LOGIN‘เจ็บ...’
เกวลินร้องออกมาเสียงแผ่วเบา ความรู้สึกเสียวซ่านและอารมณ์พิศวาสที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาจากคนเหนือร่างนั้นจางหายไปในทันทีที่เขาแทรกสอดแก่นกายแข็งขึงร้อนผ่าวใหญ่โตเข้าสู่ร่างกายของเธอ
วินาทีที่เขาโจนจ้วงเข้าหาเธออย่างดิบเถื่อนนั้นทำให้เธอถึงกับได้สติหลังจากที่เตลิดไปกับสัมผัสปลุกเร้าอย่างชำนาญของคนเหนือร่าง น้ำตาหยดเล็กไหลซึมจากหางตาร่วงรินลงสู่หมอนใบนุ่มที่ตนเองหนุน สองมือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังกว้างหนั่นแน่น ทว่ายิ่งเธอต่อต้านดึงดัน คนที่อยู่เหนือร่างกลับไม่สะเทือนสักนิด ซ้ำยังกดสะโพก บดเบียดตัวตนใหญ่โตนั่นเข้าสู่ความอ่อนนุ่มของเธอมากขึ้น
‘แน่นมาก...’
ชายหนุ่มเหนือร่างครางเสียงสั่นพร่า เต็มไปด้วยอารมณ์และนั่นทำให้เกวลินได้แต่กัดริมฝีปากแน่นไม่ตอบอะไร วินาทีนี้ใครจะมีปัญหาตอบอะไรได้!
‘ฉันคิดว่าเธอยังไม่เคยใช่ไหม คิดยังไงมารับงานนี้’ เขาเอ่ยถามขณะที่ก้มหน้าลงมาคลอเคลียกับทรวงอกของเธออีกครั้ง ทว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดรอคำตอบอะไรเมื่อเขาเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงรัญจวนใจ ‘อย่าเกร็ง...’ เขากระซิบบอกเท่านั้นก่อนจะครอบครองยอดอกของเธอด้วยริมฝีปาก เรียวลิ้นตวัดกลืนกินยอดอกเธอ ขบเม้มทิ้งร่องรอยบนเนื้อตัวเธอ ขณะเดียวกันฝ่ามือใหญ่ของเขาก็เลื่อนไล้ลงต่ำ ก่อนจะสะกิดปลายนิ้วชี้คลึงเคล้าลงบนจุดอ่อนไหวบนร่างกายเธอ ทั้งๆ ที่แก่นกายของเขายังฝังลึกในกายเธอ มันอึดอัดคับแน่นจนทำให้เธอแทบจะแตกสลาย
‘อ๊ะ’
เกวลินตัวสั่นร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกอย่างหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีในยามที่โดนเขาปลุกเร้าอย่างร้อนแรง จุดอ่อนไหวบนร่างกายล้วนแล้วแต่ถูกคนใจร้ายปลุกปั่นให้เธอแทบทนไม่ได้ทั้งสิ้น และยามเมื่อเขาแทรกลึกเข้ามาได้จนหมด น้ำตาของเธออีกหยดก็ไหลซึมลงมา ท่อนลำใหญ่โตนั้นเหยียดขยายในกายเธอ สะกิดเข้าไปถึงจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกาย เธอตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งอยากร้องไห้และอยากร้องครวญคราง ทั้งอยากหนีไปให้ไกลและอยากได้อะไรบางอย่างที่มากยิ่งกว่านี้
เธอสับสน สมองหมุนคว้าง รู้สึกว่าตัวเองมึนเมามากกว่าคนร้ายกาจที่กำลังรุกรานรังแกกันในยามนี้เสียอีก
‘ฮื่อ’
แล้วเกวลินก็ร้องครางออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเขาขยับสะโพกถอดถอนตัวตนใหญ่โตคับแน่นจนทำให้เธอแทบปริแตกออกอย่างช้าๆ ทุกสัมผัสที่ครูดเสียดสีในช่องทางคับแคบของเธอนั้นทำให้เกวลินซ่านสยิวขึ้นมาจนเผลอยกมือขยุ้มจิกศีรษะใหญ่ที่หมอบซบอยู่กับทรวงอกเต่งตึงของเธอเอาไว้แน่น มือใหญ่สองข้างกอบกุมฟอนเฟ้นทรวงอกของเธออย่างหนักมือ
ตอนแรกเธอคิดว่ามันอาจจะหยุดอยู่แค่นี้ ทว่าวินาทีต่อมาสิ่งที่เธอคาดคิดนั้นก็ผิดไปหมดเมื่อเขาจงใจทิ้งตัวเข้าสู่ความอบอุ่นชุ่มชื้นในกายเธออีกครั้ง ร้อนแรงรวดเร็วจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน คนที่เหมือนจะอ่อนโยนเมื่อครู่แท้จริงก็แค่ทำให้เธอตายใจ ก่อนที่เขาจะบุกรุกเข้าหาอย่างร้อนแรง ทำให้คนไร้ประสบการณ์อย่างเธอไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย!
