“ มิน จะไปไหน? ” ภวิชรู้สึกตัวในกลางดึกเมื่อคนไข้ที่เขาเฝ้าเช็ดตัวให้ไม่ห่างอยู่ข้างกาย เขาควานหาหวังจะดึงเธอมากอดแต่ข้างกายกลับว่างเปล่าสายตาเรียวของคนที่ผงกหัวขึ้นอย่างเพิ่งตื่นจากภวังค์ อกเปลื่อยเปล่าที่ไร้เสื้อปกปิด เขาใส่แค่กางเกงนอนเท่านั้น ลุกขึ้นยันกายนั่งมองไปยังคนที่เอื้อมมือกำลังจับลูกบิดกำลังจะเปิดประตูห้องนอน มินตรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปางบางของเธอ เธอกดดันเขาอีกแล้ว ภวิชลุกพรวดขึ้นทันทีที่เท้าเล็กๆกำลังจะก้าวออกจากห้องสำเร็จ
“ ฟึ่บ! พี่ถามว่าจะไปไหน! ได้ยินไหมมิน ? ” เขากระชากน้ำเสียงดึงเข้าที่ข้อมือของเธอทำให้ร่างมินตราหันมาสบตากับเขาสิ่งที่ภวิชเห็นทำให้น้ำเสียงกระชากที่ได้ยินในตอนแรกเริ่มลดลงแทบกระซิบ
“ มะ มิน มินร้องไห้ทำไม? ” น้ำใสๆที่คลอหน่วยตาของเธอทำให้ภวิชแทบจุกจนพูดไม่ออก
“ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง ” น้ำเสียงและสรรพนามเริ่มเป็นดังเดิม
“ พูดเป็นเล่น ก็นี่ไงครับที่รัก ไม่สบายแค่นี้จำไม่ได้เลยหรอ? ” คนที่ตกใจคราแรก นึกขำอย่างฝืนๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกสักนิดเธอจะกลับไปห้องไหนกันเมื่อทั้งเธอและเขานอนห้องนี้ด้วยกันมานับเดือน
“ เชิญหัวเราะไปคนเดียวเถอะ ขอตัวนะคะ ”
“ เอ๊ะ! มินนี่ชักยังไง เป็นอะไรห๊ะ แล้วไอ้ห้องที่ว่าจะไปมันห้องไหน? หรือมีผัวหลายคนจนจำไม่ได้ว่าห้องนี้ก็ห้องผัวของเธอ ”
“ ผั๊วะ!! ” เมื่อหมดคำพูดของเขาฝ่ามือน้อยๆก็ตบเข้าให้จังๆสักที แต่ละคำที่พูดออกมาทำเอาสติแทบหลุด คนถูกตบหน้าชาหันมากระชากเธอเข้าหา น้ำตาไหลลงหางตาของเธอ เขาไม่อาจเดาได้เลยว่ามินตรานั้นรู้สึกยังไง
“ จี้โดนใจดำหรือไง ห้ะ! ถึงตบหน้าฉันได้หรือต้องให้ย้ำว่าผัวกับเมียเขาจบกัน
ด้วยท่าไหน! ” ภวิชใช้สายตาแทะโลมร่างกายบอบบางที่ดูท่าคงจะหายจากไข้แล้วถึงมีแรงมาตบเขาได้ถึงจะแรงไม่มากแต่ก็ทำให้แสบๆคันๆได้
“ คิดได้แต่เรื่องต่ำๆ สมองมีแต่เรื่องแย่ๆ หึๆ เปล่าประโยชน์ที่จะคุยกับคนอย่างคุณจริงๆ ”
“ ด่าผัวขนาดนี้หายดีแล้วสิเมียจ๋า ไม่อยากคุยงั้นคงไม่ว่านะถ้าผัวจะทำอะไรต่ำๆในเรื่องอย่างว่า ให้สมคำของเมีย! ” น้ำเสียงที่เดี๋ยวเน้นเข้มเดี๋ยวเบาที่ยั่วยวนทำให้คนอยากเอาชนะลงมือทำให้สมคำด่าของเธอ คำด่าที่เจ็บไปถึงใจโดยไม่นึกเลยว่าคำพูดเขาก็ทำร้ายเธอไม่น้อย
