไม่ได้อิดออดอะไรหากถูกสอบเรื่องหน้าที่การงาน ยิ่งคนเอ่ยปากเป็นคุณพระเอกคนเก่งแล้ว เขายิ่งอยากจะบอกใจจะขาด (ไม่จริงหรอก ล้อเล่นน่ะ)
“ระดับผมน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญแอนนาลิสต์เลยต่างหาก”
บิทเทอหยุดคิดแล้วถามต่อ “แต่นายสู้เป็น”
“สู้?”
“หมายถึงที่สู้กับภูตนั่นวันก่อนไง”
คาเลนเข้าใจได้ทันทีว่าที่คุณพระเอกพูดถึงคือการต่อสู้กับภูตในตรอกวันนั้น และ...ใช่ เขาก็ยื่นมือเข้าไปช่วยบิทเทอ หรือควรจะเรียกว่าแย่งซีนดีล่ะ? จะยังไงก็ช่าง นั่นทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนพลิกมาชนะได้ในที่สุด
‘เผลอไปแทรกแซงอีเวนต์แรกของพระเอกเข้าแล้วสิ แบบนี้คงมีอะไรเปลี่ยนไปเยอะแน่ หรือตอนนี้ผมกำลังทำโลกนิยายคนอื่นเขาฉิบหายอยู่หว่า~’
คาเลนนึกย้อนถึงสิ่งที่ทำไปก็ยิ้มเจื่อน เพราะการตัดสินใจในวันนั้นมันก็ออกจากกะทันหันไปหน่อย เขาละความสนใจจากความคิดในหัวแล้วถามคนตรงหน้า “แล้วคุณมีอะไรจะมาขอร้องผู้เชี่ยวชาญภูตเก่งๆ อย่างผมล่ะ?”
“นี่”
บิทเทอว่าแล้วหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งยื่นให้ คาเลนรับไปเปิดอ่านจึงเห็นภาพร่างจางๆ กับตัวอักษรกำกับไว้ข้างล่าง “ ‘รูปภาพสั่งตาย’ ชื่อคำสาปที่อยากจะล่าคราวนี้เหรอ?”
“ใช่”
“จะออกไปล่าของแบบนั้นเหรอ? ดูไม่เข้ากับคุณเลยสักนิด”
“นายไม่มีสิทธิ์มาตัดสินธุระของฉัน”
คาเลนได้ยินแบบนั้นก็ขบขันในคำพูดเชือดเฉือน “แล้วอยากให้ช่วยอะไรครับ หรือมาขอกำลังใจก่อนจะไปออกล่า?” เขาเอ่ยพลางปรายตามองยกยิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้
‘ตอนนี้เนื้อเรื่องยังดำเนินตามปกติ บิทเทอมีเป้าหมายออกตามหา ‘รูปภาพสั่งตาย’ อีเวนต์สำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างเริ่มขึ้น ปกติหมด แต่ว่าไอ้ที่เปลี่ยนไปคงเป็นบิทเทอที่มาวานเรื่องนี้กับผมแทน ไม่ได้ไปร่วมมือกับกลุ่มฮันเตอร์ในเมือง’
‘อา... เจ้าบ้านี่ดูมั่นใจในตัวผมมากกว่าที่คิดแฮะ’
“ฉันจะให้นายถอนคำสาปรูปภาพนั่น”
คาเลนมองไปอย่างรู้แก่ใจดีว่านั่นคือสิ่งที่บิทเทอกำลังจะขอเขา “ผมนึกว่าคุณไม่ชอบทำงานร่วมกับคนอื่นซะอีก หรือ~ คุณมีเหตุผลพิเศษอะไรถึงเลือกผมล่ะ? คุณฮันเตอร์” เขาว่าแล้วยิ้มยียวนไปเหมือนทุกๆ ครั้ง บิทเทอช้อนนัยน์ตาสีฟ้าใสมองกลับมาพร้อมเอ่ยคำพูดต่อไป
“ฉันแค่สบายใจที่เลือกนายก็เท่านั้นแหละ”