‘อย่า...’
ท่ามกลางความรู้สึกร้อนแรงนั้น เธอได้แต่ร้องห้ามไปอย่างนั้น แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังแม้แต่น้อยจนกระทั่งเธอเองยังไม่แน่ใจเลยว่าที่ร้องห้ามนั้น เธอห้ามเขาหรือห้ามตัวเองกันแน่
‘ยังจะห้ามอีกอย่างนั้นเหรอ’ คนเหนือร่างที่กำลังขยับเคลื่อนไหวด้วยท่วงทำนองพิศวาสนั้นถามเสียงหยัน ผสมไปกับเสียงร้องครางแหบต่ำในลำคออย่างห้ามไม่อยู่ ‘อย่าที่ว่านี่หมายถึงอย่าหยุดหรืออย่าช้าล่ะ...หืม’
คำถามนั้นซ่อนนัยหยาบโลนเอาไว้มากมาย เกวลินได้แต่ส่ายหน้า ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้ว่าความหมายที่เธอต้องการล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาเอ่ยออกมา มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ และร่างกายที่โยกไหวเพราะแรงขับเคลื่อนของคนเหนือร่างเท่านั้น
ทั้งๆ ที่เคยคิดว่าจะรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้แล้วแท้ๆ แต่สุดท้าย...
...สุดท้ายแล้วคนอย่างเธอก็เป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่งที่ใครก็ล้วนแล้วแต่อยากเหยียบย่ำซ้ำเติมสินะ
ท่ามกลางความรู้สึกอันหลากหลาย เธอกลับรับรู้ได้ว่ามีใครสักคนเช็ดน้ำตาออกจากดวงหน้าของเธอ หยาดน้ำตารินไหล ใจต่อต้าน แต่ร่างกายเธอกลับทำตรงกันข้าม เพราะสุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายชนะและทำให้เธอรู้ว่าในบางครั้งร่างกายของเธอก็ไม่ฟังคำสั่งเจ้าของ แต่กลับทำตามการบงการของใครอีกคนโดยที่เธอไม่อาจต่อต้านได้เลย!
เธอทุรนทุราย ใจเจ็บปวดจนไม่นึกอยากอยู่ ท่ามกลางความพร่ามัวเหล่านั้น กลับได้ยินเสียงปลอบโยนแผ่วเบาดังแว่วเข้ามา
“ไม่ต้องร้องไห้...ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง...”
๐๐๐
คีรีมาเหลียวมองพี่ชายของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย ยังไม่รู้สึกไว้วางใจที่จะให้เกวลินอยู่ที่นี่ ภายในอาณาเขตที่เป็นของพี่ชายหลังจากเกิดเรื่องบ้าบอเมื่อคืนขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจห้ามปรามเขาได้ ตัวเธอต้องรีบกลับบ้านแล้วเพราะมารดาโทร.มาตาม จึงไม่สามารถอยู่ดูแลรุ่นน้องผู้น่าสงสารได้ อีกอย่างใช่ว่าเธอจะยังอยู่ได้ในเมื่อพี่ชายมองผลักไสไล่ส่งเสียขนาดนั้น
ใจเธอห่วงว่าเกวลินในยามได้สติขึ้นมาจะเสียขวัญมากแค่ไหน ยิ่งตอนแวะกลับไปยังห้องตัวเองแล้วจัดการห้องนอนเล็กนั้นที่กลายเป็นสมรภูมิสวาทเมื่อคืนนี้เธอก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก ที่นอนยับเยินและหลักฐานการเกิดเรื่องไม่ดีงามอันแสนผิดพลาดนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน คีรีมาได้แต่ดึงผ้าปูที่นอนออกแล้วโยนลงถังซักอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้จะให้แม่บ้านมาจัดการให้ไม่ได้
ระหว่างที่เก็บห้องลวกๆ เรียบร้อย เธอก็ถูกมารดาเร่งเร้าอีกครั้งทางโทรศัพท์ สุดท้ายจึงได้แต่ไปเคาะห้องของพี่ชายอีกหน อีกฝ่ายเปิดประตูให้เธออย่างรวดเร็วแล้วจ้องมองเธอเขม็ง
“หนูกลับก่อนนะคะพี่ภาม”
“...”
