เวลาสี่ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ยามนี้เฉินเซียงหรงอายุเท่าๆ กันกับพี่ชายใหญ่เมื่อสมัยมารดาตายจาก กำลังน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
ครั้งนั้น หลังจากท่านแม่จากไป ท่านย่าของนางก็คล้ายรังเกียจชิงชัง
อนุหาน หานชิงเยว่ อนุซู ซูเหมยเหนียง และอนุจาง จางเหม่ยเหมย ไม่ว่าสะใภ้ที่เหลือคนใดก็ล้วนเข้าหน้าท่านย่าของนางไม่ติดทั้งนั้นท่านย่าของนางไม่เคยปริปากบ่นระบายว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงได้ตั้งแง่รังเกียจสะใภ้รอง สะใภ้สาม และสะใภ้สี่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสตรีที่ตนคัดเลือกเข้าจวนมาด้วยตนเองทั้งนั้น ทำเพียงมักอบรมสั่งสอนให้เด็กน้อยอย่างนางคอยระมัดระวัง ไม่เข้าใกล้อนุหาน อนุซู อนุจาง รวมถึงคนจากเรือนของพวกนางทั้งสาม และไม่ดื่มกินใช้สอยสิ่งใดที่มาจากพวกนางทั้งนั้น
แม้จะสงสัย แต่เพราะเด็กน้อยอย่างนางสาบานเอาไว้แล้วว่าจะเป็นเด็กดี เด็กดีสมควรจะเชื่อฟังผู้ใหญ่ นางจึงไม่เคยปริปากถามอะไรให้ท่านย่าขุ่นเคืองหรือลำบากใจ ท่านย่าบอกอะไรนางก็ทำตามทุกอย่าง ท่านย่าสอนอะไรให้ นางก็ใส่ใจทำตาม ตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อนจนถึงตอนนี้ ท่านย่าบอกให้ไปซ้าย นางก็ไปซ้าย ท่านย่ากล่าวว่าครั้งนี้ต้องไปทางขวา นางก็ขยับตัวไปทางขวาอย่างไม่อิดเอื้อน ทั้งยังยึดหลักสี่คุณธรรมสามคล้อยตามเป็นที่ตั้ง
สี่คุณธรรมก็คือการมีคุณธรรมที่ดี ดำรงตนอยู่ในกรอบของศีลธรรมจรรยา กิริยาล้วนงดงามจำเริญตา มีมธุรสวาจา พูดหวานขานเพราะ นอบน้อม อ่อนหวาน ซื่อสัตย์เชื่อถือได้ ไม่กลิ้งกลอก เล่นลิ้น ทั้งยังรู้จักระวังรักษารูปร่างหน้าตารวมไปถึงการแต่งกายให้งดงามเหมาะสมอยู่เสมอ การบ้านการเรือน เย็บปักถักร้อย พิณ ภาพ หมาก อักษร ล้วนชำนาญสิ้นทุกสิ่ง
สามคล้อยตามก็คือ ยามยังไม่ออกเรือนเชื่อฟังบิดา ออกเรือนแล้วเชื่อฟังสามี สิ้นสามีเชื่อฟังบุตรชาย...