‘นี่คือจังหวะตกหลุมรักครั้งที่สองสินะ’
ทั้งสองคนมองหน้ากันพักหนึ่งก่อนคาเลนจะรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย จึงกระแอมเสียงกลบอาการเลิ่กลั่กตนเอง จากนั้นจึงตอบอีกคนด้วยท่าทางเรียบนิ่งอย่างเดิม “งั้นผมตกลง”
“ดี”
“แต่...” คาเลนดักขึ้นพร้อมกระตุกยิ้ม “ถ้าผมทำงานนี้ให้ คุณต้องไปเจอกับคาเบิลนะ”
บิทเทอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลันส่ายหน้าอ่อนอย่างระอา เป็นแน่แท้อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งต้องมีหลุดชื่อบุคคลที่สามอย่าง ‘คาเบิล’ ซึ่งเป็นพ่อเขาตลอด
“ก็ได้”
“คุณตกลงแล้วนะ ถ้าคุณผิดสัญญาผมจะปาขี้นกใส่หัวคุณ”
บิทเทอถลึงตามองกลับเอาเรื่อง แต่คาเลนก็หาได้ใส่ใจไม่ ซ้ำยังโบกมือลาข้างหัวก่อนจะเดินถอยเข้าสำนักงานตัวเองไปทันที (กลัวโดนพระเอกตามตื้บ) ฮันเตอร์หนุ่มพอเห็นแบบนั้นถึงกับยีผมบลอนด์ขาวอย่างอิดโรย
เวลาล่วงเลยผ่านจนถึงตอนเย็นคาเลนก็เดินออกจากสำนักงานแอนนาลิสต์ มือข้างหนึ่งถือซองเอกสารติดมาด้วย ฝีเท้าสาวเดินบนทางอย่างเอื่อยเฉื่อยผนวกกับสายตามองเรื่อยเปื่อย คล้ายว่าตอนนี้ในหัวเขานั้นกำลังครุ่นคิดอะไรมากมายหลายอย่าง
“เฮ้”
คาเลนชะงักฝีเท้าตนเองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูแว่วเข้ามา เขาเดินถอยหลังกลับไปหยุดหน้าตรอกหนึ่งก็เจอกับบิทเทอยืนสูบบุหรี่อยู่ ฮันเตอร์หนุ่มปรายตามองมาในขณะที่คาเลนเอ่ยถามไปพอดี
“เมื่อกี้เรียกผมเหรอ? คุณโลฮาส”
“นายคิดไปเอง”
“แต่เมื่อกี้มันเสียงคุณ ผมจำได้”
“ไม่ใช่”
คาเลนแน่ใจว่าเสียงเรียกเมื่อกี้คือเสียงของบิทเทอแน่นอน แต่ก็ตามฉบับนิสัยนายบิทเทอ คุณพระเอกปากแข็งนี่มันปากแข็งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ คาเลนเดินเข้าไปในตรอกเอ่ยเสียงต่ำลง
“แค่บอกว่าคิดถึงมันไม่ยากหรอกนะ เดี๋ยวเราไม่เจอกันแล้ว คุณอาจจะอยากเจอผมมากๆ ก็ได้”
“ไม่อยากเจอ แล้วก็เลิกหลงตัวเองทีเถอะ”
การแหย่บิทเทอเล่นนั้นแทบจะเป็นนิสัยของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ บางทีถ้ามีรางวัลแปลกๆ ที่มักจะปลดล็อกแบบในเกมล่ะก็... คาเลนคงได้เข้าชิงรางวัล ‘คนชอบแกล้งพระเอก’ ไปแล้วมั้ง?
“วันนี้เราจะเดินทางด้วยกัน”
“...?”
“ก็เรื่อง ‘รูปภาพสั่งตาย’ ไงล่ะ”
“อ้อ~ เรื่องนั้นน่ะเหรอ อย่าบอกนะว่าเตรียมตัวเสร็จแล้ว?”