“หนูเก็บห้องให้แล้ว แต่ซักผ้าปูที่นอนเอาไว้ ยังไงก็...ฝากเอาผ้าไปตากด้วยนะคะ”
“อืม”
พี่ชายของเธอพยักหน้ารับเท่านั้น ไม่ปริปากเอ่ยอะไรอีก
“งั้น...หนูฝากยัยลินด้วยนะคะ แล้วหนูจะรีบกลับมาดูยัยลินให้เร็วที่สุด”
“ไม่เป็นไร พี่จะดูแลเอง ครีมกลับไปหาแม่เล็กเถอะ ท่านรออยู่”
พี่ภามบอกเธอแล้วพยักพเยิดให้เธอไป ใจเธอไม่ได้อยากไป แต่สุดท้ายกลับทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ออกไปจากเพนต์เฮาส์หรูหราของพี่ชายในที่สุด
“พี่เอียน ทางนี้พร้อมหมดแล้วนะคะ”สริตาปรี่เข้ามาหาเขาในทันทีที่เห็นเขาโผล่ไปยังสวนหลังบ้านพัก ซึ่งติดกับชายหาดส่วนตัว ลมทะเลทำให้เส้นผมของน้องสะใภ้ที่เป็นหนึ่งในแม่งานปลิวไปมาจนหญิงสาวต้องใช้มือข้างหนึ่งจับรวบเอาไว้“ขอบใจมากนะซี”เอียนส่งยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะยกมือขยี้ผมของหญิงสาวอย่างเอ็นดู ทำให้สามีของสริตาโผล่แวบมาข้างกายเธอทันใด“อย่ารังแกเมียฉันสิเอียน”แอชตันแกล้งพูดเสียงต่ำ ขมวดคิ้วใส่พี่ชาย สริตาเลยได้แต่ส่ายหน้าให้สามีเป็นเชิงระอา แล้วเดินไปหาปาหนันกับเอเดรียนที่คอยดูแลเด็กๆ อยู่อีกทาง ปล่อยให้สองพี่น้องทางนี้ตบตีกันไปเอง“ใครจะไปรังแกเมียนายกันแอช รังแกนายไม่ดีกว่าหรือไง”ไม่พูดเปล่า คนเป็นพี่ชายก็ถองศอกใส่แอชตันซึ่งโก่งตัวหนีหลบทันแล้วหัวเราะดังลั่นจนกระทั่งเสียงหัวเราะซาลง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นตบบ่าคนเป็นพี่ชาย พร้อมกับพูดกึ่งสัพยอกว่า“ถามจริงๆ ใครเป็นคนช่วยนายคิดทำเซอร์ไพรส์นี้หือเอียน บอกตามตรงว่าไม่อยากจะเชื่อว่านายคิดเอง”“ทำไม” เอียนย้อนถามเสียงต่ำ “นายอิจฉาที่คิดไม่ได้ล่ะสิ อย่างนี้แหละฉันถึงได้สงสารน้องซีว่ามีแกเป็นสามีเหมือนซวยไปสิบปี”“น้อยๆ หน่อยพี่ชาย ได้ทีเอา
‘ตื่นมาแล้วก็แต่งตัวด้วยชุดนี้รอนะ แล้วฉันจะมารับตอนเสร็จงานแล้ว จะรีบกลับมาจ้ะ - เอียน’ มธุรสามองข้อความที่สามีทิ้งไว้ให้ซึ่งติดอยู่ตรงหน้ากระจกตอนที่เขาลุกไปตั้งแต่เช้าเพื่อไปให้ทันนัดหมายเซ็นสัญญาซื้อขายโรงแรมที่ไหนสักแห่งซึ่งเธอก็จำไม่ได้ ช่วงเวลาที่เขาลุกไปนั้น จำได้แต่เลือนรางว่าอีกฝ่ายปลุกเธอขึ้นมาด้วยจูบแผ่วเบาแต่ช่างเรียกร้อง แต่เพราะเธอยังง่วงอยู่จึงได้แต่ตอบรับสัมผัสของเขาไปอย่างเรียบง่าย เสียงทุ้มนุ่มของเขาชิดอยู่ข้างหู เต็มไปด้วยความเสียดายและบังคับตนเองอย่างยิ่งยวดให้ลุกไปทำงาน สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้เธอซึ่งเหนื่อยและเพลียจากการเดินทางและการรบกับลูกชายวัยขวบกว่าๆ นอนต่อไปในที่สุด มธุรสาตื่นขึ้นมาตอนแปดโมงเช้า ซึ่งทำให้เธอตกใจค่อนข้างมาก เธอรีบล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว เมื่อออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าลูกชายอยู่ในความดูแลของวาเนสซ่า คนของเอียนที่ดูแลเธอจนกะมาดูแลเอ็ดวินต่อ อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เธออย่างสดใสร่าเริง ขณะที่ลูกชายผู้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับเด็กบนโต๊ะอาหารข้างๆ วาเนสซ่าและกำลังกินอาหารของแกอย่างร่าเริง ก็ยิ้มกว้างให้เธอเช่นกัน “มัม มัม!” เอ็ดวินเรียกเธอพร้อมกับ