สำหรับนางที่ยังเล็กนัก และต่อให้เติบใหญ่ถึงวัยออกเรือนก็ไม่มีความคิดที่จะแต่งให้ผู้ใดทั้งนั้น จึงไม่ต้องคิดพะวงเรื่องเชื่อฟังสามีเชื่อฟังบุตร ที่นางใส่ใจที่สุดมีเพียงการเชื่อฟังบิดา กระทำตนเป็นบุตรสาวที่ดีที่บิดาจะรักและภาคภูมิใจเท่านั้น แน่นอนว่าความรักและเชื่อฟังนี้ยังเผื่อแผ่ไปถึงพี่ชายใหญ่ของนาง หากพี่ชายใหญ่กล่าวว่าให้นางไปซ้าย นางจะไม่มีทางก้าวขาไปทางขวาแน่ๆ
ผู้กระทำดี สวรรค์ย่อมมองเห็น ดูเหมือนจะเป็นเพราะนางประพฤติตนดีเช่นนี้ ท่านพ่อจึงยังไม่ยอมตกลงปลงใจให้นางหมั้นหมายกับบุตรชายของท่านลุงของนางที่เป็นถึงอนาคตจวิ้นหวัง สามารถรับสืบทอดบรรดาศักดิ์จวิ้นหวังต่อจากบิดาได้ แตกต่างจากทายาทของจวิ้นหวังทั่วๆ ไป หนำซ้ำบุตรชายของพี่ชายท่านนั้นยังสามารถรับสืบทอดบรรดาศักดิ์จวิ้นหวังต่อจากพี่ชายท่านนั้นได้อีกทอด ผู้คนข้างนอกจวนกล่าวกันว่าท่านพ่อของนางหวังสูง กระทั่งจวิ้นหวังจ๋างจื่อ[1]ก็ยังไม่อยู่ในสายตา ลอบพูดกันว่าบิดาคิดจะให้นางแต่งกับองค์ชายที่ได้รับความโปรดปรานสักองค์ กลายเป็นสะใภ้หลวงที่สูงส่ง และไม่แน่ว่าอาจได้เป็นถึงพระชายาในองค์รัชทายาท
ชายารัชทายาทที่ใดกัน? ผู้อื่นไม่รู้ความจริงจึงกล่าวกันไปเช่นนั้น ความจริงทั้งหมดก็เพียงแค่เด็กน้อยอย่างนางกระทำตนเป็นเด็กดีมาเสมอ สวรรค์จึงตอบรับคำขอของนาง ดลใจให้ท่านพ่อผู้แสนดีเลือกบอกปัด ไม่ยอมรับการหมั้นหมายกับตระกูลของท่านลุงของนางเสียที...นึกถึงอนาคตที่ปลอดภัยไร้สามีของตนเองแล้ว นางสุขใจนัก!
เสี่ยวเซียงหรงปักลายดอกเหมยลงบนผ้าผืนไม่ใหญ่ไม่เล็กอย่างเป็นสุขใจ ใบหน้างดงามเกินวัยมีรอยยิ้มพริ้มเพราเฉิดฉันประดับอยู่บนนั้น
เฉินเซียงหรง แม้เพิ่งจะอายุได้เจ็ดขวบครึ่ง แต่รูปโฉมที่ได้มาจากบิดาและมารดาอย่างละส่วน ปั้นแต่งให้เครื่องหน้าของนางงดงามราวกับจิตรกรบรรจงแต้ม ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าเรียวเล็ก ตาหงส์คู่งาม จมูกจิ้มลิ้มน่ารักที่ถูกเสกสรรเอาไว้อย่างพอเหมาะพอดี ขนตาที่งอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากหยักได้รูป และฟันที่ทั้งขาวราวกับมุกน้ำดีซ้ำยังเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ทุกส่วนบนใบหน้าของนาง แยกมองก็งดงาม ยามมองรวมๆ กันแล้วก็ยิ่งงดงามไปกันใหญ่ ท่านย่าที่ไม่เคยพูดปดของนางยังกล่าวชมนางบ่อยๆ ว่ารูปโฉมเช่นนี้ นับว่าล่มบ้านล่มเมืองได้ทีเดียว
ล่มบ้านล่มเมืองอะไรกัน นางเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยๆ ในเรือนหลัง ไม่ใช่ท่านเซียนหรือขุนศึกทหารหาญอย่างท่านลุงจวิ้นหวังของนางเสียเมื่อไหร่ สองมือของนางก็น้อยๆ เท่านี้ จะเอาปัญญาที่ใดไปล่มบ้านล่มเมือง?
แน่นอนว่านางย่อมต้องถามเรื่องนี้กับท่านย่า ผลที่ได้ก็คือ ท่านย่าของนางกลับหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “หลานรักของย่าช่างจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ น่ารักน่าเอ็นดูมากจริงๆ!”
โธ่...ท่านย่าเจ้าขา นั่นไม่ใช่คำตอบเสียหน่อย!
แม้จะรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำตอบ ทว่าเสี่ยวเซียงหรงก็ไม่มีความคิดอยากเซ้าซี้ซักไซ้ให้ท่านย่าต้องวุ่นวายใจ...