“ใช่” บิทเทอตอบกลับในทันที
‘เรื่องล่าๆ ฆ่าๆ เตรียมตัวเร็วไม่มีเปลี่ยนเลยจริงๆ แบบนี้ฉันเองคงต้องทำตัวอืด~ อาด~ ยืด~ ยาด~ หมอนี่จะได้รอนานๆ หน่อย’
คาเลนคิดเล่นๆ ในหัวตัวเองก็อดไม่ที่จะรู้สึกสนุกแปลกๆ “คงตื่นเต้นที่ได้เดินทางกับผมสินะ หรือเราจะวางแผนเที่ย—”
“อย่ามานอกเรื่อง กลับบ้านไปเตรียมตัวซะ”
หลังจากที่ถูกบิทเทอไล่แบบนั้น คาเลนจำต้องกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวอย่างเชื่องช้า (?) พอเอาเอกสารไปเก็บไว้แล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องแบบชิลๆ จริงๆ แล้วมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องใช้เยอะสำหรับเขาเลย อย่างแรกคือเขาไม่ใช่ฮันเตอร์ที่ต้องออกไปสู้ และอย่างที่สองคือเขามีหน้าที่แค่ถอนคำสาปในงานครั้งนี้
“ใช้อะไรดีหน่า~”
คาเลนพูดด้วยท่าทีคารมดีพร้อมกับเลือกของสองอย่างที่ตนถืออยู่ มือหนึ่งถือตุ๊กตาหมีน่ารักตัวหนึ่งกับอีกมือถือขวดแก้วเปล่าขวดหนึ่ง เขามองสลับไปมาก่อนจะวางขวดแก้วลงบนโต๊ะ แล้วถือตุ๊กตาหมีกะทัดรัดติดตัวไปด้วย
‘ไอ้หมอนี่จะทำให้งานของผมง่ายขึ้นเยอะ’
เมื่อเตรียมตัวเสร็จ เขาจึงเดินออกมาจากบ้านแบบตัวเปล่าสุดๆ อดไม่ได้ที่จะสร้างความสงสัยให้ฮันเตอร์ว่าทำไมคาเลนหายไปนานนัก นัยน์ตาสีฟ้าหลุบมองลงก็เจอกับตุ๊กตาหมีขนน้ำตาลตาแป๋วตัวหนึ่งเท่านั้น บิทเทอจ้องนิ่งก่อนจะยื่นปลายนิ้วไปแตะจมูกนิ่มๆ ของมัน
“นี่ แบรนดอน”
“ครับ?” คาเลนขานพร้อมกับเอียงศีรษะมองอย่างขบขัน
“นายยังเป็นเด็กอมมืออยู่สินะ”
“ฮะๆ อย่าเข้าใจผิดสิ นี่คือตัวช่วยชั้นดีของผมเลยนะ”
คาเลนว่าแล้วก็จับมือทั้งสองข้างเจ้าหมีให้ขยับไปมาทำท่าโบกมือทักทาย ก่อนจะยื่นเข้าไปใกล้หน้าฮันเตอร์หนุ่มจนเห็นตาแป๋วดำกลมโต
“อย่ามาเล่นตลก เดินทางได้แล้ว”
“ได้เลย~ คุณโลฮาส~”
ชายหนุ่มทั้งสองเริ่มเดินทางตามที่ตกลงกันไว้ ด้วยการโดยสารรถม้าที่วิ่งเที่ยวทั่วท้องถนน เทียบๆ แล้วเหมือนแท็กซี่เวอร์ชันติดม้ายังไงยังงั้น ครั้นหย่อนตัวนั่งบนเบาะได้ไม่เท่าไหร่ คาเลนก็เปิดประเด็นชวนคุยทันที
“ว่าแต่ออกมาทำภารกิจนอกเขตตัวเองจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”
“ฉันจัดการทุกอย่างดีแล้ว”
บิทเทอเงียบก่อนจะถามกลับบ้าง
“แล้วนายล่ะ? มากับฉันคงไม่ได้อยู่ๆ อยากจะมาก็มาหรอกใช่ไหม?”
