เผือกร้อน! สิ่งของเหล่านี้คือเผือกร้อนชัดๆ
ฟู่หยวนเพ่ยครุ่นคิดขณะที่เดินนำขันทีคนสนิทของหวงตี้นำถาดเครื่องประดับมูลค่ามหาศาลตรงไปยังห้องทรงพระอักษร
นางอยู่อย่างสงบแล้วแท้ๆ พอใจกับความเป็นอยู่ในตอนนี้แล้ว พระองค์โปรดอย่าได้โยนอาจมมาให้นางเลย
ใช้เวลาเดินไม่นานนักก็มาถึงตำหนักใหญ่ รอให้ลี่กงกงเป็นผู้ประกาศการมาของนางให้โอรสสวรรค์ทรงทราบ เพื่อพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เข้าพบ
ทีแรกฟู่หยวนเพ่ยคิดว่าพระองค์จะปฏิเสธไม่ให้นางเข้าพบ ทว่าหวงตี้กลับทรงให้เข้าพบโดยไม่มีเงื่อนไข นางได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปทันที
เมื่อเดินผ่านโถงทางเดินกว้างขวาง มีตะเกียงแปดเหลี่ยมประดับพู่สีทองเพื่อให้ความสว่างไสวในยามค่ำคืน อีกทั้งยังมีชั้นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยตำราและม้วนคัมภีร์หลากหลาย บ้างเป็นคัมภีร์โบราณหายาก บ้างเป็นหนังสือวิพากษ์วิจารณ์จากปัญญาชน
เนื่องจากหวงตี้โปรดใช้เวลาว่างในการทรงอักษรเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม และตรวจสอบเรื่องราวภายนอก ที่นั่น หวงตี้หนุ่มกำลังร่างราชโองการบางอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่เมื่อเห็นหยวนเพ่ยเข้ามา พระองค์ก็หยุดมือและยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเท้าพระหนุ
"นับว่ามาเร็วอย่างที่เราคาดการณ์ไว้”
"...ถวายพระพรฝ่าบาท" เด็กสาวย่อกายคารวะอย่างรักษามารยาท จากนั้นจึงเปิดบทสนทนาโดยไม่อ้อมค้อม "กราบทูลฝ่าบาท ของมีค่าเหล่านี้หม่อมฉันมิอาจรับได้เพคะ"
"ทำไมล่ะ เจ้าไม่ชอบหรือ" พระองค์ยังส่งรอยยิ้มนุ่มนวลมาให้ "หรือว่าเจ้าอยากได้ของที่สูงค่ากว่านี้"
"หามิได้เพคะ หม่อมฉันยังมิได้ทำสิ่งใดที่คู่ควรกับสิ่งของเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ"
"ใครว่าไม่ทำ รู้หรือไม่ว่าฝีมือการนวดของเจ้ายอดเยี่ยมเพียงใด" พระองค์ตรัสอย่างสบายอารมณ์ "อีกอย่าง เป็นคนของเรา แต่เครื่องประดับที่มีถ้าไม่ใช่สินเดิมที่ติดตัวมาจากที่บ้าน ก็เป็นของที่ลี่เฟยประทานให้ ดูอย่างไรก็ไม่มากสมฐานะ พวกบ่าวไพร่หรือใครๆ มาเห็น เจ้าจะถูกหัวเราะเยาะเอาได้"
หยวนเพ่ยเผลอทำหน้ามุ่ยผิดวิสัยที่สงบเยือกเย็นมาโดยตลอด หวงตี้ทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็แย้มสรวล คล้ายสำราญที่ได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของนาง
"เอาอย่างนี้ ถ้าเจ้าไม่ชอบการให้เปล่า เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็มานวดให้เราเสียสิ ทำเช่นนี้ก็ไม่มีใครมาตำหนิเจ้าได้ว่าสิ่งของเหล่านี้เราให้..."
"...ด้วยความเสน่หา"
ฟู่หยวนเพ่ยย่นคิ้ว นางไม่ใช่เด็กสามขวบที่จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายประสงค์อะไร จริงอยู่ว่าเขาอาจมิได้ให้ด้วยความเสน่หา แต่สำหรับสายตาผู้อื่นโดยเฉพาะพี่สาวของนาง อาจจะไม่ได้คิดเช่นนั้น...
