공유

หาเงินซื้อยา

last update 최신 업데이트: 2025-12-11 18:04:01

นางมาถึงตอนยังไม่สายมากนักตลาดยังไม่วายจึงวางของลงขาย มีคนเดินผ่านไปผ่านมาต่างมองดูตะกร้าของนาง บ้างก็อยากแวะชม บ้างก็เดินเข้ามาเลือกดู ของป่ามีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเพียงแต่ไม่ค่อยมีคนนำมาขาย พวกเขาเข้ามามุงดูสินค้าของนางอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาดระยะ

"นั่นดอกอะไร"

หญิงวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อเห็นเห็ดหน้าตาแปลกประหลาด

"เห็ดหูหนูดำจ๊ะ ใช้ทำอาหารทั้งแกงตุ๋นและผัดกินได้แต่ห้ามกินดิบนะ"

นางอธิบายสรรพคุณให้ฟังหญิงคนนั้นขอซื้อสามกำมือ ครู่ต่อมาเมื่อมีคนเห็นก็ตามมาซื้ออีกพร้อมกับซื้อผักป่าที่นำมาด้วย

จางลี่อิงเหลือไว้สามกำมือกับผักป่าอีกเล็กน้อยมุ่งหน้าไปทางร้านขายยาเพื่อให้เขาตีราคาเห็ดหลินจือให้ แม้ในยุคของนางยังเป็นของราคาแพงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาจะรู้จักหรือไม่

"แม่นางจะรับยาแบบใดขอรับ"

เถ้าแก่ถามนางด้วยความยิ้มแย้มบริการสุภาพแม้แม่นางน้อยคนนี้จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าซีดทว่าดูสะอาดตา

"ข้ามีสิ่งนี้มาขายไม่ทราบว่าท่านจะรับหรือไม่"

นางเอ่ยถามออกไปพร้อมหยิบเห็ดหลินจือขึ้นมาห้าดอก

เถ้าแก่เบิกตาโตอย่างตื่นเต้นของหายากเช่นนี้นางไปหามาจากที่ใดกัน ดูๆ แล้วน่าจะเป็นเห็ดหลินจือเอาไว้ใช้ทำยา

"รับสิ ข้ารับไว้"

เขารีบเอ่ยขึ้นดีอกดีใจเชิญนางเข้าไปในร้าน จางลี่อิงจึงถามขึ้นจะได้ตกลงราคาที่น่าพอใจ

"ทั้งหมดนี้ราคาเท่าไหร่"

เถ้าแก่หยุดพิจารณาอยู่ชั่วครู่จึงกล่าวขึ้น

"เจ็ดสิบตำลึงเงินแต่ถ้าเอาไปขายในเมืองหลวงก็อาจจะได้ราคาสูงกว่านี้"

เขาพูดตามตรงไม่คิดเอาเปรียบนาง

"งั้นเอาตามนี้"

จางลี่อิงตกลงในราคานี้เพราะหากต้องเข้าไปในเมืองหลวงก็คงเสียเวลาเดินทางหลายวันคิดดูแล้วไม่คุ้มค่า จากนั้นนางจึงสั่งยาให้จิ่นฟานอวี้ซึ่งเป็นยาบำรุงและยาอื่นๆ ตามอาการที่เล่าให้ฟัง นางเลือกยาที่ดีที่สุดถึงแม้ราคาสูงแต่เมื่อจำเป็นก็ต้องซื้อ เมื่อได้ยาครบถ้วนตามต้องการแล้วก็เดินออกจากร้าน ไม่ลืมแวะซื้อเสื้อผ้าสี่ชุดให้เขาสองชุดของนางอีกสองชุด จากนั้นเดินเลยไปดูร้านขายปุยฝ้ายพร้อมเข็มกับด้ายที่ใช้ในการตัดเย็บ นางยังซื้อไข่ เนื้อไก่ เนื้อหมู นอกจากนั้นยังมีถั่วเหลืองเอาไว้ทำเต้าหู้พร้อมกับถั่วแดงถั่วดำถั่วเขียวครบครัน