“อย่ามองผมในแง่ร้ายแบบนั้นสิ~ ผมเองก็ไม่ได้ทำตัวไร้ความรับผิดชอบถึงขนาดทำอะไรแล้วไม่แจ้งสำนักงานหรอก” คาเลนแก้ตัวค่อยส่งยิ้มไปในขณะวางตุ๊กตาหมีลงบนตักตัวเอง
‘นั่นผมโกหกน่ะ คุณเข้าใจถูกแล้วครับ คุณพระเอก’
‘ผมอยากจะมาก็มาเลยครับ’
“หวังว่าแกจะไม่สร้างปัญหาให้แล้วกัน”
“เรื่องแบบนั้นเชื่อใจผมได้เลยครับ” บิทเทอได้ยินแบบนั้นก็มองมาด้วยท่าทางเรียบเฉย เหมือนตอนนี้เขาจะเริ่มชินชากับอากัปกิริยาของคาเลนมากขึ้นพอตัว
‘ที่บิทเทอกังวลนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมหรอก ปกติแล้วพวกแอนนาลิสต์ก็ทำงานกับฮันเตอร์บ่อยครั้ง แต่จะทำงานกันคนละช่วง ฮันเตอร์คือคนออกล่าภูต แอนนาลิสต์คือคนวิเคราะห์ข้อมูลและรับงานช่วงต่อจากนั้น’
‘การที่ผมมากับบิทเทอไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ส่วนใหญ่หน่วยงานนี้จะไม่ค่อยลงสนามจริงเท่าไหร่ เพราะคนที่ออกไปก็ต้องเอาชีวิตไปแขวนไว้กับฮันเตอร์ร่วมงานด้วยอีกที’
‘แต่แน่นอนว่าอยู่กับใครก็คงไม่อุ่นใจเท่าอยู่กับพระเอก (+แรงอวยจากการอ่านนิยาย) ’
“ฉันลืมบอกนายอีกอย่างหนึ่งนะ แบรนดอน”
“อะไรเหรอครับ”
“วันนี้เราจะนอนด้วยกัน”
คาเลนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามกลับด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนัก
“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ?”
โฮ่งๆ ๆ“อะไร? แกก็ตื่นเต้นเหรอไอ้ตูบ~”คาเลนว่าพลางยืนเท้าเข่ามองเจ้าร็อตไวเลอร์พิลึกนี่วิ่งวนตรงหน้าบ้าน ดูจากสภาพแวดล้อมปลอดโปร่งและห่างไกลจากผู้คน ที่นี่คงเป็นนอกเมืองเกือบเข้าเขตป่า ชายหนุ่มออกมาสูดอากาศเพราะหลังจากโดนเข็มอาร์ลีนไปหลายเล่มก็หลับยาว ใช้เวลาเพียงคืนเดียวแผลจึงหายดีแต่ไอ้ที่ว่าดีก็ดี ไอ้ที่ว่าแย่ก็แย่ แย่คืออะไรล่ะเหรอ?เปรียบเทียบง่ายๆ คือคนเราโดนฉีดยาเข็มเล็กๆ ยังปวดแขนขนาดนั้น แต่เข็มที่เขาโดนน่ะยาวเท่าศอกแทงจนทะลุหนังไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นคงไม่ต้องพูดถึงความปวดความชาเลย เพราะทั้งแขนและขาใช้การตอนนี้เหมือนมีไฟฟ้าช็อตตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ช่าง ตอนนี้เขาหายดีแล้วคาเลนนึกไปเรื่อยพลางยื่นมือไปลูบหัวหมาออดอ้อนก่อนจะกล่าว“ฉันสัญญาว่าจะไม่แย่งอาหารแกกินอีก”โฮ่ง!เขาพูดแซวตัวเอง แต่จริงๆ ส่วนหนึ่งก็แอบรู้สึกผิดนิดหน่อย ถึงจะไม่แน่ใจว่านี่มันหมาปกติจริงไหม แต่ถ้าเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวนี้ไม่ช่วยไว้เมื่อวานนี้ เขาคงโดนอาร์ลีนแทงเข็มจนตัวพรุนไปแล้ว ขณะเล่นกับเพื่อนใหม่เพื่อนหมา ราวินกับบิทเทอก็เดิน