“ ปึ่ก อึก โอ้ย อืม ” เสียงกระแทกแผ่นหลังของคนไข้สาว ที่ภวิชดันให้เธอชนเข้ากับประตูห้องนอนที่เขาอาศัยดึงเธอเข้าหาตอนที่ด่าเขาแล้วดันร่างเธอ ชนมันให้ปิดลงเสียงร้องกระอักกระอ่วนของความแรงที่ถูกดันให้หลังกระแทกจนเจ็บ ปิดลงด้วยริมฝีปากหนาที่บรรเลงจูบเหมือนพายุที่ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงฝ่ามือหนาคลึงเคล้นปทุมถันให้ชูตั้งรับสัมผัสที่โหยหาของร่างกายที่คุ้นเคย
“ อ่า อืม ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้คุณวิชฉันขอร้อง ” เธอส่งเสียงที่มีน้อยนิดต่อต้านสัมผัสที่เริ่มร้อนแรงและซาบซ่านของเขา
“ เธอขอแล้วฉันเคยให้ไหม หืม ไม่มีสิทธิ์อะไรถ้าเธอจะปฏิเสธเพราะฉันไม่มีทางให้ ” พูดจบเขาก็ละรอยจูบที่คอขึ้นไปจูบปิดริมฝีปากเธออีกครั้งเรียวลิ้นอุ่นร้อนชื้นสัมผัสกวาดโพลงควานหาเรียวลิ้นบางหวานที่หลบหนีมินตราที่ทรงตัวทรุดลงกับพื้นอย่างคุมไม่ได้ ขาแข้งอ่อนเปลี้ยลงง่ายๆแค่เขาสัมผัสมันฝ่ามือทุบตีดิ้นหนีเมื่อมือร้อนเขาเริ่มใกล้จุดอ่อนไหวเคล้นคลึงสัมผัสมันเกิดเป็นไฟปรารถณา เสียงหอบหายใจเรียกชื่อมินตราหลาย ต่อหลายครั้งของภวิชที่สร้างความสุขสมให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่าไปถึงฝั่งฝันหลายต่อหลายรอบ ทั้งหอมหวาน ซาบซ่านและเร่าร้อน จริงสินะคนอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรไปสั่งเขาเธอเป็นแค่ดอกไม้ริมทางไม่ใช่ดอกไม้ประดับแจกัน
ยามสายๆของอีกวัน
“ ปัง / หยุดนะมิน ” เสียงปิดประตูพร้อมร่างบอบบางที่แอบตื่นก่อนเขาตอนไหนไม่รู้เธอวิ่งออกจากห้องลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ภวิชวิ่งตามลงมาเป็นช่วงที่ภัสสรโพล่เข้าบ้านมาพอดี
“ จ้ะเอ๋ พี่วิช วิ่งลงบันไดทำไมตั้งแต่เช้าค่ะ ” ภัสสรเรียกชื่อพี่ชายก่อนที่จะตามมินตราไป มันไม่ง่ายนักหรอกที่เธอจะยอมเข้าใจอะไรง่ายๆระหว่างพี่ชายกับผู้หญิงที่บอกว่าเป็นแม่บ้านคนใหม่ นั่นแหล่ะที่ทำให้มินตราขนเสื้อผ้าไปนอนที่เรือนหลังเล็กเพราะไม่อยากให้ภัสสรไม่พอใจ จะว่าไปนั่นมันแค่ประเด็นหนึ่งเท่านั้นส่วนอีกหนึ่งอย่างคือความจริงที่เธอได้ยินเต็มสองหูของเธอเอง มินตราวิ่งออกทางประตูหลังบ้านรีบตรงไปจะเข้าห้องแต่ถูกฝ่ามือใครบางคนประกบปิดปากเอาไว้ลากเธอเข้ามุมกำแพง
“ กรี๊ด อื่อ อือ ” เสียงอู้อี้ในลำคอที่ตะโกนกรีดร้องด้วยความตกใจ
“ มิน ฉันเอง ” เสียงที่คุ้นหูทำให้อาการดิ้นรนของมินตราหยุดนิ่ง
“ มิก ” เมื่อเห็นหน้าน้องชายมินตรายิ่งฉงน ลุคการแต่งกายของน้องชายที่เปลี่ยนไป ชุดเสื้อหนังที่ชอบใส่มันถูกแทนที่ด้วยชุดสูทที่ทำให้รณภพดูเป็นผู้ใหญ่ที่สำคัญเขาดูหล่อเสียจนเธอแทบจำน้องชายตัวเองไม่ได้