“คุณเอียนอย่าแกล้งลูกอย่างนั้นสิคะ!”มธุรสาร้องห้ามคนเป็นสามีที่อุ้มลูกแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะในสระว่ายใน ภายในบ้านพักตากอากาศของครอบครัวแอดดิสันที่ไมอามี่เธอเองเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติของสามหนุ่มแอดดิสันที่มักจะรวมตัวกันเสมอในวันเกิดของใครสักคน พวกเขายึดถือวันเหล่านั้นเป็นวันครอบครัว ตัดขาดจากทุกอย่างและอยู่ด้วยกันเฉพาะครอบครัวเท่านั้นแต่เดิมมีสมาชิกเพียงสามคน ทว่าตอนนี้สมาชิกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เฉพาะครอบครัวของเอเดรียน แอดดิสันก็มีด้วยกันถึงห้าคนแล้ว ครอบครัวของแอชตันเองก็มีสมาชิกที่อายุไล่เลี่ยกับเอ็ดวินเพิ่มมาหนึ่งคน เป็นสาวน้อยแองเจล่าสุดน่ารัก และตัวเธอกับลูกชายที่เป็นสมาชิกใหม่ในปีนี้พร้อมกับวันเกิดของเอียน...“ลูกชอบออก ดูสิ แกหัวเราะสนุกสนานใหญ่เลย”เอียนพูดพร้อมกับยังคงหยอกล้อลูกชายอย่างสนุกสนาน หนุ่มๆ และเด็กชายแอรอนกับเด็กหญิงเอมิลี่ตอนนี้ต่างก็อยู่ในสระกันถ้วนหน้า มีเธอกับน้องซีอุ้มลูกเฝ้าริมสระ ส่วนพี่ปาหนันก็กำลังง่วนอยู่กับการปิ้งย่างทำอาหารเพียงลำพัง เธอจะเข้าไปช่วยแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ต้อง มธุรสาที่ถนัดสายของหวานมากกว่าขอ
“พวกนั้นมันข่าวขยะ!” เขาตอบโต้เสียงขุ่น “น้องซีก็บอกเธอแล้วนี่ว่าไม่ให้เธอสนใจข่าวพวกนั้นมากนัก แล้วเธอก็ควรจะรู้ว่าบ้านของแอชลีย์น่ะยังไงก็มีสื่อในกำมือเยอะมากอยู่แล้ว เธอสามารถใช้อิทธิพลของเธอปั้นข่าวขึ้นมาอยู่แล้ว และบอกเธอตรงนี้เลยว่าฉันไม่เคยมีอะไรกับแอชลีย์อีกเลยเลยตั้งแต่ฉันมีเธอ! อันที่จริงไม่เคยมีอะไรกับใครเลยด้วยซ้ำนอกจากเธอน่ะ! แค่เธอคนเดียวฉันก็คลั่งจะตายอยู่แล้ว ทำงานวันละสิบแปดชั่วโมงอย่างฉันจะไปมีเวลาที่ไหนไปหาผู้หญิงคนอื่นอีกล่ะ หัดคิดซะบ้างสิ!”มธุรสาหน้าจ๋อยในตอนแรกเพราะที่เอียนพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงในตอนท้ายเพราะประโยคสุดห่ามของเจ้าชายจอมโหด เขามันหื่นน่ะเธอรู้ แต่ทำไมต้องพูดเน้นย้ำแล้วย้ำอีกด้วยนะ!“และเพราะข้อนี้ ฉันจึงไม่มีวันเป็นพ่อของเด็กในท้องแอชลีย์อย่างที่เธอเข้าใจเด็ดขาด! และเชื่อฉันเถอะ แอชลีย์น่ะไม่มีทางท้องในตอนนี้หรอก เพราะถึงท้องคนอย่างเธอที่เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวขนาดนั้นก็คงเอาเด็กออกอยู่ดี! ไม่ต้องมาค้านนะ!” เขาห้ามเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะโต้แย้ง “ทุกคนไม่ได้เหมือนกันหมด อย่าเอาการที่เธอรักลูกและยอมอุ้มท้องแกและคิดจะเลี้
