공유

ทวงเงิน

last update 최신 업데이트: 2025-12-12 21:03:03

นับตั้งแต่แต่งงานเข้ามาในตระกูลจางจิ่นฟานอวี้นอกจากต้องจ่ายเงินคนในตระกูลแล้วยังต้องตามแก้ปัญหาของจางลี่อิงจนแทบไม่มีสมาธิอ่านหนังสือคัดอักษร แต่เขาก็อดทนอดกลั้นไม่พูดไม่จา

นางทั้งเห็นแก่ตัวกับเขาทั้งออกไปมีเรื่องกับคนอื่นทุกวันทั้งโดนรังแกมา ทั้งไปรังแกผู้อื่นตามกลุ่มอันธพาล สุดท้ายก็ถูกกลั่นแกล้งมีบาดแผลบ่อยๆ กิริยาหยาบคายไม่สนใจครอบครัว ขี้เกียจอาบน้ำ ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง อย่างที่บอกว่าทำได้เพียงผ่าฝืนและหาบน้ำที่ไม่ค่อยสำเร็จ

นางไม่ได้ชอบเขามาตั้งแต่แรกเห็นแล้วเพราะเขาขี้โรคผอมแห้งดูเหมือนผีในสายตาของนาง ช่วงหลังได้เจอกับพ่อค้าขายผ้ากลับทำให้หลงใหลในความหน้าตาดี คอยวิ่งตามเกวียนขายผ้าทุกครั้งที่เข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องคอยลากกลับบ้าน พอไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายตีตัวเองหยิกเนื้อจนได้แผลบ่อยครั้ง เพื่อนบ้านต่างเอือมระอาแทนจิ่นฟานอวี้กับพฤติกรรมที่น่าอับอายของนาง

แต่เพราะจิ่นฟานอวี้ชอบช่วยเหลือเอื้อเฟื้อชาวบ้านพวกเขาจึงยังทำดีกับครอบครัวนางมาตลอด ครั้งนี้ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ นางดูสงบเสงี่ยมรู้จักทำมาหากินเอาใจใส่สามี คนในหมู่บ้านที่เคยซุบซิบนินทาต่างแปลกใจเมื่อเห็นนางยิ้มร่าเริงทักทายเพื่อนบ้านยามผ่านทาง

จางลี่อิงทำอาหารเสร็จก็เตรียมต้มน้ำให้เขาทำน้ำอุ่นให้อาบหาข้าวให้กินโดยวันนี้ผัดไข่ใส่ผักกาดขาวและหมูทอด

"ข้าเย็บผ้านวมเสร็จแล้วเราจะได้มีผ้าห่มหนาๆ ให้ได้ห่มอุ่นเสียที คราวหน้าข้าจะซื้อผ้ามาเย็บอีกเผื่ออากาศหนาวขึ้นจะได้มีผ้าห่มหลายชั้น"

นางบอกเขาระหว่างนั่งกินข้าวด้วยกัน

"เจ้าควรเก็บเงินไว้ให้ตัวเองบ้าง"

จิ่นฟานอวี้ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวหรือละโมบเขาไม่อยากเห็นนางลำบากในภายหน้า ในใจของเขาคิดมาตลอดว่าวันหนึ่งจะหย่ากับนางและไปจากที่นี่หากนางเอาตัวรอดได้ ในเมื่อทั้งสองไม่ได้รักกันก็ควรปล่อยให้มีอิสระดีกว่า เขาคิดว่าหากสอบบัณฑิตได้จะให้เงินนางไปตั้งตัวก้อนหนึ่งแล้วปล่อยไปกับคนที่รัก ได้อยู่ครองคู่กันและนางจะได้สุขสบายขึ้น ยิ่งตอนนี้นางหาเงินได้และสติดีแล้วก็ยิ่งไม่น่าห่วง เขาเพียงรักษาตัวเองให้แข็งแรงขึ้นหลังจากนั้นคงไปตามทางของตัวเอง