“ สบายดีไหม เป็นไรรึเปล่า ” รณภพถามพี่สาวที่ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว
“ มิกมาอยู่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมถึง..... ” มินตราไม่ตอบคำถามแต่ตั้งคำถามเสียเองสายตาที่มองสำรวจร่างกายที่คล้ายตั้งคำถามที่พูดค้างเติ่งไว้ไม่จบทำให้รณภพตอบกลับอย่างเข้าใจ
“ เรื่องมันยาวไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟังส่วนเรื่องพ่อ มินก็ไม่ต้องห่วงฉัน
จะตามหาพ่อเอง ”
“ จริงนะมิก มิกต้องมาบอกพี่นะว่าพ่ออยู่ไหนมิกรู้หรอจะหาพ่อยังไงพี่ถาม คุณภวิชทีไรเขาก็บอกว่าไม่ต้องห่วงแล้วก็ไม่ตอบพี่สักที ”
“ รู้แล้วน่า ” รณภพตอบผ่านๆไป จริงๆแล้ว ภวิชบอกเรื่องพ่อกับเขาตั้งแต่วันที่ไปพบกับเขาเรื่องใยคุณหนูจอมแสบแล้วว่าพบพ่อแล้วแต่ทำไมภวิชถึงไม่บอกมินตรา ถึงตอนแรกจะไม่ชอบพี่ชายของใยคุณหนูสักเท่าไหร่แต่หลังจากที่ได้คุยกับเขาวันนั้นแล้วรณภพมีความคิดที่เปลี่ยนไปสัมผัสถึงความจริงใจที่มีให้กับพี่สาวตนเขาจึงขอไม่ยุ่งปล่อยให้จัดการเรื่องส่วนตัวกันตามสบาย
“ จริงสิมิน ฉันมีอะไรจะขอให้ช่วยหน่อย ” รณภพเอ่ยเสียงขึ้น มินตราที่มองหน้าน้องชายด้วยความสงสัยนี่น้องเธอโตและหล่อขนาดนี้ไม่มีสาวๆมาหลงหรือไง
“ อะไรหรอ ”
“ เธออย่าบอกใครได้ไหมว่า ฉันเป็นน้องชายหรืออย่าบอกใครได้ไหมว่าเธอเป็นพี่สาวของฉัน ”
“ ทำไม? ”
“ มีเหตุผลแล้วกัน โดยเฉพาะใยคุณหนูจอมแสบนั่นอย่าให้รู้เข้าใจนะ ” เขาทำปากยื่นปากยาวไปในบ้าน เพราะคุณหนูผู้หญิงบ้านหลังนี้ก็มีแค่คนเดียว
“ คุณวาวหน่ะหรอ เอ๋รู้จักเธอได้ไงหน่ะไม่บอกจริงหรอมิก ” มินตราเอาศอกกระทุ้งแขนสะกิดน้องชายพร้อมรอยยิ้มแซวๆ ไปรู้จักภัสสรตอนไหนกันดูจากคำพูดกับฉายาจะสนิทกันไม่น้อย
“ อย่าเพิ่งถามมากน่า รับปากมาก่อนว่าจะไม่บอก ”
“ แต่คุณวิชก็รู้ ”
“ นั่นมันเรื่องของฉันกับเขาเราคุยกันแล้วไม่มีปัญหา เธอจะรับปากฉันได้หรือยัง ก็แค่เฉพาะตอนอยู่ในบ้านนี้ พ้นจากบ้านนี้ทุกอย่างเหมือนเดิม ได้ไหม ”
“ เห้อ ก็ได้ ” เธอถอนหายใจออกมานึกว่าต้องตัดพี่น้องกันไปตลอดซะอีกก็ไม่รู้ว่ารณภพคิดอะไรอยู่แต่ที่รู้ๆเวลานี้
“ มิกขอพี่กอดหน่อยดิ คิดถึง ” มินตราเอ่ยเบาๆน้องชายจะยอมไหมไม่แน่ใจ
“ เฮ้อ ฟึ่บ ” รณภพถอนหายใจ แต่แล้วมินตราก็ต้องนิ่งเพราะรณภพกลับเป็นคนดึงเธอเข้าไปกอดเอง
