“ นี่คุณทำอะไรของคุณ มาดึงมือฉันทำไม ไม่เห็นหรอว่าน้องฉันกำเริบขนาดไหน ” หญิงสาวสาดเสียงใส่ชายหนุ่มผู้ที่เธอเสียจูบแรกให้เขาและยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอพร้อมดึงมือออกจากการเกาะกุม
“ เห็นสิมิน ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่คุณโมโหใครเขาจะฟัง เรื่องของน้องกับพ่อของคุณพักไว้ก่อนดีกว่าส่วนคุณมากับผมเลย ” ภวิชฉวยโอกาสฉุดมือหญิงสาวให้เดินตามเขาถึงแม้จะขัดขืนแต่เธอก็สู้แรงเขาไม่ได้
“ นี่!!คุณภวิชค่ะ คุณจะพาฉันไปไหน ”
“ ถามมากจริง จิ๊ เดี๋ยวถึงที่ก็รู้เองไม่ต้องห่วงตอนนี้ผมยังไม่......อยาก ” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายหงุดหงิดแต่เปล่าหรอกแค่วางฟอร์มเท่านั้นก่อนจะใช้สายตามองหล่อนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ยิ้มนิดๆที่มุมปากซึ่งหล่อนเห็นว่ามันดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ และจบท้ายด้วยการเน้นเสียงที่ปลายประโยค คำว่า. ' อยาก ' เธอไม่ได้ซื่อถึงขนาดที่ว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร
“ กรี้สสสสส หื่น.. นี่คุณโรคจิตหรือไงห๊า ”
“ ฮ่าๆๆ ผมเป็นผู้ชายนี่ เจอสาวๆ ก็ต้องมีบ้างแต่วางใจได้ผมไม่ทำแน่นอนถ้าผู้หญิงไม่สมยอม รับประกัน!! ได้เลย บ่นมากเดี๋ยวจับปล้ำตรงนี้ซะนี่ ” เขาหัวเราะเสียงดังในขณะดันหญิงสาวให้เข้าไปนั่งประจำที่พร้อมยิ้มและได้ยินเสียงบ่นอุบอิบของหญิงสาวที่ได้ยินว่าเขาจะปล้ำหล่อน ภวิชนึกขำในใจ เอาเข้าไปเป็นเอามากนะเราระหว่างทาง มินตรามองออกนอกรถถอนหายใจแล้วถอนหายใจเล่า ป่านนี้พ่อจะเป็นยังไงบ้างอยู่ที่ไหนทำอะไร จะอันตรายไหม ภวิชชำเลืองมองหลายต่อหลายครั้ง เขากดกระจกให้ปิดกั้นระหว่างเขากับลูกน้องเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น บ่อยครั้งที่มินตราก้มลงมองมือของตัวเองที่วนไปวนมาแล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับเอียงตัวให้หันมองหน้าต่างโดยไม่สนใจเขา ภวิชเม้มปากแน่นนี่แม่คุณไม่สนใจเขาเลยสักนิดเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามของเขารู้สึกมันจมหายไปเพราะเธอ เขาคิ้วขมวดก่อนจะหันไปมองหน้าเธออีกทีรอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นเล็กๆมองตามสายตาหญิงสาวที่ชอบมองไปนอกรถ
“ ไหนดูหน่อยสิว่าข้างนอกมีอะไรดีนักหนา คุณมินตราถึงเอาแต่มอง ”
“ คะ คุณ....” น้ำเสียงเบาหวิวในตอนท้าย ก็เธอกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆมองด้านนอกยามใกล้เช้าก็ยิ่งคิดอะไรไปเรื่อยแต่พอได้ยินเสียงที่มันใกล้ๆเลยต้องหันไปดูแต่ก็เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน ชายหนุ่มรูปงามที่เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลิ่นโคโลนอ่อนๆที่ชายหนุ่มใช้ใบหน้าคมเข้มมีอิทธิพลทำให้ใจหล่อนเต้นแรงขนาดไหน ภวิชตั้งใจขยับมาใกล้ชิดหญิงสาวใบหน้ายื่นมาใกล้ๆหญิงสาวที่เอาแต่มองนอกหน้าต่าง ก็กะจะแกล้งเล่นๆ แต่พอเจ้าหล่อนหันกลับมาปลายจมูกน้อยมันสัมผัสที่แก้มเขาจนภวิชเองก็ใจเต้นแรงไม่น้อยแต่มันเต้นแรงไม่เท่าตอนที่เขาหันมามองเธอปลายจมูกปัดชนกันเล็กน้อยสายตาหญิงสาวที่จ้องทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์เสียงลมหายใจของกันและกัน