จางลี่อิงฉุกคิดได้ว่าหากนางปลูกผักได้ก็คงประหยัดขึ้นอีก จึงเดินหาร้านขายเมล็ดผักต่างๆ หลายชนิด นางเดินวนซื้อของอยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งเสร็จธุระแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน วันนี้ใช้เงินไปแล้วสามสิบตำลึงแต่นางก็ยังเหลือเอาไว้ใช้ในครอบครัวและแบ่งเก็บรวมกันอีกสี่สิบตำลึง

เมื่อกลับมาถึงบ้านนางเข้าไปดูจิ่นฟานอวี้ เห็นเขาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวตักข้าวต้มเอาไว้สองถ้วยแต่กลับไม่ยอมกิน

"เพราะเหตุใดถึงยังไม่กินข้าว"

นางปรี่เข้าไปถามเป็นห่วงกลัวว่าอาการป่วยจะกำเริบขึ้นมาอีก

"ก็เจ้าออกไปข้างนอกข้ายังไม่หิวก็เลยรอกินพร้อมกัน"

น้ำเสียงรีบนิ่งเอ่ยเช่นเดิมไม่แฝงเร้นด้วยความรู้สึกใดๆ นอกเหนือจากนี้ นางเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วนั่งลงกินด้วยกัน

"เดี๋ยวกินเสร็จข้าต้มยาให้เจ้า ได้ยามาสิบห่อสำหรับหนึ่งเดือน"

นางเอ่ยพลางเตรียมเก็บถ้วยชาม เขาชะงักไปกับคำพูดที่ไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลในน้ำเสียงนั้น ยารักษาแพงขนาดนั้นนางเอาเงินที่ไหนไปซื้อ

"เจ้าเอายามาจากที่ใด"

เขาฉงนใจแววตาขี้สงสัยเก็บซ่อนไม่มิด

"ข้าก็เอาเห็ดไปขายพอดีไปเจอเห็ดที่ใช้ทำยาก็เลยขายได้เยอะ ซื้อของจำเป็นมาหลายอย่างมีเสื้อผ้าให้เจ้าด้วยสองชุด"

นางเล่าเรื่องราวการค้าขายให้เขาฟังแววตาเป็นประกายความอิ่มเอมใจออกมาชัดเจน จิ่นฟานอวี้ได้แต่กระพริบตาปริบๆ นิ่งฟังอย่างเหลือเชื่อ

เสร็จจากล้างชามนางจัดการก่อไฟต้มยาให้เขากิน เขาเข้าไปคัดอักษรโดยไม่นั่งพักเพราะใกล้ถึงเวลาส่งงานเข้ามาทุกที แล้วยังต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวเข้าเรียนในสำนักศึกษาเพื่อสอบต่อไป

นางต้มยาให้เขาเสร็จก็จัดการเย็บผ้าห่มผืนใหม่เพิ่ม นำผ้าผืนเก่ามาทบใส่กันเป็นผืนหนาเย็บติดกันให้ได้หนึ่งผืนปะชุนส่วนที่ขาดให้เรียบร้อย ปุยฝ้ายที่ซื้อมานางก็เอามาเย็บได้อีกหนึ่งผืนยัดไส้เข้าไปแล้วเย็บปิด เสร็จจึงทำความสะอาดห้องและหอบเสื้อผ้าไปซัก

อากาศยังคงหนาวเย็นลมหนาวปะทะผิวหน้าจนชาขึ้นสีแดงเรื่อแต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชนบทเช่นนี้หากมัวแต่ชักช้าคงได้อดตายกันพอดี

หลังจากเสร็จสิ้นงานบ้านนางก็ก่อไฟทำอาหาร วันนี้ได้ข้าวสารกับไข่มาตุนเอาไว้ได้เพิ่มอีกมาก ของพวกนี้มีราคาแพงซึ่งนางและจิ่นฟานอวี้ยังไม่เคยได้กินของดีๆ มานานแสนนานจนแทบจะลืมรสชาติของมันไปแล้ว จะว่าไปครั้งสุดท้ายก่อนนางทำไข่พะโล้ล่าสุด เคยได้ลิ้มรสชาติดีๆ น่าจะเป็นตอนที่อยู่บ้านสกุลจางก่อนแยกบ้าน

นับตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิตนางก็ถูกเลี้ยงให้อดอยากกินของเหลือจากคนในตระกูลเป็นประจำ พวกเขาจะมองไม่เห็นหัวเด็กสติไม่สมประกอบเช่นนาง คิดเพียงว่าคนสติไม่ดีไม่มีความรู้ใดๆ จึงนึกจะทำอย่างไรก็ได้ มิหนำซ้ำยังใช้งานหนักเยี่ยงกรรมกรโดยอ้างว่าต้องช่วยกันทำงาน ด้วยความที่นางสติฟั่นเฟือนจึงทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนั้นทั้งขี้กลัวและหัวอ่อนเป็นที่สุด

พวกเขาทั้งควบคุมและรังแกนางได้ง่ายสั่งหันซ้ายหันขวาก็ยอมทำตามหมด มีเพียงท่านปู่ที่พอมีเมตตาต่อนางอยู่บ้างยามมีขนมหรืออาหารก็แบ่งมาให้เสมอ จนกระทั่งได้เจอจิ่นฟานอวี้บัณฑิตตกยากกำพร้าพ่อแม่มาสลบในป่าลึกขณะที่เข้าไปหาฟืนกับลุงรองจึงนำมารักษาตัว

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นแผนการของคนตระกูลจางโดยออกอุบายให้ทั้งคู่แต่งงานกันอ้างว่าชอบพอกันอยู่ท่านปู่จึงยินยอมให้ออกเรือน ยกบ้านทรุดโทรมหลังนี้พร้อมที่ดินเพียงหนึ่งหมู่เพื่อต้องการให้นางออกจากตระกูลไป

พวกเขาคิดว่านางเป็นเสนียดและตัวซวยอาจทำให้คนในตระกูลมัวหมองในภายภาคหน้า แต่ยังไม่วายรังแกครอบครัวของนางหลังแยกบ้านท่านย่าเหลียวมักมากับป้าสะใภ้รองตามมาเก็บเงินบอกว่าเป็นค่าสินสอดของจางลี่อิงจะเรียกเก็บจนกว่าจะครบห้าสิบตำลึงเงิน

จิ่นฟานอวี้ไม่อยากมีปัญหาจึงจำใจให้ไปถือว่าทดแทนบุญคุณ งานแต่งงานของทั้งคู่ก็ไม่สมบูรณ์แบบนักมีเพียงพิธีไหว้ฟ้าดินและยกน้ำชาโดยไม่มีเงินใส่ซองมาตั้งตัวแม้แต่อีแปะเดียว ถือว่ายกบ้านกับที่ดินให้แล้วก็ไม่ใส่ใจอีก ชาวบ้านต่างเล่าลือกันถึงความใจร้ายของตระกูลจางที่ทำกับลูกหลานกำพร้าได้ลงคอ เป็นความใจดำอำมหิตน่ารังเกียจแต่ไม่มีใครกล้าออกความเห็นเพราะไม่อยากมีเรื่องกับแม่นางเหลียวผู้ร้ายกาจให้อับอายเพื่อนบ้าน