จิ่นฟานอวี้จึงมีแต่ความเย็นชาเพราะเขาไม่ได้รู้สึกพิเศษกับนางและเชื่อว่านางก็คงเป็นเช่นเดียวกัน จางลี่อิงในเวลานี้คิดเพียงว่าต้องรักษาสามีให้หายป่วยและสอบเป็นบัณฑิตส่งเขาจนถึงฝั่งฝันนางก็ไม่คิดผูกติดกับเขา ท่าทีเฉยเมยบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้มีใจก็ไม่จะคิดรั้งเอาไว้ วันหนึ่งก็จะย้ายที่อยู่แล้วหาเงินไปตั้งตัวค้าขายเปิดร้านสักอย่างและใช้ชีวิตโสดไปเรื่อยๆ

ในชาติก่อนนางก็เป็นสาวโสดกำพร้าพ่อแม่เช่นเดียวกัน เคยชินกับความโดดเดี่ยวมาตลอดพึ่งตัวเองได้จึงไม่หวังให้ใครมาดูแลถึงชีวิตจะเงียบเหงาไปบ้างแต่ก็สงบดี โชคดีชาตินี้มีสามีไม่พูดมากพวกเขาจึงอยู่ด้วยกันได้

ทั้งคู่ต่างมีความในใจที่เก็บซ่อนไว้ข้างในไม่เปิดเผยต่อกัน ช่องว่างระหว่างสามีภรรยายังกว้างเกินกว่าจะชิดใกล้ พวกเขายังรักษาระยะห่างระหว่างความสัมพันธ์เอาไว้ได้เสมอต้นเสมอปลายไม่ล่วงเกินกัน คนภายนอกมองว่าเขาเป็นคู่สามีภรรยาแต่ในใจของทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าพวกเขาก็แค่คนแปลกหน้าที่ร่วมชายคาเดียวกันและทำตามหน้าที่เท่านั้น จางลี่อิงขอผิงไฟกับจิ่นฟานอวี้เช่นเคยเมื่อถึงเวลานางก็แยกตัวกลับห้องเหมือนทุกวัน

รุ่งเช้านางกวาดลานบ้านเงียบๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูแรงๆ ถี่ๆ เหมือนร้อนรนคิดว่าเกิดเรื่องจึงถือไม้กวาดวิ่งออกไปดู

"ฟานอวี้ ฟานอวี้ เดือนนี้ข้ามาแล้วเตรียมเงินไว้หรือยัง"

ท่าย่าเหลียวของนางมากับป้าสะใภ้รองคือแม่นางจิน ทั้งสองพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับท่านย่าถามเรื่องเงิน

"เงินอะไรท่านย่า"

นางขมวดคิ้วสงสัยไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านย่าของนางมารีดไถเงินจากจิ่นฟานอวี้ทุกเดือน เพราะนางมัวแต่สนใจและตกอยู่ในโลกแห่งความฝันของตัวเอง หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นไม่ค่อยอยู่บ้านออกไปเตร็ดเตร่เล่นข้างนอกเป็นประจำ ท่านย่านเหลียวและป้าสะใภ้รองปรายตามองนางเพียงปราดเดียวแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจคนไร้ประโยชน์หาสาระไม่ได้ มองเลยผ่านเหมือนอากาศธาตุที่ไร้ตัวตนมุ่งหน้าไปทางห้องของจิ่นฟานอวี้เสียยังจะดีกว่า เสียงคุ้นเคยดังมากพอที่จะได้ยินไปถึงห้องเขาจึงเดินออกมาดู

"ฟานอวี้เตรียมเงินไว้แล้วใช่หรือไม่"

ย่าเหลียวยิ้มแย้มราวกับพบเจอหลานรัก

"ท่านย่าเดือนนี้ข้าป่วยทำงานล่าช้าก็เลยยังไม่มีให้ท่าน"

จิ่นฟานอวี้ทำหน้าเรียบเฉยจางลี่อิงจึงถามขึ้นอีกครั้ง

"เงินอะไรท่านย่า"

นางเสียงดังมากพอที่ทำให้ทั้งสามหันมาสนใจ จางลี่อิงไม่เคยสงสัยสิ่งใดมักหัวอ่อนสั่งได้ไม่เคยบิดพลิ้วไยวันนี้จึงเสียงแข็งใส่ญาติผู้ใหญ่ของตนเอง

"เจ้าไม่เกี่ยว"

ป้าสะใภ้รองออกตัวแทนแม่สามี

"ข้าต้องเกี่ยว พวกท่านมาถามหาเงินจากสามีข้า เขาติดค้างเรื่องใดกัน"