ทำให้เขาร้อนไปหมด แววตาคมคายมองที่ริมฝีปากบางค่อยๆโน้มเข้าหาโลกทั้งใบเหมือนถูกหยุดแต่แล้วโลกทั้งโลกเหมือนพังทลายทันทีสำหรับชายหนุ่มเกือบได้จูบแล้วเชียวเขาเม้มปากแน่นเมื่อโทรศัพท์หญิงสาวดังขึ้นเธอผลักเขาออกห่างทันที ภวิชอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอใบหน้าแดงระเรื่อใจเต้นแรงชะมัด ไม่นานหรอกมินตรา เธอจะต้องมาอยู่ในฐานะ ภรรยาของฉัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่ริมฝีปากหนานั้นทำไงได้คนอย่างภวิชซะด้วย อยากได้อะไรก็ต้องได้
“ บ้าจริง ปวดหัวชะมัด ” รณภพจับที่หางคิ้วตัวเองที่มีรอยแผลจากการโดนทำร้ายตอนที่เขาไปช่วยผู้หญิงคนนึงในสถานบันเทิง รณภพถอนหายใจรู้สึกว่าตอนนี้นอกจากตามหาพ่อแล้ว ยังทะเลาะกับมินตราที่มีฐานะเป็นพี่สาวของตัวเองอีก เฮ้อในตอนนี้อนาคตของเขาที่ทั้งทำงานทั้งเรียนไปด้วยมันคงไม่ไหวเท่าไหร่ถ้าจะต้องเข้าอุดมศึกษา เขาได้งานเป็นพนักงานในผับตำแหน่ง บาร์เทนเดอร์ เพราะเขาไม่ต้องเดิน
อะไรมากมายเขานั่งกุมขมับไม่ค่อยได้นอนมาหลายวันเพราะตามหามินตราใจจริงก็ไม่ได้อยากใช้คำพูดแบบนั้นกับพี่สาวแท้ๆของตัวเองเท่าไหร่ เขาถอนหายใจเอนหัวพิงกับเก้าอี้จนลืมมองว่ามีอะไรในห้องพักที่แปลกตาไปบ้าง
“ นี่กลับมาแล้วหรอ ” เสียงใสๆของหญิงสาวทำให้รณภพที่กำลังหลับตาลืมตาขึ้นด้วยความตกใจเขาอยุ่คนเดียวนี่นาแล้วเสียงใคร? ภาพหญิงสาวที่ชะโงกหน้ามาใกล้ ดวงตากลมโตที่ประสานสายตากับเขาตอนที่เขาลืมตาขึ้นมา ผมยาวตรงที่ปรกลงมาเมื่อเธอก้มมอง ริมฝีปากบางของคนบุกรุกตรงหน้านั่นมัน.....
“ นี่เธอเข้ามาที่พักฉันได้ไงเนี่ย! ” เมื่อสติกลับมารณภพก็กระชากเสียงพร้อมลุกขึ้นด้วยความเร็ว
“ โอ้ย! ตาบ้าอยู่ๆก็ลุกขึ้น เจ็บนะเว้ย!! ” หญิงสาวกุมหัวเกาป้อยๆ เมื่อเขาลุกกระทันหัน.......
“ ฉันถามว่าเธอมาอยู่นี่ไงได้ห๊ะ ”
“ โอ้ย!! จะบีบแขนฉันทำไมเจ็บนะ กินรังแตนมาจากไหนโวยวายจัง ฉันก็ถามคนที่ทำงานนายดิ ”
“ เอ่อ ขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจ ” รณภพปล่อยมือที่จับแขนคนมาเยือนจนลืมว่าเธออาจจะเจ็บ
“ ฉันก็แค่จะมาขอบคุณไม่คิดว่านายจะหงุดหงิดง่ายขนาดนี้ ” ก็จะไม่ให้เขาตกใจได้ไง ในเมื่อคนที่เขาช่วยเมื่อคืนก่อนมาปรากฏตัวในห้องเช่าของเขา
“ ไม่เป็นไรฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบเห็นใครทำร้ายผู้หญิง ” รณภพบอก
“ ฉัน ฉัน ฉัน นายจะพูดสุภาพเหมือนผู้ชายคนอื่นบ้างไม่ได้รึไง ” เธอกอดอกมองหน้าและทำท่าล้อเลียนเขา ถ้าเป็นคนอื่นเห็นคงเอ็นดูไม่น้อยหน้าตาที่น่ารักอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนชอบ แต่เธอกลับมอง เป็นเรื่องปกติซึ่งต่างจากรณภพคนที่ช่วยเธอไว้ เขาตรงข้ามกลับผู้ชายทุกคนที่เธอเจอ นอกจากเขาจะไม่สุภาพแล้ว เขายังไม่สนหน้าตาของเธอหรือให้ความสนใจเหมือนคนอื่นๆ ที่เข้ามาน้ำเสียงแข็งกระด้างที่เหมือนไม่ใส่ใจ แต่หากวันนั้นเขาเป็นคนที่ช่วยเธอไว้ในผับที่เธอไปฉลองกับเพื่อนที่เข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรแถมเธอกลับประทับใจที่เขาถอดเสื้อแจ๊กเก็ตคลุมไหล่ให้หล่อนอีกต่างหาก