ก็บอกแล้วว่านางเป็นเด็กดี...ดีมากๆ
เกี่ยวกับเรื่องความงามที่ท่านย่ากล่าวว่าถึงขั้นล่มบ้านล่มเมืองอะไรนี่ ผู้อื่นกล่าวกันว่า เด็กน้อยอย่างนาง เพิ่งจะเจ็ดขวบปี ไม่ได้แต่งหน้าทาปาก กลับงดงามสะกดสายตาผู้คนจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมากล่าว กระทั่งคนผิวงามอย่างอนุหานยังยกย่องไม่ได้ขาด คอยกล่าวว่าผิวดีๆ ผมงามๆ และรูปหน้าเช่นนี้ นับแต่นี้ก็ไม่ต้องเสริมเติมแต่งหรือบำรุงรักษาประทินผิวอะไรให้วุ่นวาย ด้วยที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ดูงดงามตามธรรมชาติดีอยู่แล้ว เครื่องประดับ เสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดีทั้งหลายก็เช่นกัน ของเช่นนั้นสวมใส่เข้าไปก็รังแต่จะแข่งความงามกับคนงามเช่นนาง ไม่สู้นางแบ่งปันข้าวของเหล่านั้นให้พี่หญิงน้องหญิงที่ไม่ได้งดงามเท่าตนเองยังดีกว่า ไม่เพียงเป็นการช่วยเหลือพี่หญิงน้องหญิงของตนให้ได้มีหน้ามีตา ยังนับได้ว่าเป็นการช่วยให้พี่หญิงน้องหญิงของตนได้มีโอกาสอยู่ในสายตาผู้คนเช่นคนงามอย่างนางบ้าง
เซียงหรงไม่ใช่คนเขลา นางรู้ดีว่าผู้เป็นมารดาย่อมรักถนอมบุตรธิดา ยามท่านแม่ของนางยังอยู่ก็เป็นเช่นนี้ มีของดีใดก็อยากให้นางได้ใช้สอยทั้งนั้น อีกทั้งตัวนางเองก็ไม่ได้เดือดร้อนขัดสนสิ่งใด ดังนั้นนางจึงไม่เคยคัดค้านใดใดเลยสักคำ
มิใช่ว่าการแบ่งปันเช่นนี้ก็นับเป็นการทำดีหรอกหรือ? นางไม่อยากแย่งชิงกับแค่สิ่งนอกกายเหล่านี้กับผู้ใดให้วุ่นวายทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะมีเครื่องประดับ มีแพรพรรณ มีเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ มีของดีใด เซียงหรงก็ล้วนยอมมอบให้พี่หญิงน้องหญิงตามความต้องการของพวกนางทั้งสิ้น มีสิ่งเดียวเท่านั้น ที่จะอย่างไรคุณหนูสามอย่างนางก็ไม่คิดมอบให้ใครทั้งนั้น สิ่งนั้นก็คือกำไลหยกขาวโลหิตวงใหญ่ ที่ท่านแม่ผู้ล่วงลับนำมาห้อยคอนางไว้นับตั้งแต่จำความได้
สำหรับนาง ของสิ่งนี้ก็คือตัวแทนของมารดาที่ตายจาก นางไม่อาจตัดใจนำของสำคัญเพียงชิ้นเดียวชิ้นนี้ไปมอบให้ผู้อื่นได้จริงๆ
พี่หญิงน้องหญิงของนาง รวมถึงอนุหาน อนุซู และอนุจาง ล้วนไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมีของสิ่งนี้ ในเมื่อไม่มีใครรู้แต่แรกว่ามีของสิ่งนี้ และไม่เคยมีใครเอ่ยปากขอ นางที่ไม่ได้เอาของชิ้นนี้ออกมามอบให้คนอื่นๆ คงไม่ถึงกับกลายเป็นเด็กไม่ดีกระมัง ก็ของสิ่งนี้น่ะ เป็นของนางมาตั้งแต่แรก นางไม่ได้ไปลักขโมยหรือแย่งชิงเอาของของใครมาสักหน่อย...
เซียงหรงกวาดตามองลายปักบนผ้าในมือด้วยความพึงพอใจ
พูดกันตามเนื้อผ้าแล้ว บุตรสาวสกุลเฉินอย่างนางปักลายดอกเหมยได้ยิ่งกว่างดงามวิจิตรบรรจง ทั้งยังให้ความรู้สึกว่าเหมือนของจริงราวกับมีผู้หยิบเอาดอกเหมยมาวางไว้บนผืนผ้า เพียงจ้องมองนานหน่อยก็รู้สึกราวกับว่าได้กลิ่นดอกเหมยหอมละมุน
ที่จริงแล้ว ภาพดอกไม้ที่งดงามเช่นนี้ ท่านแม่ของนางเป็นผู้ริเริ่มปักเอาไว้ เด็กน้อยอย่างนางเพียงชื่นชอบ ทั้งยังระลึกถึงมารดา จึงลอกเลียนวิธีการปักและลวดลายมาจากเสื้อผ้าที่ท่านแม่เคยปักเอาไว้เท่านั้น
หากท่านแม่ได้เห็นผ้าปักผืนนี้ ท่านแม่จะภูมิใจหรือไม่?