นางนึกทบทวนชั่วครู่ก็นึกออกว่าผู้ใหญ่ทั้งสองมาด้วยจุดประสงค์เรื่องใด ย่าเหลียวและป้าสะใภ้รองเพ่งมองนาง นี่นางคนนี้หายบ้าแล้วหรือถึงคิดต่อปากต่อคำ

"ข้าต้องเอาทุกเดือนเจ้ามันคนบ้าจะไปรู้เรื่องอะไร"

นิสัยของย่าเหลียวขึ้นชื่อเรื่องความหน้าเลือดปากร้ายจนคนในหมู่บ้านขยาดไม่อยากเสวนากับนาง พวกเขาอยากอยู่สงบไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว คนไหนกล้ามีเรื่องกับย่าเหลียวชีวิตของพวกเขาไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป

"ข้าขอเวลาอีกหน่อยส่งงานแล้วจะเอาไปให้ท่านที่บ้าน"

จิ่นฟานอวี้ต่อรองเขาขอเวลาส่งงานก่อนไม่อยากมีเรื่องกับผู้เฒ่าบ้านนี้เช่นเดียวกันเพราะตระกูลจางถือว่ามีบุญคุณช่วยชีวิตเอาไว้และเพื่อรักษาชื่อเสียงในการเป็นขุนนางในอนาคต อย่างไรเขาก็เป็นบัณฑิตมีคนนับหน้าถือตามาก เอะอะโวยวายกับคนบ้านนอกแล้วยังเป็นผู้มีพระคุณคงไม่ดีนัก

"ไม่ต้องให้พอได้แล้ว ท่านย่าก็รู้ว่าฐานะของเราเป็นอย่างไรจะมาขูดเลือดขูดเนื้อลูกหลานไม่เท่ากับซ้ำเติมกันหรือ"

จางลี่อิงทนไม่ไหวด่ากลับอาวุโสทั้งสอง ย่าเหลียวได้ยินดังนั้นก็เดือดดาลขึ้นมาทันใดยกมือชี้หน้าถลึงตาตวาดใส่นาง

"นังหลานอกตัญญูเจ้ากล้าต่อว่าย่าอย่างข้า เจ้าเนรคุณ ข้าเลี้ยงมาจนโตแต่งงานออกเรือนแล้วปีกกล้าขาแข็งมาขึ้นเสียงกับข้ารึ"

เสียงของย่าเหลียวดังขึ้นๆ เหมือนจงใจให้ชาวบ้านได้ยินจะได้สร้างความอับอายให้จางลี่อิงได้สำนึก นางไม่อายใครด่าต่อไปไม่ยั้งชาวบ้านที่ผ่านไปมาตื่นตระหนกเดินเข้ามามุงดูเหตุการณ์บ้านของจางลี่อิง บ้างอยากรู้เพราะความสนุกบ้างก็เป็นห่วงสองภรรยาหนุ่มสาวเกรงว่าจะถูกรังแกอีก

"เจ้าคงหายบ้าแล้วสินะถึงกล้าแสดงความอกตัญญูต่อข้า พวกเจ้าดูสิลูกหลานด่าย่าแท้ๆ มีที่ไหน คนไม่ดีอย่างนี้ข้าควรไล่ออกจากหมู่บ้านไปเสียก็จะดี"

ย่าเหลียวโมโหจนพูดผิดพูดถูกนึกไม่ถึงกับคำพูดของผู้เป็นหลาน

หลิวซานซานมามุงดูย่าหลานด่ากันก็นึกสะใจยิ้มออกมาพอใจอย่างยิ่งที่จางลี่อิงโดนด่าไม่มีชิ้นดี