“ ฉันขอโทษนะมิน ” มินตราซบหน้ากับไหล่น้องชายน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้รณภพทำให้เธออบอุ่นอีกครั้งเพราะสายเลือดที่ผูกพันธ์ตอนนี้เธออ่อนแอเพราะความสัมพันธ์ที่คลุมเคลือระหว่างเธอกับภวิช ไม่รู้สถานะภาพ ไม่สิ ไม่รู้แน่ชัดต่างหาก ว่าเธอคือของมีค่าที่เขาอยากได้หรือแค่เขาสนุกเห็นเป็นเพียงดอกไม้แค่ประดับเบื่อแล้วทิ้งไม่มีเกียรติไม่มีค่ามากพอให้ออกงานหรือสร้างหน้าตาได้ในสังคมเธออยากได้กำลังใจซึ่งอ้อมกอดของน้องชายทำให้เธออบอุ่น
“ ฮือๆๆๆ มิก ”
“ เข้มแข็งนะมิน สักวันเราจะได้อยู่พร้อมครอบครัวฉันสัญญา ” รณภพกอดพี่สาวที่กำลังร้องไห้ตัวโยน ไม่รู้ว่ามินตราเป็นอะไรทำไมร้องไห้ขนาดนี้ ที่แน่ๆคือความรู้สึกข้างใน ส่วนเหตุผลที่เขามานี่ได้หน่ะหรือ ก็เพราะต่อไปนี้เขาจะมาเป็นบอดี้การ์ดใยคุณหนูตามข้อตกลงของเขากับภวิชที่เคยคุยกัน ตอนแรกว่าจะไม่ทำแต่พอเห็นเวลาใยคุณหนูพูดถึงผู้หญิงแม่บ้านที่มาอยู่ใหม่ เธอมักมีสีหน้าทั้งชอบและไม่ชอบเขาไม่รู้ว่าภัสสรคิดยังไงกับสาวแม่บ้านคนใหม่ที่เป็นพี่สาวตัวเองจะแกล้งอะไรพี่สาว
เขารึเปล่าเขาเลยอยากรู้รับข้อเสนอ.....ถ้าคิดจะแกล้งพี่สาวฉันได้เห็นดีกันแน่ใยคุณหนูรณภพคิดในใจ สักพักเขาจึงผละมินตราออก
“ อย่าลืมนะมินอย่าบอกใครระหว่างความสัมพันธ์ของเรา ”
“ อืม ” แล้วก็ยิ้มหวานให้กันทั้งคู่
............
............
“ หึ ร้ายนักนะมินตราแม่บ้านสาวพราวเสน่ห์เสียจริง ” ภัสสรที่บังเอิ้น บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินประโยคสุดท้ายพอดีความสัมพันธ์ระหว่างสองคนงั้นหรอ....จะบอกอิจฉาคงใช่เธออิจฉา หญิงสาวที่เป็นแค่แม่บ้านคนใหม่ งั้นหรอ? ที่เธอเห็นวิ่งลงมาจากบันไดห้องพี่ชายของเธอ โกหกสินะ จะถามพี่ชายให้รู้แล้วรู้รอดพี่ชายก็ชิ่งวิ่งหนีเข้าห้องเสียก่อน หน้าไม่อายผู้หญิงอะไรนอนกับผู้ชายอีกคนแต่กลับไปแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับผู้ชายอีกคน ซึ่งผู้ชายคนนั้นคือคนที่เธอมีใจ อย่าฝันไปเลยว่ามันจะง่าย ตอนแรกเธอไม่ได้เกลียดอะไรหล่อนนักหรอกแต่ตอนนี้ เธอเกลียดที่หล่อนได้รอยยิ้มของรณภพแบบนั้นไป อิจฉาจนแทบจะไปกระชากตัวออกมาให้ห่างกัน ภัสสรแอบสบประมาทสาวที่เคยคิดว่าใสซื่อพอจะเป็นมิตรได้แม้จะชื่นชมในด้านการทำอาหารและขนมแต่พอเห็นเหตุการณ์แบบนี้มันกลับทำให้เธอดูถูกอย่างไม่ต้องสงสัย
“ มินตรา ต่อไปนี้เธอกับฉันเป็นศัตรูกัน ฉันไม่ยอมให้มิกของฉันตกเป็นของเธอแน่ ” ภัสสรกำมือมองคนสองคนผ่านหน้าต่างทางห้องครัวเข้าไปในสวนหย่อมที่มีดอกไม้นานาพันธ์เธอแอบสร้างกำแพงกั้นระหว่างเธอกับมินตราไว้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้
เลยว่ากลายเป็นหนามทิ่มหัวใจใครบางคนเข้าแล้ว