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   ส่วนแบ่ง

    เกวียนมาถึงสำนักศึกษาโดยจิ่นฟานอวี้ลงเพียงคนเดียวคนที่เหลือออกเดินทางไปที่อื่นต่อ จางลี่อิงโบกมือร่ำลาทำเอาคนบนเกวียนอมยิ้มไม่หุบเพราะเห็นสีหน้าตกตะลึงของบัณฑิตหนุ่มเมื่อรถเทียมเกวียนจากไปแล้วเขาจึงเดินเข้าสำนักศึกษา ได้ยินเสียงบางอย่างจึงล้วงในย่ามพบหมั่นโถวกับเงินหนึ่งถุงที่จางลี่อิงใส่เอาไว้ให้ติดตัว เขาหยุดเดินยืนนิ่งงันอยู่ครู่เดียวก็เดินเข้าสำนักศึกษาไปจางลี่อิงเอาของป่าตากแห้งมาขายเช่นเคยนางเริ่มมีลูกค้าประจำที่มารอซื้อสามสี่คน นอกจากนั้นพวกเขายังชวนเพื่อนมาอุดหนุนหรือซื้อไปฝากญาติๆ ของป่าของนางขายดีกว่าเจ้าอื่นเพราะความอัธยาศัยดียิ้มแย้มและขายไม่แพง บางครั้งก็แถมให้หากคนใดซื้อเยอะ เมื่อขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็วนางก็สะพายตะกร้าเดินออกจากตลาดอย่างเร่งรีบจิ่นฟานอวี้เลิกเรียนในตอนบ่ายเขาเดินออกมาที่ด้านหน้าพบหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกก้มหน้าเขี่ยเท้าเล่นไปมา บุคลิกของนางกลับดูน่ามองไม่เบื่อในตอนนี้แยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยเป็นหญิงสติไม่ดีมาก่อน"เจ้ามาที่นี่ทำไม"เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย"ข้ามารอรับเจ้ากลับบ้านพร้อมกัน"จางลี่อิงยิ้มออกมารอยยิ้มของนางดูสดใสกว่าทุกวัน นางไม่เคยยิ้มให้เข

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   ดีกันแล้วหรือ

    "ขอโทษที่ข้ามาช้า นั่นเจ้าทำอะไรหรือ"นางวางตะกร้าลงได้กลิ่นอาหารลอยมาตั้งแต่หน้าบ้านรีบวิ่งปรู้ดเข้าไปดูในครัวเขายืนมือไพล่หลังอยู่ใกล้ๆ บอกนางจะได้ไม่ต้องรีบร้อนเพราะเขา"ไม่เป็นไรเจ้ากลับมาเหนื่อยๆ จะได้กินเลย ข้าตุ๋นเห็ดตากแห้งกับทำหมั่นโถวเอาไว้"เขายิ้มน้อยๆ ให้นางรอยยิ้มดูเป็นมิตรดีแต่ก็ยังแฝงไว้ซึ่งความเย็นชาเหมือนเดิม จบคำพูดเขาก็ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก"เสร็จหรือยัง มาข้าช่วย"นางกุลีกุจอช่วยตักออกจากหม้อสำหรับสองที่ ยกชามเห็ดตุ๋นร้อนๆ กับหมั่นโถวมาวางบนโต๊ะ เขาทำเอาไว้ทั้งหมดหกลูกสำหรับกินหลายวัน"หมั่นโถวนี่กินได้กี่วัน"นางสงสัยเพราะมีอาหารหลายอย่างให้เลือกวัตถุดิบในบ้านก็ไม่ขาดแคลนแล้ว"ข้ากินมื้อละหนึ่งลูก นอกนั้นเอาไว้ให้เจ้าพกติดตัวยามหิวตอนขึ้นเขาและไปตลาด"เขาทำเผื่อนางไว้กินแก้หิวกลางทาง จางลี่อิงกล่าวขอบคุณเขา พลันใบหน้าซีดเซียวก็แดงเรื่อขึ้นมาไม่มีสาเหตุ กินข้าวเสร็จเก็บครัวเรียบร้อยนางก็เอาของไปเก็บทำความงานบ้านเสร็จหมดทุกอย่างนางนึกขึ้นได้ไปหยิบถุงเงินมาไว้กับตัว ช่วงค่ำนางเข้าไปในห้องของจิ่นฟานอวี้ขอรบกวนเวลาเขาสักครู่ มือผอมบางล้วงถุงเงินออกมานับยื่นให้เขาห้าสิบตำ