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   ส่วนแบ่ง

    เกวียนมาถึงสำนักศึกษาโดยจิ่นฟานอวี้ลงเพียงคนเดียวคนที่เหลือออกเดินทางไปที่อื่นต่อ จางลี่อิงโบกมือร่ำลาทำเอาคนบนเกวียนอมยิ้มไม่หุบเพราะเห็นสีหน้าตกตะลึงของบัณฑิตหนุ่มเมื่อรถเทียมเกวียนจากไปแล้วเขาจึงเดินเข้าสำนักศึกษา ได้ยินเสียงบางอย่างจึงล้วงในย่ามพบหมั่นโถวกับเงินหนึ่งถุงที่จางลี่อิงใส่เอาไว้ให้ติดตัว เขาหยุดเดินยืนนิ่งงันอยู่ครู่เดียวก็เดินเข้าสำนักศึกษาไปจางลี่อิงเอาของป่าตากแห้งมาขายเช่นเคยนางเริ่มมีลูกค้าประจำที่มารอซื้อสามสี่คน นอกจากนั้นพวกเขายังชวนเพื่อนมาอุดหนุนหรือซื้อไปฝากญาติๆ ของป่าของนางขายดีกว่าเจ้าอื่นเพราะความอัธยาศัยดียิ้มแย้มและขายไม่แพง บางครั้งก็แถมให้หากคนใดซื้อเยอะ เมื่อขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็วนางก็สะพายตะกร้าเดินออกจากตลาดอย่างเร่งรีบจิ่นฟานอวี้เลิกเรียนในตอนบ่ายเขาเดินออกมาที่ด้านหน้าพบหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกก้มหน้าเขี่ยเท้าเล่นไปมา บุคลิกของนางกลับดูน่ามองไม่เบื่อในตอนนี้แยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยเป็นหญิงสติไม่ดีมาก่อน"เจ้ามาที่นี่ทำไม"เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย"ข้ามารอรับเจ้ากลับบ้านพร้อมกัน"จางลี่อิงยิ้มออกมารอยยิ้มของนางดูสดใสกว่าทุกวัน นางไม่เคยยิ้มให้เข

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   ดีกันแล้วหรือ

    "ขอโทษที่ข้ามาช้า นั่นเจ้าทำอะไรหรือ"นางวางตะกร้าลงได้กลิ่นอาหารลอยมาตั้งแต่หน้าบ้านรีบวิ่งปรู้ดเข้าไปดูในครัวเขายืนมือไพล่หลังอยู่ใกล้ๆ บอกนางจะได้ไม่ต้องรีบร้อนเพราะเขา"ไม่เป็นไรเจ้ากลับมาเหนื่อยๆ จะได้กินเลย ข้าตุ๋นเห็ดตากแห้งกับทำหมั่นโถวเอาไว้"เขายิ้มน้อยๆ ให้นางรอยยิ้มดูเป็นมิตรดีแต่ก็ยังแฝงไว้ซึ่งความเย็นชาเหมือนเดิม จบคำพูดเขาก็ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก"เสร็จหรือยัง มาข้าช่วย"นางกุลีกุจอช่วยตักออกจากหม้อสำหรับสองที่ ยกชามเห็ดตุ๋นร้อนๆ กับหมั่นโถวมาวางบนโต๊ะ เขาทำเอาไว้ทั้งหมดหกลูกสำหรับกินหลายวัน"หมั่นโถวนี่กินได้กี่วัน"นางสงสัยเพราะมีอาหารหลายอย่างให้เลือกวัตถุดิบในบ้านก็ไม่ขาดแคลนแล้ว"ข้ากินมื้อละหนึ่งลูก นอกนั้นเอาไว้ให้เจ้าพกติดตัวยามหิวตอนขึ้นเขาและไปตลาด"เขาทำเผื่อนางไว้กินแก้หิวกลางทาง จางลี่อิงกล่าวขอบคุณเขา พลันใบหน้าซีดเซียวก็แดงเรื่อขึ้นมาไม่มีสาเหตุ กินข้าวเสร็จเก็บครัวเรียบร้อยนางก็เอาของไปเก็บทำความงานบ้านเสร็จหมดทุกอย่างนางนึกขึ้นได้ไปหยิบถุงเงินมาไว้กับตัว ช่วงค่ำนางเข้าไปในห้องของจิ่นฟานอวี้ขอรบกวนเวลาเขาสักครู่ มือผอมบางล้วงถุงเงินออกมานับยื่นให้เขาห้าสิบตำ