เฮ้อ~คาเลนซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงถอนหายใจยาว สายตามองเพดานห้องอย่างว่างเปล่า อเนจอนาถใจราวกับว่าเขากำลังทำบางอย่างพลาดไป ใช่...เขาทำพลาด พลาดมากๆ ความพลาดอันเกิดมาจากความหิวตัวเองที่เกินพิกัดอีกด้วย ระหว่างปลงจิตก็เหลียวมองข้างเตียงพบเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวใหญ่แลบลิ้นห้อยอยู่ข้างๆ‘ไอ้หมาเวร…’คนป่วยนอนเตียงมองหมาตัวนี้อย่างระแคะระคายใจ บอกว่าความผิดหมาก็ไม่ใช่ จะโทษความหิวตัวเองก็เหมือนเป็นคนขาดความยับยั้งชั่งใจ (ในการกิน) เกินไป“เพราะแกเลยทำให้ฉันเป็นคนกินอาหารหมา... เดี๋ยวสิ?”คาเลนพูดหลังเพิ่งสังเกตบบางอย่างได้เอาตอนนี้ เขาหรี่ตาจ้องสิ่งผิดปกติที่เห็นจากตัวเจ้าหมาร็อตไวเลอร์‘คงไม่ใช่ว่าไอ้ตูบนี่...’“ช่างเถอะ ฉันคงตาฝาดแหงๆ ”เจ้าหมาเอียงหัวมองแล้วส่ายหางเดินสี่ขาออกจากห้องไป อาการเขาดีขึ้นมากแล้วแต่ยังมีไข้อ่อนๆ อยู่นิดหน่อย ใช่แล้ว เขาเห็นอะไรแบบนี้ได้ต้องเป็นเพราะไข้แน่ๆ คาเลนลุกขึ้นจากเตียงสาวเท้าออกไปยังห้องกว้าง ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นห้องรับแขก ดูเหมือนท
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นรับรู้ได้ว่าร่างตนนั้นหนักอึ้งเหลือหลาย ภาพพร่าๆ ที่ทอดสายตามองตอนนี้คือเพดานห้องขาวหมอง ไม่นานทัศนวิสัยก็ปรับชัดครั้นกะพริบตาอีกครั้งสองครั้ง เขานอนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะกลอกมองรอบๆ ตัว พบว่าราวินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เขา“ฉันสลบไปเหรอ?”“ครับ”อัศวินตอบกลับด้วยท่าทีเรียบเฉยเช่นเดิม“งั้นเหรอ? คงทำเอานายกับบิทเทอลำบากแย่เลยสินะ”“ใช่ แกทำ”สิ้นคำพูดนั้นจึงปรายมองตามเสียงอันคุ้นเคย คนกล่าวก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณพระเอกซึ่งยืนกอดอกพิงกำแพงฝั่งตรงข้ามเตียงที่เขานอนอยู่ นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววไม่พึงใจไม่คิดปกปิด คาเลนซึ่งอาการยังไม่คงตัวมากเพียงหลุบมองลงอย่างรู้สึกผิดและเมื่อยล้า“ขอโทษ”“...”บิทเทอไม่ได้ตอบกลับอะไร ถึงกระนั้นถ้าสังเกตจากบรรยากาศอึมครึม เขารู้สึกได้เลยว่าตอนนี้พระเอกกำลังโกรธไม่น้อยเลยทีเดียว“ครั้งแรกเรื่องคำสาปย้อนกลับ แกไม่บอกฉันแต่ให้รามุสรู้ก็ยังพอให้อภัย แต่คราวนี้แกอาการกำลังแย่ แต่เลือกไม่บอกทั้งหมอนั่นหรือฉัน ปล่อยให้ตัวเองเป็นลมล้มพับไปแบบนั้น… ทำไม? แกอยากตายตั้
TW :: Trafficking (การค้ามนุษย์) / Emesis (อาเจียน) / Misogyny (การเหยียดผู้หญิง)‘อาร์ลีน’ หญิงเลอโฉมโดดเด่นแต่ไร้ค่า ด้วยตำหนิใหญ่หลวงเธอนั้นคือชาติกำเนิดอันเป็นทาสจากแดนสงคราม จึงง่ายดายนักที่นางจะถูกนำมาตีราคาในการแย่งชิง ไม่ว่าชาวบ้าน อัศวิน ขุนนางหรือเศรษฐี หากได้บังเอิญเห็นค่าหน้าค่าตานี้เข้าก็ต่างพากันหลงใหลโงหัวไม่ขึ้น เมื่อขายออกจึงพ้นจากทาสกลายเป็นนางบำเรอผู้นำตระกูลเอิร์ล‘ตุ๊กตาบำเรอ’ ฉายาที่ถูกตั้งให้ภาพความทรงจำเหล่านี้แล่นวนเวียนอยู่ในหัวคาเลนบ่อยครั้ง เกิดอย่างควบคุมไม่ได้ และง่ายที่จะทำให้เขาประสาทเสียกับสิ่งที่รับรู้ โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกส่งมายามเขาหลับใหลตอนนี้มันกำลังจะเริ่มฉายหนังชีวิตต่ออีกครั้ง…เวลากลางวันภายในห้องกว้าง อาร์ลีนนั่งเย็บปักผ้าเช็ดหน้าอยู่ริมหน้าต่างอย่างประณีต นัยน์ตาสีฟ้าสวยกลมโตจดจ่อกิจกรรมตรงหน้า มือบางค่อยๆ บรรจงถักทอด้ายบางสร้างลวดลายทีละนิด นี่คงเป็นงานอดิเรกเดียวที่เธอสามารถทำเพื่อคลายเครียดได้บัดนี้ชีวิตข