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   รับรางวัล

    "ใช่แล้วข้าจะเอาไว้กินแล้วก็เอาไว้ขายด้วย"นางยิ้มร่าเริงมือผอมบางเขี่ยเมล็ดผักที่แช่น้ำในกระป๋องไปมา จิ่นฟานอวี้เห็นดังนั้นก็ขอมาหนึ่งกระป๋องถกแขนเสื้อเตรียมลงมือ"ข้าช่วยปลูก"เขาบอกกับนางพลางเดินไปอีกแปลง"แต่ว่าเจ้าต้องอ่านหนังสือ"นางเกรงใจเขาอยากให้ใช้เวลานี้ตักตวงความรู้ให้เต็มที่เตรียมความพร้อมสำหรับการสอบส่วนงานสวนนี้นางจะจัดการเอง"ไม่เป็นไรข้าอยากช่วย"เขาเอ่ยขึ้นสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดแล้วลงมือปลูกผัก นางเห็นเขาอยากช่วยก็ไม่อยากพูดพร่ำเพรื่อลงมือปลูกอีกแปลงแปลงผักสิบแปลงมีผักอยู่หกชนิด จางลี่อิงและจิ่นฟานอวี้ปลูกผักเสร็จเขาก็ล้างมือกลับเข้าห้องอ่านหนังสือต่อ ส่วนนางก็รดน้ำจนเสร็จเอาหญ้าแห้งที่เก็บมาด้วยคลุมแล้วปิดรั้วเอาไว้จางลี่อิงเตรียมตัวเอาเห็ดตากแห้งไปขายที่ตลาด เช้าวันรุ่งขึ้นนางรีบไปแต่เช้าก่อนตลาดจะวาย เส้นทางลัดหากอยากไปให้ถึงเร็วขึ้นจะมีซอกซอยเล็กแคบอยู่เส้นหนึ่งแต่ผู้คนไม่สัญจรเพราะค่อนข้างเสี่ยงอันตราย มักมีขอทานหรือโจรและพวกอันธพาลหนีการจับกุมของมือปราบมาซ่อนตัวดักปล้นคนผ่านไปผ่านมาบ่อยๆแต่ก็เป็นเส้นทางเดียวที่ช่วยย่นระยะเวลาไปถึงตลาดได้เร็วขึ้น นางเดินไปถ

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   แก้ปัญหาในแบบของข้า

    "ท่านเลี้ยงข้ามาอย่างไรก็รู้อยู่แก่ใจ ตอนแต่งงานก็ไม่ได้มีเงินขวัญถุงมาให้ตั้งตัว สามีที่ท่านยัดเยียดให้ข้า บีบบังคับจิตใจเขามาแล้วไล่เราออกจากตระกูลแยกบ้านให้ ก็รู้ๆ อยู่ว่าเขาป่วยกำพร้าพ่อแม่ไม่มีเงินให้ แต่พวกท่านก็ยอมรับแล้วนี่ว่าเขายากจนแล้วจะรีดไถกันได้ ไม่เรียกว่าอำมหิตจะให้เรียกว่าอย่างไร"นางร่ายยาวเท้าความหลังเวลานี้ย่าเหลียวไม่อายนางก็ไม่อายเช่นกัน ผู้คนที่มุงดูต่างส่งเสียงฮือฮา ถึงบางคนจะรู้เรื่องของนางแต่เรื่องแต่งงานพวกเขาเพิ่งรู้ความจริงว่านางถูกบีบออกจากตระกูลโดยการแต่งงาน"บ้านกับที่ดินข้าก็ยกให้แล้วเจ้ายังเนรคุณด่าข้าอีก น่าน้อยใจนัก" ย่าเหลียวเล่นบทบาทตัดพ้อเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ตีสีหน้าเศร้าสร้อยป้าสะใภ้รองกระตุกแขนของย่าเหลียวมองดูสายตาคนในหมู่บ้านนางก็รู้สึกหวาดหวั่นแต่ย่าเหลียวไม่สนใจยังหมายมั่นเอาชนะต่อไป"มันคือส่วนของพ่อแม่ข้าต่างหากที่จริงท่านควรแบ่งให้มากกว่านี้ แต่ตระกูลจางก็เจียดมาให้ข้าเท่านี้คิดบ้างหรือไม่ หากท่านตายไปจะบอกท่านปู่ว่าอย่างไรทำเช่นนี้ไม่ถือว่าลำเอียงกับข้าหรอกรึ เทียบกับลูกหลานคนอื่นนับว่าท่านใจดำกับข้าที่สุด"จางลี่อิงไม่ยอมแพ้วันนี้ขาด