สิ่งที่นางได้รับการกำชับกำชามาเป็นอย่างดีจากฟู่ฟูเหรินผู้เป็นมารดาของฟู่หยวนฉุนก่อนที่จะเข้าวังมานั้น นางจำได้ขึ้นใจ
'จนกว่าลี่เฟยจะมีพระประสูติการ ให้ทำทุกวิถีทางเพื่อผูกพระทัยฝ่าบาทเอาไว้ แต่อย่าได้อาจเอื้อมช่วงชิงความโปรดปรานไปจากลี่เฟยเป็นอันขาด'
ฟังดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงทำได้ยาก ให้ผูกใจ แต่ไม่ให้แย่งชิงความโปรดปราน ซึ่งอาวุธของสตรีก็ใช่ว่าจะมีมากอย่าง และผู้ชายไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยย่อมชื่นชอบเรื่องกามารมณ์
นางคิดไม่ตกอยู่นานว่าจะหาวิธีการใดมาทำตามที่ฟู่ฟูเหรินต้องการ พลันคิดถึงวิชาความรู้ที่ติดตัวมาแต่ชาติก่อนอย่างแพทย์แผนโบราณที่เรียนมา ทั้งการนวดกดจุด ประคบ ตอกเส้น สารพัดศาสตร์ต่างๆที่นึกได้ ซึ่งเป็นการปรนนิบัติเอาใจที่ไม่ต้องใช้เรือนกายและความสาวเข้าแลก
สุดท้ายที่เกิดขึ้นในคืนถวายตัวโดยนางเดิมพันด้วยวิชาจากสำนักอู่ฝอซื่อก็สำเร็จสัมฤทธิผลงดงาม
แต่ไม่นึกว่าผลที่ได้มันจะเลยเถิดไปถึงเพียงนี้
“...”
"ว่าอย่างไรล่ะ ตกลงว่าจะทำตามที่เราบอกหรือไม่"
ว่าอย่างไร จะให้นางว่าอย่างไรได้ล่ะ ตั้งแต่นางเกิดมาบนยุคนี้ก็ถูกสอนสั่งจากบิดามารดาว่าหวงตี้เป็นโอรสสวรรค์ เป็นผู้ที่ได้รับโองการฟ้ามาเพื่อปกครองไพร่ฟ้า ไม่อาจขัดขืน ไม่อาจโต้เถียง...
สุดท้ายฟู่หยวนเพ่ยก็ย่อกายคารวะ เอ่ยอย่างจำนน
"รับด้วยเกล้าเพคะ"
ณ ตำหนักชุนชิวฝั่งขวา ฟู่หยวนฉุนหรือพระสนมลี่เฟยที่ทรงครรภ์หกเดือน อยู่ในชุดผ้าเนื้อบางสีฟ้าอ่อน มวยผมหลวมๆ ปักเงินฉลุลายงดงาม นั่งอยู่บนตั่งยาว เบื้องหน้ามีถงเจียนโฝว [1] แช่น้ำชาเย็นและน้ำผลไม้คั้นสด เนื่องจากครรภ์ของลี่เฟยที่โตขึ้น นางยิ่งไม่สบายเนื้อสบายตัว อีกทั้งยังหงุดหงิดด้วยความร้อนจนต้องมีคนคอยพัดให้ตลอดทั้งบ่ายและตอนนอน หญิงสาวหลับตานิ่งก่อนเอ่ยเรียบๆ
“เพ่ยเอ๋อร์ล่ะ?”
“ไปตำหนักใหญ่เพคะ” ผู้ที่ตอบคือรั่วเยียน เดิมนางเคยเป็นสาวใช้คนสนิทของฟู่หยวนฉุนมานับตั้งแต่สมัยที่นางยังเป็นคุณหนูใหญ่ในตระกูลเอกแห่งสกุลฟู่ หญิงสาวตรงหน้าอายุมากกว่าหยวนฉุนเล็กน้อย แต่รู้งานและกาลเทศะเป็นอย่างดี
“เมื่อเวลาราวหนึ่งถ้วยชา[2] หม่อมฉันเห็นนางเดินตามลี่กงกงไปพร้อมถาดคลุมผ้าแพรสีทองผืนหนึ่ง”