“เธอคิดว่าฉันจะโง่ตอบตกลงเหรอรสา!”ทว่าหลังจากที่เงียบไปชั่วอึดใจ เอียนก็โพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าและแววตาเข้มจัด ความดุดันนั้นทำให้ความกล้าของมธุรสาแทบละลายหายไปในพริบตา หญิงสาวถึงกับถอยห่างจากชายหนุ่มสองสามก้าว ขณะที่เขาก็ประกาศต่อไปว่า“ฉันไม่คิดจะหย่าและยิ่งไม่มีความคิดที่จะยกลูกให้เธอไปด้วย!”“…”“ต่อให้เธออยากหย่ามากแค่ไหน สิ่งที่ทำได้ก็มีแต่ความอยากเท่านั้นแหละ รสา...มาถึงขั้นนี้แล้วยังคิดว่าฉันจะยอมปล่อยเธอไปอีกหรือไง”น้ำเสียงของเขาทั้งดุดันและข่มขู่ ทว่าน่าแปลก มธุรสาคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แต่เธอรับรู้ได้ว่ามีความเจ็บปวดเจืออยู่ในน้ำเสียงและแววตาของเขามันจะเป็นไปได้ยังไงกัน คนอย่างเอียน แอดดิสันนี่หรือจะเจ็บปวดเพราะเธอ!“คุณจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรคะ”หญิงสาวถามอย่างห้ามใจไม่อยู่ เอียนเลิกคิ้วขึ้นสูงทรมานตัวเอง?... ทรมานเรื่องอะไรกัน?!เรื่องเดียวที่เขาทรมานก็คือเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจเขาอีกนั่นแหละ จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ!มธุรสามองสีหน้าสับสนและไม่เข้าใจอันสมจริงของเอียน แล้วก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่ามันจะช่วยระบายความเจ็บปวดในอก แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเธอกลับไม่รู้สึกอย
หลังจากที่ทะเลาะกับมธุรสา ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะเข้าหน้ากันไม่ติดเอาเสียเลย เอียนพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกำชับคนของเขาว่าห้ามไม่ให้เกวิน แมนนิ่งเข้ามาหามธุรสาได้อีก แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเขากับเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นไปด้วยเลย มธุรสายังเย็นชากับเขาจนถึงสัปดาห์ต่อมา และเอียนก็ต้องกลับไปทำงานเนื่องจากไม่สามารถทิ้งงานไปได้มากกว่านี้แล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าเขาจะรอจนลูกอายุสามเดือนถึงจะเริ่มกลับไปทำงานอีกครั้ง แต่ความฝันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้นแหละทว่านอกจากการกลับไปทำงานอย่างไม่สบายใจแล้ว มธุรสาก็มีท่าทีเฉยชากับเขามากยิ่งขึ้น เอียนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นเดียวกันว่าช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา ถึงได้ขยันเป็นข่าวซุบซิบบ่อยนัก จนสริตาน้องสะใภ้ถึงกับโทรศัพท์มาถามเขาด้วยตัวเอง แล้วสะกิดเตือนเขาว่าบางทีที่มธุรสากำลังเครียดอาจจะเป็นเพราะข่าวขยะพวกนี้ก็ได้ และเธอยังเตือนเขาว่าอย่าทำให้มธุรสาซึมเศร้าหลังคลอดเด็ดขาด การดูแลสุขภาพจิตของแม่หลังจากการคลอดนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกันเอียนเองก็อยากจะทำอย่างนั้น แต่งานที่รัดตัวไม่ได้เอื้ออำนวยให้เขาได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับมธุรสาเลย ช่ว