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   รับรางวัล

    "ใช่แล้วข้าจะเอาไว้กินแล้วก็เอาไว้ขายด้วย"นางยิ้มร่าเริงมือผอมบางเขี่ยเมล็ดผักที่แช่น้ำในกระป๋องไปมา จิ่นฟานอวี้เห็นดังนั้นก็ขอมาหนึ่งกระป๋องถกแขนเสื้อเตรียมลงมือ"ข้าช่วยปลูก"เขาบอกกับนางพลางเดินไปอีกแปลง"แต่ว่าเจ้าต้องอ่านหนังสือ"นางเกรงใจเขาอยากให้ใช้เวลานี้ตักตวงความรู้ให้เต็มที่เตรียมความพร้อมสำหรับการสอบส่วนงานสวนนี้นางจะจัดการเอง"ไม่เป็นไรข้าอยากช่วย"เขาเอ่ยขึ้นสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดแล้วลงมือปลูกผัก นางเห็นเขาอยากช่วยก็ไม่อยากพูดพร่ำเพรื่อลงมือปลูกอีกแปลงแปลงผักสิบแปลงมีผักอยู่หกชนิด จางลี่อิงและจิ่นฟานอวี้ปลูกผักเสร็จเขาก็ล้างมือกลับเข้าห้องอ่านหนังสือต่อ ส่วนนางก็รดน้ำจนเสร็จเอาหญ้าแห้งที่เก็บมาด้วยคลุมแล้วปิดรั้วเอาไว้จางลี่อิงเตรียมตัวเอาเห็ดตากแห้งไปขายที่ตลาด เช้าวันรุ่งขึ้นนางรีบไปแต่เช้าก่อนตลาดจะวาย เส้นทางลัดหากอยากไปให้ถึงเร็วขึ้นจะมีซอกซอยเล็กแคบอยู่เส้นหนึ่งแต่ผู้คนไม่สัญจรเพราะค่อนข้างเสี่ยงอันตราย มักมีขอทานหรือโจรและพวกอันธพาลหนีการจับกุมของมือปราบมาซ่อนตัวดักปล้นคนผ่านไปผ่านมาบ่อยๆแต่ก็เป็นเส้นทางเดียวที่ช่วยย่นระยะเวลาไปถึงตลาดได้เร็วขึ้น นางเดินไปถ

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   แก้ปัญหาในแบบของข้า

    "ท่านเลี้ยงข้ามาอย่างไรก็รู้อยู่แก่ใจ ตอนแต่งงานก็ไม่ได้มีเงินขวัญถุงมาให้ตั้งตัว สามีที่ท่านยัดเยียดให้ข้า บีบบังคับจิตใจเขามาแล้วไล่เราออกจากตระกูลแยกบ้านให้ ก็รู้ๆ อยู่ว่าเขาป่วยกำพร้าพ่อแม่ไม่มีเงินให้ แต่พวกท่านก็ยอมรับแล้วนี่ว่าเขายากจนแล้วจะรีดไถกันได้ ไม่เรียกว่าอำมหิตจะให้เรียกว่าอย่างไร"นางร่ายยาวเท้าความหลังเวลานี้ย่าเหลียวไม่อายนางก็ไม่อายเช่นกัน ผู้คนที่มุงดูต่างส่งเสียงฮือฮา ถึงบางคนจะรู้เรื่องของนางแต่เรื่องแต่งงานพวกเขาเพิ่งรู้ความจริงว่านางถูกบีบออกจากตระกูลโดยการแต่งงาน"บ้านกับที่ดินข้าก็ยกให้แล้วเจ้ายังเนรคุณด่าข้าอีก น่าน้อยใจนัก" ย่าเหลียวเล่นบทบาทตัดพ้อเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ตีสีหน้าเศร้าสร้อยป้าสะใภ้รองกระตุกแขนของย่าเหลียวมองดูสายตาคนในหมู่บ้านนางก็รู้สึกหวาดหวั่นแต่ย่าเหลียวไม่สนใจยังหมายมั่นเอาชนะต่อไป"มันคือส่วนของพ่อแม่ข้าต่างหากที่จริงท่านควรแบ่งให้มากกว่านี้ แต่ตระกูลจางก็เจียดมาให้ข้าเท่านี้คิดบ้างหรือไม่ หากท่านตายไปจะบอกท่านปู่ว่าอย่างไรทำเช่นนี้ไม่ถือว่าลำเอียงกับข้าหรอกรึ เทียบกับลูกหลานคนอื่นนับว่าท่านใจดำกับข้าที่สุด"จางลี่อิงไม่ยอมแพ้วันนี้ขาด