ท่านแม่จะกล่าวชื่นชมอย่างไรบ้างนะ?
เพียงคิดว่ามารดาจะภาคภูมิใจในตัวนางและชื่นชมนางอย่างไรบ้าง เซียงหรงก็สุขใจนัก
“โอ้โห...น้องสาม! ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ช่างปักได้งดงามนัก พี่ใหญ่ขอได้หรือไม่!”
เสียงที่ดังขึ้นทำลายความเงียบสงบของอุทยาน ทำเอาเซียงหรงตกใจจนเผลอทำเข็มปักผ้าปักมือตนเอง
[1] ทายาทผู้สืบทอดของจวิ้นหวังหมวกเหล็ก(จวิ้นหวังที่สามารถส่งต่อบรรดาศักดิ์จวิ้นหวังให้ทายาทของตนเองได้)
“ของเหล่านั้นก็เพียงของนอกกาย ท่านเก็บไว้เถอะ!”“หรงเอ๋อร์...” หลี่จือหลินขยับมือที่กุมมือน้อยไว้ ยกมือของเซียงหรงข้างที่ถือถังหูลู่ขึ้นจรดริมฝีปากเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม “กัดสักคำสิ”เสี่ยวเซียงหรงตื่นตระหนก รีบส่ายหน้ายิกเห็นนางใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มทีแล้ว หลี่จือหลินยิ้มน้อยๆ ก่อนย่อตัวลงนั่งชันเข่า ปาดน้ำตาที่ใกล้จะร่วงหล่นให้นาง จุมพิตแก้มนุ่มละมุนที่เริ่มจะโดนความเย็นกัดจนขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนถังหูลู่ที่ถูกตนบังคับจับมือให้ถือเอาไว้เบาๆเซียงหรงพลันตกใจจนลืมร้องไห้อา...บอกนางเรื่องกำไลหยกที่ห้อยคอนางอยู่ดีไหมนะ? หลี่จือหลินไล้ปลายนิ้วเรียวงามไปตามกรอบหน้าเล็กๆ ที่ผิวพรรณขาวนวลผ่องใสราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้หลังชั่งใจอยู่ชั่วครู่ จวิ้นหวังจ๋างจื่อก็เลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างถนอมยังก่อนถูกแล้ว...เขายังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนางในยามนี้ รอนางโตกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน...ทว่าเรื่องที่สมควรพูดก็ยังต้องพูด หว่านเมล็ดไปแล้วที่ไหนเลยคนชนชั้นตระหนี่ถี่เหนียวเช่นเขาจะปล่อยให้เสียเปล่า ไม่คิดเก็บเกี่ยวสักนิด ยามนี้เกาทัณฑ์ของเขาง้างสายเอาไว้แล้ว ลูกศรหรือก็ชี้ไปที่เป้า จะไม่ใ
“ข้าไม่แต่งให้ท่านนะ!!!” เสียงอันดังของเซียงหรง กับประโยคน่าตกใจ ทำเอาคนรอบข้างหันมามองพี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อกับนางเป็นตาเดียวกันสายตาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนด้านหน้า ทำเอาเสี่ยวเซียงหรงต้องกัดริมฝีปากแน่น ในใจได้แต่คิดว่า แย่แล้ว!นาง...เหตุใดนางกระทำการไม่ยั้งคิด โพล่งประโยคไร้มารยาทพรรค์นั้นออกมาต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้! ทำเช่นนี้...ทำเช่นนี้จวิ้นหวังจ๋างจื่ออย่างเขาคงเสียหน้ามากกระมัง?“เอ่อ...คือ...คือว่าข้า...” เซียงหรงอยากจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ไม่รู้ว่าสมควรแก้ไขอย่างไรดีแล้วก็...ก็นางไม่อยากแต่งให้คนผู้นี้จริงๆ นี่นา!ไม่ใช่แค่กับคนผู้นี้ กับผู้ใดนางก็ไม่แต่งทั้งนั้น!หลี่จือหลินเห็นท่าทางของนางและสายตาคนรอบข้างแล้ว ก็แย้มรอยยิ้มที่ไม่พาดผ่านไปถึงดวงตา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ของหมั้นก็รับไปแล้ว จะไม่แต่งให้ข้าได้อย่างไร”เอ๋!!! ของหมั้น? นางไปรับของพรรค์นั้นมาตั้งแต่เมื่อใด???หลี่จือหลินลดสายตาลงมองถังหูลู่ในมือนางเสี่ยวเซียงหรงเห็นสายตาเขาแล้วก็มองตามนะ นี่มัน หรือ...หรือว่า...“ต่อให้เจ้าโยนทิ้งลงพื้น ก็ถือว่าเจ้ารับของจากข้าไปแล้ว” หลี่จือหลิน ชิงดักคอ“ข้าจะคืน