ระหว่างที่สองเท้าก้าวตามทางเท้า คาเลนก็หัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้า บิทเทอซึ่งเดินข้างๆ มองอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนั้น แต่ไม่คิดจะถาม สาเหตุที่เขาทำตัวเหมือนคนสติหลุดนั่นเป็นเพราะหญิงสาวซึ่งวิ่งชนตนเมื่อกี้เธอคือ ‘นางร้าย’ นิยายนักล่าสาปบาป‘ไม่คาดฝันเลยแฮะว่าจะเจอที่เมืองธานแถมเร็วอีกต่างหาก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ภาพลักษณ์เธอดูใสซื่อกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก คิดว่าจะดูร้ายๆ แต่ไหงออกมาอย่างกับสาวน้อยเรียบร้อยคนหนึ่ง ว่าแต่…เธอชื่ออะไรนะ? จำหน้าตาได้แต่ดันจำชื่อไม่ได้เนี่ยสิ?’ระหว่างเดินไปคิดไป ฝีเท้าต้องหยุดครั้นถูกกระตุกคอเสื้อรั้งไว้ ชายผมยาวดำชะงักพลันถอยเท้ากลับมายืนข้างๆ บิทเทอที่เป็นคนดึง “ถึงคอกม้าแล้ว” เสียงเรียบว่าพร้อมปรายนัยน์ตาสีฟ้ามอง เขาคงจะเหม่อคิดเยอะเกินไปเลยเกือบได้เป็นเด็กหลงทางแล้ว ดีที่คุณพระเอกใจดีจูงกลับมา“เดี๋ยวผมจะไปเช่าม้าให้นะครับ”คาเลนส่งเงินให้ราวินที่อาสาไปจัดการเช่าม้าให้ ปล่อยบิทเทอกับเขารออยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุณพระเอกคาบบุหรี่ออกมาจากซองจุดสูบด้วยไม้ขีดเสร็จสรรพ
รุ่งสางมาถึงในที่สุด ราวินนั่งเอนหลังพิงพนักในห้องรับแขกทั้งคืน รับรู้ได้ทันทีว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าหรืออะไร แต่อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้หลับเอาแรงไปเยอะแล้วเลยไม่มีอาการง่วงใดๆ“ทำท่าทำทางเหมือนตัวเองเป็นรูปปั้นไปได้”เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกให้อัศวินปรายนัยน์ตามรกตมอง จึงพบว่าเป็นคาเลนที่ตอนนี้สารรูปดู…ไม่จืดเท่าไร ทั้งตาคล้ำ เสียงแหบ ไหนจะผมยุ่งเหยิง เป็นลักษณะของคนเพิ่งตื่นและนอนน้อยอย่างแท้จริง“นอนไม่หลับเหรอครับ?”“ก็...นิดหน่อย”เจ้าของบ้านยักไหล่ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา“งั้นคุณควรหลับอีกสักหน่อย”“ฮะๆ ๆ ๆ ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันจะนอนจริงๆ แล้วนะ”“ดีครับ ตอนนี้น่าจะประมาณตี 1 หลับเอาแรงต่อเถอะ”“...”ชายผมยาวดำไม่ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่ทอดสายตามองคู่สนทนา ก่อนต่อมาเขาจะถอนหายใจแล้วเปลี่ยนอิริยาบถตนเองจากนั่งเป็นนอนไปกับโซฟากว้าง เหยียดแข้งเหยียดขาพาดแขนเ





![เพียงหัวใจเพรียกหา - [Omegaverse]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