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   ทวงเงิน

    นับตั้งแต่แต่งงานเข้ามาในตระกูลจางจิ่นฟานอวี้นอกจากต้องจ่ายเงินคนในตระกูลแล้วยังต้องตามแก้ปัญหาของจางลี่อิงจนแทบไม่มีสมาธิอ่านหนังสือคัดอักษร แต่เขาก็อดทนอดกลั้นไม่พูดไม่จานางทั้งเห็นแก่ตัวกับเขาทั้งออกไปมีเรื่องกับคนอื่นทุกวันทั้งโดนรังแกมา ทั้งไปรังแกผู้อื่นตามกลุ่มอันธพาล สุดท้ายก็ถูกกลั่นแกล้งมีบาดแผลบ่อยๆ กิริยาหยาบคายไม่สนใจครอบครัว ขี้เกียจอาบน้ำ ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง อย่างที่บอกว่าทำได้เพียงผ่าฝืนและหาบน้ำที่ไม่ค่อยสำเร็จนางไม่ได้ชอบเขามาตั้งแต่แรกเห็นแล้วเพราะเขาขี้โรคผอมแห้งดูเหมือนผีในสายตาของนาง ช่วงหลังได้เจอกับพ่อค้าขายผ้ากลับทำให้หลงใหลในความหน้าตาดี คอยวิ่งตามเกวียนขายผ้าทุกครั้งที่เข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องคอยลากกลับบ้าน พอไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายตีตัวเองหยิกเนื้อจนได้แผลบ่อยครั้ง เพื่อนบ้านต่างเอือมระอาแทนจิ่นฟานอวี้กับพฤติกรรมที่น่าอับอายของนางแต่เพราะจิ่นฟานอวี้ชอบช่วยเหลือเอื้อเฟื้อชาวบ้านพวกเขาจึงยังทำดีกับครอบครัวนางมาตลอด ครั้งนี้ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ นางดูสงบเสงี่ยมรู้จักทำมาหากินเอาใจใส่สามี คนในหมู่บ้านที่เคยซุบซิบนินทาต่างแปลกใจเมื่อเห็นนางยิ้มร่าเร

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   หาเงินซื้อยา

    นางมาถึงตอนยังไม่สายมากนักตลาดยังไม่วายจึงวางของลงขาย มีคนเดินผ่านไปผ่านมาต่างมองดูตะกร้าของนาง บ้างก็อยากแวะชม บ้างก็เดินเข้ามาเลือกดู ของป่ามีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเพียงแต่ไม่ค่อยมีคนนำมาขาย พวกเขาเข้ามามุงดูสินค้าของนางอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาดระยะ"นั่นดอกอะไร"หญิงวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อเห็นเห็ดหน้าตาแปลกประหลาด"เห็ดหูหนูดำจ๊ะ ใช้ทำอาหารทั้งแกงตุ๋นและผัดกินได้แต่ห้ามกินดิบนะ"นางอธิบายสรรพคุณให้ฟังหญิงคนนั้นขอซื้อสามกำมือ ครู่ต่อมาเมื่อมีคนเห็นก็ตามมาซื้ออีกพร้อมกับซื้อผักป่าที่นำมาด้วยจางลี่อิงเหลือไว้สามกำมือกับผักป่าอีกเล็กน้อยมุ่งหน้าไปทางร้านขายยาเพื่อให้เขาตีราคาเห็ดหลินจือให้ แม้ในยุคของนางยังเป็นของราคาแพงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาจะรู้จักหรือไม่"แม่นางจะรับยาแบบใดขอรับ"เถ้าแก่ถามนางด้วยความยิ้มแย้มบริการสุภาพแม้แม่นางน้อยคนนี้จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าซีดทว่าดูสะอาดตา"ข้ามีสิ่งนี้มาขายไม่ทราบว่าท่านจะรับหรือไม่"นางเอ่ยถามออกไปพร้อมหยิบเห็ดหลินจือขึ้นมาห้าดอกเถ้าแก่เบิกตาโตอย่างตื่นเต้นของหายากเช่นนี้นางไปหามาจากที่ใดกัน ดูๆ แล้วน่าจะเป็นเห็ดหลินจือเอาไว้ใช้ทำยา"รับสิ ข้ารับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status