LOGINสีหน้าของหลี่จือหลินพลันมืดครึ้มขึ้นมาทันที เมื่อนางกล่าวถึงเรื่องน่ากลัวที่อาจเกิดขึ้น
“อย่าได้พูดเช่นนั้น”
เป็นความผิดของเขาเอง หากครั้งนั้นเขาไม่รีบร้อนจากไปชายแดน หรืออย่างน้อยๆ ก็กระทำการอย่างระมัดระวังรอบคอบกว่าในตอนนั้นสักหน่อย หรงเอ๋อร์ของเขาคงไม่ต้องถูกผู้คนเข้าใจผิดมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้
หากนางทำเช่นนั้นจริง... แค่คิดหลี่จือหลินก็จิตใจร้อนรุ่มไปหมด
เซียงหรงไม่ได้ใส่ใจท่าทีนั้น “ข้าก็ไม่ได้อยากจะพูดให้ท่านไม่สบายใจ เพียงแต่อยากบอกว่าเรื่องชื่อเสียงอะไรนั่น ไม่ใช่สิ่งที่ข้าให้ความสำคัญเลยแม้แต่นิดเดียวต่างหาก” นางยิ้มแย้มอ่อนหวาน กิริยาอาการดูสงบและผ่อนคลาย ทว่าในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างที่สุด
ไม่รู้หรอกว่าคนอื่นๆ ที่ถูกตราหน้าว่าถูกพรากพรหมจรรย์ตั้งแต่ยังเยาว์จะรู้สึกย่ำแย่เพียงใด สำหรับนาง ชื่อเสียงเสียหายนั่นกลับเป็นเกราะกำบังชั้นดี ช่วยปกป้องไม่ให้ผู้คนที่นางไม่ประสงค์ให้เข้าใกล้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับนาง ชีวิตในเรือนหลังในแต่ละวันช่างสงบสุขเป็นอย่างยิ่ง
เฮ้อ...คิดแล้วก็เสียดายหน่อยๆ ที่ต้องเสียเกราะกำบังนี้ไป
ดูเอาเถิด พอพิสูจน์ความบริสุทธิ์แล้วก็มีแต่เรื่องวุ่นวายตามมาไม่หยุดจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็คนตรงหน้านางคนนี้ผู้หนึ่งล่ะ!
คนบ้าอะไร ออกรบติดพันอยู่ที่ชายแดนตั้งแต่ยังอายุได้ไม่เท่าไหร่ ผ่านมาหลายปีเพิ่งจะได้กลับตำหนักในเมืองหลวง กลับไม่กตัญญูดูแลปรนนิบัติมารดา ไม่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ไม่จัดงานเลี้ยงหรือเข้าร่วมงานรื่นเริงสังสรรค์ ไม่หาความสงบ ไม่หาความสำราญ แต่ละวันกลับเอาแต่สรรหาวิธีการมากวนใจนางไม่หยุดหย่อน...หึ!
แม้จะได้รู้แล้วว่ามุมมองเรื่อง ‘ชื่อเสียง’ ของ ‘ว่าที่ภรรยา’ หนักแน่นเพียงใด หลี่จือหลินยังคงยิ้มราวกับได้ยินถ้อยคำออดอ้อนอ่อนหวาน
"ทำไมเล่า” หลี่จือหลินเลิกคิ้วถาม นัยน์ตาฉายแววขบขัน “หรือฐานะภรรยาเอกของจวิ้นหวังจ๋างจื่อจะไม่เหมาะสมกับโฉมงามยอดเมธีผู้สูงส่ง"
เฉินเซียงหรงค้อนขวับอย่างห้ามไม่อยู่
"หรงเอ๋อร์...หากเจ้าไม่แต่งกับข้า เช่นนั้นเจ้าคงต้องเตรียมรับการอภิเษกกับองค์ชายสามในเร็ววันนี้แล้วกระมัง? หวงโฮ่วทรงโปรดเจ้าถึงเพียงนั้น หากข่าวลือนี้ไปถึงพระนาง ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่น"
คำพูดนั้นทำให้เซียงหรงเย็นวาบไปทั้งศีรษะ นางจ้องมองหลี่จือหลิน ราวกับเห็นจอมมารมาอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเบะออกเล็กน้อยอย่างทั้งหงุดหงิดและไม่มั่นใจ
"ท่านขู่ข้า!"
"พี่ชายจะกล้าขู่เจ้าหรือ" หลี่จือหลินหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอนกายพิงพนักม้านั่ง "ข้าเพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ หากเจ้าคิดว่าการแต่งกับองค์ชายสามผู้สูงศักดิ์ที่เกิดจากหวงโฮ่วดีกว่า เช่นนั้นก็จงลองดู ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า"
เซียงหรงกำหมัดแน่น ตาหงส์คู่งามตวัดมองคนน่าหงุดหงิดอย่างไม่พอใจ "แล้วหากข้าปฏิเสธทั้งสองทางเล่า?"
"เช่นนั้นเจ้าคงต้องหนีไปบวชชี" หลี่จือหลินกล่าวหน้าตาย ราวกับอ่านใจนางออก "แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะทำได้จริง? ด้วยความงดงามของคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกง ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นอารามในป่าลึก คงยังมีผู้ตามไปถวายอาหารหรือเครื่องบูชาอื่นๆ ถึงที่แทบทุกวัน" เขาหยุดคิดเล็กน้อย “ไม่ถูก...ต้องกล่าวว่า ‘ไม่เว้นวัน’ ต่างหาก”
เซียงหรงกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้านางแดงเรื่อด้วยความขุ่นเคือง ที่ขุ่นเคืองที่สุด คือเรื่องที่ยามนี้เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดในใต้หล้าไม่รู้จักนาง
หลี่จือหลินกล่าวได้ถูกต้องทุกคำ
ยุ่งยาก ยุ่งยากที่สุด!
นี่แหละนางถึงได้สบายใจนัก ตอนที่แขวนป้ายชื่อสตรีแปดเปื้อนราคีถูกพรากพรหมจรรย์อะไรนั่น ดูตอนนี้สิ มีอะไรดีกัน!
"เช่นนั้น...ข้าจะยอมรับการหมั้นหมายนี้เพียงชั่วคราว" นางกล่าวเสียงแข็ง "แต่อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยให้ท่านได้ใจ!"
หลี่จือหลินกลั้นยิ้มพึงพอใจ หัวใจน้อยๆ ในช่องอกพองโตจนคับแน่นราวกับชนะศึกสำคัญในสนามรบ "ข้าย่อมไม่กล้าหวังถึงเพียงนั้น...สำหรับข้าแล้ว ขอเพียงหรงเอ๋อร์ของข้าสุขกายสบายใจ ข้าก็สุขใจแล้ว"
ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย
“ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล
หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั
“หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ
ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั
หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ