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   ทวงเงิน

    นับตั้งแต่แต่งงานเข้ามาในตระกูลจางจิ่นฟานอวี้นอกจากต้องจ่ายเงินคนในตระกูลแล้วยังต้องตามแก้ปัญหาของจางลี่อิงจนแทบไม่มีสมาธิอ่านหนังสือคัดอักษร แต่เขาก็อดทนอดกลั้นไม่พูดไม่จานางทั้งเห็นแก่ตัวกับเขาทั้งออกไปมีเรื่องกับคนอื่นทุกวันทั้งโดนรังแกมา ทั้งไปรังแกผู้อื่นตามกลุ่มอันธพาล สุดท้ายก็ถูกกลั่นแกล้งมีบาดแผลบ่อยๆ กิริยาหยาบคายไม่สนใจครอบครัว ขี้เกียจอาบน้ำ ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง อย่างที่บอกว่าทำได้เพียงผ่าฝืนและหาบน้ำที่ไม่ค่อยสำเร็จนางไม่ได้ชอบเขามาตั้งแต่แรกเห็นแล้วเพราะเขาขี้โรคผอมแห้งดูเหมือนผีในสายตาของนาง ช่วงหลังได้เจอกับพ่อค้าขายผ้ากลับทำให้หลงใหลในความหน้าตาดี คอยวิ่งตามเกวียนขายผ้าทุกครั้งที่เข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องคอยลากกลับบ้าน พอไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายตีตัวเองหยิกเนื้อจนได้แผลบ่อยครั้ง เพื่อนบ้านต่างเอือมระอาแทนจิ่นฟานอวี้กับพฤติกรรมที่น่าอับอายของนางแต่เพราะจิ่นฟานอวี้ชอบช่วยเหลือเอื้อเฟื้อชาวบ้านพวกเขาจึงยังทำดีกับครอบครัวนางมาตลอด ครั้งนี้ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ นางดูสงบเสงี่ยมรู้จักทำมาหากินเอาใจใส่สามี คนในหมู่บ้านที่เคยซุบซิบนินทาต่างแปลกใจเมื่อเห็นนางยิ้มร่าเร

  • ภรรยาอัปลักษณ์ของบัณฑิตยากจน   หาเงินซื้อยา

    นางมาถึงตอนยังไม่สายมากนักตลาดยังไม่วายจึงวางของลงขาย มีคนเดินผ่านไปผ่านมาต่างมองดูตะกร้าของนาง บ้างก็อยากแวะชม บ้างก็เดินเข้ามาเลือกดู ของป่ามีคนต้องการซื้ออยู่แล้วเพียงแต่ไม่ค่อยมีคนนำมาขาย พวกเขาเข้ามามุงดูสินค้าของนางอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาดระยะ"นั่นดอกอะไร"หญิงวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อเห็นเห็ดหน้าตาแปลกประหลาด"เห็ดหูหนูดำจ๊ะ ใช้ทำอาหารทั้งแกงตุ๋นและผัดกินได้แต่ห้ามกินดิบนะ"นางอธิบายสรรพคุณให้ฟังหญิงคนนั้นขอซื้อสามกำมือ ครู่ต่อมาเมื่อมีคนเห็นก็ตามมาซื้ออีกพร้อมกับซื้อผักป่าที่นำมาด้วยจางลี่อิงเหลือไว้สามกำมือกับผักป่าอีกเล็กน้อยมุ่งหน้าไปทางร้านขายยาเพื่อให้เขาตีราคาเห็ดหลินจือให้ แม้ในยุคของนางยังเป็นของราคาแพงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาจะรู้จักหรือไม่"แม่นางจะรับยาแบบใดขอรับ"เถ้าแก่ถามนางด้วยความยิ้มแย้มบริการสุภาพแม้แม่นางน้อยคนนี้จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าซีดทว่าดูสะอาดตา"ข้ามีสิ่งนี้มาขายไม่ทราบว่าท่านจะรับหรือไม่"นางเอ่ยถามออกไปพร้อมหยิบเห็ดหลินจือขึ้นมาห้าดอกเถ้าแก่เบิกตาโตอย่างตื่นเต้นของหายากเช่นนี้นางไปหามาจากที่ใดกัน ดูๆ แล้วน่าจะเป็นเห็ดหลินจือเอาไว้ใช้ทำยา"รับสิ ข้ารับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status