เซียงหรงพยายามกวาดตามองหาพี่หญิงรอง น้องสี่ ท่านพ่อ และพี่ชายใหญ่ ทว่ากลับมองไม่เห็นใครสักคนแม้เงา“เป็นอะไรไป” เจ้าของร้านพลันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือเด็กสาวคนนี้จะพลัดหลงกับสาวใช้?ประเดี๋ยวนะ...เด็กสาวผู้นี้มีเงินติดตัวมาหรือไม่ ได้ยินมาว่าพวกคุณหนูตัวน้อยเช่นนี้มักไม่ค่อยพกถุงเงิน เป็นหญิงรับใช้ต่างหากที่คอยดูแลชำระค่าสินค้าต่างๆ ให้พวกนาง...หากนางพลัดหลงกับสาวใช้และครอบครัวจริง เช่นนั้นความหวังที่จะได้เงินห้าตำลึงของตนคงหมดลงแล้ว! ไม่ถูก อย่าว่าแต่ห้าตำลึงเลย กับแค่เงินห้าอีแปะนางจะมีจ่ายให้หรือไม่ก็ยังไม่รู้!เจ้าของร้านพลันหงุดหงิดขึ้นมา วันนี้ค้าขายไม่ดียังไม่พอ ยังถูกคุณหนูตัวน้อยไม่รู้ความจากเรือนใดก็ไม่รู้มาก่อกวนเช่นนี้อีก!เขารีบเอ่ยเสียงแข็ง “คุณหนู จะไม่เอาถังหูลู่ทั้งหมดนี้แล้วก็ไม่เป็นไร ทว่าถังหูลู่ที่ท่านทำตกพื้นไม้นั้นเป็นของซื้อของขาย ท่านจะเก็บขึ้นมากินหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ทว่าท่านสมควรจ่ายค่าถังหูลู่ไม้นั้นมา” เจ้าของร้านแบมือ กระดิกนิ้ว เอ่ยเสียงขรึม “ข้าคิดค่าเสียหายกับค่าเสียเวลารวมทั้งหมดห้าอีแปะก็แล้วกัน! กับแค่เงินห้าอีแปะ อย่าบอกเชียวนะว่าคุณห
เฉินเซียงหรงหันกลับไปมองทางพี่ใหญ่และท่านพ่อที่ยืนอยู่คนละฟากฝั่งเล็กน้อยเอาเถอะ...แยกจากไปซื้อถังหูลู่ครู่เดียว ทั้งยังมีสาวใช้ตามมาด้วยถึงสี่คน คงไม่เกิดเรื่องไม่ดีใดให้ทุกคนต้องเดือดร้อนวุ่นวายใจกระมัง?เสี่ยวเซียงหรงหันกลับไปยิ้มให้พี่หญิงรองและน้องสี่ แปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้รอยยิ้มของพี่หญิงรองกับน้องสี่ดูแปลกนักล้วนคิดมากไป...ล้วนคิดมากเกินไปทั้งนั้น...เสี่ยวเซียงหรงสลัดความคิดในแง่ร้ายที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่ารังเกียจทิ้งไป ก้าวขาเดินไปพร้อมๆ กับพี่หญิงน้องหญิงด้วยหัวใจที่เป็นสุขอา...ถังหูลู่...แค่นึกถึงรสหวานของน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนผิงกั่ว[1] นางก็แทบอดใจรอลิ้มชิมรสชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานานไม่ไหวในจวนของพวกนางไม่เคยทำขนมชนิดนี้เลยสักครั้ง ด้วยท่านพ่อและท่านย่าเกรงว่าจะทำให้ฟันของพวกนางไม่งาม ซ้ำยังปวดฟัน ยามออกมาข้างนอกเช่นนี้ ท่านพ่อก็ยังห้ามปรามไม่ให้นางแตะต้อง กล่าวว่านอกจากจะทำให้ฟันเสียได้แล้ว ยังไม่แน่ว่าจะสะอาด...กินถังหูลู่ไม้หนึ่งเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจ คงไม่ถึงกับนับว่าเป็นเด็กไม่ดีกระมัง?อื้อ! ถูกแล้ว นางทำเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจอย่างไรล่ะ!
เสี่ยวเซียงหรงเห็นพี่ชายใหญ่ดูฮึกเหิมจริงจังก็อดขำไม่ได้ดูเหมือนพี่ใหญ่ของนางจะถูกเกมทายปริศนาทำให้เพลิดเพลินจนไม่อาจถอนตัวโดยง่ายแล้วเมื่อเห็นว่ามีการท้าทายกันเกิดขึ้น คนทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างก็พากันแห่เข้ามาร่วมฟังคำถามจากเถ้าแก่ และรอลุ้นว่าคุณชายที่ยังเยาว์ผู้นี้จะตอบคำถามไปได้สักกี่ข้อ ชั่วอึดใจเดียวหน้าร้านทายปริศนาก็มีผู้คนมามุงแน่นขนัดเซียงหรงเองก็เพลิดเพลินไปกับการละเล่นทายปริศนาครั้งนี้ นางยืนฟังคำถามอย่างสงบ ขณะฟังไปก็คิดตามไปด้วย เถ้าแก่ถามมาสองข้อ นางก็ตอบในใจถูกทั้งสองข้อ ขณะกำลังตั้งใจฟังคำถามข้อที่สาม คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีมือคู่หนึ่งมาปิดปาก พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่หญิงรอง เฉินเหม่ยลี่ และน้องสี่ เฉินเหม่ยเซียงกำลังจะเอ่ยทัก พี่หญิงรองกลับดึงนางออกไปจากกลุ่มคนทั้งอย่างนั้นเซียงหรงเห็นว่าพี่ใหญ่และน้องเล็ก รวมถึงบ่าวชายสาวใช้ที่ติดตามมาล้วนกำลังเพลิดเพลินกับการทายปริศนา ซ้ำพี่หญิงรองและน้องหญิงสี่ยังมีสาวใช้ตามมาด้วยคนละสองคน รวมเป็นสี่คน นางจึงไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่รบกวนความสนุกของผู้คน ยอมเดินตามพี่หญิงน้องหญิงของตนออกไปอย่างเงียบๆเดินห่างออกมามากห
เด็กสาวที่ไหนๆ ก็ชอบของน่ารักๆ เช่นนี้ทั้งนั้น เขามั่นใจว่าตนเองเดาไม่ผิดและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเสี่ยวเซียงหรงพยักหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม กล่าวเสียงหวาน สำเนียงติดจะอ้อน“พี่ใหญ่...โคมกระต่ายอันนั้นน่ารักมากจริงๆ”เห็นนัยน์ตาสุกสกาวของน้องสาวแล้ว เฉินจิ้งอี้ก็ยิ่งฮึกเหิมในที่สุดน้องสาวตัวน้อยของเขาก็เลิกเหม่อลอยแล้ว!“ดี! ในเมื่อเจ้าอยากได้ พี่ใหญ่ก็จะชิงโคมกระต่ายมาให้เจ้า!” เฉินจิ้งอี้จูงมือน้องชายน้องสาวแยกจากคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปทายปริศนาชิงโคมไฟทันทีหึ...คนอื่นๆ ก็ล้วนมีคนติดตามกันทั้งนั้น เหมือนๆ กับที่เขาและน้องชายน้องสาวมี เหตุใดเขาจะต้องใส่ใจคนเหล่านั้น?คนเหล่านั้นยามอยู่ในจวนล้วนเก่งกาจ หาเหตุมากลั่นแกล้งรังแกหรงเอ๋อร์ของเขาได้ทุกวัน ส่วนท่านพ่อแม้จะรักเอ็นดูเขาและน้องชายน้องสาวแล้วอย่างไร? วันทั้งวันท่านพ่อผู้นั้นก็เอาแต่ใส่ใจงานราชการ ไม่สนใจเรื่องในเรือนสักนิด เขาบอกกล่าวสิ่งใดกลับดุว่า กล่าวว่าบุรุษเช่นเขาสมควรใส่ใจศึกษาหาความรู้และความเจริญก้าวหน้า มิใช่คอยกล่าวหาคนในเรือนทั้งๆ ที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ยามนี้ออกมานอกจวนก็เชิญเหล่าคนที่เก่งกาจทั้งหลายดูแลตนเองและกันและกันให้ดีก็